หกพันไมล์
Location :
จันทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
 
พฤศจิกายน 2555
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
16 พฤศจิกายน 2555
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add หกพันไมล์'s blog to your web]
Links
 

 
อั ม พ ว า..ม า แ ล้ ว ก็ ห ล ง รั ก..




- 1 2 ตุ ล า ค ม 2 5 5 5 -


ออกจากจันทบุรีตั้งแต่เช้า..

พี่สาวกับน้องชายขับรถมาส่ง

จะขับมาเอง ก็ไม่กล้า เพราะไกลเกิน อีกอย่าง ชั่วโมงบินยังน้อย

ไม่อยากเอาคุณพอล มาเสี่ยงด้วย เดี๋ยวคุณเธอจะหัวใจวายซะก่อน

แค่นั่งเฉยๆ อยู่ข้างๆ เธอยังหลับตาไม่ลงตลอดทาง อิ อิ





ตัดฉับมาที่อัมพวา..อย่างไวว่อง

ในที่สุดเราก็เดินทางมาถึง "ตาทองรีสอร์ท" อย่างที่หมายมั่น

ที่พักอยู่ในสวน ต้องเดินเข้าไปตามทางเดินเล็กๆ ข้ามท้องร่อง

ได้บรรยากาศเหมือนมาเยือนบ้านเพื่อน..แบบนานๆ มาที

พี่หน่อยกับพี่น้ำ เจ้าของรีสอร์ท เป็นคนใจดี และน่ารักมาก

มาคอยรับตรงปากทางเข้า เอารถมอเตอร์ไซค์ขนกระเป๋าเดินทางเข้ามาให้

เพราะจะลากกระเป๋าเข้ามาเอง คงไม่ไหว






บ้านพักแยกเป็นหลังๆ ดูเป็นสัดส่วนดี

บรรยากาศแบบในสวน แต่อยู่ติดแม่น้ำแม่กลอง

คล้ายๆ กับหน้าบ้านติดคลอง หลังบ้านเป็นสวน ประมาณนั้น

เราได้พักบ้านหมายเลข 4

เห็นปุ๊บ ก็ชอบปั๊บเลย ชอบสีเขียวนวลตา แถมกรุกระจกบานยาว

ติดม่านผ้าฝ้ายสีเขียวอ่อน

สรุปว่าห้องสวย...เราชอบ






ห้องพักสะอาดสะอ้าน พื้นปูด้วยกระเบื้องลายไม้ สีโอ๊ค

เวลาเดินก็นุ่มเท้า ให้สัมผัสเหมือนไม้จริง

มองผ่านหน้าต่างกระจกออกไป จะเห็นแต่สีเขียวๆ ของต้นไม้ ใบไม้

เงียบสงบดี






ที่โต๊ะหัวเตียง นอกจากจะมีแจกันดอกไม้วางไว้แล้ว ยังมีพวงมาลัยพวงเล็กๆ วางไว้ด้วย

ทีแรกเห็น ก็นึกว่าเอาไว้ให้ไปไหว้ศาลพระภูมิ ที่อยู่ข้างๆ หรือเปล่าเนี่ย

ก่อนมาพักที่นี่ ก็ search ข้อมูลมาจาก pantip

รู้ว่าห้องเบอร์สี่ เนี่ยอยู่ใกล้ๆ ศาลพระภูมินะ

แล้วคนที่รีวิว เขาบอกว่า เขาพักห้องนี้แล้วถูกหวย

เราก็ไม่คิดหรอกว่า จะได้พักหลังนี้

เจอแจ็คพ็อตพอดี 55555








คุณพอลเธอบอกว่าชอบบรรยากาศแบบนี้มาก

เพราะเงียบ สงบ ได้อยู่ในสวนและใกล้แม่น้ำ เดินไม่กี่ก้าวก็สวัสดีแม่กลองได้แล้ว

ที่สำคัญ คือแขกไม่พลุกพล่าน เพราะมีห้องพักแค่ 6 ห้อง

จึงรู้สึกเป็นส่วนตัวมากๆ






- บ ร ร ย า ก า ศ ห น้ า ห้ อ ง พั ก -

ที่เห็นน้ำปริ่มๆ นั้น เพราะว่าเป็นช่วงเวลาน้ำขึ้นพอดี

น้ำจากแม่น้ำแม่กลองนั่นหละ ไหลเข้ามาตามสวน ตามท้องร่อง

เห็นแล้วนึกถึงบรรยากาศในหนังสือ"เด็กบ้านสวน" ของ พ.เนตรรังษี

ส่วนใหญ่แถวนี้ ก็จะเป็นสวนส้มโอ สวนลิ้นจี่ ซึ่งเป็นผลไม้ขึ้นชื่อของอัมพวา






ทางเดินเชื่อมระหว่างบ้านพักแต่ละหลัง ปลายสุดติดกับแม่น้ำแม่กลอง

ซึ่งเป็นที่สำหรับทานอาหารเช้าของที่นี่

ดูร่มรื่น และเย็นสบายมาก







ตรงประตูทางเข้า น้ำขึ้นท่วมทางเดินพอดีเลย

อันนี้ไม่เป็นอุปสรรค ถ้าอยากจะเดินลุยน้ำ ก็แค่ช่วงสั้นนิดเดียว

ตอนจะออกมาเที่ยวตลาด เราเลยเดินลุยน้ำออกมา

ส่วนคุณพอลนั้น พี่หน่อยให้ซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ออกมาส่ง

แต่ตามปกติ แค่ชั่วโมงเดียวน้ำก็ลดหมดแล้ว





มาเที่ยวตลาดน้ำกันเลยดีกว่า..

เดินออกมาพักเดียว ก็ถึงตลาดน้ำอัมพวา

วันที่เรามาถึง เป็นวันศุกร์ คนก็เลยยังไม่เยอะมาก

เดินได้สบายๆ ไม่เบียดแน่นจนเกินไป

เห็นเรือพ่อค้า แม่ค้าที่ขายอาหารอยู่ในคลองแล้ว หิวขึ้นมาทันใดเลยเรา

มีทั้งปลาหมึกย่าง กุ้งเผา หอยย่าง ส้มตำ ก๋วยจั๊บ..โอย มากมาย

แล้วราคาก็ไม่ได้แพงอย่างที่คิด

อาหารตามสั่ง อย่างข้าวกะเพรา ก๋วยเตี๋ยว ส้มตำ ราคามาตรฐาน 25 - 30 บาท

แต่ถ้าอาหารทะเลก็ตามขนาด และน้ำหนัก ซึ่งไม่ได้ต่างจากบ้านเรา

คุณพอลเอง ยังแปลกใจ ว่าอาหารราคาถูกมาก ทั้งที่ขายให้นักท่องเที่ยว






ขนมปั้นสิบ..สามกล่องร้อย แพ็ครวมในถุงเดียวกัน น่าซื้อเป็นของฝาก

แค่เดินเลาะไปเรื่อยๆ ชมบ้านเรือนสมัยโบราณริมน้ำ ก็คุ้มแล้ว

บางทีก็เป็นห้องแถว แต่ละห้องก็ดัดแปลงเป็นร้านค้า

ทำของขายให้นักท่องเที่ยวกันเต็มที่

มีทั้งขนมไทยโบราณ ไอศกรีมโฮมเมด น้ำผลไม้แบบไทยๆ

ที่มีมากหน่อยคือร้านขายเสื้อผ้าที่ระลึก สกรีนคำว่า"อัมพวา" เป็นหลัก

เราเองยังซื้อมาซะสามตัว ตัวละร้อย กับร้อยยี่สิบ






วันแรกก็เริ่มลองของกันละ..

เริ่มด้วยข้าวหลามกระบอกเล็กๆ กระบอกละ 20 บาท อร่อยดี

คุณพอลเธอชอบกิน

เมื่อสองปีก่อนตอนบินกลับ ยังซื้อข้าวหลามแพ็คใส่กระเป๋าขึ้นเครื่องไปตั้ง 3 กระบอก

ปีนี้ไม่รู้ยังอยากได้อีกไหม 55555





มองลงไปในเรือทีไร...ใจจะละลายทุกที

นี่ถ้ามากับเพื่อน จะนั่งโซ้ยกันริมตลิ่งเหมือนที่คนอื่นเขาทำกันนั่นแหละ

ท่าทางน่าอร่อยชะมัด

เอาไว้ถ้ามีโอกาสมาอีก จะไม่ให้พลาดเลย คอยดู





เดินไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็เจอสะพาน

ท่าเรือก็มีไม่รู้กี่สิบแห่ง...ได้ยินแต่เสียงกรอกหูเรียกลูกค้า

ให้ซื้อตั๋วสำหรับนั่งเรือไปไหว้พระ 9 วัด

กับอีกอย่างก็คือ ซื้อตั๋วนั่งเรือชมหิ่งห้อยคืนนี้

เราว่า เสียงเรือหางยาวที่แล่นในคลองน่ะ ทำลายบรรยากาศของอัมพวาไปเยอะเลย

ถ้าเป็นเรือแจว แจวไปเรื่อยๆ เนิบๆ ไม่ต้องมีเสียงเครื่องยนต์ให้แสบหู

คงได้บรรยากาศสุดๆ ไปเลย

แต่ก็นั่นแหละนะ..ถ้ามัวแต่พายเรือ แจวเรือ คงไม่ทันกิน

นักท่องเที่ยวก็คงไม่มีเวลามากขนาดนั้น

ทุกอย่างมันต้องแข่งกับเวลา

....................................

สรุปว่าวันนี้เดินเที่ยวอัมพวา ทั้งฝั่งซ้าย ฝั่งขวา

เดินจนขาแทบเดี้ยง

สมใจกับที่อยากมาตั้งนานแล้ว

ชอบจริงๆ เลย..อัมพวา

เดี๋ยวพรุ่งนี้ เจอกันอีกนะ










Create Date : 16 พฤศจิกายน 2555
Last Update : 16 พฤศจิกายน 2555 19:33:25 น. 6 comments
Counter : 4083 Pageviews.

 
He is still a handsome man (hahaha)


โดย: Mr Paul IP: 80.189.243.9 วันที่: 27 พฤศจิกายน 2555 เวลา:1:49:24 น.  

 
เห็นภาพรีสอร์ท แล้วชอบเหมือนกันค่ะ บ้านพักเขาสวยมาก ๆ เลยเนาะ เขาเล่นสีสบายตาดี เข้ากันทั้งสีบ้าน ม่าน ที่นอน น่าพักจริง ๆ ค่ะ ต้นไม้ก็เยอะ ใกล้กับตลาดด้วย เห็นรายการอาหารแล้วยิ่งน่าไป ถูกมาก ๆ เนาะ

คุณพอลก็ท่าทางจะชอบจริง ๆ นะคะ :)


โดย: Tristy วันที่: 27 พฤศจิกายน 2555 เวลา:9:41:25 น.  

 
สวัสดีค่ะครูส้มอ่านเรื่องของครูส้มแล้วชอบค่ะรบกวนนิดหนึ่งนะค่ะ คือยากทราบว่า
วีซ่าแบบ1ปีที่คุณครู ได้รับไม่ทราบว่าสามารถเดินทางเข้าออกได้หลายครั้งใน1ปีหรืเปล่าค่ะส่วนมากตั้งแต่แต่งงานมา7ปี จะไปแบบ Family visit ค่ะมากที่สุดของโรสคือ6เดือนค่ะรักเมืองไทยมากกว่าค่ะของโรสส่วนมากจะไปเดือนสิงหาค่ะกลับหลังปีใหม่ ปีที่แล้วไปตอนฉลองงานแต่งครบรอบ50ปีของพ่อแม่สามีค่ะปีนี้ยังไม่มีโครงการเลยสงสัยปีหน้าคงจะไปใหม่ค่ะลูกๆถือหนังสือเดินทาง2เล่มThai-Brith ลืมบอกไปค่ะบ้านสามีScotland ค่ะเมืองAberdeen ค่ะติดทะเลเหมือนกันแบบเปิดประตูหลังบ้านเห็นห่างไปประมาณ250เมตรแต่ทะเลอยู่ต่ำกว่าค่ะ


โดย: Rose IP: 110.77.133.24 วันที่: 28 พฤศจิกายน 2555 เวลา:22:58:29 น.  

 
@Mr.Paul - Thanks for visiting my blog kaaaa.

@Tristy - ที่พักราคาหลังละ 1,300 บาทต่อคืนค่ะ
บรรยากาศดีมากๆ เลย เจ้าของก็ใจดีมากด้วยค่ะ

@Rose - ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมชมนะคะ
วีซ่า 1 ปีที่ จขบ.ได้นั้น เป็นวีซ่าท่องเที่ยวค่ะ
สามารถเข้าออกได้หลายครั้งใน 1 ปี
แต่ครั้งหน้า คิดว่าจะขอแบบ 6 เดือน เหมือนครั้งแรกค่ะ
เพราะค่าวีซ่าถูกกว่ามาก ประมาณสามพันกว่าบาท
แต่วีซ่า 1 ปีตั้งหมื่นกว่าแน่ะ
ส่วนใหญ่จะไปช่วงเดือนเมษา ค่ะ เพราะปิดเทอมช่วงนั้น
แล้วคุณพอลก็จะมาเดือนตุลา
คุณโรสโชคดีจังค่ะ ที่ได้ไปอยู่ครั้งละนานๆ แถมบ้านสามีก็อยู่ติดทะเลด้วย วิวคงสวยหยด
ปีหน้านี้ ไปเมื่อไหร่อีกคะ


โดย: หกพันไมล์ วันที่: 30 พฤศจิกายน 2555 เวลา:22:37:47 น.  

 
ขอบคุณค่ะครูส้มแต่ตอนนี้วุ่นวายเหมือนกันค่ะลูกๆเข้าโรงเรียนแล้วถ้าไปนานาๆเหมือนเมื่อก่อนสงสัยเขาลูกงอกพอดี ของโรสส่วนมากก็จะขอแต่6เดือนค่ะเสียดาย
เงินค่ะเก็บไว้ซื้อขนนมให้ลูกดีกว่าอีกอย่างไปทีเดียว4คนค่าตั๋วก็ปลิวไปหลายแบงค์แล้วค่ะของโรสสว่นมากจะบินกับBA ค่ะสาเหตุแค่เปลี่ยนเครื่องที่London ก็ตรงไปScotland เลยค่ะไม่ต้องยุ่งยากเรื่องสัมภาระตอนแต่งงานใหม่เคยคิดจะเดินเรื่องขอvisa STM คือติดตามคู่สมรสคะแต่สู้ทนกับความหนาวไม่ไหวเลยจัดการยึดพลเมืองเขามาเป็นของเราซะ3เพื่อลดการขาดดุลทางประชากรค่ะ


โดย: Rose IP: 110.77.133.93 วันที่: 30 พฤศจิกายน 2555 เวลา:23:01:20 น.  

 
เห็นด้วยค่ะคุณโรส..วีซ่า 6 เดือน ประหยัดตังค์ได้ตั้งเยอะแน่ะ
อีกอย่าง เราก็ไม่ได้ไปหลายครั้งในหนึ่งปี
ครูส้มจะไปได้ก็ต่อเมื่อปิดเทอมน่ะค่ะ
คิดว่าถ้าแต่งงานกันแล้ว (ปีหน้า) ก็จะไปๆ มาๆ แบบนี้ไปก่อน
เพราะยังไม่พร้อมที่จะไปเริ่มหางานใหม่ทางโน้น
ยังเสียดายหน้าที่การงานที่นี่อยู่ค่ะ
ที่สำคัญคือห่วงแม่

อากาศที่เวลส์ก็หนาวทั้งปี ขนาดไปตอนฤดูร้อน อย่างเราๆ ยังต้องใส่เสื้อกันหนาวตลอดเวลา
ถ้าไปอยู่นานๆ คงเหงาน่าดู
คุณโรสต้องต่อเครื่องไปสก็อตแลนด์ คงใช้เวลาไม่นานใช่ไหมคะ ประมาณจากสุวรรณภูมิ ไปเชียงใหม่หรือเปล่าเอ่ย
ยังไม่เคยไปสก็อตแลนด์เลยค่ะ
ชอบเสียงปี่สก็อตมาก ฟังเพลง Amazing Grace ของวง
Il Divo แล้วชอบมากเลยค่ะ


โดย: หกพันไมล์ วันที่: 1 ธันวาคม 2555 เวลา:21:10:26 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.