Group Blog
 
All blogs
 

ตามรอยห้องก้นครัวไปชิม King Kong Buffet ซอยหลังสวนค่ะ

พักนี้แอบนอกใจห้องแป้งไปแว้บๆ หาของน่าทานที่ห้องก้นครัวบ่อยเชียวค่ะ ล่าสุดก็เลยได้ไปลองทานบุฟเฟ่ที่เพิ่งเปิดใหม่ตรงซอยหลังสวนเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาค่ะ ต้องขอบคุณคุณ Calamity จากกระทู้นี้นะคะ //www.pantip.com/cafe/food/topic/D7648621/D7648621.html คนชอบทานเนื้ออย่างเราเห็นแล้วอดใจไม่ได้จริงๆ ค่ะ ในที่สุดก็เลยได้มาลอง King Kong Buffet ตามทันทีเลยค่ะ

วันนั้นเดินทางไปโดยรถไฟฟ้าค่ะ สะดวกมากๆ ลงที่สถานีชิดลม แล้วลงฝั่งรร.มาแตร์ เดินเข้าไปในซอยหลังสวนนิดเดียวเองค่ะก็จะเจอร้านอยู่ถัดจาก 7-11 ร้านอยู่ด้านซ้ายมือถ้าหันหน้าเข้าซอยนะคะ ตอนที่ไปทางร้านบอกว่าปลาแซลมอนยังมาไม่ถึงค่ะ สงสัยวันนั้นคงมีคนมาทานเยอะจนสต๊อกของไม่พอ แล้วมีปัญหาเรื่องอะไรอีกนี่แหละค่ะ ของเลยออกช้า แต่ก็พอดีที่เราต้องรอพรรคพวกอีกสองคนมาสมทบ ก็เลยบอกเค้าว่ารอเพื่อนก่อนแล้วกัน ผจก.ร้านน่ารักมากๆ ค่ะ ทำให้เราไม่รู้สึกไม่ดีกับการที่ของออกช้าเลย ไปถึงก็สั่งเลยค่ะว่าเอาทุกอย่างในเมนูมาอย่างละอัน ส่วนน้ำก็ชาเขียวเย็นค่ะ



ใครที่ชอบชาเขียวแบบรสหวานหน่อยคงไม่ปิ๊งเท่าไหร่นะคะ เพราะชาเขียวที่นี่ไม่ใส่น้ำตาลค่ะ แต่ถ้าไม่ชอบก็ขอเค้าเปลี่ยนเป็นน้ำอย่างอื่นได้ค่ะ มีพวกน้ำอัดลม ชาเย็น กาแฟเย็นด้วยค่ะ ส่วนตัวฝนเองขอแนะนำชาเย็นค่ะ อร่อยเข้มข้นมากมาย หวานกำลังดีด้วยค่ะ



อย่างแรกที่มาเสิร์ฟเป็นซุปค่ะ น้ำซุปสีขาวรสกลมกล่อมมากๆ เรากินแล้วนึกถึงซุปเห็ดของซิสเล่อร์ซะงั้น



ส่วนน้ำจิ้มก็จะมีเครื่องปรุงให้ใส่ปรุงเองตามชอบค่ะ ทั้งพริก กระเทียมบด มะนาว แล้วก็ยังมีโกชูจังให้ด้วยค่ะ



ส่วนข้าวก็จะมีข้าวเปล่ากับข้าวกระเทียมให้เลือกค่ะ เราสั่งข้าวผัดกระเทียมมา รสชาดก็พอใช้ได้ค่ะ



และแล้วบรรดาเนื้อต่างๆ ก็เดินขบวนมาวางไว้เต็มโต๊ะเลยค่ะ จานโปรดของเราก็นี่เลยค่ะ "เนื้อลาย" สั่งหลายจานมากๆ ปิ้งสุกกำลังดี..เอาเข้าปากแล้วนุ่มอร่อยมากมาย แต่ห้ามนึกถึงปริมาณไขมันที่ได้รับนะคะ..เดี๋ยวพาลจะกินไม่ลงได้



เนื้อสันนี่ก็อร่อยค่ะ นุ่มดี แต่เวลาปิ้งแล้วจะแอบสีเข้มดูไม่ค่อยน่ากินเท่าไหร่



เนื้อติดมัน อันนี้รู้สึกไม่ค่อยกล้าทานเยอะค่ะ เพราะมันจากเนื้อลายก็คงทำเอาน้ำหนักขึ้นหลายโลแระ



สันคอหมู ก็ใช้ได้ค่ะ แต่ว่าเน้นเนื้อมากกว่าก็เลยไม่ได้สั่งสันคอหมูเพิ่มเลย



อันต่อไปรู้สึกจะเป็นแฮมนะคะ เหมือนจะไม่ได้สั่งมาเพิ่มเหมือนกันค่ะ



อันนี้สำหรับคนชอบทานไก่ค่ะ แต่เราไม่ค่อยชอบอ่ะค่ะ ก็เลยจานเดียวอีกเหมือนกัน



แล้วนี่ก็เมนูเด่นอันนึงของเราค่ะ "กุ้งแม่น้ำ" ถึงตัวจะไม่ได้ใหญ่มาก แต่ก็สดดีค่ะ แกะออกมามันที่หัวน่ากินมากมาย สั่งไปสามสี่จานได้ นี่ถ้าไม่ขี้เกียจแกะคงสั่งมาอีกแน่ๆ ค่ะ



สำหรับคนชอบปลาหมึกก็มีค่ะ มาเป็นตัวเลย แต่โต๊ะเราไม่ค่อยจะโปรดปลาหมึกเท่าไหร่ก็เลยสั่งมาแค่จานเดียวค่ะ



จริงๆ จะมีปลาแซลมอนด้วยค่ะ แต่ลืมถ่ายรูปมาซะงั้น กินกันไปหลายจานมากๆ เพราะพนง.เอามาเสิร์ฟซ้ำกัน เลยจัดการไปหลายจานเลยค่ะ มาดูรูปปิ้งๆ กันดีกว่า...



รู้สึกเหมือนกับหลายๆ คนว่าเตาแอบเล็กไปนิดนุง.. ใส่ของได้นิดเดียวก็เต็มแล้วอ่ะค่ะ



ตบท้ายด้วยของหวานเป็นน้ำแข็งใสถั่วแดงค่ะ



สำหรับคนที่ชอบทานผักก็จะมีผักให้เลือกหลายอย่างเหมือนกันค่ะ เราชอบเห็ดเออรินจิมากๆ ปิ้งแล้วอร่อยจัง ผักอื่นๆ ก็จะมีกิมจิ ชุดผักยำรวมเกาหลี ผักกาดหอม กระเจี๊ยบ ฟักทอง หัวหอมใหญ่ กะหล่ำปลี ประมาณนี้ค่ะ สำหรับกิมจิรสออกเปรี้ยวหน่อยนะคะ คนที่ชอบกิมจิรสออกเปรี้ยวน่าจะชอบ

สรุปแล้วเราว่า King Kong Buffet กับราคา 450 บาทเน็ต คุ้มค่าน่าไปลองค่ะ คุณภาพเนื้อดีและสดจริงๆ ค่ะ การบริการก็โอเคนะคะ คือเราว่าพนง.เต็มใจให้บริการดีน่ะค่ะ ถึงแม้จะมีปัญหาเรื่องการออกของที่ติดขัดบ้าง แต่ด้วยการเข้ามาพูดจาอธิบายขอโทษกับลูกค้า เราเลยไม่รู้สึกแย่เลยค่ะ เดินทางก็สะดวกดีค่ะ ถ้ามีโอกาสรับรองว่าไปอีกแน่นอนค่ะร้านนี้
















 

Create Date : 25 มีนาคม 2552    
Last Update : 25 มีนาคม 2552 23:45:01 น.
Counter : 3869 Pageviews.  

แอบงอน Coffee Bean เลยได้มาลอง Sugaroma ร้านเค้กน่ารักและน่ากินค่ะ

ถ้าพูดถึงเค้กแล้ว.. หลายๆ คนคงมีร้าน Coffee Bean by Dao เป็นร้านเค้กในดวงใจกันหลายคน โดยเฉพาะในช่วงที่ยังมีร้านอยู่ที่เดียวที่ซอยเอกมัย ซอย 12 เราเองก็เป็นหนึ่งในสาวกของร้านนี้ด้วยค่ะ เพราะไม่ไกลบ้านและรสชาดของเค้ก (และอาหารก็ด้วยนะ) โดนใจสุดๆ แต่พอเวลาผ่านไป เรารู้สึกว่าคุณภาพความอร่อยและราคาทำไมมันเริ่มแปลผันกันนะ ราคาที่เพิ่มขึ้นจากแปดสิบเก้าสิบ มาเป็นร้อยกว่าๆ ในขณะที่ขนาดเราว่ามันเล็กลงอ่ะ รสชาดก็ไม่ปิ๊งเหมือนแต่ก่อน คืออร่อยนะ..เพียงแต่มันไม่เหมือนเดิม ก็เลยทำให้เราไม่ค่อยเลือกร้านนี้เท่าไหร่เวลาอยากกินเค้ก ประกอบกับพักนี้มีร้านเค้กให้เลือกไปลองชิมเยอะแยะไปหมด ก็เลยแอบงอน Coffee Bean หันไปหาร้านเค้กอื่นๆ เพื่อหาร้านที่ถูกใจต่อไป แล้วก็เลยเป็นที่มาของรีวิววันนี้ค่ะ

สำหรับที่มาของร้านนี้ก็เพราะคุณบอสเลยค่ะ คุณบอสเราเค้าอยู่แถวเอกมัย แล้ววันนึงคุยกันเรื่องเค้กนี่แหละ เค้าบอกว่า..ถ้าชอบกินเค้กนะ ลองไปร้านนี้ดูสิ เค้าชอบกว่า Coffee Bean เยอะเลย อยู่ใกล้ๆ กันนี่แหละ ชื่อ "Sugaroma" ชื่อนี้ยังวนเวียนอยู่ในสมองได้สองสามวัน พอสบโอกาสหยุดเสาร์อาทิตย์เลยแว้บไปลองชิมค่ะ



แผนที่จากนามบัตรของร้านนะคะ สังเกตได้ว่าจะเข้าได้สองทาง..ทั้งทางเอกมัยซอย 12 แล้วก็ปรีดีพนมยงค์ซอย 31 (ก็ซอยสุขุมวิท 71 นั่นแหละค่ะ) ร้านจะอยู่ใกล้กับทางซอยปรีดีมากกว่านะคะ ถ้าเข้าทางเอกมัยจะเลยร้าน Coffee Bean ไป แล้วอยู่ด้านขวามือ แต่ถ้าเข้ามาทางซอยปรีดีจะอยู่ด้านซ้ายมือก่อนถึง Coffee Bean ค่ะ เราว่าร้านนี้เหมาะกับคนที่มีรถนะคะ ถ้าหวังนั่งรถไฟฟ้าหรือรถเมล์คงลำบากเพราะต้องเข้าซอยไปอีกหน่อย

วันนั้นที่ไปไม่ค่อยมีเวลาเท่าไหร่เพราะค่ำแล้ว ต้องรีบกลับบ้าน ก็เลยสั่งกลับไปทานที่บ้านค่ะ เสียดายมากมายที่ไม่ได้นั่งเล่นในร้านและไม่ได้ถ่ายรูปในร้านมาด้วยเพราะมันน่ารักมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ไม่ว่าจะมุมไหนมันน่ารักน่าถ่ายรูปไปหมดเลยน่ะค่ะ ไว้โอกาสหน้าจะไปนั่งชิลๆ ถ่ายรูปให้หนำใจเลย แต่ปัญหาคือ..ร้านเล็กมากๆ ค่ะ มีที่จอดรถได้ประมาณ 3 คันเอง ถ้าจอดซ้อนคันก็ได้อย่างมากอีกสาม ซึ่งคงลำบากพอดู ตัวร้านก็ไม่ได้กว้างขวางนะ นั่งได้แค่ไม่กี่โต๊ะ เห็นมีชั้นบนแต่พนง.บอกว่าใช้สำหรับจัดเลี้ยงหรืออย่างอื่นไม่ได้เปิดให้ขึ้นไปค่ะ



ตู้เค้กไม่ได้มีเค้กให้เลือกมากมายขนาด Coffee Bean แต่เราเห็นแต่ละอันแล้วเลือกไม่ถูกเลยอ่ะค่ะ เพราะน่ากินทั้งนั้นเลย สนนราคาต่อชิ้นจะราวๆ แปดสิบเก้าสิบ เห็นป้ายรูปด้านบนมีฟองดูด้วยนะ ถ้าจำไม่ผิดชุดละสองร้อยเกือบสามร้อย..น่ากินมั่กๆ หลังจากเลือกไปเลือกมาก็เลยได้มาสี่ชิ้นดังนี้ค่ะ...



นี่ถ้าไม่เกรงใจว่าแต่ละคนที่บ้านพยายามลดน้ำหนักกันอยู่นะคะ..คงเลือกมามากกว่านี้แน่ๆ มาดูแต่ละอันกันเลยดีกว่าค่ะ




เรื่องชื่อเค้กคงไม่เป๊ะนะคะเพราะเป็นปลาทองความจำสั้น อันนี้เป็นชิ้นแรกที่เล็งเลยค่ะ เจ้า Caramel Macadamia Cheese Cake เนื่องจากชอบเค้ก Caramel Macadamia ของร้าน Something Sweet มากๆ เลยอยากลองของที่นี่ดู โดยลืมดูชื่อด้านหลังเลยว่าเป็นชีสเค้ก (เราเป็นคนไม่ค่อยชอบกินชีสเค้กเท่าไหร่น่ะค่ะ) ชิ้นนี้ราคา 90 บาทค่ะ



เห็น Macadamia ราดด้วย Caramel แล้วน่ากินสุดๆ ค่ะ แต่พอเนื้อเค้กเป็นชีสเค้กเราเลยไม่ปลื้มเท่าไหร่ แต่ม่ามี้ของเราชอบกินมากๆ ค่ะ บอกว่าชอบอันนี้ที่สุดในสี่ชิ้นที่เลือกมาเลย



ชิ้นที่สองเป็น White Chocolate Mousse Cake ชิ้นนี้เป็นพระเอกของเราและคุณพ่อค่ะ เรารู้สึกว่าร้านนี้ทำเค้กที่เป็น Mousse ได้ดีมากๆ นะ มันนุ่มละมุนแล้วก็อร่อยมากๆ เลยค่ะ กินแล้วไม่อยากจะแบ่งให้ใครกินเลยเนี่ยชิ้นนี้ ชิ้นนี้ราคา 80 บาทนะคะ



ซูมให้ดู white choc ที่เค้าโรยไว้หน้าเค้ก เห็นรูปแล้วอยากกินอีกจังแฮะ.. แต่ว่ากินเค้กแบบนี้แอบเปลืองนะคะ ด้วยเพราะมันเป็นมูสรึเปล่านะเลยทำให้กินไปแว้บหายไปอย่างรวดเร็วจริงๆ



ชิ้นนี้คุณน้องชายเลือกมาค่ะ เค้าชอบกินช็อกโกแลตน่ะเลยเอาเจ้า Chocolate Truffle Cake มาด้วยอันนึง ใครที่โปรดช็อคโกแลตคงชอบค่ะ สนนราคาก็ 85 บาทค่ะ



สำหรับเราก็ชอบนะคะ เพียงแต่เราชอบไวท์ช็อคมากกว่าเท่านั้นเอง



ชิ้นสุดท้าย.. Tiramisu เราชอบทาน Tiramisu เป็นปรกติอยู่แล้ว พอไปเจอที่ร้านไหนเลยชอบสั่งมาลองทานดูค่ะ สำหรับร้านนี้เราว่าก็อร่อยระดับนึงนะคะ แต่ไม่ได้ปลื้มขนาดยกให้เป็นพระเอกของร้านนี้ ราคาแพงสุดในสี่ชิ้นนี้ 100 บาทค่ะ



จริงๆ เกือบไม่ได้สั่งแล้วล่ะค่ะ เพราะไม่มีอยู่ในตู้ แต่พอดีพนง.บอกว่าเพิ่งทำเสร็จจะเอามั๊ย..เราก็เลยขอมาหนึ่งค่ะ ตอนจ่ายตังค์ว่าจะรูดบัตร..แต่เค้ารับแต่เงินสดนะคะ อย่าลืมเช็คดูก่อนไปร้านนะคะ เพราะคงหาตู้ ATM กดลำบากแน่ๆ ค่ะในซอยนั้น

สรุปแล้ว..เราว่าร้าน Sugaroma เป็นร้านเค้กที่น่ารักน่านั่งมากๆ เค้กก็อร่อยและคิดว่าจะกลับไปทานอีกแน่ๆ ค่ะ เพราะมีอีกหลายอันเลยที่เห็นแล้วอยากจะลอง โดยเฉพาะฟองดูอ่ะค่ะ ถ้าได้มีเวลาไปนั่งทานที่ร้านคงต้องลองสั่งมาแน่ๆ ส่วนถามว่าถ้าเทียบกับ Coffee Bean อันไหนอร่อยกว่ากัน... อืม..จากที่ได้ลองมาสี่ชิ้นเราว่าโดยรวมของ Coffee Bean น่าจะดีกว่านะคะ หมายถึงรสชาดนะ แต่ถ้าให้เราเลือกตอนนี้คงไปกินร้าน Sugaroma มากกว่าค่ะ กำลังเห่อ



แวะมาเพิ่มเติมลิงค์ของร้าน Sugaroma ไว้นะคะ พอดีเห็นมีเพื่อนๆ ถามกันมาว่าที่ร้านมีเค้กแบบไหนบ้าง เราเองก็เพิ่งเคยไปแค่ครั้งเดียวเลยคงยังตอบไรมากไม่ได้น่ะค่ะ แต่พอดีมีลิงค์เวปของทางร้านอยู่บนนามบัตร ลองเข้าไปดูแล้วเห็นมีรูปเค้กหน้าตาน่ากินเพียบเลยค่ะ ยังไงลองเข้าไปดูได้นะคะ.. เผื่อจะตัดสินใจได้ว่าน่าไปลองชิมรึเปล่า

//sugaromashop.multiply.com/










 

Create Date : 08 มีนาคม 2552    
Last Update : 6 ตุลาคม 2552 0:16:42 น.
Counter : 4954 Pageviews.  

Ho Kitchen กับอาหารเย็นมื้อใหญ่

หวัดดีค่ะ ต้องขอโทษเพื่อนๆ ที่ฝนหายหน้าหายตาไปพักใหญ่ๆ เลยนะคะ ช่วงนี้คอมของฝนแอบดื้อแผลงฤทธิ์จนต้องรอช่างใหญ่มาจัดการให้หายดื้อน่ะค่ะ ก็เลยไม่ได้เข้ามาอัพบล็อคเพิ่มเติมนานเลย บล็อคพาเที่ยวสวิสก็เลยยังถูกดองไม่ได้พาไปเที่ยวเมือง Murren ที่ฝนตั้งใจนำเสนอซักที ขอเวลาจัดการกะน้องคอมก่อนนะคะ แล้วจะพาเที่ยวสวิสต่อแน่นอนค่ะ สำหรับวันนี้เนื่องจากอยากนำเสนอร้านอาหารร้านนึงมั่กๆ ค่ะ เพราะว่าฝนไปทานมาสองรอบแล้วชอบมากมาย เพื่อนๆ หลายคนคงรู้จักกันแล้วนะคะ เพราะฝนก็เห็นเค้าโฆษณาตามรายการอาหารบ่อยๆ เหมือนกัน เอาเป็นว่ามาลองดูเมนูอาหารที่ฝนได้ไปทานคราวล่าสุดกันดีกว่าค่ะ

สำหรับ Ho Kitchen เท่าที่ฝนทราบตอนนี้มีอยู่สองสาขานะคะ ที่พระราม 3 และที่เหม่งจ๋าย ฝนรู้จักร้านนี้ก็เพราะเคยดูรายการพาไปชิมอาหารรายการนึงแล้วเค้าก็มีนำเสนอเมนูต่างๆ ของร้านนี้ เห็นแล้วบางรายการก็น่าทานมากๆ แต่บางรายการเห็นแล้วก็แอบค้านอยู่ในใจกับการทรมานสัตว์ไปนิดส์นุงอ่ะ (พอดีเคยไปเจอเมนูคุณกุ้งล็อปสเตอร์ที่เค้าเอาเนื้อมาทำซาซิมิ แล้วหนวดกุ้งยังกระดิกไปมาอยู่ในจานเลยน่ะค่ะ เห็นแล้วหดหู่มั่กๆ) เอาล่ะ.. สรุปว่าตอนนั้นก็ไม่ได้คิดอยากไปทานร้านนี้เลย แต่ว่าพอดีเพื่อนๆ ที่ออฟฟิศชวนกันไปทานมื้อเที่ยงที่ร้านนี้เพราะช่วงนี้มีโปรโมชั่นติ่มซำลด 50% ก็เลยติดสอยห้อยตามเพื่อนๆ ไป แล้วก็พบว่า... มันอร่อยมั่กๆ อ่ะค่ะ ไม่ได้ทานติ่มซำที่อร่อยแบบนี้มานานแล้วด้วยล่ะ ก็เลยชอบใจเป็นพิเศษ ถือว่าคุ้มค่ากับราคาดีค่ะ เพราะเฉลี่ยแล้วเข่งนึงก็สามสิบบาท แต่ต้องบอกว่ากุ้งเป็นกุ้งจริงๆ ค่ะ อย่างเช่นถ้าสั่งฮะเก๋าก็จะมีฮะเก๋าสามก้อนอ้วนกลมไปด้วยกุ้งตัวใหญ่ๆ สามตัวในแต่ละก้อนอ่ะค่ะ เคยแนะนำเพื่อนอีกคนไปทาน เค้าบอกว่ากินแล้วขอหยุดกินกุ้งไปพักนึงเลย 555 เสียดายที่ฝนไม่มีภาพประกอบนะคะ เพราะตอนนั้นไม่ได้ถ่ายรูปเก็บไว้ ส่วนเมนูที่อยากให้ลองเป็นพิเศษคงเป็นขนมผักกาดนะคะ เพราะปกติฝนไม่ได้ชอบกินเลยนะ แต่ของที่นี่อร่อยนุ่มละมุนลิ้นเป็นที่สุดเลยค่ะ

เอาล่ะ.. เกริ่นมายาวเหยียด สรุปว่าตั้งแต่คราวนั้นที่ไปทานติ่มซำก็ไม่ได้ไปอีกเลย จนกระทั่งเมื่อสัปดาห์ก่อนมีเจ้ามือใหญ่พาไปเลี้ยงค่ะ ของฟรีแบบนี้ก็เลยขอไปทานอีกซักมื้อค่ะ คราวนี้ไปร้านสาขาเหม่งจ๋ายค่ะ สภาพร้านดูดีกว่าที่พระราม 3 มากมายจริงๆ แฮะ และด้วยความที่มื้อนี้เป็นมื้อใหญ่เพราะมีคนไปทานประมาณสิบคนได้ ก็เลยเลือกสั่งเมนูที่เป็นชุดค่ะ ชุดที่เลือกเป็นชุดราคา 18,000 มีเมนูตั้งแต่ออเดิฟ (สะกดผิดต้องขออภัยมา ณ ที่นี้นะคะ) จนกระทั่งจบที่เมนูของหวานเลยค่ะ รวมๆ แล้วจำไม่ได้ว่ามีกี่รายการเหมือนกันแฮะ เพราะว่าช่วงแรกๆ ไม่ได้ถ่ายรูปเก็บไว้น่ะค่ะ เพราะยังแอบเกรงใจเจ้ามือ แฮะๆ หลังๆ ถึงได้เริ่มอดใจไม่ไหวขอถ่ายเก็บไว้มารีวิวดีกว่าเพราะมันอร่อยมั่กๆ อ่ะค่ะ มาเริ่มกันเลยดีกว่าเนาะ...

ขอเริ่มจากบรรดาเครื่องดื่มก่อนแล้วกันนะคะ ปกติก็จะสั่งพวกชากะน้ำเก็กฮวยกันค่ะ แต่ฝนก็เพิ่งทราบว่าจะสั่งเอาชากะเก็กฮวยมาผสมกันก็ได้นะคะ พวกนี้รีฟิลค่ะ แต่ที่อยากนำเสนอก็คือน้ำมะพร้าวค่ะ คือว่าช่วงนี้ฝนจะบ้ากินน้ำมะพร้าวค่ะ เพราะปกติเวลาทำงานจะต้องสั่งเครื่องดื่มอย่างนึงไปทานช่วงบ่าย แต่ก่อนก็จะสั่งพวกโอวัลติน โกโก้ ฃาเขียว กาแฟ เขียวโซดามะนาวไรงี้ แต่ซักพักชักรู้สึกอ้วนค่ะ ไปเจอร้านที่เค้าขายน้ำมะพร้าวเทจากลูกให้เลย ราคาก็ไม่แพง 13 บาทเองค่ะ ก็เลยเปลี่ยนมากินน้ำมะพร้าวทุกวัน (ที่ซื้อทัน) เลยค่ะ เพื่อนๆ บอกว่าสงสัยจะอยากตัวหอม เพราะเค้าว่ากินน้ำมะพร้าวแล้วทำให้ตัวหอม อันนี้ก็ไม่รู้ว่าจริงเท็จแค่ไหนนะคะ ใครรู้ช่วยบอกที พูดมาซะยาวอีกแล้ว สรุปว่าน้ำมะพร้าวที่นี่จะมาเป็นลูกเลยค่ะ หวานเย็นอร่อยมากมาย หรือจะสั่งเป็นน้ำมะพร้าวปั่นก็อร่อยเช่นกันค่ะ (แต่แอบอ้วนกว่านะเพราะมีเนื้อกะนมผสมเพียบเลยค่ะ)

มาเข้าเมนูอาหารกันซักทีดีกว่า.. เริ่มจากออเดิฟก่อนแล้วกันนะคะ ด้วยความที่ตอนแรกที่มาหิวจัดค่ะเลยสั่งออเดิฟไปก่อนจานนึงเป็นแบบรวมสี่อย่าง พอมารวมออเดิฟจากในชุดด้วย รูปก็ไม่ได้ถ่ายไว้ เลยจำไม่ได้แล้วค่ะว่าในชุดจะมีอะไรให้บ้าง ถ้าจำไม่ผิดก็จะมีไก่นึ่งคล้ายๆ ไก่ในข้าวมันไก่น่ะค่ะ ไข่เยี่ยวม้า แมงกะพรุนน้ำมันงา แล้วก็มีลิ้นเป็ดผัด ถ้าจำผิดก็ขออภัยด้วยนะคะ สำหรับเมนูนี้ก็ใช้ได้ค่ะ แต่ไม่ได้ประทับใจอะไร

เมนูที่สองถ้าจำไม่ผิดจะเป็นหอยเชลล์ผัดซ้อสเอ็กซ์โอค่ะ หอยเชลล์ตัวใหญ่ใช้ได้เลยค่ะผัดซ้อสใส่บล็อคเคอรี่อร่อยมั่กๆ เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปเอาไว้ แต่เมนูนี้แนะนำค่ะ

มาที่เมนูที่มีรูปเลยแล้วกันนะคะ เพราะจำไม่ได้แล้วล่ะว่าหลังจากนั้นมีไรอีกป่าว เมนูนี้ตอนแรกแอบกลัวเหมือนกันนะคะว่าจะออกมาเหมือนที่เคยเห็นในทีวีรึเปล่า ถ้าเป็นงั้นคงไม่กล้ากินแน่ๆ เลย แต่พอมาเสิร์ฟค่อยโล่งอกหน่อย (จริงๆ แล้วมันก็ไม่ได้ต่างกันหรอกเนาะเพราะไงเค้าก็ต้องไปจับเจ้ากุ้งมาเจี๋ยนให้เรากินอ่ะ ขอเป็นคนใจร้ายกินน้องกุ้งซักวันแล้วกันเนาะ )



น้องกุ้งมังกรซาซิมิ ตอนเอามาเสิร์ฟตกใจมั่กๆ ไม่คิดว่าจะตัวใหญ่ขนาดนี้ แล้วเจ้ากุ้งมังกรตัวนี้ก็จะตามมาด้วยเมนูเสริมอีกสองรายการด้วยกัน ไว้จะให้ดูต่อไปนะคะ มาดูรูปอีกซักมุมค่ะจะได้เห็นขนาดชัดๆ



กุ้งมังกรนี้ทานได้สองแบบค่ะ คือกินดิบๆ เป็นซาซิมิแบบนี้



หรือเอาไปลวกทานกับน้ำซุปและผักก็ได้ค่ะ



ลวกเสร็จแล้วหน้าตาก็จะเป็นแบบนี้...



เนื้อกุ้งสดมากๆ ค่ะ เนื้อหวานและกรุบๆ ดี ฝนชอบทานแบบซาซิมิมากกว่าเอาไปต้มล่ะค่ะ เพราะรู้สึกว่าพอเอาไปต้มแล้วไม่อร่อยเท่า แล้วอย่างที่บอกว่าเมนูนี้จะตามมาด้วยเมนูย่อยๆ อีกสองรายการค่ะ อันแรกเป็นอันนี้ค่ะ



แอบสงสัยมั๊ยเอ่ยว่าคืออะไร.. มันเป็นเลือดของน้องกุ้งมังกรตัวข้างบนน่ะค่ะใส่เซเว่นอัพ เหมือนจะแอบโหดเลยแฮะ กินเลือดกุ้งกันเนี่ย แต่ฝนก็ต้องแปลกใจว่ามันอร่อยกว่าที่คิดนะคะ ช่างคิดอ่ะเอามาใส่ในเซเว่นอัพเข้ากันอย่างบอกไม่ถูก คุณพนง.อธิบายให้ฟังว่ากุ้งมังกรเนี่ยจะมีเลือดใช่ป่าวคะ แล้วเค้าก็จะเอาเลือดเนี่ยมาเสิร์ฟโดยเค้าจะมีให้เลือกนะคะว่าจะทานแบบไหน พอดีฝนก็ไม่ได้ฟังเค้าพูดตั้งแต่ต้น รู้แต่ว่าเลือกใส่กะเซเว่นอัพนี่แหละ ก็เลยได้มาอย่างที่เห็นในภาพ



จากการสอบถามคุณพนง.ทำให้ได้ข้อมูลเพิ่มเติมหลายอย่างเลยค่ะ อย่างแรกเจ้าเลือดที่เห็นในภาพเป็นวุ้นๆ เนี่ย ก็เกิดจากการที่เค้าทิ้งเลือดน้องกุ้งไว้ซักพักมันก็จะเป็นวุ้นเองค่ะ แล้วเค้าค่อยเอาวุ้นนี้มาใส่ในเซเว่นอัพให้เราทานเพื่อช่วยดับคาวนะฝนว่า แล้วก็ไม่ทำให้เลี่ยนด้วยน่ะค่ะ แล้วนอกจากนี้ก็เพิ่งทราบว่ากุ้งมังกรแต่ละที่จะมีเลือดคนละสีนะคะ อย่างกุ้งตัวนี้มาจากอเมริกา เลือดจะเป็นสีส้ม ถ้ามาจากเมืองไทยจะเป็นสีน้ำเงิน หรือถ้ามาจากนิวซีแลนด์จะเป็นสีเขียว.. ลึกซึ้งจริงๆ แฮะ แต่สรุปว่าพอทิ้งเลือดไว้จนเป็นวุ้นก็จะสีเปลี่ยนนะคะ สีในภาพเลยไม่เห็นเป็นสีส้มน่ะค่ะ



อันนี้เป็นเมนูที่สองที่ได้จากน้องกุ้งมังกรตัวข้างบนค่ะ เป็นโจ๊กที่ใส่เนื้อจากส่วนหัวของกุ้ง เมนูนี้จะมาหลังจากเราจัดการกะเจ้าเนื้อของน้องกุ้งจนหมดแล้วนะคะ แล้วคุณพนง.ก็จะถามว่าอยากให้เอาเนื้อส่วนที่หัวเอาไปทำอะไรน่ะค่ะ สรุปว่าเมนูกุ้งมังกรซาซิมิคุ้มค่าจริงๆ ค่ะ แต่ฝนก็ไม่ทราบราคาหรอกนะคะว่าเท่าไหร่ แต่ถ้าสั่งมาเมนูนี้เมนูเดียวฝนว่าก็อิ่มแบบกำลังดีได้แล้วอ่ะค่ะ (ถ้ากินซักสองคนนะ)



มาต่อด้วยเมนูหอยเป๋าฮื้อผัดน้ำมันหอยดีกว่าค่ะ จานนี้อร่อยใช้ได้เลยค่ะ แต่ฝนเป็นคนไม่ค่อยชอบทานพวกหอยซักเท่าไหร่ ก็เลยไม่ได้ปลื้มมาก แต่รสชาดที่เค้าผัดมาอร่อยกลมกล่อมดีเลยค่ะ



ต่อไปก็เป็นหมูหันค่ะ จะตามมาด้วยเครื่องเคียงทั้งแป้ง ผักดองและซ้อสหวาน



สำหรับเมนูนี้ฝนไม่ได้โปรดซักเท่าไหร่ เพราะกลัวอ้วนค่ะ 555 แต่ต้องบอกว่าเค้าทำเนื้อที่วางไว้ด้านล่างหนังกรอบๆ ได้อร่อยจริงๆ ค่ะ



แต่ที่ฝนติดใจกลับเป็นแป้งค่ะ แบบว่าเป็นพวกชอบกินคาร์โบฯอ่ะ แป้งเค้านุ่มนิ่มอร่อยมากมาย นี่ถ้าสั่งมากินเดี่ยวๆ ได้คงสั่งมาแน่ๆ 555 ใครชอบทานหมูหันรสออกหวานนิดๆ น่าจะชอบนะคะเมนูนี้



ต่อด้วยเมนูปูอลาสก้าค่ะ แต่ก่อนตอนอยู่เมกาก็จะชอบไปทานบุฟเฟ่ปูอลาสก้าประจำ แต่ขอบอกว่าสู้อันนี้ไม่ได้เลยล่ะ เพราะที่เคยไปทานก็คงเป็นแบบที่เค้าฟรีซมาน่ะค่ะ แต่อันนี้น่าจะเอาน้องปูมาจัดการกันวันนั้นเลย พูดแล้วรู้สึกผิดจังแฮะ ใครแอนตี้การทานอาหารสดๆ แบบนี้ต้องขอโทษด้วยนะคะ ฝนเองก็ไม่ได้นิยมหรอกนะ แต่ว่าถ้ามีคนสั่งให้ก็ทานได้น่ะค่ะ



เนื้อปูสดหวานมากๆ ค่ะ ยิ่งได้ทานกับน้ำจิ้มทะเลรสเด็ดของร้าน..แบบว่าสุดยอดเลยล่ะ แต่อย่างไรก็ตาม... เมนูนี้ก็แพ้อันนี้ค่ะ



เค้าเอาปูอลาสก้าอีกส่วนไปผัดกระเทียมพริกไทค่ะ



เมนูนี้อร่อยถูกใจมากๆ รสชาดเข้มข้นถูกใจคนรักกระเทียมเจียวจริงๆ 555 นี่ถ้าเมนูนี้มาก่อนปูอลาสก้าอันแรก เมนูนั้นคงไม่ได้เกิด



มาถึงคิวปลากันบ้าง คราวนี้เป็นน้องปลาเก๋านึ่งไรซักอย่าง แบบว่าตัวใหญ่มากกกกกกกก แล้วก็สดมากๆ ด้วย ใครชอบทานปลาคงต้องชอบแน่ๆ เสียดายที่เมนูนี้มาตอนหลังๆ ซึ่งแค่ไม่กี่เมนูแรกก็เริ่มอิ่มแล้วน่ะค่ะ ก็เลยทานไปไม่กี่คำเอง



ปิดท้ายเมนูอาหารคาวด้วยเกี๊ยวกุ้งน้ำ ตอนเมนูนี้มาแทบจะกินไรไม่ลงแล้วค่ะ ตัวเกี๊ยวก็อร่อยดีค่ะ กุ้งเป็นกุ้งจริงๆ นึกถึงตอนกินติ่มซำมั่กๆ แต่น้ำซุปนี้ต้องปรับปรุงนะ ฝนว่าน้ำซุปมันเฟคๆ ไงไม่ทราบอ่ะค่ะ ไม่รู้จะบรรยายไง แต่สรุปว่าไม่ผ่านล่ะ เลยทานไปแต่เกี๊ยวกุ้ง



ปิดท้ายเซ็ทนี้ด้วยของหวานค่ะ ตอนแรกคุณพนง.จะให้เลือกระหว่างไข่กบไรซักอย่างกะแปะก๊วยอันนี้ ด้วยความที่คุณพนง.เชียร์อันนี้มากกว่าก็เลยเลือกอันนี้ค่ะ เพราะก็แอบหยองเหมือนกันกะเจ้าไข่กบเนี่ย มันคือไรหว่า..



เมนูนี้เสิร์ฟมาในลูกมะพร้าวเผา ข้างในเป็นแปะก๊วย เม็ดพุดทรา แล้วก็วุ้นๆ ไรซักอย่างที่พวกเราก็เดากันไปต่างๆ นานา ทั้งหมดนี้ต้มใส่ในน้ำมะพร้าวค่ะ



ตอนแรกที่ทานรู้สึกจืดๆ แต่ทานไปทานมากลับรู้สึกอร่อยขึ้นเรื่อยๆ เพราะน้ำมะพร้าวไม่หวานจัดไงคะ เลยรู้สึกว่ากินไปเรื่อยๆ เลยไม่เลี่ยน ตักน้ำทานจนหมดเกลี้ยงเลยอ่ะค่ะ นี่ขนาดอิ่มแล้วนะนี่ อ้อ.. สรุปว่าเจ้าวุ้นๆ นั่นก็คือไข่กบที่คุณพนง.เคยพูดถึงนั่นแหละค่ะ แต่ว่ามันไม่ใช่ไข่กบจริงๆ นะคะ แต่ทำจากอะไรคุณพนง.ก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ

สรุปดีกว่า.. ฝนว่าร้าน Ho Kitchen เป็นร้านที่ทำอาหารได้อร่อยน่าไปทานอีกค่ะ สำหรับชุดนี้ตอนเห็นในรูปนึกว่าไม่เยอะนะคะ แต่พอมาเสิร์ฟแล้วเนี่ย ได้แต่รู้สึกว่านี่ยังไม่หมดอีกเหรอ อิ่มจะแย่แล้วอ่ะค่ะ ฝนว่าสำหรับราคาชุดนี้ที่ 18,000 กับจำนวนคนสิบคน ซึ่งจริงๆ น่าจะทานได้อีกสองถึงสามคนได้เลยนะคะ ก็คุ้มค่าค่ะ

อาหาร: 9.5/10 อาหารสดอร่อยมากๆ ค่ะ หักไปนิดนุงสำหรับบางเมนูที่ไม่ค่อยถูกใจแล้วกันเนาะ

บริการ: 9.5/10 ให้เยอะเลยล่ะ เพราะพนง.ดูแลดีมากๆ ค่ะ จานนี่เลอะหน่อยก็จะเปลี่ยนให้ตลอดเลย หักแค่ที่ต้องใช้เวลาในการรออาหารน่ะค่ะ ถ้าใครไม่มีเวลามานั่งชิลๆ หรือชอบแนวๆ กินแบบทำเวลาหน่อยก็อาจจะเซ็งได้ค่ะ

บรรยากาศ: 8/10 สำหรับสาขานี้ถือว่าโอเคเลยค่ะ ร้านจัดได้ดี แต่ด้วยความที่เป็นห้องส่วนตัว เลยไม่ค่อยเน้นบรรยากาศค่ะ

Bottom Line: Highly recommended ค่ะ



ปล. ล่าสุดไปทานมาเมื่อวาน 9 พย. 52 เราว่าความสดของบางเมนูลดลงเยอะเลยค่ะ โดยเฉพาะปูอลาสก้า ส่วนเมนูอื่นๆ ก็ยังสดใช้ได้ โดยเฉพาะกุ้งมังกรกับปลาค่ะ



ปล. วันนี้เอาเพลง Juxtapose with you มาฝากกันค่ะ เพลงนี้จริงๆ เป็นเพลงเก่าแล้วล่ะ ฝนเคยชอบมากๆ แต่ก็ลืมๆ ไป จนเมื่อไม่กี่วันก่อนได้ยินดีเจเปิดเพลงนี้ขึ้นมา แค่ฟังอินโทรก็แบบ.. เพลงนี้นี่นา ฟังทีไรก็ไม่เคยเบื่อเลยค่ะ
















 

Create Date : 15 พฤศจิกายน 2551    
Last Update : 10 พฤศจิกายน 2552 22:54:03 น.
Counter : 4634 Pageviews.  

บิบิมบับ ข้าวยำเกาหลี เมนูที่ทำเองได้ไม่ยากเลยค่ะ

หวัดดีค่า วันนี้ขอพักจากการพาไปเที่ยวสวิสเซอร์แลนด์ไว้นิดนึงนะคะ พอดีเมื่อวานนี้เป็นฤกษ์ดี ได้เข้าครัวทำอาหารเองเป็นครั้งแรกหลังจากที่กลับมาเมืองไทย จริงๆ ตั้งใจไว้นานแล้วค่ะว่ากลับมาคราวนี้อยากจะทำอาหารให้คุณพ่อคุณแม่ได้ลองทานดูมั่ง แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้มีโอกาสทำซักทีด้วยเหตุผลพันประการ 555 (จริงๆ แล้วต้องบอกว่าเพราะรู้สึกตัวว่าทำเมนูไหนก็สู้กินฝีมือคุณม่ามี้ไม่ได้มากกว่าค่ะ ) และแล้วจู่ๆ ก็เกิดนึกขึ้นมาว่าน่าจะลองทำเมนูอาหารแปลกๆ ที่คุณพ่อคุณแม่ยังไม่เคยทานดีกว่า จะให้ทำอะไรยากๆ ก็คงไม่ไหว เนื่องด้วยเป็นแค่แม่ครัวสมัครเล่น ทำอาหารพอกินได้ก็เพราะต้องไปใช้ชีวิตที่เมืองนอก ดังนั้นเลยอาศัยความชื่นชอบส่วนตัวในอาหารเกาหลี เลือกเอาเมนูที่คิดว่าน่าจะทำไม่ยากมาลองหัดทำดีกว่า แล้วนี่ก็เลยเป็นที่มาของบิบิมบับมื้อนี้นี่แหละค่ะ

วิธีการทำก็ใช้การ search หามาจากในเน็ตนี่แหละค่ะ รวบรวมเอาวิธีที่ไม่ยุ่งยากและใช้เครื่องปรุงที่ไม่ต้องไปหาซื้อยุ่งวุ่นวาย เน้นง่ายและสะดวกค่ะ สุดท้ายก็เลยสรุปมาที่การทำตามนี้เลยค่ะ

วัตถุดิบและเครื่องปรุง

เนื้อหรือเนื้อหมู
ผักต่างๆ แล้วแต่ชอบนะคะ ที่ฝนใช้มีดังนี้ค่ะ
- ผักโขม
- ถั่วงอกหัวโต
- แครอท
- แตงกวา
- ซูกินี
- หอมหัวใหญ่
- เห็ดเข็มทอง (ถ้าชอบเห็นอื่นๆ ก็เลือกมาได้เลยค่ะ)
สาหร่าย
ไข่
กระเทียมสับ
งาขาวหรืองาดำแล้วแต่ชอบ
น้ำมันงา
เกลือ
น้ำตาล
ซ้อสพริกเกาหลี หรือที่เค้าเรียกกันว่าโกชูจัง


จริงๆ แล้ววิธีการทำไม่ได้ยากนะคะ เพียงแต่มันต้องเตรียมอะไรปลีกย่อยเยอะแยะแค่นั้นเอง เวลาส่วนใหญ่ก็หมดไปกะการเตรียมผักนี่แหละค่ะ กว่าจะเด็ดหางถั่วงอก กว่าจะหั่นซอยแครอทกะแตงกวา กว่าจะเอามาผัดมาต้ม แถมต้องทำแยกส่วนอีกต่างหากเพราะทำรวมๆ แล้วมันจะไม่สวย 555 สำหรับสูตรที่ฝนทำนี่ต้องขอบอกว่าเป็นสูตรตามใจฉันนะคะ อ่านเอาของหลายๆ ที่แล้วเอามาปรับตามความชอบและความสะดวกของตัวเองเป็นหลักค่ะ อาจจะแปลกๆ ก็อย่าถือสาแม่ครัวสมัครเล่นคนนี้นะคะ

มาเริ่มกันที่การเตรียมผักก่อนแล้วกันนะคะ หลังจากล้างทำความสะอาดแล้ว ฝนจะแยกทำผักตามนี้ค่ะ

แตงกวา -- หั่นฝอยเป็นเส้นๆ แต่ก่อนไม่รู้เลยค่ะว่าต้องทำยังไง ไปอ่านเจอวิธีหั่นจากเวปนึงมาถึงได้รู้ว่าต้องค่อยๆ ปลอกรอบนอกแตงกวาออกมาเป็นแผ่นยาวๆ แล้วถึงมาซอยทีหลัง สำหรับแตงกวาฝนเลือกที่จะหั่นแล้วไว้ทานสดๆ เลยค่ะ ไม่ได้ทำไรต่อ



แครอท -- อันนี้ก็ต้องหั่นฝอยเป็นเส้นๆ เหมือนกัน เสร็จแล้วก็เอาไปผัดกับน้ำมันงาและกระเทียมค่ะ



เห็ดเข็มทอง -- ถ้ารู้สึกว่ามันยาวไปก็หั่นครึ่งต้นค่ะ แล้วก็เอาไปผัดกะน้ำมันงาและกระเทียม ใส่เกลือเล็กน้อยค่ะ



หอมหัวใหญ่ -- หั่นเป็นเส้นๆ แล้วนำไปผัดใส่น้ำมันงา แอบใส่กระเทียมไปด้วยความเคยชิน



ถั่วงอกหัวโต -- อันนี้ของโปรดเลยค่ะ เอามาลวกน้ำพอสุกแล้วเอามาคลุกกะน้ำมันงาและเกลือนิดหน่อยค่ะ



ซูกินี่ -- เอามาหั่นตามขวางเป็นครึ่งวงกลม แล้วเอาไปลวก เสร็จแล้วก็เอามาคลุกกะน้ำมันงาและเกลือนิดหน่อยเหมือนกันค่ะ



ผักโขม -- นำไปลวกใส่เกลือ พอพักไว้จนหายร้อนก็บีบๆ เอาน้ำออกแล้วก็หั่นให้ยาวประมาณ 1 นิ้วค่ะ



ผักทั้งหมดที่เตรียมเสร็จแล้วฝนเอามาวางรวมๆ กันพักไว้ก่อนค่ะ ส่วนเจ้าเห็ดเข็มทองต้องแยกจานเพราะคุณพี่ผัดแล้วมีน้ำออกมาเพียบเรยค่ะเดี๋ยวไปเลอะชาวบ้านหมดเลยต้องแยกเดี่ยว



เสร็จจากผักทั้งหมดก็มาจัดการกะเนื้อกันต่อค่ะ หั่นเนื้อเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วนำไปผัดกับน้ำมันงาและกระเทียม ใส่งา โชยุ เกลือ เพื่อปรุงรสค่ะ



สำหรับซ้อส ก็ไปซื้อเจ้าโกชูจังตามซูเปอร์มาเก็ต ฝนซื้อมาจากซูเปอร์ใน Korean Town ค่ะ ราคา 190 บาท แต่วันก่อนไปเดินซื้อผักในคาร์ฟูก็เห็นมีขายนะคะ แต่รู้สึกจะแพงกว่าที่ฝนซื้อนะ ตักโกชูจังออกมาตามที่จะใช้ แล้วปรุงด้วยน้ำมันงาและน้ำตาลค่ะ ชิมรสแล้วแต่ชอบเลยค่ะ



อ้อ..ที่ขาดไม่ได้อีกอย่างก็คือไข่ค่ะ ปกติถ้าไปทานที่ร้านเค้าจะตอกไข่ดิบลงไปแล้วเวลาเสิร์ฟกับชามร้อนก็จะคลุกๆ ไข่ก็จะสุกพอดีทาน แต่คราวนี้กินแบบบ้านๆ ก็ทอดเป็นไข่ดาวนี่แหละค่ะ อีกอย่างที่ไม่ได้ถ่ายภาพมาก็คือสาหร่ายแผ่นๆ เอามาตัดเป็นชิ้นยาว 1 นิ้วไว้โรยข้าวค่ะ

และแล้วทุกอย่างก็พร้อมหมดแล้ว คุณแม่เห็นบรรดาส่วนประกอบต่างๆ ที่วางไว้ก็แอบชมว่าน่าทานจัง พอคุณพ่อกลับมาก็จัดการตักข้าวใส่ถ้วยแล้วเรียงเนื้อผัดและผักต่างๆ ลงบนข้าว พยายามสลับๆ สีหน่อยนะคะจะได้สวยๆ โปะหน้าด้วยไข่ดาว โรยสาหร่าย แล้วก็ใส่ซ้อส หน้าตาอาจจะไม่ค่อยสวยงามเท่าไหร่ เพราะไข่ดาวก็บานไปครึ่งชามแระ ปิดสีสันของผักหมดเรยเนี่ย



พอคลุกเรียบร้อยแล้วหน้าตาก็ออกมาประมาณนี้ค่ะ แอบเลอะเทอะหน่อยนะคะ



เครื่องเคียงมีอย่างเดียวค่ะวันนี้ ก็เจ้ากิมจินี่แหละค่ะ อาศัยซื้อมาจากซูเปอร์ค่ะ รสเปรี้ยวเกินงามไปนิดส์นุง เคยเกริ่นๆ กะพ่อว่าอยากทานแบบทำเองดูมะ พ่อบอกว่ากลัวท้องเสีย พ่อนะพ่อ.. ไม่ไว้ใจกันเร้ยยยยย...



บทสรุปของบิบิมบับมื้อนี้ก็ผ่านไปได้ด้วยดีค่ะ ฝนเองรู้สึกว่าบิบิมบับจะอร่อยรึเปล่าขึ้นกับซ้อสเป็นสำคัญนะคะ เพราะงั้นถ้าซ้อสอร่อย..ก็ทำให้บิบิมบับอร่อยได้ไม่ยากเลย สรุปแล้ว..บิบิมบับเป็นเมนูที่ทำไม่ยากเลยค่ะ เพียงแต่ต้องขยันเตรียมเครื่องต่างๆ แค่นั้นเอง ฝนทำได้คนอื่นก็คงทำได้ไม่ยากเลยค่ะ






















 

Create Date : 27 สิงหาคม 2551    
Last Update : 6 ตุลาคม 2552 0:17:29 น.
Counter : 28579 Pageviews.  

แม่ครัวสมัครเล่นกะเค้ก Tres Leches --> เค้กสามนม

หวัดดีค่ะ หลังจากทิ้งร้างบล็อคอาหารมานาน เมื่อวานนี้ได้ลองทำเค้กสามนมทาน ก็เลยได้ถ่ายรูปเอามาลงบล็อคค่ะ เราเองไม่ได้มีพื้นฐานด้านการทำอาหารและขนมมาเลยนะคะ เวลามาอยู่ต่างประเทศแบบนี้.. โดยเฉพาะเมืองที่เราอยู่ที่ไม่ได้มีอะไรทุกอย่างที่อยากทาน บางทีก็เลยต้องลงมือทำเอง อย่างเค้กนี่ จริงๆ ก็มีขายแหละค่ะ แต่อยากลองทำเองดูมั่ง เค้กสามนมอันนี้เคยทานจากฝีมือรุ่นพี่คนนึงที่ทำให้ทานแล้วติดใจค่ะ ก็เลยลองหาสูตรจากในเน็ตมาลองทำดู ซึ่งสูตรที่ได้ก็มาจากบล็อคของคุณ Beebie ตามลิงค์นี้เลยค่ะ ♡Three Milk Cake (Pastel de Tres Leches) - เค้กสามนม ต้องขอบคุณคุณ Beebie มา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ

สำหรับสูตรที่เราใช้ก็เอาสูตรของคุณ Beebie มาดัดแปลงนิดหน่อยค่ะ เนื่องจากจะทำปริมาณที่มากขึ้น แล้วก็ของบางอย่างไม่มีแบบว่าลืมซื้อมา ก็เลยมีปรับบ้างค่ะ สูตรเดิมที่มาจากบล็อคคุณ Beebie ตามนี้ค่ะ รบกวนขออนุญาตก๊อปมาจากลิงค์ที่ให้ไว้ข้างบนนะคะ

ตัวเค้ก
- แป้งเค้ก 175 กรัม
- เบคกิ้งโซดา 1 ชช.
- ผงฟู 1 ชช.
- เกลือ 1/2 ชช.
- ไข่ไก่ขนาดใหญ่ 3 ฟอง (ทิ้งไว้ที่อุณหภูมิห้องให้คลายความเย็น)
- น้ำตาลทราย 155 กรัม
- เนยสดจืด 175 กรัม (อ่อนตัว)
- น้ำมะนาว 1 ชช.
- กลิ่นวานิลลา 1/2 ชช.
- วิปปิ้งครีม 1/2 ถ้วย (สำหรับแต่งหน้าเค้ก)


Three Milk
- นมข้นหวาน 6 ออนซ์ (ประมาณ 170 กรัม หรือเกือบ 1/2 กระป๋อง)
- นมข้นจืด 6 ออนซ์
- นมสดรสจืด 1/2 ถ้วย
- วิปปิ้งครีม(1) 1/2 ถ้วย
ผสมส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกัน คนให้เข้ากันดี ใข้สำหรับไว้ราดบนเค้กให้ทั่ว


สำหรับเราทำโดยเพิ่มปริมาณอีกครึ่งนึงค่ะ แล้วก็เปลี่ยนจากเนยเป็นน้ำมันพืชเพราะว่าลืมซื้อเนยสดจืดมา แล้วก็ไม่ได้ซื้อวานิลลามาด้วย ก็เลยตัดไป วิธีการทำก็ตามที่อ่านจากบล็อคคุณ Beebie เลยค่ะ เราถ่ายรูปบางส่วนมาให้ดูด้วยค่ะ ค่อนข้างตามมีตามเกิดหน่อยนะคะตามประสาแม่ครัวสมัครเล่น

1. อุ่นเตาอบที่ 325 องศาฟาเรนไฮต์ ร่อนแป้ง+ผงฟู+เบคกิ้งโซดา และเกลือป่นเข้าด้วยกัน พักไว้



2. ตีไข่ไก่ให้ขึ้นฟูขาว ประมาณ 3 นาที เติมน้ำตาลทรายลงไปทีละน้อย ตีต่อให้เข้ากันดี

3. เติมเนยสด+กลิ่นวานิลลา+น้ำมะนาวลงไป ตีต่ออีกประมาณ 2-3 นาที

4. จากนั้นเติมส่วนผสมแป้งลงไป คนให้พอเข้ากัน



5. เทใส่พิมพ์สี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาด 9x9 นิ้ว ที่รองด้วยกระดาษไข ไม่ต้องทาไขมัน อบไฟ 325 องศาฟาเรนไฮต์ 35-40 นาที (พิมพ์ที่เรามีก็ไม่รู้ขนาดเท่าไหร่นะคะ ไม่ได้วัดแฮะ แต่พอดีมีอันนี้ก็เลยใช้อันนี้อ่ะค่ะ ตามมีตามเกิดมั่กๆ )



6. เช็คสุกได้โดยแตะเบาๆที่ผิวหน้าเค้ก เค้กจะสปริงตัวขึ้นมา แสดงว่าเค้กสุกแล้ว นำเค้กออกจากเตา ตั้งทิ้งไว้ในพิมพ์ประมาณ 5 นาที จากนั้นแซะออกจากพิมพ์ ค่อยๆลอกกระดาษไขออก แล้วผึ่งไว้ให้เย็นบนตะแกรง ระหว่างรอให้เตรียมส่วนผสมนมรอไว้ (ขอสารภาพบาปว่าตอนเราเช็คว่าสุกรึเปล่าพอกดไปมันไม่ยอมเด้งอ่ะค่ะ ก็เลยเอาไปอบต่อ.. ปรากฏว่ากดทีไรก็ไม่เด้งซักทีจนสีเริ่มเข้มแระ ลองเอามีดลองจิ้มลงไปกลางเค้ก (แบบว่าหาไม่จิ้มฟันไม่เจออ่ะค่ะ ) เพราะจำได้ว่าถ้าสุกจะไม่มีไรติดขึ้นมา แต่ทิ้งรอยบุ๋มไว้กลางเค้กซะน่าสงสารเชียว เราเรียกมันว่าสะดือเค้กค่ะ )



7. พอเค้กเย็นแล้วให้เลื่อยผิวหน้าเค้กออก เพื่อที่เวลาราดนมแล้วส่วนผสมนมจะซึมเข้าเนื้อเค้กได้ดีขึ้น จากนั้นนำเค้กที่ได้ใส่กลับเข้าไปในพิมพ์ ราดด้วยส่วนผสมนม แล้วนำไปแช่ตู้เย็นไว้ให้เย็น (อันนี้แอบไม่ทำตามค่ะ เพราะขี้เกียจแล้วก็เสียดายเนื้อเค้ก ก็เลยราดลงไปบนเค้กเลยค่ะ)



8. ก่อนเสิร์ฟตีวิปปิ้งครีมให้ตั้งยอดแล้วปาดหน้าเค้กตามชอบ



หลังจากทำออกมาแล้วหน้าตาอาจจะพิลึกหน่อยนะคะ เพราะเกิดมาไม่เคยแต่งหน้าเค้กเลยค่ะ ปาดหน้าเค้กยังไงยังไม่รู้เลยค่ะ ก็ได้แต่ปาดมั่วๆ ไปตามมีตามเกิด แล้วเอาครีมที่เหลือมาแต่งมั่วๆ อีกเช่นเคย หน้าตาออกมาประมาณนี้ค่ะ



อีกซักรูป.. อันนี้ซูมเข้ามาหน่อยค่ะ รูปนี้พอจะมองเห็นว่าราดนมซะชุ่มเชียว




รูปที่ถ่ายออกจะสีสลัวๆ หน่อยนะคะ เพราะว่าทำเค้กตอนตีหนึ่งค่ะ.. ไม่ได้เขียนผิดค่ะ ทำเสร็จได้กินประมาณตีสาม ตอนแรกก็กะว่าจะแช่เย็นไว้กินตอนเช้าวันถัดไป แต่ว่าอดใจไม่ไหวค่ะ นั่งกินเค้กกันตอนตีสามกว่า กินเสร็จก็กลิ้งไปนอนกัน อ้วนท้วนสมบูรณ์กันทั้งบ้านเลยเชียว

คำเตือน: ถ้าคุณกำลังไดเอท กรุณามองข้ามเค้กนี้ไปเลยนะคะ เพราะว่ากินแล้วคงอ้วนกลิ้งได้กันเลยทีเดียว ทั้งแป้ง น้ำตาล น้ำมัน นมอีก แต่มันก็คุ้มกับการได้กินเค้กนุ่มๆ ชุ่มลิ้นด้วยนมหวานๆ เย็นๆ ค่ะ ช่างเหมาะนักกับวันร้อนๆ ช่วงนี้เป็นที่สุด วันนี้เลยต้องรีบไปออกกำลังกายเผาผลาญพลังงานเป็นการใหญ่เลยค่ะ



















 

Create Date : 07 เมษายน 2551    
Last Update : 6 ตุลาคม 2552 0:17:55 น.
Counter : 2023 Pageviews.  

1  2  3  

แมวจอมกวน
Location :
กรุงเทพฯ United States

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ก็แค่อดีตคนไกลบ้านคนนึง ที่เริ่มจากหลวมตัวมาเรียนที่อเมริกา ผ่านเรื่องราวต่างๆ มากมายในชีวิต ได้รับประสบการณ์และแง่คิดมากมายจากดินแดนแห่งนี้ ตอนนี้หาทางกลับบ้านเจอแล้วค่า.. ได้กลับมาเริ่มต้นชีวิต (อีกครั้ง) ที่เมืองไทยซะที ที่มาของชื่อก็เพราะว่าเป็นคนที่รักแมว จึงเป็นที่มาของชื่อ "แมวจอมกวน" ยินดีที่ได้รู้จักกับทุกคนค่ะ


Link Blog ล่าสุด

คนโสดและไม่โสดหงายมือขวามาดูเดี๋ยวนี้ (เส้นสมรส ฟันธง!!!!)
มาทำความเข้าใจระบบเศรษฐกิจจากควายกันดูมั๊ยคะ ^^
คนค้นคน: มิสป่าตอง... หญิงที่ผูกติดกับภาพในอดีต
Cherubin Chocolate Cafe ร้านเค้กสำหรับคนรักช็อกโกแลต (และน้องหมี)
สำหรับแฟนบาร์บี้.. ชวนมาสะสมแสตมป์ไทยชุดบาร์บี้กันค่ะ
ตามรอยห้องก้นครัวไปชิม King Kong Buffet ซอยหลังสวนค่ะ
Lenka สาวสวยเสียงน่ารัก..เพลงยิ่งน่ารักน่าฟัง
หน้าร้อนแบบนี้.. มาสครับผิวกันดีกว่าค่ะ: รีวิวสครับที่กำลังปลื้ม
แอบงอน Coffee Bean เลยได้มาลอง Sugaroma ร้านเค้กน่ารักและน่ากินค่ะ
มาทำความเข้าใจกับวิกฤติการณ์แฮมเบอร์เกอร์กันง่ายๆ ด้วยภาพกันค่ะ
Review น้ำหอมในกรุ (ภาค 4)
Review น้ำหอมในกรุ (ภาค 3)
Ho Kitchen กับอาหารเย็นมื้อใหญ่
สวิสเซอร์แลนด์ ตอนที่ 5 Luzern & ไปลุยหิมะบนยอดเขาTitlis
สวิสเซอร์แลนด์ ตอนที่ 4 Lausanne, Vevey, and Montreux
สวิสเซอร์แลนด์ ตอนที่ 3 Berne & Mont Blanc
บิบิมบับ ข้าวยำเกาหลี เมนูที่ทำเองได้ไม่ยากเลยค่ะ
สวิสเซอร์แลนด์ ตอนที่ 2 Zurich & Geneva
สวิสเซอร์แลนด์ ตอนที่ 1 จุดเริ่มต้นการเดินทางและการเตรียมตัว
ผลจากโปรโมชั่นของ drugstore ทำให้ได้ไรมามั่ง มาเปิดถุงพร้อมรีวิวกันเลยค่ะ
รีวิว Bath & Body Works กลิ่นใหม่ต้อนรับสปริงค่ะ
If we hold on together >> Piano by คุณ tutu_pianist เพลงพิเศษสำหรับพี่หญิง ตัวเล็กอ้วนค่า
รีวิวผ้าเช็ดเครื่องสำอาง Pond's Cleansing Towelettes
Joanna Wang >> An Asian Version of Norah Jones
แม่ครัวสมัครเล่นกะเค้ก Tres Leches --> เค้กสามนม
รีวิว Skinceuticals C+ E Ferulic & Gamma Hydroxy & Kanebo กระปุกแดง
บล็อคสีชมพูกะเทศกาลดอกเชอรี่บาน Cherry Blossom @ DC
Review ครีมหอมๆ กลิ่นใหม่ๆ จาก Victoria's Secret และ Bath and Body Works ค่ะ
เปิดตัว MMU ตัวที่สามกับ Lumiere
เปิดตัว MMU ตัวที่สองกับน้องเหมียว Meow Cosmetics ค่ะ
รีวิว Everyday Minerals

เปิดตัว Mineral makeup ชิ้นแรกของเรา กับ Everyday Minerals ค่ะ
ประสบการณ์กรีดสิวที่คลินิคหมอเสริม-เพ็ญจันทร์

Magic Liquid Powder & Magic Illuminating Potion by Prescriptives
Aspirin Mask ของดีราคาถูกที่น่าลอง

บลัชลุงชู P Amber 87 VS elf Sun Kissed ความเหมือนที่แตกต่าง
Review Eyeshadow ของ Nars ค่ะ

รีวิวสีบลัช NARS ตามสัญญาค่ะ


   
11 March 2008
Friends' blogs
[Add แมวจอมกวน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.