ผืนฟ้า แดนดิน โลกกว้าง และ ชีวิต คือ ห้องเรียนห้องใหญ่ของผม

คลื่นซัด กรรมซ้อน@2005-10-24

ผมนั่งคิดอยู่นานว่าผมควรจะเขียนบล็อคเรื่องนี้ดีไหม คิดไปคิดมาก็เขียนดีกว่า มันเป็นเรื่องต่อเนื่องหรืออาจเป็นเรื่องเดียวกันแต่นำมาเรียบเรียงใหม่จากคลื่นซัดกรรมซ้อนหนะครับบางท่านอาจเคยอ่านแล้วแต่บางท่านอาจไม่ทันได้อ่านเพราะผมลบไปแล้ว เมื่อวันเสาร์ที่มีคลื่นเล็กลูกนึงมา นั่นคือ ลูกของเพื่อนพ่อคนนึง ที่ตอนเด็กๆรู้จักกันเพราะบ้านอยู่ไม่ไกลกันมาก เวลาพ่อไปเยี่ยมเพื่อนก็พาเราไปด้วย เพื่อนพ่อคนนี้เป็นคนบ้านเดียวกันกับพ่อผมซึ่งเป็นคนต่างจังหวัด ตอนเด็กๆเราเจอกันบ่อยเหมือนกันแต่พอโตขี้นเรียกได้ว่า แทบไม่ได้เจอกันเลยก็ได้ เค้าโทรมาขอความช่วยเหลือผมในวันเสาร์ เขาบอกผมว่าเขาป่วยต้องการเงินจำนวนหนึ่งซึ่งเรียกได้ว่ามากสำหรับผม ผมปรึกษาแม่ผม ผมปรึกษาคนที่ห่วงใยผม แต่สองคนนี้นิสัยเหมือนผมคือ เป็นโรคใจอ่อน จริงๆผมเองก็มีคำตอบอยู่ในใจว่าจำนวนเงินนี้มันมากไปหน่อย แต่เท่าไหร่ที่ควรจะให้ หรือ ไม่ให้ดี นั่นคือสิ่งที่ผมต้องหาคำตอบ ดังนั้นผมจึงได้โทรไปหาคนๆหนึ่ง แฟนเก่าผมเองครับ เค้าเก่งในเรื่องแบบนี้ เค้ามีความคิดเป็นของตัวเอง และเค้าก็ยังเรียกได้ว่า มีความคิดที่แตกต่างกับผม ผมต้องการ 2nd opinion จากคนที่คิดไม่เหมือนผมบ้าง เพื่อผมจะได้มองได้รอบด้าน เหมือนกับที่มีพี่คนนึงบอกว่า ไม่นึกว่าผมจะฟังได้นานขนาดนี้ตอนเค้าวิจารณ์เรื่องของผม แหะๆๆ หรือว่าผมเป็นคนไม่มั่นใจในตัวเองก็ไม่รู้ เอาหละกลับมาเรื่องคลื่นซัดของผมต่อนะครับ ครั้งแรกนี้เค้าให้คำปรึกษาค่อนข้างดี ผลสรุปก็คือ อย่าให้เลย ทำเฉยๆดีกว่า ผมก็ อือ ลองทำตามดู แต่ปรากฎว่าน้องคนนั้นโทรมาอีกสองสามที ขอร้องผมอีก ผมก็อึดอัดมากครับ ผมไม่เก่งในเรื่องความสำพันธ์ การหักใจ การตัด หรืออะไรประเภทนี้ มันทำให้ผมอึดอัดมากครับ ดังนั้นผมจึงโทรกลับไปหาคนๆที่เรียกได้ว่าเป็นคนๆเดียวกันอีกรอบ คราวนี้ผมไม่ได้ต้องการคำปรึกษาแต่ผมต้องการกำลังใจ อ่า ใช่ครับผมโทรไปด้วยเสียงเศร้าๆ เรียกได้ว่าร้องไห้ก็ได้ ก็มันอึดอัดนี่ แต่แทนที่จะได้กำลังใจ ผมกลับได้คำหลายๆคำที่ทำให้ผมรู้สึกไม่ดี และ อารมณ์ที่ไม่ดีรวมทั้งความโกรธของเค้า ประโยคที่ผมจำได้ชัดๆนะครับ เช่น ยังยืนด้วยตัวเองไม่ได้เหรอ ทำไมต้องมาฟูมฟายกับเรื่องแค่นี้ และนอกจากนี้ก็ ทำดีทำไมหวังผลตอบแทน เอ้า!ผมไม่ได้หวังผลตอบแทนนะครับแค่คิดว่าถ้าผมเดือดร้อนจริงๆซึ่งผมไม่รู้ว่าน้องคนนั้นเดือดร้อนจริงๆหรือเป่า ผมก็คงต้องการความช่วยเหลือ ถึงแม้จากคนที่ไม่สนิทมากก็ตามเพราะจำนวนมันอาจจะมากเกินกว่า ครอบครัวและ เพื่อนๆน้องเค้าช่วยได้ ถ้าเราช่วยเพิ่มเติมอีกสักหน่อยก็คงช่วยเค้าได้มากขี้น คิดอย่างนี้มันหวังผลเหรอครับ ใช่ครับที่ผมโทรไปครั้งที่สองนี้ จุดประสงค์หลักคือ โทรไประบาย โทรไปเพราะอึดอัด แต่กลายเป็นว่ายิ่งทำให้ผมอึดอัดเข้าไปใหญ่ วันก่อนพ่อหมี คอมเมนท์ผมมาว่า " ใครๆต่างก็มีภาระของตนเองทั้งนั้น เขาแบกภาระเราด้วยไม่ไหวหรอก ยิ่งรู้สึกว่ามันไม่จบสิ้นซะที " ผมขอบอกพ่อหมีไว้เลยนะครับ เค้าเองเป็นคนบอกว่า ถ้าว่ายน้ำไม่ไหวก็บอกนะ จะช่วยพยุง ครับมันอยู่ในข้อสัญญาระหว่างเราหลังจากการเลิกกัน ผมขอให้เค้าทำตัวเหมือนเดิมสักระยะนึง ผมเองก็จะพยายามปรับตัวออกไปเพื่ออยู่ด้วยตนเองให้ได้ เพื่ออยู่ในชีวิตที่ไม่มีเค้าให้ได้ เพื่อกำจัดความเคยชินที่เค้าสร้างให้ผมรู้สึกว่าผมต้องมีเค้าอยู่ตลอดเวลาในหัวใจ แล้วระยะเวลานั้นมันยังไม่สิ้นสุดครับ ผมเองก็ปรับตัวออกมาเยอะแล้ว ไม่ได้ไปวุ่นวายกับกิจกรรมประจำวันเค้าเหมือนแต่ก่อนแล้ว แต่คราวนี้ผมมีเรื่องที่ผมไม่สามารถแก้ไขด้วยความคิดเพียงลำพังด้วย ผมแค่อยากได้อีกความคิดไม่ได้เหรอครับ เพราะถ้าผมไปถามเพื่อนผมคนอื่นๆผมคงต้องเล่าสาธยาย environment ทั้งหมดออกมา กว่าจะได้ความเห็นก็นาน สู้อธิบายให้คนๆหนึ่งซึ่งเคยเป็นเสมือนคนเดียวกันไม่ดีกว่าเหรอครับ ใช่ครับในการโทรคุยครั้งที่สอง ผมมีคำพูดที่ว่า ถ้ามีเค้าอยู่ด้วยคงจัดการเรื่องนี้ได้ง่าย หรือ ผมคิดถึงวันเวลาเก่าๆนะ ทำไมครับ คิดถึงมันผิดหรือครับ ไม่ได้จะขอให้คืนดี แต่คิดถึงมันผิดตรงไหน เออ ผมอาจพูดตรงไปหน่อยไม่ควรพูดถึง แต่ผมแค่รู้สึกอยากระบายให้คนที่เป็นเพื่อนสนิทคนนึงฟัง หรือ ผมกับเค้าเป็นไม่ได้แม้เต่เพื่อนสนิทครับ แล้วเค้าก็บอกเองว่ามีอะไรก็ขอให้บอก แต่พอบอกแล้วเกิดปฎิกริยาอย่างนี้หมายความว่าไงครับ ช่วยอธิบายให้ผมได้เข้าใจหน่อย ผมจะเล่าให้ฟังนะครับ ขนาดแฟนคนแรกของผมที่เราต้องเลิกกันเพราะเค้าค่อนข้างเป็น materialisum ถ้าเค้าอยู่กับผมเค้าคงไปไม่ถึงฝ้นที่เค้าต้องการ อันนี้เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้เราต้องเลิกกัน แรกๆไม่เข้าใจต่อมาก็เข้าใจ อ่า เข้าเรื่องดีกว่า แฟนคนแรกของผมเค้ายังโทรมาบอก มาเตือนผมเรื่องงานเลยครับ เมื่อตอนที่ผมมี conflict ในด้านความสามารถของโปรแกรม ที่เรามีอยู่กับ SVP- Senior vice president เค้าค่อนข้างสนิทกับ SVP ของผม เค้ายังมาเตือนด้วยความหวังดี เราเองก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีกันได้ แต่กับอีกคนนึงที่ผม ไม่รู้ว่าเค้าคิดยังไง ทำไมความคิดของเราถึงคนละขั้วเลยวะ ไม่เข้าใจจริงๆ มีเพื่อนคนนึงเคยถามว่า กับเค้าแล้ว ตกลงเลิกกันรึยัง ผมตอบว่าไม่รู้ แต่รู้เพียงว่าสำหรับเค้า เค้าเลิกแล้ว ผมเองตอบได้เพียงว่า ผมได้ใช้เวลาที่ยังอยู่ในสัญญานั้นพยายามปรับตัว จากคนที่ร่วมชีวิตกัน มาเป็นเพื่อนสนิท แต่ไม่รู้สิเหมือนเค้าไม่อยากเป็นแม้กระทั่งเพื่อนวะ ไม่รู้จริงๆ พ่อหมีครับ ถ้าได้อ่านกรุณา คอมเมนท์หน่อยนะครับ อยากรู้ครับว่าพ่อหมีคิดยังไง ดูเหมือนพ่อหมีจะเข้าใจเค้ามากกว่าผมอีก อ่า หรือว่าเค้าชอบคบคนแบบ มิสทิฟฟานี่ เพื่อนผมครับ ที่เค้ามีปรัชญาว่า ถ้าเค้าทุกข์เค้าชอบเก็บไว้ลำพัง แต่ถ้าเมื่อไหร่มีความสุขจะมาหาเพื่อน ครับ อ่า! ผมไม่ใช่คนแบบนี้หนิครับ ไม่ว่าสุขหรือทุกข์ เราจะไปด้วยกัน ถ้าเราเป็นเพื่อนกัน เพื่อนนะครับ ไม่ใช่คนรู้จัก ผมรู้สึกไม่ดีเวลาที่ผมไม่สามารถช่วยอะไรเพื่อนได้เวลาเพื่อนทุกข์ ผมหนะอย่างน้อยขอเป็นคนรับฟังหรือว่า คนให้กำลังใจ เท่านั้นก็พอแล้วครับ สำหรับความเป็นเพื่อน หง่า ! ผิดหรือครับที่ผมคิดอย่างนี้ ช่วยๆกันคอมเมนท์หน่อย โดยเฉพาะพ่อหมี ผมรออยู่นะครับ คนอื่นๆก็เหมือนกัน อย่าอ่านเฉยๆ ถ้าคิดว่าเป็นเพื่อนผม คอมเมนท์หน่อย อย่างน้อยก็ถือว่าได้ช่วยเพื่อนคนนี้ให้รู้จักคิด มากขึ้น เข้าใจมุมมองอื่นๆมากขึ้น ช่วยหน่อยก็แล้วกัน ขอบคุณล่วงหน้าครับ


Create Date : 01 กรกฎาคม 2549
Last Update : 1 กรกฎาคม 2549 19:16:39 น. 0 comments
Counter : 419 Pageviews.  

น้องzeroสุดหล่อ
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




พายุที่มันพัดผ่าน หอบฝนมา
ฟ้ามืดหม่นสักเท่าไร เราอาจจะต้องหนาว
ต้องทรมานแต่ไม่นานก็คงจางหาย
มันเป็นเหมือนกำลังใจจากฟ้า
ส่งมาให้คนรู้ว่าชีวิตมีค่า..
แค่อย่าเพิ่งถอดใจ
[Add น้องzeroสุดหล่อ's blog to your web]