ตามรอยห้องก้นครัวไปชิม King Kong Buffet ซอยหลังสวนค่ะ
พักนี้แอบนอกใจห้องแป้งไปแว้บๆ หาของน่าทานที่ห้องก้นครัวบ่อยเชียวค่ะ ล่าสุดก็เลยได้ไปลองทานบุฟเฟ่ที่เพิ่งเปิดใหม่ตรงซอยหลังสวนเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาค่ะ ต้องขอบคุณคุณ Calamity จากกระทู้นี้นะคะ //www.pantip.com/cafe/food/topic/D7648621/D7648621.html คนชอบทานเนื้ออย่างเราเห็นแล้วอดใจไม่ได้จริงๆ ค่ะ ในที่สุดก็เลยได้มาลอง King Kong Buffet ตามทันทีเลยค่ะวันนั้นเดินทางไปโดยรถไฟฟ้าค่ะ สะดวกมากๆ ลงที่สถานีชิดลม แล้วลงฝั่งรร.มาแตร์ เดินเข้าไปในซอยหลังสวนนิดเดียวเองค่ะก็จะเจอร้านอยู่ถัดจาก 7-11 ร้านอยู่ด้านซ้ายมือถ้าหันหน้าเข้าซอยนะคะ ตอนที่ไปทางร้านบอกว่าปลาแซลมอนยังมาไม่ถึงค่ะ สงสัยวันนั้นคงมีคนมาทานเยอะจนสต๊อกของไม่พอ แล้วมีปัญหาเรื่องอะไรอีกนี่แหละค่ะ ของเลยออกช้า แต่ก็พอดีที่เราต้องรอพรรคพวกอีกสองคนมาสมทบ ก็เลยบอกเค้าว่ารอเพื่อนก่อนแล้วกัน ผจก.ร้านน่ารักมากๆ ค่ะ ทำให้เราไม่รู้สึกไม่ดีกับการที่ของออกช้าเลย ไปถึงก็สั่งเลยค่ะว่าเอาทุกอย่างในเมนูมาอย่างละอัน ส่วนน้ำก็ชาเขียวเย็นค่ะ
แอบงอน Coffee Bean เลยได้มาลอง Sugaroma ร้านเค้กน่ารักและน่ากินค่ะ
ถ้าพูดถึงเค้กแล้ว.. หลายๆ คนคงมีร้าน Coffee Bean by Dao เป็นร้านเค้กในดวงใจกันหลายคน โดยเฉพาะในช่วงที่ยังมีร้านอยู่ที่เดียวที่ซอยเอกมัย ซอย 12 เราเองก็เป็นหนึ่งในสาวกของร้านนี้ด้วยค่ะ เพราะไม่ไกลบ้านและรสชาดของเค้ก (และอาหารก็ด้วยนะ) โดนใจสุดๆ แต่พอเวลาผ่านไป เรารู้สึกว่าคุณภาพความอร่อยและราคาทำไมมันเริ่มแปลผันกันนะ ราคาที่เพิ่มขึ้นจากแปดสิบเก้าสิบ มาเป็นร้อยกว่าๆ ในขณะที่ขนาดเราว่ามันเล็กลงอ่ะ รสชาดก็ไม่ปิ๊งเหมือนแต่ก่อน คืออร่อยนะ..เพียงแต่มันไม่เหมือนเดิม ก็เลยทำให้เราไม่ค่อยเลือกร้านนี้เท่าไหร่เวลาอยากกินเค้ก ประกอบกับพักนี้มีร้านเค้กให้เลือกไปลองชิมเยอะแยะไปหมด ก็เลยแอบงอน Coffee Bean หันไปหาร้านเค้กอื่นๆ เพื่อหาร้านที่ถูกใจต่อไป แล้วก็เลยเป็นที่มาของรีวิววันนี้ค่ะสำหรับที่มาของร้านนี้ก็เพราะคุณบอสเลยค่ะ คุณบอสเราเค้าอยู่แถวเอกมัย แล้ววันนึงคุยกันเรื่องเค้กนี่แหละ เค้าบอกว่า..ถ้าชอบกินเค้กนะ ลองไปร้านนี้ดูสิ เค้าชอบกว่า Coffee Bean เยอะเลย อยู่ใกล้ๆ กันนี่แหละ ชื่อ "Sugaroma" ชื่อนี้ยังวนเวียนอยู่ในสมองได้สองสามวัน พอสบโอกาสหยุดเสาร์อาทิตย์เลยแว้บไปลองชิมค่ะ
Ho Kitchen กับอาหารเย็นมื้อใหญ่
หวัดดีค่ะ ต้องขอโทษเพื่อนๆ ที่ฝนหายหน้าหายตาไปพักใหญ่ๆ เลยนะคะ ช่วงนี้คอมของฝนแอบดื้อแผลงฤทธิ์จนต้องรอช่างใหญ่มาจัดการให้หายดื้อน่ะค่ะ ก็เลยไม่ได้เข้ามาอัพบล็อคเพิ่มเติมนานเลย บล็อคพาเที่ยวสวิสก็เลยยังถูกดองไม่ได้พาไปเที่ยวเมือง Murren ที่ฝนตั้งใจนำเสนอซักที ขอเวลาจัดการกะน้องคอมก่อนนะคะ แล้วจะพาเที่ยวสวิสต่อแน่นอนค่ะ สำหรับวันนี้เนื่องจากอยากนำเสนอร้านอาหารร้านนึงมั่กๆ ค่ะ เพราะว่าฝนไปทานมาสองรอบแล้วชอบมากมาย เพื่อนๆ หลายคนคงรู้จักกันแล้วนะคะ เพราะฝนก็เห็นเค้าโฆษณาตามรายการอาหารบ่อยๆ เหมือนกัน เอาเป็นว่ามาลองดูเมนูอาหารที่ฝนได้ไปทานคราวล่าสุดกันดีกว่าค่ะสำหรับ Ho Kitchen เท่าที่ฝนทราบตอนนี้มีอยู่สองสาขานะคะ ที่พระราม 3 และที่เหม่งจ๋าย ฝนรู้จักร้านนี้ก็เพราะเคยดูรายการพาไปชิมอาหารรายการนึงแล้วเค้าก็มีนำเสนอเมนูต่างๆ ของร้านนี้ เห็นแล้วบางรายการก็น่าทานมากๆ แต่บางรายการเห็นแล้วก็แอบค้านอยู่ในใจกับการทรมานสัตว์ไปนิดส์นุงอ่ะ (พอดีเคยไปเจอเมนูคุณกุ้งล็อปสเตอร์ที่เค้าเอาเนื้อมาทำซาซิมิ แล้วหนวดกุ้งยังกระดิกไปมาอยู่ในจานเลยน่ะค่ะ เห็นแล้วหดหู่มั่กๆ) เอาล่ะ.. สรุปว่าตอนนั้นก็ไม่ได้คิดอยากไปทานร้านนี้เลย แต่ว่าพอดีเพื่อนๆ ที่ออฟฟิศชวนกันไปทานมื้อเที่ยงที่ร้านนี้เพราะช่วงนี้มีโปรโมชั่นติ่มซำลด 50% ก็เลยติดสอยห้อยตามเพื่อนๆ ไป แล้วก็พบว่า... มันอร่อยมั่กๆ อ่ะค่ะ ไม่ได้ทานติ่มซำที่อร่อยแบบนี้มานานแล้วด้วยล่ะ ก็เลยชอบใจเป็นพิเศษ ถือว่าคุ้มค่ากับราคาดีค่ะ เพราะเฉลี่ยแล้วเข่งนึงก็สามสิบบาท แต่ต้องบอกว่ากุ้งเป็นกุ้งจริงๆ ค่ะ อย่างเช่นถ้าสั่งฮะเก๋าก็จะมีฮะเก๋าสามก้อนอ้วนกลมไปด้วยกุ้งตัวใหญ่ๆ สามตัวในแต่ละก้อนอ่ะค่ะ เคยแนะนำเพื่อนอีกคนไปทาน เค้าบอกว่ากินแล้วขอหยุดกินกุ้งไปพักนึงเลย 555 เสียดายที่ฝนไม่มีภาพประกอบนะคะ เพราะตอนนั้นไม่ได้ถ่ายรูปเก็บไว้ ส่วนเมนูที่อยากให้ลองเป็นพิเศษคงเป็นขนมผักกาดนะคะ เพราะปกติฝนไม่ได้ชอบกินเลยนะ แต่ของที่นี่อร่อยนุ่มละมุนลิ้นเป็นที่สุดเลยค่ะ เอาล่ะ.. เกริ่นมายาวเหยียด สรุปว่าตั้งแต่คราวนั้นที่ไปทานติ่มซำก็ไม่ได้ไปอีกเลย จนกระทั่งเมื่อสัปดาห์ก่อนมีเจ้ามือใหญ่พาไปเลี้ยงค่ะ ของฟรีแบบนี้ก็เลยขอไปทานอีกซักมื้อค่ะ คราวนี้ไปร้านสาขาเหม่งจ๋ายค่ะ สภาพร้านดูดีกว่าที่พระราม 3 มากมายจริงๆ แฮะ และด้วยความที่มื้อนี้เป็นมื้อใหญ่เพราะมีคนไปทานประมาณสิบคนได้ ก็เลยเลือกสั่งเมนูที่เป็นชุดค่ะ ชุดที่เลือกเป็นชุดราคา 18,000 มีเมนูตั้งแต่ออเดิฟ (สะกดผิดต้องขออภัยมา ณ ที่นี้นะคะ) จนกระทั่งจบที่เมนูของหวานเลยค่ะ รวมๆ แล้วจำไม่ได้ว่ามีกี่รายการเหมือนกันแฮะ เพราะว่าช่วงแรกๆ ไม่ได้ถ่ายรูปเก็บไว้น่ะค่ะ เพราะยังแอบเกรงใจเจ้ามือ แฮะๆ หลังๆ ถึงได้เริ่มอดใจไม่ไหวขอถ่ายเก็บไว้มารีวิวดีกว่าเพราะมันอร่อยมั่กๆ อ่ะค่ะ มาเริ่มกันเลยดีกว่าเนาะ...ขอเริ่มจากบรรดาเครื่องดื่มก่อนแล้วกันนะคะ ปกติก็จะสั่งพวกชากะน้ำเก็กฮวยกันค่ะ แต่ฝนก็เพิ่งทราบว่าจะสั่งเอาชากะเก็กฮวยมาผสมกันก็ได้นะคะ พวกนี้รีฟิลค่ะ แต่ที่อยากนำเสนอก็คือน้ำมะพร้าวค่ะ คือว่าช่วงนี้ฝนจะบ้ากินน้ำมะพร้าวค่ะ เพราะปกติเวลาทำงานจะต้องสั่งเครื่องดื่มอย่างนึงไปทานช่วงบ่าย แต่ก่อนก็จะสั่งพวกโอวัลติน โกโก้ ฃาเขียว กาแฟ เขียวโซดามะนาวไรงี้ แต่ซักพักชักรู้สึกอ้วนค่ะ ไปเจอร้านที่เค้าขายน้ำมะพร้าวเทจากลูกให้เลย ราคาก็ไม่แพง 13 บาทเองค่ะ ก็เลยเปลี่ยนมากินน้ำมะพร้าวทุกวัน (ที่ซื้อทัน) เลยค่ะ เพื่อนๆ บอกว่าสงสัยจะอยากตัวหอม เพราะเค้าว่ากินน้ำมะพร้าวแล้วทำให้ตัวหอม อันนี้ก็ไม่รู้ว่าจริงเท็จแค่ไหนนะคะ ใครรู้ช่วยบอกที พูดมาซะยาวอีกแล้ว สรุปว่าน้ำมะพร้าวที่นี่จะมาเป็นลูกเลยค่ะ หวานเย็นอร่อยมากมาย หรือจะสั่งเป็นน้ำมะพร้าวปั่นก็อร่อยเช่นกันค่ะ (แต่แอบอ้วนกว่านะเพราะมีเนื้อกะนมผสมเพียบเลยค่ะ) มาเข้าเมนูอาหารกันซักทีดีกว่า.. เริ่มจากออเดิฟก่อนแล้วกันนะคะ ด้วยความที่ตอนแรกที่มาหิวจัดค่ะเลยสั่งออเดิฟไปก่อนจานนึงเป็นแบบรวมสี่อย่าง พอมารวมออเดิฟจากในชุดด้วย รูปก็ไม่ได้ถ่ายไว้ เลยจำไม่ได้แล้วค่ะว่าในชุดจะมีอะไรให้บ้าง ถ้าจำไม่ผิดก็จะมีไก่นึ่งคล้ายๆ ไก่ในข้าวมันไก่น่ะค่ะ ไข่เยี่ยวม้า แมงกะพรุนน้ำมันงา แล้วก็มีลิ้นเป็ดผัด ถ้าจำผิดก็ขออภัยด้วยนะคะ สำหรับเมนูนี้ก็ใช้ได้ค่ะ แต่ไม่ได้ประทับใจอะไรเมนูที่สองถ้าจำไม่ผิดจะเป็นหอยเชลล์ผัดซ้อสเอ็กซ์โอค่ะ หอยเชลล์ตัวใหญ่ใช้ได้เลยค่ะผัดซ้อสใส่บล็อคเคอรี่อร่อยมั่กๆ เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปเอาไว้ แต่เมนูนี้แนะนำค่ะมาที่เมนูที่มีรูปเลยแล้วกันนะคะ เพราะจำไม่ได้แล้วล่ะว่าหลังจากนั้นมีไรอีกป่าว เมนูนี้ตอนแรกแอบกลัวเหมือนกันนะคะว่าจะออกมาเหมือนที่เคยเห็นในทีวีรึเปล่า ถ้าเป็นงั้นคงไม่กล้ากินแน่ๆ เลย แต่พอมาเสิร์ฟค่อยโล่งอกหน่อย (จริงๆ แล้วมันก็ไม่ได้ต่างกันหรอกเนาะเพราะไงเค้าก็ต้องไปจับเจ้ากุ้งมาเจี๋ยนให้เรากินอ่ะ ขอเป็นคนใจร้ายกินน้องกุ้งซักวันแล้วกันเนาะ )
บิบิมบับ ข้าวยำเกาหลี เมนูที่ทำเองได้ไม่ยากเลยค่ะ
หวัดดีค่า วันนี้ขอพักจากการพาไปเที่ยวสวิสเซอร์แลนด์ไว้นิดนึงนะคะ พอดีเมื่อวานนี้เป็นฤกษ์ดี ได้เข้าครัวทำอาหารเองเป็นครั้งแรกหลังจากที่กลับมาเมืองไทย จริงๆ ตั้งใจไว้นานแล้วค่ะว่ากลับมาคราวนี้อยากจะทำอาหารให้คุณพ่อคุณแม่ได้ลองทานดูมั่ง แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้มีโอกาสทำซักทีด้วยเหตุผลพันประการ 555 (จริงๆ แล้วต้องบอกว่าเพราะรู้สึกตัวว่าทำเมนูไหนก็สู้กินฝีมือคุณม่ามี้ไม่ได้มากกว่าค่ะ ) และแล้วจู่ๆ ก็เกิดนึกขึ้นมาว่าน่าจะลองทำเมนูอาหารแปลกๆ ที่คุณพ่อคุณแม่ยังไม่เคยทานดีกว่า จะให้ทำอะไรยากๆ ก็คงไม่ไหว เนื่องด้วยเป็นแค่แม่ครัวสมัครเล่น ทำอาหารพอกินได้ก็เพราะต้องไปใช้ชีวิตที่เมืองนอก ดังนั้นเลยอาศัยความชื่นชอบส่วนตัวในอาหารเกาหลี เลือกเอาเมนูที่คิดว่าน่าจะทำไม่ยากมาลองหัดทำดีกว่า แล้วนี่ก็เลยเป็นที่มาของบิบิมบับมื้อนี้นี่แหละค่ะ วิธีการทำก็ใช้การ search หามาจากในเน็ตนี่แหละค่ะ รวบรวมเอาวิธีที่ไม่ยุ่งยากและใช้เครื่องปรุงที่ไม่ต้องไปหาซื้อยุ่งวุ่นวาย เน้นง่ายและสะดวกค่ะ สุดท้ายก็เลยสรุปมาที่การทำตามนี้เลยค่ะ วัตถุดิบและเครื่องปรุงเนื้อหรือเนื้อหมูผักต่างๆ แล้วแต่ชอบนะคะ ที่ฝนใช้มีดังนี้ค่ะ- ผักโขม- ถั่วงอกหัวโต- แครอท- แตงกวา- ซูกินี- หอมหัวใหญ่- เห็ดเข็มทอง (ถ้าชอบเห็นอื่นๆ ก็เลือกมาได้เลยค่ะ)สาหร่ายไข่กระเทียมสับงาขาวหรืองาดำแล้วแต่ชอบน้ำมันงาเกลือน้ำตาลซ้อสพริกเกาหลี หรือที่เค้าเรียกกันว่าโกชูจังจริงๆ แล้ววิธีการทำไม่ได้ยากนะคะ เพียงแต่มันต้องเตรียมอะไรปลีกย่อยเยอะแยะแค่นั้นเอง เวลาส่วนใหญ่ก็หมดไปกะการเตรียมผักนี่แหละค่ะ กว่าจะเด็ดหางถั่วงอก กว่าจะหั่นซอยแครอทกะแตงกวา กว่าจะเอามาผัดมาต้ม แถมต้องทำแยกส่วนอีกต่างหากเพราะทำรวมๆ แล้วมันจะไม่สวย 555 สำหรับสูตรที่ฝนทำนี่ต้องขอบอกว่าเป็นสูตรตามใจฉันนะคะ อ่านเอาของหลายๆ ที่แล้วเอามาปรับตามความชอบและความสะดวกของตัวเองเป็นหลักค่ะ อาจจะแปลกๆ ก็อย่าถือสาแม่ครัวสมัครเล่นคนนี้นะคะ มาเริ่มกันที่การเตรียมผักก่อนแล้วกันนะคะ หลังจากล้างทำความสะอาดแล้ว ฝนจะแยกทำผักตามนี้ค่ะแตงกวา -- หั่นฝอยเป็นเส้นๆ แต่ก่อนไม่รู้เลยค่ะว่าต้องทำยังไง ไปอ่านเจอวิธีหั่นจากเวปนึงมาถึงได้รู้ว่าต้องค่อยๆ ปลอกรอบนอกแตงกวาออกมาเป็นแผ่นยาวๆ แล้วถึงมาซอยทีหลัง สำหรับแตงกวาฝนเลือกที่จะหั่นแล้วไว้ทานสดๆ เลยค่ะ ไม่ได้ทำไรต่อ
แม่ครัวสมัครเล่นกะเค้ก Tres Leches --> เค้กสามนม
หวัดดีค่ะ หลังจากทิ้งร้างบล็อคอาหารมานาน เมื่อวานนี้ได้ลองทำเค้กสามนมทาน ก็เลยได้ถ่ายรูปเอามาลงบล็อคค่ะ เราเองไม่ได้มีพื้นฐานด้านการทำอาหารและขนมมาเลยนะคะ เวลามาอยู่ต่างประเทศแบบนี้.. โดยเฉพาะเมืองที่เราอยู่ที่ไม่ได้มีอะไรทุกอย่างที่อยากทาน บางทีก็เลยต้องลงมือทำเอง อย่างเค้กนี่ จริงๆ ก็มีขายแหละค่ะ แต่อยากลองทำเองดูมั่ง เค้กสามนมอันนี้เคยทานจากฝีมือรุ่นพี่คนนึงที่ทำให้ทานแล้วติดใจค่ะ ก็เลยลองหาสูตรจากในเน็ตมาลองทำดู ซึ่งสูตรที่ได้ก็มาจากบล็อคของคุณ Beebie ตามลิงค์นี้เลยค่ะ ♡Three Milk Cake (Pastel de Tres Leches) - เค้กสามนม ต้องขอบคุณคุณ Beebie มา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ สำหรับสูตรที่เราใช้ก็เอาสูตรของคุณ Beebie มาดัดแปลงนิดหน่อยค่ะ เนื่องจากจะทำปริมาณที่มากขึ้น แล้วก็ของบางอย่างไม่มีแบบว่าลืมซื้อมา ก็เลยมีปรับบ้างค่ะ สูตรเดิมที่มาจากบล็อคคุณ Beebie ตามนี้ค่ะ รบกวนขออนุญาตก๊อปมาจากลิงค์ที่ให้ไว้ข้างบนนะคะตัวเค้ก- แป้งเค้ก 175 กรัม- เบคกิ้งโซดา 1 ชช.- ผงฟู 1 ชช.- เกลือ 1/2 ชช.- ไข่ไก่ขนาดใหญ่ 3 ฟอง (ทิ้งไว้ที่อุณหภูมิห้องให้คลายความเย็น)- น้ำตาลทราย 155 กรัม- เนยสดจืด 175 กรัม (อ่อนตัว)- น้ำมะนาว 1 ชช.- กลิ่นวานิลลา 1/2 ชช.- วิปปิ้งครีม 1/2 ถ้วย (สำหรับแต่งหน้าเค้ก)Three Milk- นมข้นหวาน 6 ออนซ์ (ประมาณ 170 กรัม หรือเกือบ 1/2 กระป๋อง)- นมข้นจืด 6 ออนซ์ - นมสดรสจืด 1/2 ถ้วย- วิปปิ้งครีม(1) 1/2 ถ้วยผสมส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกัน คนให้เข้ากันดี ใข้สำหรับไว้ราดบนเค้กให้ทั่ว สำหรับเราทำโดยเพิ่มปริมาณอีกครึ่งนึงค่ะ แล้วก็เปลี่ยนจากเนยเป็นน้ำมันพืชเพราะว่าลืมซื้อเนยสดจืดมา แล้วก็ไม่ได้ซื้อวานิลลามาด้วย ก็เลยตัดไป วิธีการทำก็ตามที่อ่านจากบล็อคคุณ Beebie เลยค่ะ เราถ่ายรูปบางส่วนมาให้ดูด้วยค่ะ ค่อนข้างตามมีตามเกิดหน่อยนะคะตามประสาแม่ครัวสมัครเล่น1. อุ่นเตาอบที่ 325 องศาฟาเรนไฮต์ ร่อนแป้ง+ผงฟู+เบคกิ้งโซดา และเกลือป่นเข้าด้วยกัน พักไว้