Group Blog
All Blog
รักเพียงฝัน...(บท 3/1)



เรนัลโดก้าวออกจากสถานกงสุลไทยในนครริโอ เดอ จาเนโร หลังจากพาหญิงสาวไปแจ้งเรื่องร้องทุกข์ เจ้าหน้าที่สอบถามข้อมูลส่วนตัวเท่าที่เธอจะตอบได้ จากนั้นขอถ่ายรูปเพื่อใช้ในการออกตามหาญาติหรือคนรู้จัก สถานกงสุลรับปากว่าจะส่งข้อมูลพร้อมถ่ายภาพเหล่านั้น ไปให้คนไทยทุกคนที่อาศัยอยู่ในเมืองนี้

“คุณอยากไปไหนบ้างไหมอิริสวันนี้ ผมฟรี” เรนัลโดถามหญิงสาวเป็นประโยคแรก หลังจากก้าวขึ้นนั่งและคาดเข็มขัดนิรภัยกันเรียบร้อยแล้ว

ปลายรุ้งขยับตัวไปมองเขาตรงๆ วันนี้เขาสวมเชิ้ตและกางเกงสแล็กส์ สวมแว่นตากันแดดสีชา แลดูเท่สมาร์ตไม่ต่างไปจากบทบาทพระเอกที่เขาแสดงในหนัง มองเสี้ยวหน้าด้านข้าง เขาดูหล่อมาก...จนเธอนึกอยาก... ปลายรุ้งชะงักเมื่อนึกได้ว่าคิดอะไรบางอย่างที่ไม่ต่างจากเมื่อคืนอีกล้ว สะกดกลั้นความรู้สึกร้อนวูบวาบเหนือพวงแก้มพร้อมกับปัดความคำนึงทิ้งไป เพื่อเบนความสนใจไปยังเรื่องอื่น อย่างเรื่องรถเฟอร์รารีที่เขาขับอยู่

เรนัลโดดูจะชอบสะสมรถสปอร์ต เท่าที่เห็นจอดอยู่ที่แมนชันริมผานั่น ก็มีไม่ต่ำกว่าสามคัน และเชื่อแน่ว่าที่เซา เปาโล ก็ต้องมีอีกหลายคันแน่ นึกอยากรู้ว่ารวยขนาดนี้...เขายังมีอะไรที่ต้องการแล้วยังไม่ได้อีก?

“ว่าไง...คุณยังไม่ตอบผมอิริสว่าอยากจะไปไหน”

“ทำไมไม่หัดเรียกรุ้งละคะ” ปลายรุ้งตอบไปอีกทาง

“คุณจะขำผมน่ะสิ” หันมาตอบ

“ไม่ค่ะ...ฉันสัญญา”

“โอเค...งั้นต่อไปผมจะพยายามเรียกคุณด้วยชื่อนั้น”

ปลายรุ้งยิ้มแทนคำตอบ ก่อนเอ่ยเปลี่ยนเรื่องว่า “คุณถามรุ้งว่าอยากไปที่ไหน... รุ้งอยากไปหาซื้อเครื่องปรุงอาหารไทยเพื่อเอามาทำเมนูไทยให้คุณทาน”

“โอเค...งั้นผมจะพาไปร้านเอเชีย ผมรู้จักอยู่ร้านแถวใกล้ซุปเปอร์มาเก็ต แล้วที่ไหนอีกที่คุณอยากไป?”

“ที่ไหนก็ได้ค่ะแล้วแต่คุณ เพราะไม่รู้ว่าคุณจะปรากฏตัวที่ไหนได้บ้าง ปกติดาราคนดังเขาเลี่ยงการปรากฏกายต่อหน้าสาธารณชน เพราะไม่อยากเป็นข่าวไม่ใช่หรือคะ?”

“อาจจะใช่สำหรับคนอื่น แต่สำหรับผม...ไม่ใช่ ผมไม่แคร์นักกับการเป็นข่าว และไม่ยอมให้อะไรมามีอิทธิพลเหนือการใช้ชีวิตของผมด้วย ยกเว้นเสียแต่เป็นความต้องการของผมเอง เพราะฉะนั้นบอกมาเลยอิริสว่าอยากไปเที่ยวไหน”

“อิริสอีกแล้ว ไหนว่าจะเรียกรุ้งละคะ” เย้าเขายิ้มๆ

“รุ...รุ้ง” เรนัลโดพยายามออกเสียง

“ใช่ค่ะรุ้ง...คุณพูดได้ดีแล้ว”

เรนัลโดยิ้มกับการที่หญิงสาวทำราวกับเขาเป็นเด็กเล็กๆ ที่พอทำอะไรยากๆ สำเร็จแล้ว ก็จะให้รางวัล ด้วยการหยิบยื่นคำชมให้ เขายิ้มอ่อนโยนในหน้า พลางถามว่า “ตกลงอยากไปที่ไหน คุณยังไม่ตอบผม”

“กำลังนึกอยู่ค่ะ รุ้งรู้จักประเทศของคุณน้อยมาก”

“งั้นให้ผมเป็นไกด์ให้ดีไหม?” เสนอตัวด้วยความเต็มใจ

“ตกลงค่ะ” ยิ้มอ่อนหวานแทนคำขอบคุณ แล้วเปลี่ยนเรื่อง “ถามอะไรหน่อยสิคะ”

“เชิญครับ”

“ถ้ามีเวลาอยู่บนโลกนี้หนึ่งเดือน คุณจะทำอะไรคะ?”

“หมายความว่าไง...หมายความว่าหลังหนึ่งเดือนจะต้องเสียชีวิตเหรอ?”

“ใช่ค่ะ... ถ้ามีเวลาแค่นั้นคุณจะทำอะไรคะ?”

เรนัลโดทำท่าใช้ความคิด ก่อนตอบว่า “ผมคงจะทำในสิ่งที่ยังไม่ได้ทำ”

“เป็นต้นว่า?” ต่อประโยคเขา กระตุ้นเร้าให้พูดต่อ

“ผมก็คงแต่งงานกับคนที่ผมรัก แต่ปัญหาคือผมยังไม่เจอคนที่ใช่”

“คุณไม่มีใครที่ถูกใจเลยหรือคะ เหลือเชื่อ...ผู้ชายหล่อๆ และคุณสมบัติเพียบพร้อมเหมือนอย่างคุณ จะหาผู้หญิงเพอร์เฟกต์ยังไงก็ได้ คุณเลือกมากเกินไปหรือเปล่าคะ?”

“ผมว่าผมไม่ได้เลือกเลยนะ เพียงแต่คนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตยังไม่คลิกจริงๆ ...ผมหมายถึงยังไม่ใช่ ยังไม่โดนใจผม”

“ผู้หญิงในอุดมคติของคุณต้องเป็นยังไงคะ?”

“ตอบยากนะ ผมไม่เคยวางสเปก คงต้องเจอ ถึงจะบอกได้ว่าใช่หรือไม่ใช่”

ปลายรุ้งทำเสียงรับรู้ในลำคอ แล้วหันออกไปมองนอกหน้าต่าง “เปิดประทุนดีไหมคะ”

“ทำไมล่ะ?” หันมาถามเมื่อได้ยินน้ำเสียงเศร้าสร้อยของอีกฝ่าย

“เปล่าค่ะ แค่รู้สึกอึดอัดเหมือนจะหายใจไม่ออก”

“ผมว่าผมเร่งแอร์แล้ว” พูดพลางเอื้อมมือไปเพิ่มระดับความเย็น

“ไม่ค่ะ...แอร์รถกับอากาศบริสุทธิ์จากภายนอกมันต่างกัน”

เรนัลโดอึ้ง เขาไม่เข้าใจอีกฝ่าย หากก็ยอมทำตามเงียบๆ ชายหนุ่มปิดแอร์แล้วจึงกดปุ่มเปิดประทุน ลมจากภายนอกหอบมาปะทะเนื้อตัวพวกเขากรูใหญ่ จนเส้นผมตีกันยุ่งเหยิงและเสื้อผ้าสะบัดไปมาดังพึ่บพั่บ “เสียงมันดัง เราจะคุยกันไม่รู้เรื่องนะ” ดาราหนุ่มตะโกนบอก

หากทว่าหญิงสาวยังคงเงียบ มองเพียงทิวทัศน์นอกรถ เธอตอบตัวเองในใจว่า นั่นแหละคือความตั้งใจของเธอ เสียงดังจนคุยไม่ได้นั่นแหละดีแล้ว... ปลายรุ้งบอกกับตัวเองด้วยความรู้สึกโหวงเหวงในใจ หลังได้ยินคำตอบของเขา มันทำให้เธอรู้สึกราวกับคนตกจากที่สูง ด้วยคำตอบของเรนัลโด บอกเป็นนัยว่าเธอไม่อาจทำให้เขารู้สึกปิ๊งได้

พวกเธอเจอกันแล้ว...ผ่านจุดที่เขาพูดถึงมาแล้ว หากกระนั้นเธอก็ไม่อาจทำให้เขารู้สึกถูกตาและโดนใจได้...

‘เจ้าลืมไปแล้วเหรอปลายรุ้ง พวกเจ้าเพิ่งเจอกันได้ไม่ถึงสามวันจะให้เขาตกหลุมรักเจ้าเลยในทันทีเป็นไปไม่ได้หรอก ต่อให้ข้ามีพลังวิเศษ ก็ไม่อาจสร้างปาฏิหาริย์ให้เกิดขึ้นไดัเร็วขนาดนั้น ใจเย็นหน่อยสิ’

“ท่านเปตรา” ปลายรุ้งตะโกนออกมาเสียงดัง อารามดีใจที่ได้ยินเสียงเขาลอยเข้ามาในหัว ทำให้เธอเผลอร้องเรียกชื่ออีกฝ่ายด้วยความยินดี

“คุณพูดอะไร...ภาษาของคุณแปลกๆ อีกแล้วอิริส”

ปลายรุ้งชะงัก ผงะหันไปมองเขาด้วยท่าทีที่ตกใจ

เรนัลโดเห็นอีกฝ่ายหน้าเสีย จึงถามว่า “คุณเป็นอะไรอิริส จากผลข้างเคียงของอุบัติเหตุหรือเปล่า”

น้ำเสียงอ่อนโยนแสดงความห่วงใยแท้จริงของเขา ทำให้เธอพูดอะไรไม่ออก ปลายรุ้งได้แต่ยิ้มแหยๆ ให้เขา แล้วตอบว่า “เปล่าหรอกค่ะ แค่คำอุทานเป็นภาษาไทยน่ะค่ะ รุ้งบังเอิญคิดอะไรขึ้นมาได้ ก็เลยอุทานออกไปด้วยความดีใจ”

เรนัลโดยังคงเหลียวมามองอย่างไม่เชื่อถือนัก เขาตอบว่า “จะให้ผมแวะคลินิกของหมออันเดรก่อนไหม เขามีคลินิกส่วนตัวอยู่ไม่ห่างจากถนนสายนี้มากนัก”

“มะไม่ต้องเลยค่ะ” โบกมือว่อน ประกอบคำปฏิเสธวุ่นวาย ก่อนเสริมว่า “รุ้งไม่ได้เป็นโรคจิตนะคะ อย่ามองรุ้งด้วยสายตาอย่างงั้น”

“ไม่รู้สิ...คุณทำให้ผมกลัวนะ ผมหวั่นใจว่าเพราะอุบัติเหตุวานซืนหรือเปล่า ถึงทำให้คุณมีอาการผิดปกติอย่างงี้”

“เปล่าสักหน่อย รุ้งปกติดีทุกอย่าง” ตวัดค้อนขวับ นัยน์ตาขุ่น

เรนัลโดยังคงทำหน้าไม่เชื่อถือ ก่อนกล่าวต่อว่า “ตอนอยู่โรงพยาบาล คุณก็พูดคนเดียวแบบนี้เหมือนกัน”

ส่งยิ้มเจื่อนๆ ให้เขา แล้วปลายรุ้งก็พูดว่า “รุ้งปกติดีทุกอย่าง เชื่อสิคะ”

นักแสดงหนุ่มนิ่ง ไม่ยอมตอบคำใดๆ อีก ส่งผลให้สาวข้างกายพลอยหน้ามุ่ยไปด้วย เพราะรู้ดีกว่าไม่อาจโน้มน้าวให้เขาเชื่อถือได้



ริโอ เดอ จาเนโร หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า ริโอ มีความหมายว่า ‘แม่น้ำแห่งเดือนมกราคม’ ซึ่งเป็นการขนานนามตามชื่อเดือนที่ถูกค้นพบ ริโอ เป็นเมืองท่าริมฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก และเดิมเคยเป็นเมืองหลวงของประเทศบราซิล ก่อนที่รัฐบาลกลางจะย้ายเมืองหลวงไปอยู่ที่บราซิเลียในปีค.ศ. 1960 ริโอถือเป็นประตูสู่บราซิล ด้วยมีทะเลสาบกลางเมืองที่สวยงาม เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยธรรมชาติ ป่าไม้ และเทือกเขา ทั้งยังมีชายหาดชื่อดังอย่างโคปาคาบาน่า และอีปาเนมา ที่สำคัญเป็นศูนย์กลางเทศกาลคาร์นิวัลของประเทศ ซึ่งเป็นเทศกาลรื่นเริงประจำปีของบราซิลที่ยิ่งใหญ่อย่างมาก มีนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกมาร่วมงานแต่ละปีไม่ต่ำกว่าห้าแสนคน และเมืองริโอ ยังเป็นแหล่งกำเนิดแนวเพลงบอสซาโนวาอีกด้วย

แหล่งท่องเที่ยวที่โด่งดังมากอีกแห่งคือ รูปปั้นของพระเยซูชื่อว่า Christ of Redeemer มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยความสูงถึงสามสิบแปดเมตร ได้รับการโหวตให้เป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ รูปปั้นที่ว่านี้ตั้งตระหง่านอยู่บนยอดเขาคอร์โควาโด ในอุทยานแห่งชาติทิจูคา คอร์โควาโดเป็นชื่อภาษาโปรตุเกสหมายความว่าหลังโกง มีความสูงกว่าเจ็ดร้อยเมตร ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุด ด้วยมองเห็นตัวเมืองและชายหาดโดยรอบสามร้อยหกสิบองศา นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นรถรางไปบนยอดเขาเพื่อมองรูปปั้นอันเป็นที่เคารพสักการะของชาวบราซิลและคริสต์ศาสนิกชนทั่วโลกได้

นอกจากนี้ยังมีภูเขาชูการ์ โลฟ ซึ่งเป็นภูเขาหินแกรนิตที่ดูประหนึ่งว่าโผล่ขึ้นมาจากผิวน้ำ สูงประมาณสี่ร้อยเมตร ถือเป็นจุดชมวิวของอ่าวกัวนาบาร่า ตลอดจนยังมีสนามกีฬามารากาน่าที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นเหมือนวิหารของฟุตบอลบราซิล ทั้งยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมอันดับสามของเมือง

ปลายรุ้งกอดอก ฟังข้อมูลที่เรนัลโด สรุปย่อๆ เกี่ยวกับเมืองริโอ เดอ จาเนโร แล้วอมยิ้ม ด้วยเขามีมาดของไกด์นำเที่ยวอย่างมากและดูจะตั้งอกตั้งใจที่จะทำหน้าที่นี้อย่างจริงจัง กำลังคิดว่าถ้าเขาเป็นมัคคุเทศก์จริงๆ ความหล่อเหลาและหุ่นมาดแมนของเขา จะเป็นอุปสรรคขัดขวางการทำงานของเขาค่อนข้างมาก เนื่องจากจะทำให้บรรดาลูกทัวร์สมาธิแตกซ่านและพร้อมจะไขว้เขวไปกับรูปโฉมอันน่าทึ่งของเขาได้ตลอดเวลา แทนที่จะจดจ่อกับเนื้อหาที่ฝ่ายนั้นบรรยายหรือสถานที่ท่องเที่ยว

“คุณฟังผมอยู่หรือเปล่า?” เรนัลโดตัดสินใจถามขึ้น หลังจากบรรยายประวัติของนครริโอ เดอ จาเนโร จบลงแล้ว หากอีกฝ่ายก็ยังคงจับจ้องมองเขาด้วยสีหน้าแปลกๆ ดูมีรอยยิ้มขำอยู่บนใบหน้าเธอตลอดเวลา ขณะนี้พวกเขาอยู่ที่หาดอีปาเนมา หลังจากไปเที่ยวชมหาดโคปาคาบาน่า ที่อยู่ติดกัน มาแล้ว

“ฟังสิคะ” ตอบยิ้มๆ พลางยกมือเสยผมที่หล่นมาปรกหน้าขึ้นทัดหู สายลมพัดมาเอื่อยๆ ช่วยดับความร้อนจากอุณหภูมิรอบกายได้บ้าง

“แต่คุณมองผมแปลกๆ”

“มองเพราะทึ่งหรอกค่ะที่คุณบรรยายได้คล่อง ชนิดที่มัคคุเทศก์มืออาชีพยังต้องอาย” แซวยิ้มๆ ก่อนจะเหลียวสำรวจรอบตัว นักท่องเที่ยวจำนวนมากนอนอาบแดดอยู่ริมหาดอย่างไม่สะทกสะท้านกับแสงแดดจ้า น่าแปลกทั่วทั้งริมหาดอีปาเนมา และโคปาคาบาน่า ที่ยาวสุดสายตานั้น ไม่พบเก้าอี้นอนอาบแดดหรือร่มสีสันสดใสไว้ให้เช่า ไม่เหมือนหาดในเมืองไทย ไม่ว่าจะเป็นพัทยา ภูเก็ต และอื่นๆ เธอหันไปถามเจ้าถิ่น “หาดที่ริโอจัดระเบียบดีจัง ถ้าเป็นที่เมืองไทย พวกพ่อค้าหัวใส จะจัดเตรียมเก้าอี้นอนและร่มไว้เต็มริมหาดคอยให้บริการเช่าแล้ว แต่ที่นี่หาดโล่งมากไม่มีเก้าอี้และร่มให้เกะกะสายตาเลย” เรนัลโดหรี่ตาเมื่อได้ยิน หากก็ตอบโดยดี ไม่ตั้งข้อสังเกตใดๆ กับอีกฝ่าย

“เพราะอากาศไม่ร้อนมากน่ะสิครับ ถ้าร้อนจัด ก็มีร่มเต็มริมหาดเหมือนกัน” พูดพลางมองรอบตัว ซึ่งขณะนี้นักท่องเที่ยวรวมถึงชาวบราซิลกำลังเดินเล่นอยู่ริมหาด บ้างก็นอนอาบแดด เล่นน้ำ และเล่นกีฬา โดยเฉพาะวอลเล่ย์บอล ที่เป็นที่นิยม และบางส่วนกำลังร้องรำทำเพลง

ปลายรุ้งฟังคำตอบเขาแล้วเบิกตาโต เธอเหลียวไปมองตามสายตาเขา แลเห็นนักท่องเที่ยวชายหญิงในวัยหนุ่มสาวกำลังทำกิจกรรมกลางแจ้งในชุดว่ายน้ำสีสันสดใส โดยเฉพาะสาวๆ ที่อยู่ในชุดทูพีซ ปิดแค่จุดพึงสงวนชิ้นเล็กชิ้นน้อย ข้างบนและล่างนั้น มีสีสันแสบตา ดูเป็นภาพที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา น่าตื่นตาตื่นใจ กวาดตาโดยรอบ เธอแทบไม่เจอสาวเจ้าเนื้อ ส่วนใหญ่หุ่นบอบบางเซ็กซี่ด้วยผิวสีแทนและน้ำผึ้ง ทั้งยังมีใบหน้าสวยคมเฉี่ยว ยิ่งอยู่ในชุดทูพีซ ยิ่งเสริมให้รูปร่างอรชรสมส่วน แลเห็นส่วนเว้าส่วนโค้งน่าเย้ายวนใจมากขึ้น...นี่กระมังสีสันของบราซิล

ถัดจากริมหาด เป็นทางเท้า ปูด้วยอิฐสีดำสลับขาวสวยงาม มีซุ้มขายเครื่องดื่มและอาหารจำพวกแซนด์วิชจัดไว้เป็นระยะๆ ตลอดแนว แต่ละซุ้มมีโต๊ะและม้านั่งไม่กี่ตัว จากนั้นเป็นถนนสำหรับรถจักรยาน ตามมาด้วยถนนสำหรับรถวิ่งหกเลน แล้วจึงเป็นอาคาร ทุกอย่างถูกจัดเป็นระเบียบเรียบร้อย ปลายรุ้งเหลียวกลับไปมองหาดทรายสีขาวเบื้องหน้าอีกครา ซ้ายมือและขวามือที่มองเห็นไกลสุดลูกหูลูกตา คือ มหาสมุทรแอตแลนติก ดูเวิ้งว้าง วังเวง นี่กระมัง…คืบก็ทะเลศอกก็ทะเล

เธอหันมาถามเรนัลโดว่า “ที่นี่รึเปล่าคะที่คุณใช้ในการแสดงหนังเรื่องสีสันแห่งบาป…รุ้งเห็นในไตเติลละครน่ะค่ะ เมื่อเช้าแอบดูซีดีไปรอบหนึ่ง” รีบเสริมในประโยคท้าย หวั่นเขาจะจับผิดอีก

ดาราหนุ่มหันมาตอบ “เปล่าครับ…เราใช้หาดโคปาคาบาน่า เป็นโลเกชัน ที่นั่นหาดยาวกว่าที่นี่ หาดโคปาคาบาน่า ยาวกว่าสี่พันกิโลเมตรมังครับ แต่ที่หาดอีปาเนมา นี่ได้ชื่อว่าหาดที่เซ็กซี่ที่สุดในโลก”

“ทำไมละคะ”

“ว่ากันว่าเพราะหาดนี้ มีผู้หญิงสวยๆ และมาจากต่างถิ่นจำนวนมาก ต่างสวมบิกินี่ชิ้นเล็กชิ้นน้อยเพื่ออวดเนื้อตัว ฉะนั้นเมื่อมารวมกับหาดทรายสีขาวทอดยาวหลายพันกิโลเมตร เลยเป็นส่วนผสมผสานที่ทำให้ชายหาดแห่งนี้ได้รับการคัดเลือกให้เป็นหาดที่เซ็กซี่ที่สุดในโลก”

ปลายรุ้งทำเสียงรับรู้ในลำคอ ก่อนเสริมว่า “เข้าใจล่ะ...เสียดายจังรุ้งไม่มีกล้อง ไม่งั้นจะเก็บภาพพวกนี้ อยากเก็บบรรยากาศสุดแสนเซ็กซี่พวกนี้เหลือเกิน” บอกออกไปอย่างเสียดาย ทั้งที่ความจริงตัวเองพูดไม่หมด…เธออยากเก็บภาพสุดแสนเซ็กซี่ของเขาต่างหาก มากกว่าจะเป็นทิวทัศน์รอบตัวเหล่านี้ ด้วยเมื่อเขายืนเต็มความสูงร้อยแปดสิบหกเซนติเมตร และกัดขาแว่นข้างหนึ่งไว้ที่มุมปากในท่วงท่าใช้ความคิด…เป็นท่าที่สุดแสนเร้าใจและเซ็กซี่เป็นที่สุด เดาว่าเขาอยู่ในอิริยาบถใดก็คงเป็นภาพน่าตื่นตาตื่นใจ

เขาจะรู้ตัวบ้างไหมว่าตัวเองน่าสนใจ ชวนมอง มากกว่าวิวทิวทัศน์รอบข้างเสียอีก

“ถ้าจะเอากล้องมา ต้องระวังอย่างมาก ไม่อย่างงั้นจะตกเป็นเหยื่อของพวกมิจฉาชีพ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ถูกเตือนให้ทำตัวกลืนไปกับคนในพื้นที่ เพราะที่นี่แม้จะเป็นเมืองที่น่าสนใจ แต่ก็มีประวัติอาชญากรรมสูงมากแห่งหนึ่งในละตินอเมริกา กระทั่งเป็นที่มาของการนำไปสร้างภาพยนตร์เรื่อง City of God ซึ่งเป็นหนังที่สะท้อนให้เห็นถึงความรุนแรงและการก่ออาชญากรรมมากมายในเมืองริโอ”

“คุณเป็นคนเก่งประวัติศาสตร์และมีความรู้รอบตัวมากนะคะ” ปลายรุ้งเปรยขึ้น น้ำเสียงชื่นชมเปิดเผย

เรนัลโดทำหน้าเก้อนิดๆ กับคำชมของหญิงสาว “ไปหาอะไรเย็นๆ ดื่มกันเถอะ อากาศร้อนแล้ว” พูดพลางกระตุกมือบางตรงไปยังซุ้มเครื่องดื่มอย่างถือวิสาสะ หวังเปลี่ยนหัวข้อสนทนา

ปลายรุ้งเดินตามแรงจูงของชายหนุ่ม เธอลดสายตามองมือหนา เห็นผิวสองสีตัดกันชัดเจน หากกระนั้นกลับรู้สึกกลมกลืนในความรู้สึกเธอ นึกพลางเร่งฝีเท้าให้ทันเขาเพื่อเดินขึ้นไปเคียงคู่กัน ถึงเต็นท์เครื่องดื่ม เขาหันมาถามเธอ “ดื่มอะไรดี”

ทำท่าจะอ้าปากตอบว่าน้ำมะพร้าวสด หากไม่ทันปริปาก บรรดานักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่กรูกันเข้ามาห้อมล้อมชายหนุ่ม จนเบียดเธอตกทางเดิน

เรนัลโดรีบคว้ามือบาง เหนี่ยวขึ้นมายืนบนบาทวิถีด้วยกัน เป็นผลให้หญิงสาวตกอยู่ในอ้อมแขนเขาอย่างช่วยไม่ได้ อันเนื่องจากพื้นที่จำกัด “ขอโทษนะ” เขากระซิบข้างหู ก่อนเงยหน้ายิ้มหล่อเหลาให้แก่แฟนคลับ “สวัสดีครับ”

“มาเที่ยวหรือคะคุณจิออร์ดาโน ให้ฉันเลี้ยงเครื่องดื่มนะคะ” สาวใจกล้าคนหนึ่งเสนอตัวเลี้ยงเครื่องดื่ม ก่อนหันไปสั่งเบียร์เย็นๆ ให้

เรนัลโดไม่ทันตอบ อีกคนก็พูดขึ้นบ้างว่า “ฉันติดตามละครเรื่องล่าสุดของคุณ สีสันแห่งบาปน่ะค่ะ สนุกมากเลย คุณแสดงเรื่องนี้ได้เซ็กซี่มากรู้ไหมคะ แล้วนี่เมื่อไรจะมีเรื่องใหม่ออกมาคะ?”

“จิออร์ดาโน คะ...นี่แฟนคุณหรือคะ” สาวสวยอีกคนถามขึ้น

แล้วจากนั้นก็เป็นการแย่งพูดแย่งถามจากบรรดาแฟนคลับของเขา จนเธอแยกแยะประสาทแทบไม่ทัน ด้วยแต่ละคนล้วนพยายามแย่งความสนใจไปจากเขา ปลายรุ้งรู้สึกละลานตาไปกับหน้าอกตูมๆ และบิกินี่สีสันแสบตาของพวกเธอเหล่านั้น ยิ่งกว่านั้นทุกคนขยับเบียดเข้ามา หวังจะแนบชิดกับเนื้อตัวของเรนัลโด ส่งผลให้เธอต้องขยับถอยหนี จนหลังไปเบียดกับแผงอกกว้าง รู้สึกได้ถึงกำแพงมัดกล้ามที่บดเบียดอยู่ด้านหลังพร้อมๆ กับที่แขนหนาโอบมารอบตัว ห่างจากใต้ทรวงอกไม่ถึงคืบ หากไม่ยกแขนกันไว้ เชื่อแน่ว่าคงโดนหน้าอกเธอไปเต็มๆ เธอรู้ว่าเขาไม่ตั้งใจ แค่ต้องการช่วยกันจากบรรดาผู้หญิงเหล่านั้น หากกระนั้นก็อดรู้สึกร้อนซู่ไปทั่วพวงแก้มไม่ได้








Create Date : 19 พฤศจิกายน 2552
Last Update : 25 พฤศจิกายน 2553 13:10:20 น.
Counter : 483 Pageviews.

12 comment
รักเพียงฝัน...(บท 2/2)ชื่อล่าสุด




“หน้าตาน่าทานจังเลยค่ะ” ปลายรุ้งพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ขณะจ้องมองชามโมเคคาตรงหน้า ซึ่งมีหน้าตาเหมือนต้มยำกุ้งของไทย

“ลองชิมดูสิ” เรนัลโดพูดพลางยื่นช้อนให้หญิงสาว อีกฝ่ายพึมพำขอบคุณแล้วหยิบไปตักชิม “เป็นไงบ้าง” เขาถามขึ้นหลังจากปลายรุ้งเงยหน้าขึ้นสบตาเขา ตอนนี้พวกเขาย้ายมานั่งในห้องทานอาหาร ซึ่งอาหารบนโต๊ะก็มีทั้งซุปโมเคคา ข้าวผัดสับปะรด และไข่เจียว

“คล้ายต้มยำกุ้งของไทยเลยค่ะ รุ้งชอบ” พูดออกไปแล้ว ปลายรุ้งก็ทำหน้าเก้อกระดากอย่างมาก เธอส่งยิ้มกร่อยๆ ให้เขาพลางว่า “ขอโทษค่ะ รุ้งติดปากกับการแทนชื่อตัวเอง”

ดาราหนุ่มเลิกคิ้วสูง ตอบยิ้มๆ ว่า “ไม่เป็นไร น่ารักดี แต่ผมเริ่มแปลกใจแล้ว คนความจำเสื่อมเขารู้ด้วยหรือว่าติดปากกับอะไรบ้าง?”

ปลายรุ้งชะงัก ส่งยิ้มแหยๆ ก่อนรีบเลื่อนจานไข่เจียวไปตรงหน้าเขา “ลองชิมไข่เจียวฝีมือรุ้งค่ะ อาจจะไม่เหมือนไข่เจียวเมืองไทยนัก เพราะเครื่องปรุงและน้ำมันคนละชนิดกัน แต่อย่างน้อยรุ้งก็ทำสุดฝีมือ”

ถูกคะยั้นคะยอจนต้องตัดใจรับช้อนจากมือหญิงสาว มาตัดไข่เจียวแบ่งเป็นชิ้นๆ ก่อนจะตักเข้าปากคำหนึ่ง

“รสชาติเป็นไงคะ?” ถามอย่างใจจดจ่อ รอลุ้นฟัง

“ฮึ่ม…” แสร้งทำหน้าเหมือนไม่ได้เรื่อง เมื่อเห็นอีกฝ่ายจ้องมาอย่างรอคอยตาไม่กะพริบ และพอเห็นปลายรุ้งหน้าเสีย เขาก็หัวเราะออกมาพรืดใหญ่อย่างกลั้นไม่ไหว

“คุณแกล้งนี่” ปลายรุ้งตวัดตาค้อน

“ไม่เถียงนี่” พูดกลั้วหัวเราะ เลียนแบบคำหญิงสาว เมื่อเห็นอีกฝ่ายตวัดตาค้อนมาอีก เรนัลโดก็ยิ่งหัวเราะเสียงก้องมากขึ้น เขาเลื่อนจานไข่เจียวไปตรงหน้าปลายรุ้งอย่างเอาใจ ขณะพูดแก้ความเข้าใจว่า “ผมพูดเล่น อร่อยมาก ว่าแต่คนไทยกินรสชาตินี้เหรอ”

“รสชาตินี้น่ะรสชาติไหน”

“ก็…” เรนัลโดให้คำตอบไม่ได้ เพราะมันเป็นรสชาติตรงกันข้ามกับที่เขาคุ้นปาก

ปลายรุ้งย่นจมูกให้เขา “คุณน่ะร้ายนัก แกล้งพูดเอาใจ รสชาติไข่เจียวมันไม่เค็มและไม่เลี่ยนซึ่งเป็นรสชาติที่ตรงข้ามกับที่คนบราซิลกิน เพราะงั้นจะมาว่าอร่อยได้ไง”

เรนัลโดหัวเราะเก้อๆ เมื่ออีกฝ่ายรู้ทัน เสตักข้าวผัดสับปะรดของหญิงสาวใส่ปากแทน “แต่ข้าวผัดสับปะรดนี่รสชาติเหมือนอาหารบราซิลนะ อร่อยจริงๆ ผมเพิ่งเคยกินครั้งแรก คุณเข้าใจประยุกต์เครื่องปรุงให้เข้ากับอาหารไทยนะ”

คนถูกชม ยิ้มรับคำยอแก้มปริ “ขอบคุณค่ะ…เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปหาเครื่องปรุงอาหารไทยกันไหมคะ รุ้งอยากลองทำให้คุณทานแบบที่เป็นรสชาติไทยจริงๆ”

“เอาสิ…พรุ่งนี้ผมว่าง ว่าจะพาคุณไปสถานกงสุลไทยในบราซิลอยู่เหมือนกัน”

ปลายรุ้งหน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย “เหรอคะ? ดีเหมือนกันค่ะ”

นักแสดงลูกครึ่งมองอากัปกิริยาของสาวเบื้องหน้าแล้วเลิกคิ้วขึ้นสูง “ทำไมทำหน้ายังงั้นล่ะ ผมไม่ได้จะไล่คุณออกจากบ้านสักหน่อย”

“แต่ถ้ารุ้งเจอคนรู้จักหรือความจำกลับมา รุ้งก็ต้องออกจากบ้านหลังนี้อยู่ดี” พูดพลางเขี่ยเมล็ดข้าวในจาน

เรนัลโดมองภาพตรงหน้าด้วยแววตาอ่อนโยน “บอกผม…คุณมาบราซิลทำไมอิริส คุณพอจะจำได้ไหม?”

ปลายรุ้งส่ายหน้าอย่างหงอยๆ

“งั้นเอางี้ถึงแม้คุณจะเจอคนรู้จักหรือว่าความจำฟื้นกลับมา แต่คุณก็จะยังอยู่ที่นี่ต่อไปจนกว่าผมจะกลับเซา เปาโล โอเคมั้ย?”

ปลายรุ้งกลับมาทำหน้าแช่มชื่นหน่อยหนึ่ง “ดีค่ะ…แล้วคุณจะกลับเซา เปาโล เมื่อไรคะ”

“จนกว่าการเจรจาธุรกิจ รวมตลอดถึงการทำสัญญาเรียบร้อย ก็คงอีกสักระยะเหมือนกัน เพราะตอนนี้อะไรๆ ก็ยังไม่ลงตัวเลย”

“คุณจะทำธุรกิจอะไรคะ?”

“สร้างห้างสรรพสินค้า”

ปลายรุ้งเบิกตาโตทันที คุยกับคนรวยนี่ คุยยากจริง เธอส่งยิ้มแหยๆ ให้เขา

“ทำไมทำหน้างั้นล่ะ” ถามพลางตักกุ้งจากชามโมเคคาใส่จานหญิงสาว

“ขอบคุณค่ะ” เธอพึมพำสำหรับซุป ก่อนตอบว่า “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แค่รู้สึกว่าคุณรวยมาก จนรุ้งไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี”

เรนัลโดเลิกคิ้วมากขึ้น “คุณนี่แปลกดี” ตบท้ายด้วยเสียงหัวเราะเย้าๆ ก่อนเล่าว่า “ผมชอบลองธุรกิจใหม่ๆ ที่ตัวเองไม่เคยทำ มันเสี่ยง แต่ถ้าเวิร์กก็คุ้มค่า ริโอ มีประชากรหกล้านคนและนักท่องเที่ยวในจำนวนที่นับวันจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ว่ากันว่าเศรษฐกิจบราซิลจะเติบโตขึ้นมาเป็นอันดับที่ห้าของโลกในปีค.ศ.2016 ที่ริโอ เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก จากปัจจุบันการเติบโตของเศรษฐกิจเราอยู่ที่อันดับสิบของโลก เพราะฉะนั้นถ้าสามารถสร้างห้างสรรพสินค้าให้แล้วเสร็จก่อนงานกีฬาฯ ผมเชื่อว่าเงินจะแพร่สะพัดอย่างมาก ซึ่งผมตั้งใจจะสร้างให้เป็นคอมเพล็กซ์แบบครบวงจร มีศูนย์การประชุมขนาดใหญ่และโรงแรมอยู่ในห้างสรรพสินค้านั้นด้วย”

“รุ้งคิดถึงพรูเดนเชียล เซ็นเตอร์ของอเมริกา มันเป็นแลนด์มาร์กของเมืองบอสตัน ที่เพียบพร้อมไปด้วยแหล่งอำนวยความสะดวกแบบครบครัน ทั้งร้านค้า ร้านอาหาร ซุปเปอร์มาร์เก็ต ศูนย์การประชุมขนาดใหญ่ โรงแรม อพาร์ตเมนต์ แถมยังมี Sky Walk Observatory ให้ชมทิวทัศน์ของตัวเมืองได้สามร้อยหกสิบองศาด้วย” ชายหนุ่มฟังพลางจับสังเกตเงียบๆ

“ประมาณเดียวกัน แต่ของพรูเดนเชียล ห้าสิบกว่าชั้นใช่ไหม? แต่ของเราจะสร้างหกสิบหกชั้น”

“โห…แล้วจะเสร็จทันงานกีฬาโอลิมปิกหรือคะ เหลือเวลาไม่ถึงสิบปี”

“ผมว่าถ้าเงินถึง อะไรๆ ก็เสร็จได้ไม่ยากหรอก”

ปลายรุ้งยิ้มอย่างเห็นด้วย เธอตักข้าวเข้าปากพลางถามเปลี่ยนเรื่องพูด “ที่นี่คุณพักชั้นไหนคะ”

“ที่บ้านหลังนี้เหรอ?” ถามพลางตักซุปเข้าปาก

“ใช่ค่ะ…”

“ชั้นสี่”

“คุณชวนเพื่อนมาจัดปาร์ตี้บ่อยไหมคะ รุ้งเห็นมีดิสโกเธคด้วย”

“บราซิลเป็นประเทศที่ชอบปาร์ตี้พอๆ กับฟุตบอล แต่ผมเป็นอะไรที่ตรงกันข้าม…จะจัดปาร์ตี้เฉพาะโอกาสสำคัญๆ เพราะฉะนั้นไม่ค่อยพาเพื่อนมาค้างหรอก ผมชอบสันโดษมากกว่า ฉะนั้นถ้าอยากเจอเพื่อน ก็จะออกไปเจอกันข้างนอก ยกเว้นก๊วนเพื่อนสนิทถึงจะพามาค้าง”

“แล้วตอนนี้คุณรับงานแสดง หรือไม่ก็งานเดินแบบบ้างไหมคะ?”

“ผมรับไปสองเรื่อง แต่กว่าจะเปิดกล้องอีกนานเหมือนกัน ยังอยู่ระหว่างฟอร์มทีมนักแสดง”

“แล้วละครละคะ”

“ละครเพิ่งถ่ายเสร็จไปเมื่อปีกลาย จะออนแอร์เร็วๆ นี้ ฉะนั้นยังไม่มีงานใหม่เข้ามา ส่วนเดินแบบ…มีมาเป็นระยะๆ ผมไม่ค่อยได้จำหรอก อาศัยเลขาฯ โทรมาเตือน”

“งานคุณชุมนะคะ ไม่คิดจะสละโสดบ้างเหรอ”

เรนัลโดชะงัก เงยหน้าขึ้นมองคนถามทันควัน พบว่าฝ่ายนั้นไม่ได้เจริญอาหารเหมือนอย่างเขา แต่กลับนั่งเท้าคางเอาแต่จ้องหน้าเขา แววตาเคลิบเคลิ้มชอบกล เขาโบกมือไปตรงหน้าหญิงสาวเพื่อทดสอบจุดโฟกัสของสายตา อีกฝ่ายกะพริบตาและขยับตัวด้วยสีหน้าขัดเขิน เรนัลโดหัวเราะในลำคอ “คุณกำลังเหม่อนะอิริส รู้ตัวหรือเปล่า”

ปลายรุ้งยิ้มเรี่ยๆ ให้เขา ไม่อยากตอบว่าเหม่อเพราะความเคลิ้มในหน้าตาหล่อเหลาของเขา เห็นแล้วพานคิดถึงบทโรมานซ์ในละครที่เขาแสดง “คุณมีซีดีละครที่คุณแสดงบ้างไหมคะ?” เจ้าตัวเปลี่ยนเรื่องถาม

ชายหนุ่มเลิกคิ้ว “มีครับ อยู่บนชั้นโฮมเธียเตอร์ ชั้นสองน่ะครับ คุณจะดูเหรอ?”

“ค่ะ…”

เรนัลโดอึ้ง “มันยาวมากคุณจะมีเวลาดูเหรอ”

“ไม่เป็นไร…กว่าความจำจะกลับมา รุ้งก็คงดูจนจบก่อน”

คำพูดขี้เล่นของอีกฝ่าย ทำให้เขาหัวเราะลงคอ “ตกลง…ดูได้ตามสบายเลย ถ้าง่วง…ก็นอนในห้องนั้นก็ได้ มีหมอน ผ้าห่มพร้อม มันเป็นเตียงแบบติดผนังน่ะ”

“ดีค่ะ” เธอยิ้มรับ ก่อนจะก้มหน้ากินข้าวต่อ

เรนัลโดยังคงมองสาวร่างเล็กบอบบางตรงหน้าด้วยแววตาอ่อนโยน ขณะกล่าวว่า “คุณเปลี่ยนผ้าก๊อซยังไงน่ะ” ถามพลางเลื่อนสายตามองขมับที่ผ้าสีขาวบางเบาพันโดยรอบ

“ยังไม่ได้เปลี่ยนค่ะ…กะว่าพรุ่งนี้ค่อยเปลี่ยน วันนี้พยาบาลเพิ่งเปลี่ยนให้เมื่อเช้า”

“ควรจะเปลี่ยนทั้งเช้าและเย็นไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวผมเปลี่ยนให้เอาไหม?”

ปลายรุ้งชะงักจากการตักซุป เงยหน้าขึ้นมองเขา “ขอบคุณค่ะ ถ้าไม่เป็นการรบกวนคุณเกินไป”

“ไม่เลย…มันเป็นความรับผิดชอบของผมต่างหาก”

เธอสบตาเขา พลางว่า “คุณเป็นผู้ชายที่อ่อนโยนมากค่ะเรย์” พูดแล้วก็เบิกตาโตเมื่อเผลอเรียกชื่อเล่นเขาอย่างสนิทสนมด้วยความเคยปาก เธอรีบเอ่ยคำขอโทษขอโพย “ขอโทษ…รุ้งไม่ตั้งใจจะตีสนิท แค่ เอ่อ…”

เรนัลโดยิ้ม “ไม่เป็นไร ไม่ต้องขอโทษหรอก เรย์ก็เรียกง่ายดี สั้นๆ และเรียกง่ายกว่าเรนัลโดเป็นกองว่าไหม?”

เขาเข้าใจหาทางออกไม่ให้เธอรู้สึกเก้อกระดากได้อย่างน่ารักมาก…ปลายรุ้งมองเขาอย่างชื่นชมเปิดเผยและด้วยแววตาอ่อนเชื่อมค่อนข้างมาก “คุณเป็นคนน่ารักจริงๆ นะคะเรย์” ย้ำ ก่อนเสริมว่า “ไม่ถือตัวและเป็นกันเองกับทุกคน ถึงว่าแฟนคลับคุณมีอยู่ทุกมุมโลกและพวกเขาต่างรักคุณจริงๆ”

“รู้ได้ไงว่าผมมีแฟนคลับอยู่ทั่วโลก”

“ก็จากนิตยสารดังๆ ที่คุณให้สัมภาษณ์ บอกถึงกระแสนิยมได้เป็นอย่างดี” ถอนใจที่หาทางออกได้

“ไม่รู้สิ…ผมไม่ค่อยเช็กเรตติ้งของตัวเองนัก ทานเสร็จยังครับ” ถามพลางขยับลุกเมื่อเห็นหญิงสาววางช้อนเรียบร้อยแล้ว

“เดี๋ยวรุ้งเอาไปล้างเองค่ะ” เธอลุกยืนแย่งจานจากมือเขา

“ไม่ต้องเลย…คุณเป็นแขกของผม แถมยังเจ็บตัวเพราะผมอีก เพราะฉะนั้นไปนั่งดูทีวีครับ เดี๋ยวผมจัดการเอง ที่นี่มีเครื่องล้างจาน”

“อ้อ…ค่ะ งั้นรุ้งขอตัวไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าดีกว่า จะได้ เอ่อ…ให้คุณเปลี่ยนผ้าก๊อซให้”

เรนัลโดยิ้มรับแทนคำตอบ เขามองตามหลังหญิงสาว แม้อีกฝ่ายจะเดินหายเข้าไปในห้องรับแขกซึ่งเป็นทางเชื่อมต่อไปยังห้องนอนแล้ว

ผู้หญิงคนนี้แปลก…อะไรบางอย่างบอกเขาว่าเธอไม่ธรรมดา แต่จะเป็นอะไร และเพราะอะไรถึงทำให้เขาคิดอย่างงั้น เรนัลโดก็ให้คำตอบตัวเองไม่ได้ รู้แต่ว่าพลันที่เห็นหล่อนครั้งแรกกลางถนนที่เนื้อตัวเปื้อนไปด้วยเลือดสดๆ เขาก็เกิดความรู้สึกราวกับมีอะไรวิ่งมากระแทกใจเขาแรงๆ จนปวดหนึบไปหมด รู้อยู่อย่างเดียวว่าจะต้องทำให้เธอรอดให้ได้…ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหน และจะต้องเสียเงินเท่าไร เขาก็ยินดีจ่าย ขอเพียงทำให้เธอฟื้นขึ้นมาเท่านั้น…



มือหนาที่กำลังแกะผ้าก๊อซให้เธอ…นุ่มนวลจนแทบไม่อยากเชื่อว่าจะเป็นมือของผู้ชายตัวโตเท่ายักษ์คนนี้ เขาสูงร้อยแปดสิบหกเซนติเมตรและมีฝ่ามือใหญ่เกือบเป็นสองเท่าของเธอ

ใช่...เธอดูเล็กกระจ้อยร่อยเท่ากับลูกเจี๊ยบไปในทันทีเมื่อเทียบกับราชสีห์ผู้แสนพราวเสน่ห์และหล่อเหลาอย่างเขา

ท่วงท่าอ่อนโยนทำให้เธอคิดถึงตอนเขาเข้าฉากกับนางเอกในเรื่อง ‘ครอบครัวยุ่งเหยิง’ ที่เจ้าหล่อนเป็นโรคลูคีเมียหรือมะเร็งเม็ดเลือดขาว และเขาเฝ้าดูแลไม่ยอมห่างอย่างห่วงใยระคนทะนุถนอม ดูแลไปพลางและจูบดูดดื่มไปพลาง ใช่...ไม่ว่าเรื่องไหนๆ เขาก็จูบนางเอกได้อย่างชนิดที่เรียกว่าแทบกระชากจิตวิญญาณออกจากร่าง จนฝ่ายหญิงระทดระทวยราวกับขี้ผึ้งถูกลนไฟ

คุณพระช่วย...เธออยากให้เขา... ปลายรุ้งชะงักเมื่อพลันได้สติว่าตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่ พวงแก้มแดงก่ำจากความคิดทะลึ่งตึงตังนั้น ซึ่งเป็นจังหวะไล่ๆ กับที่เรนัลโดหยุดพินิจมองร่างบางเบื้องหน้า นัยน์ตาสีสนิมคมกริบฉายแววสงสัย มือเขาหยุดการล้างแผลให้หญิงสาวไปนานแล้ว เพื่อจับจ้องมอง อากัปกิริยาของปลายรุ้งเงียบๆ อึดใจต่อมาจึงถามว่า

“เป็นอะไรหรือเปล่าอิริส ทำไมหน้าแดง เหงื่อซึมหน้าผาก และตัวอ่อนปวกเปียกอย่างงั้น”

ปลายรุ้งได้สติ รีบกระตุกมือกลับจากแผงอกกว้างราวกับกำลังนาบอยู่กับกองไฟร้อนๆ พวงแก้มแดงก่ำและเหงื่อซึมขมับโดยพลัน เจ้าตัวยกมือเสยผม นึกอายจนแทบอยากแทรกเทือกเขาหนี เธอครุ่นคิดและเพลิดเพลินกับจินตนาการนั้น จนเผลอเอนตัวซบอกเขาโดยไม่รู้ตัว!

ยิ้มแหยๆ โดยไม่สบตาเขา ขณะตอบว่า “มะไม่มีอะไรค่ะ...เดี๊ยะ...เดี๋ยว รุ้งทำแผลเองก็ได้ค่ะ” ปลายรุ้งพูดพลางเอนตัวขยับถอยห่างจากเขา ตะกุกตะกักจนพูดผิดพูดถูก รู้ตัวว่ากิริยาเมื่อครู่เป็นภาพที่ไม่น่าดูชมนัก

เรนัลโดยังคงขมวดคิ้วมุ่น ขณะเพ่งพินิจอีกฝ่ายอย่างพยายามทำความเข้าใจ “มองผม...อิริส” หากคนเจ็บซึ่งนั่งหมิ่นเหม่อยู่บนขอบโซฟาไม่ไกลจากเขา ยังคงนั่งก้มหน้างุด ไม่ยอมเงยหน้ามอง นักแสดงหนุ่มชั่งใจ เสี้ยววินาทีต่อมาก็ตัดใจยกมือเชยคางมน ใบหน้าเรียวเล็กกลับก้มหน้างุดและหลุบตาต่ำมากยิ่งขึ้น เห็นเพียงขนตายาวงอนทาบทับ ผิวนวลเนียน และพวงแก้มสีแดงระเรื่อดั่งผลเชอร์รี่สุก

เขามองภาพนั้นนิ่งๆ ครู่หนึ่ง ก่อนพูดเสียงแผ่วเบาว่า “มองหน้าผม...ไม่งั้นผมจูบนะ” ได้ผล...ใบหน้าเยาว์วัยประกอบด้วยเครื่องหน้ากระจุ๋มกระจิ๋มหวานละมุนนั้น เงยขวับขึ้นมองเขาทันควัน

ปลายรุ้งเบิกตาโต และพอเห็นว่าเขาจ้องมองอยู่ เธอก็อายหน้าแดงมากขึ้น ปัดมือเขาออกจากปลายคางและทำท่าลุก หากฝ่ายนั้นกลับพลิ้วข้อมือมาเกาะกุมมือไว้มั่น

เรนัลโดกล่าวว่า “จะไปไหน ผมยังทำแผลไม่เสร็จ”

“มะไม่ต้องทำแล้ว”

นักแสดงหนุ่มมองท่าขัดเขินของสาวตรงหน้าด้วย นัยน์ตาอ่อนแสงมากยิ่งขึ้น แววตาสีน้ำตาลเข้มอมดำฉายประกายอ่อนโยนระคนเอ็นดูเมื่อเย้าว่า “รู้อะไรไหม...ท่าเอียงอายอย่างที่คุณทำผมไม่เคยเห็นในสาวบราซิลเลย...นี่คือเสน่ห์ของสาวเอเชียใช่ไหม?”

สาวเอเชีย เบิกตาโต “มะไม่ใช่...” ปฏิเสธอย่างที่ไม่รู้ว่าจะตอบอะไรดีกว่านั้น เธอกระเถิบถอยห่างจากเขาแม้ว่ามือบางยังคงถูกพันธนาการด้วยอุ้งมือหนา

“ถ้าไม่ใช่...คุณจะให้คำอธิบายกับท่าหน้าแดง และการพูดตะกุกตะกักของคุณว่าไงอิริส ไหนบอกผมสิ”

“ไม่มีอะไรจริงๆ ค่ะ” ยืนยันด้วยน้ำเสียงหนักแน่น นึกดีใจที่ควบคุมน้ำเสียงให้กลับมาเป็นปกติได้

“งั้นผมจะล้างแผลให้คุณต่อ...” แสร้งยื่นคำขาด ด้วยสีหน้าไม่รู้ไม่ชี้ สาวร่างบางมีท่าทีชะงักงันอย่างเห็นได้ชัด เรนัลโดลอบมองภาพนั้นอย่างขำๆ ไม่รู้เลยว่าตัวเองเริ่มสนุกกับการได้แหย่อีกฝ่าย

ปลายรุ้งยิ้มแหย ก่อนจะพยักหน้ารับอย่างจำยอม

“งั้นก็กระเถิบเข้ามาสิ คุณถอยไปซะไกลขนาดนั้น ผมเอื้อมมือไม่ถึงหรอก”

คนเอื้อมมือไม่ถึง พูดออกไปหน้าตาเฉยทั้งที่มือข้างหนึ่งยังคงเกาะกุมมือนุ่มไว้มั่น เรนัลโดพิศใบหน้าเรียวเล็กของอีกฝ่าย เพิ่งเห็นว่าผิวแก้มหญิงสาวขาวอมชมพูจนเห็นเลือดฝาด...ขาวและใสอย่างที่เรียกว่าผิวทารกจริงๆ

เธอกระเถิบเข้ามาใกล้หากคราวนี้ระวังมือไม้ไม่ให้แตะต้องโดนเนื้อตัวเขา พลางหลุบตาต่ำ

เรนัลโดมองภาพนั้นยิ้มๆ เขาปล่อยมือบางเป็นอิสระ ก่อนจะเอื้อมไปหยิบขวดน้ำยาล้างแผลมาเทใส่สำลี ยื่นไปเช็ดแผลผ่าตัดเหนือขมับให้อย่างบางเบา หากพลันที่โดนสัมผัส อีกฝ่ายผละถอยห่างในท่าสะดุ้งทันควัน “แสบเหรอ?” ถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน มือชะงักค้าง

“ไม่ค่ะ...คุณเช็ดต่อเถอะ”

ดาราหนุ่มมองใบหน้าขาวอมชมพูซึ่งบัดนี้มีเหงื่อซึมทั่วขมับพลางว่า “ตอนที่ผมชนคุณ...คุณคงเจ็บมาก”

“มันแค่วูบเดียว...เจ็บแค่พริบตาเดียว แล้วไม่รู้สึกตัวอีกเลย”

“ผมขอโทษ” น้ำเสียงเรนัลโดเบาลงไปอีก

เธอลืมตามองเขา “รุ้งบอกแล้วไม่เป็นไร มันเป็นแค่อุบัติเหตุ อย่ากังวลเลยนะคะ”

เรนัลโดสบตาหญิงสาวอย่างยากจะถอนสายตา มือที่กดสำลีแนบแผลลดลงมาปัดผ่านพวงแก้มนุ่มด้วยหลังมือ ผิวแก้มหญิงสาวนุ่มเนียนมือราวกับผ้าไหม ดาราหนุ่มลดสายตามองเรียวปากนุ่มชุ่มชื้นสีชมพูระเรื่อ ก่อนจะชะโงกหน้าไปใกล้ๆ อย่างหักห้ามใจไม่อยู่

“อย่ามองรุ้งด้วยสายตาอย่างงั้น”

“สายตายังไง” ดาราหนุ่มเลิกคิ้ว หากทว่ายังคงหลุบต่ำมองเรียวปาก ไม่ยอมเงยหน้าสบตาด้วย

“เขาว่าผู้ชายบราซิลเป็นหนุ่มเจ้าชู้ คุณว่าจริงไหมคะเรย์?” ไม่ตอบ แต่กลับถามไปอีกเรื่อง

ได้ผล...ใบหน้าหล่อเหลาปานเทพบุตร เงยหน้าสบตาเธอโดยพลัน “คุณหมายถึงผมหรืออิริส?”

“เปล๊า...” ส่ายหน้าประกอบ แววตาเป็นประกายระยับสุกใส

เรนัลโดมองภาพนั้นแล้วเอื้อมมือไปโคลงศีรษะอย่างอดไม่อยู่ พูดยิ้มๆ ว่า “รู้อะไรมั้ย ถ้าเป็นวัฒนธรรมบ้านผม พูดแหย่อย่างงี้ ต้องถูกจับจูบแล้ว”

ปลายรุ้งหน้าแดงก่ำกับคำพูดเถรตรงของเขา เธอหยิบสำลีจากมือเขามากดแผล ส่วนอีกข้างยื่นไปคว้าม้วนผ้าก๊อซ พลางขยับลุก “รุ้งไปพันแผลในห้องนะคะ แล้วเจอกันพรุ่งนี้ ราตรีสวัสดิ์ค่ะ”

“อ้าว...แล้วไหนว่าจะดูซีดีละครของผม” ถามเย้ายิ้มๆ แววตาจุดรอยขำขัน

“ไม่เป็นไร ค่อยดูพรุ่งนี้ค่ะ” พูดจบก็ก้าวตรงไปยังทางเดินที่มุ่งสู่ห้องนอนทันที ท่ามกลางสายตาคมกริบสีสนิมที่มองตามหลังด้วยแววตาที่มากด้วยความหมาย

เรนัลโดเกิดความรู้สึกแปลกๆ ในจิตใจ อย่างที่อธิบายตัวเองไม่ได้...รู้แต่ว่าผู้หญิงที่เพิ่งละจากไปมีอะไรบางอย่างที่น่าสนใจและดึงดูดความสนใจจากเขา เธอแตกต่างไปจากทุกคนที่เขารู้จัก ไม่เหมือนใคร และที่สำคัญจิตใต้สำนึกของเขากระตุ้นเร้าว่ามีอะไรบางอย่างรอคอยให้เขาค้นคว้าความหมายภายใต้ท่าทีเรียบเฉยและอากัปกิริยาเอียงอายที่เขายังหาสาเหตุไม่ได้นั้น








Create Date : 18 พฤศจิกายน 2552
Last Update : 25 พฤศจิกายน 2553 13:10:03 น.
Counter : 674 Pageviews.

9 comment
รักเพียงฝัน...(บท 2/1)



คุณพระช่วย…ในตู้เย็นใหญ่ขนาดเท่าบ้านของเขา มีอาหารแห้งและสดเต็มไปหมด ถึงจะแยกจากกันชัดเจน หากด้วยความที่มากมายละลานตา และเธอไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร จึงยากจะหยิบจับได้ถูก ปลายรุ้งตะโกนเรียกเปตราอีกครา

“ท่านเปตรา…”

“อะไรอีก” เสียงเขาลอยมาในอากาศ น้ำเสียงไม่บ่งบอกความรู้สึกกับการที่อีกฝ่ายเรียกหาเขาถี่เกินความจำเป็น

“รุ้งไม่รู้จักอาหารบราซิลเลย อะไรเป็นอะไร รุ้งหยิบจับไม่ถูก” เจ้าตัวสารภาพออกไปตรงๆ น้ำเสียงโอดครวญ

เปตราปรากฏร่างให้อีกฝ่ายเห็น เขากลอกตาไปมา ก่อนว่า “มีข้าวอบเกาลัดและเนื้ออบสอดไส้ชีสอยู่ในตู้เย็นฝั่งซ้ายมือ เอาออกไปเวฟได้เลย”

“แล้วท่านเปตราจะทานด้วยกันไหมคะ รุ้งจะได้จัดเผื่อ”

เปตราทำหน้าราวกับถูกผีหลอก “ข้าไม่ต้องการอาหาร ข้ากินอาหารทิพย์”

“อะไรคืออาหารทิพย์”

“ไม่ใช่เรื่องที่มนุษย์จะต้องรู้”

“แต่เวลานี้รุ้งไม่ใช่มนุษย์เต็มร้อยแล้ว ก็แค่วิญญาณที่สิงอยู่ในร่างเสมือน…และไม่นานร่างนี้ก็ต้องดับสลายไป” เถียง พลางเดินถือกล่องอาหารทั้งสองอย่างไปใส่ในไมโครเวฟ

ยมทูตมองอีกฝ่ายด้วยแววตาอ่อนโยน ก่อนโต้กลับว่า “ตราบใดที่ร่างกายเจ้ายังต้องการอาหาร ตราบนั้นเจ้ายังเป็นมนุษย์ปลายรุ้ง”

“เล่าให้ฟังหน่อยสิคะ ว่าท่านเปตราไปเป็นยมทูตได้ยังไง” ปลายรุ้งหันกลับมาเผชิญหน้ากับเขา พร้อมเปลี่ยนเรื่องพูด

เปตราชะงักเมื่ออีกฝ่ายเปลี่ยนหัวข้อรวดเร็วชนิดที่เรียกว่าหัวทิ่มหัวตำจากการกลับลำไม่ทัน เขามองใบหน้าซีดขาวและศีรษะโพกด้วยผ้าก๊อซ ที่เป็นผลจากอุบัติเหตุหลงเหลืออยู่ “เจ้าหาญกล้าผิดเรื่องแล้วปลายรุ้ง และเรื่องนี้ไม่ใช่วิสัยที่มนุษย์ควรจะรู้ด้วย”

ปลายรุ้งหน้าเสีย “ขอโทษค่ะถ้าทำให้ท่านเปตรารู้สึกว่ารุ้งละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัว”

ยมทูตยังคงทำหน้านิ่ง เมื่อตอบว่า “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ข้าขอตัว”

“เดี๋ยวค่ะ”

“มีอะไร”

“รุ้งอยากรู้ว่าเรนัลโดเป็นคนไงคะ”

เปตราหลับตา เพ่งดูประวัติแต่หนหลังของเรนัลโดด้วยฌาน ก่อนจะลืมตามาตอบว่า “เป็นคนดีคนหนึ่ง แต่เพื่อนฝูงมากหน่อย รักใครรักจริงและจะดูแลคนนั้นไปตลอดชีวิต”

“แล้วรุ้งเป็นเนื้อคู่เขาหรือเปล่าคะ”

“คำถามนี้อยู่นอกเหนือที่ข้าจะตอบได้ปลายรุ้ง”

“ท่านรู้แต่ท่านไม่ตอบ”

“เป็นสิทธิของข้า”

“รุ้งไม่ใช่เนื้อคู่เขาใช่ไหมคะ เพราะรุ้งมีเวลาอยู่แค่เดือนเดียว”

เปตราหายตัว เหลือเพียงเสียงที่อยู่รอบตัวหญิงสาว “จงยอมรับผลที่เกิดขึ้น…ข้าผิดข้าก็พยายามชดใช้ให้แล้ว ใช้เวลาอยู่กับตัวเองให้สบายใจจนกว่าเรนัลโดจะกลับมา”

ปลายรุ้งมองอากาศรอบตัวอย่างขุ่นใจหากก็ทำอะไรไม่ได้ เธอควรต้องยอมรับสภาพจริงๆ ใช่ไหม ได้สมหวังในรักกับผู้ชายที่พึงใจในเวลาหนึ่งเดือนก่อนที่ดวงวิญญาณจะดับสูญ ดีกว่าใช้ชีวิตอยู่ต่อไป โดยที่ไม่มีแม้แต่โอกาสจะได้ทำความรู้จักกับเขา…อย่างนั้นใช่ไหม?



อัลบัมรูปถ่ายเขาเต็มไปด้วยเพื่อนฝูงมากมาย ในเวลาช่วงสองปีที่เรนัลโดใช้ชีวิตอยู่ในปารีส มิลานและนิวยอร์ก ชายหนุ่มมีงานเดินแบบและถ่ายแบบขึ้นปกนิตยสารมากมาย หลายภาพในหลายอัลบัมไม่เคยผ่านสายตาเธอมาก่อน นั่นหมายความว่าเขาไม่ได้นำรูปเหล่านั้นโพสต์ขึ้นอินเทอร์เน็ต เธอเคยฟังบทสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษของเขา ชายหนุ่มบอกว่ารูปถ่ายที่ปลิวว่อนอยู่ในโลกออนไลน์ ไม่ใช่ผลงานของทีมงานหรือของเขา หากแต่เป็นของบรรดาแฟนคลับ เช่น เว็บไซต์จิออร์ดาโน ดอท ยูเอส จัดทำโดยแฟนคลับในอเมริกา

เจ้าตัวนึกพลางหยิบนิตยสารบราซิลรายปักษ์ที่มีรูปเขาในชุดว่ายน้ำสุดเซ็กซี่ถ่ายขึ้นปก ขึ้นมาพลิกอ่านดู ทว่าเปิดไปที่หน้าบทสัมภาษณ์เขา…ให้อ่านอย่างไรเธอก็อ่านไม่ออก ปลายรุ้งนิ่วหน้า เรียกหาเปตราอีกครา

“ท่านเปตรา ไหนว่าเสกให้รุ้งเข้าใจภาษาโปรตุเกสได้แล้ว ทำไมถึงยังอ่านนิตยสารพวกนี้ไม่เข้าใจละคะ” หญิงสาวส่งเสียงโวยวาย หลังจากทานอาหารมื้อกลางวันที่ล่วงมาจนบ่าย เจ้าตัวก็ย้ายมานั่งเล่นในห้องรับแขก ซึ่งประกอบไปด้วยเครื่องอำนวยความสะดวกตลอดจนอุปกรณ์ให้ความบันเทิงครบครัน

เปตราไม่ปรากฏร่างให้เห็น ส่งเพียงเสียงว่า “เจ้าไม่ได้ขอให้อ่านภาษาโปรตุเกสได้ด้วยนี่ เจ้าขอแค่พูดภาษานี้ได้”

ปลายรุ้งกลอกตาไปมา ก่อนทำเสียงขึ้นจมูก “โห…พวกยมทูตก็มีเถรตรงด้วยเหมือนกันหรือนี่ ถ้ารุ้งขอกินข้าวมื้อค่ำนี้ ท่านเปตราก็คงจะให้แต่ข้าว โดยไม่ให้กับข้าวอย่างงั้นสิคะ?”

ผู้มีอำนาจลี้ลับปรากฏกายให้อีกฝ่ายเห็น แววตาเขากรุ่นๆ เมื่อตอบว่า “เจ้านี่ตัวป่วนขนานแท้เลยนะปลายรุ้ง และช่างกระแนะกระแหนค่อนขอดเสียจริง” ยมทูตพูดพลางโบกมือไปตรงหน้าราวกับไล่ยุงไปทีหนึ่ง แล้วเสริมว่า “ข้าให้ในสิ่งที่เจ้าเสียดสีว่าให้ไม่ครบถ้วนสมบูรณ์แล้วปลายรุ้ง และจากนี้ข้าก็หวังว่าเจ้าจะไม่เรียกหาข้าอีก ข้าจะไปนั่งบำเพ็ญภาวนาในแดนนรก จะกลับขึ้นมาอีกครั้งเช้าวันรุ่งขึ้นในเวลาของโลกมนุษย์”

ปลายรุ้งทำหน้าเสีย “ถ้าท่านไปแล้ว รุ้งจะอยู่กับใครละคะ เกิดคนร้ายโผล่เข้ามาทำมิดีมิร้าย รุ้งจะทำยังไง”

“ข้าตรวจสอบจนมั่นใจแล้วว่าไม่มีเหตุการณ์ทำนองนั้นเกิดขึ้นแน่ตลอดเวลาสิบกว่าชั่วโมงที่ข้าไม่อยู่นี่ ข้าต้องไปแล้วปลายรุ้ง ขอให้เจ้าโชคดี”

“แล้วถ้าเรย์ไม่กลับคืนนี้ละคะ รุ้งจะทำยังไง”

ทว่าไม่มีเสียงตอบจากอีกฝ่าย ปลายรุ้งผ่อนลมหายใจออกจากปากพรืดหนึ่ง ก่อนจะตัดใจยอมละสายตากลับมายังนิตยสารเบื้องหน้า คราวนี้ปรากฏว่าเธอสามารถอ่านและเข้าใจภาษาโปรตุเกสได้ทั้งหมด เจ้าตัวยิ้มอย่างถูกใจ…ยมทูตนี่ก็น่ารักเหมือนกันนะ

ปลายรุ้งใช้เวลาไปกับการดูอัลบัมและอ่านบทสัมภาษณ์ของเขาในนิตยสารต่างๆ เพื่อทำความรู้จักตัวตนที่แท้จริงของฝ่ายนั้น นานหลายชั่วโมงเธอจึงเงยหน้าบิดขี้เกียจ ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่เสียงโทรศัพท์กรีดดังขึ้น หญิงสาวลังเล นึกอยากให้เปตราอยู่แถวนี้ เพื่อจะได้ถามความเห็นว่าควรจะไปรับหรือไม่ ชั่งใจเพียงเสี้ยววินาที เจ้าตัวก็ลุกไปรับ

“บอม เดีย” เธอทักทายคำว่าสวัสดีเป็นภาษาโปรตุเกส

ปลายสายอึ้งไปเสี้ยววินาทีราวกับประหลาดใจ แล้วจึงทักทายกลับมา “บอม เดีย เรย์อยู่มั้ย”

แสดงว่าอีกฝ่ายเป็นคนที่รู้จักเรนัลโดเป็นอย่างดี ถึงได้เรียกชื่อเล่นของเขาอย่างสนิทสนม ปลายรุ้งตอบกลับไปว่า “ไม่อยู่ค่ะ เขาออกไปข้างนอก”

ฝ่ายนั้นนิ่งไปอึดใจ แล้วจึงตอบกลับมาว่า “ขอโทษนะ เธอเป็นใคร ปกติเรย์จะไม่พาผู้หญิงมาอยู่บ้าน อย่างน้อยก็ในช่วงที่เขาไม่อยู่”

ปลายรุ้งยิ้มเมื่อสัมผัสได้ถึงน้ำเสียงไม่พอใจระคนหึงหวงจากปลายสาย เธอตอบกลับไปอย่างคนขี้เล่นระคนเจ้าเล่ห์ว่า “คงต้องถามเรย์เองแล้วล่ะคะว่าฉันเป็นใคร พิเศษอย่างไรถึงได้มาอยู่ที่นี่”

“คงไม่ใช่เมียเขาหรอกนะ”

อีกฝ่ายถามตวัดเสียงกลับมา มีผลให้ปลายรุ้งสะดุ้งโหยง เจ้าตัวยิ้มเรี่ยๆ พลางตอบว่า “เปล่าหรอกค่ะ…คุณละคะเป็นใคร เขากลับมา ฉันจะได้บอกชื่อได้ถูก”

“ไม่เป็นไร…เดี๋ยวฉันโทรเข้ามือถือเขาก็ได้”

“ค่ะ” เธอรับคำแล้ววางหูตาม นึกอยากรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร เสียดายเหลือเกินที่เปตราไม่อยู่…ไม่อย่างนั้นยมทูตผู้ล่วงรู้และรอบรู้ทุกอย่างผู้นั้น คงให้คำตอบได้

ปลายรุ้งวางสายแล้วเดินเข้าห้องนอนเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าอาบน้ำ ฟังข่าวพยากรณ์อากาศจากโทรทัศน์เมื่อครู่ พบว่าอุณหภูมิในเมืองริโอ เดอ จาเนโร สูงถึงยี่สิบเก้าองศาเซลเซียส ดูจะร้อนพอๆ หรือไม่ก็ ‘น้องๆ’ เมืองไทยเลยทีเดียว ตั้งใจว่าอาบน้ำแล้ว จะลอบออกไปสำรวจทั่วแมนชันหลังนี้

สี่สิบห้านาทีต่อมาหญิงสาวก็มาโผล่ที่ชั้นสอง ซึ่งเป็นชั้นซักรีด มีห้องเก็บอาหาร ห้องฟิตเนสและมุมหนึ่งวางโต๊ะสนุกเกอร์ เธอผลักประตูระเบียง เดินระเรื่อยไปยังลานกว้างด้านนอก ซึ่งมีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่สร้างอยู่ตรงกลาง และมีเก้าอี้นอนอาบแดดวางโดยรอบ เสียดายอากาศร้อนเกินไป ถ้าเย็นกว่านี้สักนิด บริเวณนี้คงเป็นมุมโปรดปรานของเธอได้ไม่ยาก เจ้าตัวนึกพลางทรุดนั่งบนเก้าอี้ตัวหนึ่ง

สมัยที่เขียนเรื่อง ‘อริยอดรัก’ ซึ่งยังค้างครึ่งๆ กลางๆ ไม่จบนั้น เธอต้องค้นหาข้อมูลแมนชันเพื่อใช้ประกอบการบรรยายให้กับบ้านของเควินพระเอกฮอลลีวูดดังในเรื่อง ตอนนั้นคิดว่าแมนชันของเควินหรูหรามากแล้ว เพราะจำลองมาจากแมนชันจริงของทอม ครูซ หากทว่าตอนนี้เธออยากคิดว่าทาบไม่ติดเลยกับแมนชันหรูของเรนัลโด

เรย์ทำอะไรบ้างนะตอนที่อยู่ในบ้านกว้างขวางสุดแสนอลังการหลังนี้?…เธอนึกอยากรู้ เขาจะพาผู้หญิงมาค้างบ้างหรือเปล่า หรือว่าจะแค่ชวนเพื่อนๆ มาจัดปาร์ตี้ เพราะชาวบราซิลคลั่งปาร์ตี้ไม่แพ้ฟุตบอล… เดิมเคยคิดว่ารู้เรื่องของเขาบ้างแล้ว มาตอนนี้เมื่อได้สัมผัสตัวตนที่แท้จริงของเขา ปลายรุ้งอยากคิดว่าเธอแทบไม่รู้อะไรที่เกี่ยวกับเขาเลย

ครั้งแรกที่เจอกัน…เธอได้เรียนรู้ว่าเขาเป็นคนใจดี อัธยาศัยดี และมีน้ำใจ จริงจัง ไม่ขี้เล่นและไม่เจ้าชู้ ซึ่งดูจะต่างจากบทบาทส่วนใหญ่ที่เขารับเล่นในละครโทรทัศน์ที่ชอบกวาดเรียบทั้งแม่และลูก หรือไม่ก็ชอบรับบทบาทที่ล่อแหลมต่อศีลธรรม อย่างเรื่อง ‘ครอบครัวยุ่งเหยิง’ เขาแสดงเป็นหมอที่ได้ทั้งแม่และลูกซึ่งเป็นนางเอก หรือเรื่อง ‘สีสันแห่งบาป’ เขารับบทเป็นคู่แฝดที่แย่งคนรักของพี่ชาย หากทว่าทั้งสองเรื่องกลับเรียกเรตติงกระฉูด ได้รับความนิยมจากประชาชนถล่มทลาย คอละครติดกันเกรียว พอตกกลางคืนไม่ออกไปไหน แต่เฝ้าดูอยู่กับบ้าน

ปลายรุ้งยังคงคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ไม่รู้เลยว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่บรรยากาศรอบตัวมืดครึ้มและเสียงหนึ่งดังขึ้นทางด้านหลังพร้อมๆ กับที่แสงไฟสว่างพรึบ

“มาทำอะไรที่นอกระเบียงมืดๆ ค่ำๆ นี่”

เธอผงะเหลียวไปมองเมื่อได้ยินเสียงเรนัลโด หญิงสาวยิ้มอ่อนหวานโดยไม่รู้ตัว ขณะลุกยืน “เห็นบรรยากาศดีน่ะค่ะ ก็เลยออกมารับลม”

“เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอกที่นี่ยุงลายชุมเพราะอยู่กลางเทือกเขา”

ปลายรุ้งก้าวเดินนำหน้าเขาเข้าไปในบ้านทันที ด้วยรู้ว่ายุงลายเป็นพาหะของไข้เหลืองซึ่งเป็นโรคยอดนิยมอยู่ในทวีปอเมริกาใต้และแอฟริกา กระทั่งทางการไทยต้องออกระเบียบว่าผู้ที่เดินทางเข้าประเทศบราซิล จะต้องฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้เหลือง

ภาพเธอรีบเดินลิ่วเข้าบ้านโดยไม่รอเขา จุดรอยยิ้มขำขันบนใบหน้าเรนัลโด เขาไม่เอ่ยอะไร หันไปดึงประตูกระจกมาปิดเงียบๆ

“ที่นี่กว้างขวาง คุณไม่จ้างแม่บ้านบ้างหรือคะ” ถามอย่างชวนคุยขณะยืนรอเขาล็อกประตูกระจก

เรนัลโดปิดประตูระเบียงเรียบร้อยแล้ว จึงหันมาตอบ “ผมจ้างแม่บ้านประเภทไปกลับ ไม่ได้ให้อยู่ประจำหรอก เพราะชีวิตส่วนใหญ่ของผมอยู่ที่เซาเปาโล ไม่ค่อยได้มาพักที่บ้านหลังนี้”

“อ่านจากในนิตยสาร ดูเหมือนว่าคุณมีบ้านสองหลัง”

“ใช่ครับ…ที่เซา เปาโล กับที่นี่” ตอบพลางเดินนำหญิงสาว ก้าวลงบันไดไปชั้นล่าง

“คุณมาทำอะไรที่ริโอ นี่คะ” เธอหมายถึงนครริโอ เดอ จาเนโร

“ผมมาติดต่อธุรกิจ เพื่อนนักธุรกิจชวนลงทุนในกิจการบางอย่าง เลยต้องอยู่โยงเพื่อเจรจาธุรกิจที่เมืองนี้ยาว แล้วก็มาเกิดเหตุขับรถชนคุณเข้า” ประโยคหลังตอบพลางเอี้ยวตัวไปมองอีกฝ่าย

การหยุดเดินกะทันหันของเรนัลโด ทำให้เธอตั้งหลักไม่ทัน เป็นผลให้ชนเขาเข้าอย่างจัง ชายหนุ่มคว้าเอวเธอไว้ได้ทัน ก่อนที่จะกลิ้งหลุนๆ ตกบันไดไปเบื้องล่าง “ขอโทษค่ะ…” เจ้าตัวอุบอิบขอโทษในลำคอแล้วยกมือยันอกเขา ไม่กล้าเงยหน้าสบตา ด้วยรู้สึกได้ถึงความร้อนวูบวาบทั่วพวงแก้ม

“ไม่เป็นไร…ผมต่างหากต้องขอโทษคุณที่หยุดเดินโดยไม่ส่งสัญญาณ” เขารอจนปลายรุ้งทรงตัวได้มั่น จึงปล่อยเอว เดินนำต่อพลางพูดว่า “คุณทานอาหารบราซิลได้ไหมอิริส”

“ไม่ค่อยชินลิ้น แต่ก็พร้อมที่จะลองชิมดูค่ะ” ตอบอย่างเขินๆ เพราะยังไม่ชินกับชื่ออิริสซึ่งแปลว่ารุ้งในภาษาสเปน

เรนัลโดส่งหัวเราะขึ้นทันทีเมื่อได้ฟังคำตอบจากคนข้างหลัง คราวนี้ไม่มีหยุดเหลียวหลังไปมอง ยังคงก้าวเดินสม่ำเสมอ ขณะตอบว่า “ผมจะทำข้าวผัดเกาลัดกับซุปโมเคคาให้คุณทาน”

“ข้าวผัดเกาลัดหรือคะ?” ปลายรุ้งร้องเสียงหลง น้ำเสียงเหมือนโอดครวญอย่างมาก จนอีกฝ่ายต้องเหลียวมามองอย่างฉงน ก่อนจะรีบก้าวเดินต่อ

“ทำไมทำเสียงอย่างงั้นล่ะ” เรนัลโดถามอย่างสงสัย

ปลายรุ้งทำหน้าเหยๆ อยู่ข้างหลังเขา ชั่งใจว่าจะพูดความจริงดี หรือควรจะรักษามารยาทดี สุดท้ายตอบแบ่งรับแบ่งสู้ว่า “ก็…ฉันทานไปเมื่อตอนบ่ายแล้วนี่คะ มันเหลืออยู่ในตู้เย็น เลยเอาออกมาเวฟทาน เมื่อได้รู้รสชาติแล้ว ก็เลยอยากลองจานอื่นดูบ้าง” ให้เหตุผลที่คิดว่าเข้าท่าที่สุดแล้ว ความจริงข้าวผัดเกาลัดและเนื้ออบสอดไส้ชีสของเขา มีรสชาติเค็มและเลี่ยน จนเธอไม่อยากแตะซ้ำสอง เคยได้ยินว่าคนบราซิลกินเค็มและเลี่ยน แต่ไม่คิดว่าจะถึงขนาดนั้น

“งั้นเดี๋ยวผมจะลองทำเมนูอื่นให้คุณทาน”

คนฟังยิ้มแหยๆ มากขึ้น เสนอความเห็นออกไปอย่างเกรงใจว่า “เอางี้ดีไหมคะ เราลองมาทำอาหารของแต่ละประเทศแลกเปลี่ยนกันทานดีไหมคะ? คุณทำซุปโมเคคาของคุณ ส่วนฉันจะทำอาหารไทยให้คุณชิม อาจเป็นอาหารจานหลัก จะได้ทานกับซุปของคุณด้วย”

“คุณมั่นใจแล้วใช่ไหมว่าตัวเองมาจากประเทศไทย?”

ปลายรุ้งชะงัก หน้าเปลี่ยนสีไปนิด ดีที่เขาไม่เหลียวมามอง เธอยกมือเสยผมเก้อๆ แล้วตอบว่า “อาหารไทยแวบๆ เข้ามาในสมองน่ะค่ะ เลยคิดว่าน่าจะเป็นคนไทย”

“ก็ยังดี…ที่ไม่สูญเสียความทรงจำไปทั้งหมด อย่างน้อยก็ยังเหลือสูตรอาหารอยู่ในสมองบ้าง”

ปลายรุ้งหน้ามุ่ย ไม่มั่นใจว่าเขาประชดหรือไม่ เพราะจับน้ำเสียงไม่ถนัด ยิ้มเจื่อนๆ เพราะความกระดาก ก่อนกล่าวว่า “คงไม่มังคะ เพราะอย่างน้อยฉันก็รู้สึกคุ้นๆ ว่าตัวเองชื่อปลายรุ้ง”

“คุณบอกผมแล้วอิริสว่าคุณชื่อนั้น” เรนัลโดพูดด้วยน้ำเสียงเย้าๆ พวกเขาก้าวมาถึงห้องครัว ชายหนุ่มตรงไปล้างมือและหยิบผ้ากันเปื้อนจากตะขอมาคล้องคอและคาดเอว ก่อนจะหันไปทางแขกคนเดียวของบ้าน “เอาไงดี…เราจะผลัดกันทำ หรือจะทำไปพร้อมกัน?”

“ห้องครัวออกกว้างขวาง ฉะนั้นเรามาช่วยกันทำดีไหมคะ?” ปลายรุ้งเสนอความเห็นไปอีกทาง

“ตกลง” เรนัลโดตอบรับง่ายๆ แล้วเดินไปเปิดลิ้นชัก เขาหยิบผ้ากันเปื้อนอีกผืนส่งให้เธอ

ปลายรุ้งยื่นมือออกไปรับ หลังจากล้างมือเรียบร้อยแล้ว เธอคาดเอวอย่างทะมัดทะแมง ก่อนจะหันไปถามเขา “เรามาเริ่มต้นจากซุปโมเคคาของคุณดีไหมคะ ว่าแต่…โมเคคาคืออะไรคะ?”

“เป็นอาหารพื้นเมืองของบราซิลน่ะครับ” ตอบพลางเดินไปหยิบเครื่องปรุงออกมาจากตู้เก็บเครื่องปรุง ก่อนจะเดินไปเปิดตู้เย็น หยิบกล่องใส่กุ้งออกมาวางบนเคาน์เตอร์กลางห้อง

เธอมองเครื่องปรุงบนโต๊ะซึ่งมีทั้งกุ้งตัวโต กะทิกระป๋อง หอมหัวใหญ่ ต้นหอม กระเทียม มะเขือเทศ พริก พริกไทย ผักชี เกลือและมะนาว “ให้ฉันช่วยอะไรบ้างคะ?” ถามอย่างนึกสนุก เรียวปากแต้มรอยยิ้ม

เรนัลโดยิ้มตอบ ก่อนมอบหมายงานให้หญิงสาว “คุณฝานมะเขือเทศเป็นแว่นๆ หั่นเอาเม็ดข้างในออก แล้วปอกหอมหัวใหญ่ หั่นตามแนวขวางนะครับ” พูดพลางส่งมีดและเขียงให้อีกฝ่าย

“คุณต้องชอบทำอาหารแน่เลยใช่ไหมคะ ดูท่าทางแล้วคล่องแคล่วมาก” ตั้งข้อสังเกตอย่างชื่นชม พลางรับอุปกรณ์จากเขามาวางบนโต๊ะ เธอลงมือปอกหอมหัวใหญ่เป็นอันดับแรก

นักแสดงหนุ่มหยิบกล่องกุ้งไปปอกเปลือกที่ซิงก์ เขาตอบว่า “ไม่เชิงว่าชอบครับ แต่ความจำเป็นมากกว่า ตอนอยู่ปารีส หาอาหารบราซิลที่ถูกปากยากมาก ก็เลยต้องลงมือทำเอง”

“คุณมีเวลาทำหรือคะ ในเมื่องานเดินแบบออกจะเยอะขนาดนั้น”

เรนัลโดหันขวับไปมองหญิงสาวทันที แววตาแสดงความสงสัยเมื่อถามว่า “คุณรู้ได้ยังไงว่าผมไปอยู่ปารีสเพื่อเดินแบบ” อีกฝ่ายชะงักงันอย่างเห็นได้ชัด เขามองภาพนั้นอย่างจับสังเกตเงียบๆ

ปลายรุ้งสิ่งยิ้มแหยๆ ให้เขา ก่อนตอบว่า “ฉันอ่านจากบทสัมภาษณ์ในนิตยสารน่ะค่ะ ไม่ทราบว่าคุณหวงข้อมูลพวกนั้นด้วย” ลอบถอนหายใจเมื่อเห็นสีหน้าอีกฝ่ายลดความเคร่งเครียดลง

“ไม่หรอกครับ” ดาราหนุ่มหันกลับไปแกะหัวกุ้งต่อ ก่อนบอกเล่าว่า “ผมเพิ่งกลับมาอยู่บราซิลได้สามปีเอง ก่อนหน้านี้ไปเดินแบบอยู่ที่ปารีส”

“สนุกไหมคะอาชีพนายแบบ”

“ไม่เลย” เรนัลโดส่ายหน้า “ผมชอบงานแสดงมากกว่า และใฝ่ฝันอยากเป็นนักแสดงมาตั้งแต่เรียนไฮสคูล ช่วงสองปีที่เดินแบบอยู่ปารีส นิวยอร์กและมิลาน จึงค่อนข้างอึดอัด ถึงจะเป็นงานที่ทำรายได้ได้สูง แต่ผมก็ไม่มีความสุขกับมันเลย สามปีที่แล้วเลยตัดสินใจกลับมาบราซิล เพื่อวิ่งตามความฝันตัวเองดีกว่า”

“คุณแสดงหนังเรื่องแรกเรื่องอะไรคะ?”

“เรื่อง…” เขาบอกชื่อละครในภาษาโปรตุเกสซึ่งแปลว่าความสัมพันธ์ในครอบครัวที่ยุ่งเหยิง ก่อนเสริมว่า “เป็นละครโทรทัศน์น่ะ”

“เดาว่าคงดังเปรี้ยงปร้างสิคะในเมื่อคุณหล่อขนาดนี้”

เรนัลโดปรายตาไปมองคนพูดอย่างขำๆ ก่อนตอบว่า “ผมไม่รู้ว่าคำว่าเปรี้ยงปร้างเอาอะไรมาวัด…หั่นหอมใหญ่กับมะเขือเทศเสร็จยังครับ” ประโยคหลังเปลี่ยนเรื่องพูด

“เสร็จแล้วค่ะ” ตอบพลางยื่นจานมะเขือเทศและหอมใหญ่ไปตรงหน้าเขา

“งั้นสับกระเทียมกับคั้นน้ำมะนาวนะครับ ผมจะแช่กุ้งกับเกลือและมะนาว” พูดพลางรับจานมาวางข้างตัว หยิบกุ้งที่ปอกเปลือกและแกะหัวแล้ววางบนชาม โรยเกลือ และหันไปหั่นต้นผักชี ระหว่างรอหญิงสาวคั้นน้ำมะนาว

ปลายรุ้งลงมือบีบมะนาวใส่ถ้วยใบเล็ก ขณะที่ถามต่อว่า “แล้ววันนี้เป็นไงบ้างคะ คุณออกไปข้างนอก ไม่ทราบว่า เอ่อ…”

เรนัลโดเงยหน้ามองปลายรุ้ง เมื่อเห็นว่าหยุดพูดไปเฉยๆ เขายิ้มเอ็นดูในหน้าพลางตอบว่า “ผมไปหาเพื่อนที่โรงพยาบาล เธอประสบอุบัติเหตุระหว่างเข้าฉากบู๊”

“เป็นอะไรมากหรือเปล่าคะ?” เธอถามด้วยน้ำเสียงห่วงใย

“เอ็นฉีกและกระดูกหัก เห็นว่าต้องนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลหลายอาทิตย์เหมือนกัน”

“เสียใจด้วยค่ะ ว่าแต่ ใช่…เพื่อนที่คุณติดต่อ เพื่อจะให้ฉันไปค้างด้วยเปล่าคะ?” ถามอย่างอยากรู้

“ใช่ครับ…เมลานี เป็นหนึ่งในเพื่อนที่ผมติดต่อ ทำไมหรือครับ?”

ปลายรุ้งอึ้ง ไม่ตอบในทันที เจ้าตัวลังเล ก่อนตัดสินใจถามต่อว่า “ตอบฉันก่อนค่ะ…วันนี้มีผู้หญิงโทรไปหาคุณหรือเปล่าคะ?”

ดาราหนุ่มขมวดคิ้วมุ่นเมื่อถูกย้อนถามกลับ แต่ก็ยอมตอบตรงๆ “มีครับ…มาเรียน่าญาติผู้น้องผมเอง ทำไมเหรอ?”

“คือเธอโทรมาที่นี่ค่ะ ฉันรับสาย แต่เธอไม่ยอมบอกชื่อ บอกว่าจะโทรเข้ามือถือคุณเอง ไม่ทราบว่ามีธุระด่วนอะไรหรือเปล่าคะ อ้อ…ต้องขอโทษอย่างมากค่ะที่รับสายแทนคุณ”

เรนัลโดยังคงขมวดคิ้วมุ่น หากกระนั้นก็ตอบคำถามว่า “มาเรียน่าโทรมาบอกผมว่าเธอถูกโจรวิ่งราวระหว่างเดินเที่ยวที่ตลาดสดในอุรุกวัย ต้องอยู่เคลียร์เอกสารเพราะพาสปอร์ตหายไปด้วย และขอให้ผมช่วยโอนเงินไปให้เธอ”

หญิงสาวนิ่ง ก่อนถามอย่างช้าๆ ท่วงท่าใช้ความคิดว่า “นั่นทำให้เธอต้องยืดเวลาอยู่อุรุกวัยต่อใช่ไหมคะ?”

“ใช่ครับ…มีอะไรเหรออิริส?”

ปลายรุ้งไม่ตอบแต่ย้อนถามกลับว่า “คุณไม่สังเกตหรือว่าคนที่คุณตั้งใจจะติดต่อเพื่อพาฉันไปค้างด้วยน่ะ ล้วนเจออุบัติเหตุในรูปแบบต่างๆ กัน เพราะงั้นอย่าคิดที่จะพาฉันไปฝากใครอีกเลยนะคะ ฉันไม่อยากทำบาปมากไปกว่านี้ ถ้าคุณอึดอัดใจกับการที่ฉันต้องอยู่ด้วย ฉันก็จะอยู่ให้ห่างคุณและจะไม่ทำตัวเกะกะลูกตาคุณเด็ดขาด โอเคมั้ยคะ?”

นักแสดงหนุ่มลูกครึ่งขมวดคิ้วมุ่น “คุณกังวลมากเกินไปหรือเปล่าอิริส อาจจะไม่ใช่อย่างที่คิดก็ได้”

“ใช่ค่ะ…มันใช่อย่างที่ฉันคิดแน่ๆ ใครอีกคะที่คุณคิดจะติดต่อเพื่อฝากฉัน ไม่เชื่อก็รอฟังข่าวคราวเลย เธอจะประสบอุบัติเหตุอะไรสักอย่าง ทำให้คุณพาฉันไปพบด้วยไม่ได้ ฉันไม่ได้แช่งนะคะ แต่กำลังจะเกิดเหตุการณ์อย่างงั้นจริงๆ”

เรนัลโดอึ้ง “ผมไม่ค่อยเชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติหรอกนะอิริส แต่โอเค…จะลองรอฟังข่าวคราวอย่างที่คุณว่าก็ได้ ผมโทรหาตาลิต้าอีกคน ถ้าเธอมีเหตุให้ผมพาคุณไปฝากด้วยไม่ได้ ผมก็จะยอมเชื่อตามคุณ และจะให้คุณอยู่ต่อจนกว่าเราจะตามหาคนที่รู้จักคุณ หรือไม่ก็จนกว่าคุณจะฟื้นความจำกลับมา ตกลงมั้ย?”








Create Date : 17 พฤศจิกายน 2552
Last Update : 25 พฤศจิกายน 2553 13:09:42 น.
Counter : 583 Pageviews.

11 comment
รักเพียงฝัน...(บท 1/2)(MN-ทับศัพท์)








หลายชั่วโมงต่อมาร่างบางถูกเข็นกลับมา ภายหลังจากหมออันเดร ตรวจเช็กสมองและร่างกายจนละเอียดแล้ว เรนัลโดถามขึ้นอย่างร้อนใจทันทีเมื่อเห็นหน้าอันเดร “เธอเป็นไงบ้างหมอ” ถามเป็นภาษาอิตาลี เพื่อไม่ให้คนเจ็บฟังออก

“ร่างกายภายนอกหายดีร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว น่าประหลาดใจมากที่แผลสมานตัวได้เร็ว ผมอยากจะพูดว่าเธอสามารถกลับบ้านได้ภายในวันนี้พรุ่งนี้เสียด้วยซ้ำ แต่ที่น่าห่วงใยคือ เธอสูญเสียความทรงจำไปชั่วขณะจากการประสบอุบัติเหตุ”

“พระเจ้า…แล้วความจำเธอจะกลับมาเมื่อไร”

“ตอบยากมาก ขึ้นอยู่กับแต่ละคน เพราะผู้ป่วยบางคนจะฟื้นความจำมาได้เอง บางรายต้องอาศัยการกระตุ้น แต่ปัญหาคือ เราไม่เจอเอกสารระบุตัวตนของเธอ ทำให้สืบค้นไม่ได้แม้กระทั่งประวัติหรือชื่อเสียงเรียงนาม”

เรนัลโดนิ่งอึ้ง ก่อนจะตวัดสายตามองไปทางคนเจ็บอย่างไม่ตั้งใจ พบว่าอีกฝ่ายมองเขาอยู่แล้วด้วยแววตาสดใสเป็นประกายดุจตากวาง…ราวกับไม่รู้อีโหน่อีเหน่ถึงอาการหนักหนาของตัวเอง ชายหนุ่มตวัดสายตากลับมามองอันเดร พลางว่า “แล้วอาการทางจิตของเธอละครับ เรื่องที่พูดคนเดียว”

“อันนี้ก็น่าแปลกมาก เราทดสอบหลายรอบแล้วแต่ไม่พบอาการป่วยทางจิตของเธอ”

นักแสดงหนุ่มอึ้ง เขาแหงนหน้าคอตั้งบ่าในท่วงท่าใช้ความคิด

“คุณจะตัดสินใจยังไงต่อไปเรย์ เพราะผมคงต้องให้คนป่วยออกจากโรงพยาบาลเร็วๆ นี้ อาการเธอหายเป็นปกติแล้ว ขณะที่โรงพยาบาลเรามีคนป่วยอีกมากมายที่รอเข้ารับการรักษา”

เรนัลโดนิ่งอย่างชั่งใจ ชั่วครู่ก็ให้คำตอบว่า “ในเมื่อเธอไม่มีที่ไป เพราะยังสืบหาประวัติไม่ได้ว่าเป็นใครมาจากไหน ทางออกทางเดียวขณะนี้ เห็นทีคงต้องหาที่อยู่ให้เธอก่อน”

“แล้วคุณจะหาที่อยู่ที่ไหนให้เธอ ในเมื่อไม่มีเอกสารบ่งบอกความเป็นตัวตนสักอย่าง”

“ผมอาจต้องไหว้วานเพื่อนให้ช่วยดู”

อันเดรพยักหน้า “งั้นก็ว่ากันตามนี้ แล้วเดี๋ยวผมจะออกใบนัดแพทย์ ให้คุณพาเธอมาเช็กร่างกายและสมองเป็นระยะๆ จนกว่าจะหายขาด”

“ได้ไม่มีปัญหาหรอก”

หมออันเดรพยักหน้าอีกคำรบ ก่อนจะหันไปทางคนเจ็บ เขาพูดเป็นภาษาโปรตุเกสว่า “ร่างกายคุณหายเป็นปกติแล้ว และจะกลับบ้านได้ภายในวันพรุ่งนี้”

ตอบกลับไปว่าเจ้าไม่มีบ้านปลายรุ้ง…เสียงเปตราเหมือนก้องเข้ามาในความสมอง

“บ้าน? ฉันไม่มีบ้านค่ะคุณหมอ” ปลายรุ้งตอบตามยมทูตอย่างว่าง่าย

หมอผิวเข้มยิ้มในหน้าอย่างปรานี ก่อนตอบว่า “ไม่ต้องห่วง…จิออร์ดาโนจะดูแลคุณเองในระหว่างที่ยังจำอะไรไม่ได้”

เรนัลโดซึ่งมองอีกฝ่ายอยู่แล้ว เสริมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ใช่…ไม่ต้องห่วง มันเป็นหน้าที่ของผมที่ต้องดูแลคุณจนกว่าจะหายเป็นปกติ อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นผมยังไม่ได้คุยกับคุณว่าจะให้รับผิดชอบยังไงบ้าง”

“ไม่ต้องเลยค่ะ แค่คุณรับภาระค่ารักษานี่ ก็ถือว่ามากพอแล้ว ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรนอกเหนือจากนั้นหรอกค่ะ”

นักแสดงหนุ่มยิ้มให้ แววตาอ่อนโยนอีกเท่าตัว “ยิ่งคุณพูดยังงี้ ผมยิ่งต้องรับผิดชอบ” เขากล่าวแล้วหันไปทางหมออันเดร “ถ้าหมอยืนยันว่าพาเธอออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว ผมพาเธอออกวันนี้เลยได้ไหมครับ”

“ได้สิเรย์ ตามสบาย เดี๋ยวผมจะโทรบอกฝ่ายบัญชีให้เคลียร์ค่าใช้จ่ายเลย”

“ขอบคุณมากหมอ”

อันเดรยิ้มแทนคำตอบ เขาหันไปอวยพรให้คนเจ็บแล้วเดินจากห้องไปทันที เรนัลโดมองตามจนประตูปิดตามหลังแล้วจึงหันมาสบตากับคนบนเตียง ยิ้มอ่อนโยนในหน้าพลางว่า “ผมควรจะเรียกชื่อคุณว่าอะไรดี?”

เธอยิ้มแหยๆ ก่อนตอบว่า “ไม่ทราบสิคะ…คุณอยากจะเรียกว่าอะไรคะ?”

เรนัลโดลูบปลายคาง ทำท่าใช้ความคิด “หน้าตาคุณเหมือนสาวญี่ปุ่นมาก งั้นผมเรียกคุณว่าโมเอะดีไหม?” น้ำเสียงตอนท้ายมีแววเย้าอยู่ในที

ปลายรุ้งตาโตเพราะพอเข้าใจภาษาญี่ปุ่นอยู่บ้างซึ่งเขาหมายความว่าสาวน้อยน่ารัก เธออายหน้าแดงแล้วอุบอิบตอบในลำคอว่า “อย่าเรียกฉันด้วยชื่อนั้นเลยค่ะ เรียกฉันว่า…” เธอทำท่านึก ก่อนตอบว่า “ปลายรุ้ง หรือไม่ก็รุ้งสั้นๆ ดีกว่าค่ะ”

“ปลายรุ้ง?” หางเสียงเขาแปร่งๆ เมื่อเอ่ยภาษาที่ไม่คุ้นหู “มันเป็นภาษาอะไรน่ะ และหมายความว่าอะไร”

“มันเป็นภาษาไทยน่ะค่ะ แปลว่า อาร์โค่ อิริส” เธอหมายถึงรุ้งในภาษาโปรตุเกส

“ไทย? คุณเป็นคนไทยเหรอ” เรนัลโดย้อนถามทันควัน

“ไม่ทราบค่ะ อยู่ดีๆ คำนี้ก็ผุดขึ้นมาในหัว” ปลายรุ้งแก้ตัวพลางนึกก่นว่าตัวเอง เกือบไปแล้วไหมล่ะ หวิดโดนจับผิดซะแล้ว ว่าไปเขาก็ฉลาดจังเลยนะ ลงท้ายก็ไม่วายชื่นชมอีกฝ่าย

“อืม…งั้นเราจะค้นหาประวัติคุณโดยเริ่มต้นที่ประเทศไทย ตกลงไหมอิริส?”

“อิริส?” เธอย้อนถามกลับ

“แปลว่ารุ้งในภาษาสเปนน่ะ”

ปลายรุ้งเบิกตาโต “คุณพูดได้กี่ภาษาคะ”

“สี่ครับ…โปรตุเกส สเปน อิตาลีและอังกฤษ พ่อผมเป็นอิตาลี ก็เลยได้ภาษานั้นมาด้วย”

“เมื่อกี้เห็นคุณรู้จักคำว่าโมเอะด้วย นั่นเป็นภาษาอะไรคะ” ถามทั้งๆ ที่รู้

“ญี่ปุ่นครับ”

“งั้นคุณก็พูดภาษาญี่ปุ่นได้ด้วยสิคะ”

“นิดๆ หน่อยๆ น่ะครับ ไม่ถือว่าจริงจังอะไร ได้มาตอนแสดงหนัง”

“ว้าว…คุณเป็นนักแสดงหรือคะ” ทำเสียงตื่นเต้นประหลาดใจ ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายทำอาชีพอะไร

เขาชะงัก ก่อนยอมรับออกไปตรงๆ ว่า “ครับผมเป็นนักแสดง” นึกหวั่นว่าอีกฝ่ายจะแสดงท่าทีกรี๊ดกร๊าดเหมือนกับแฟนคลับทั่วไป แต่เมื่อเห็นยังคงนิ่ง มีเพียงแววตาชื่นชมปรากฏให้เห็น เรนัลโดก็นึกโล่งใจ เขาพูดต่อว่า “ผมต้องขอโทษอย่างมากกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น”

“ไม่เป็นไรเลยค่ะ มันเป็นอุบัติเหตุ ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นหรอก”

“ผมยินดีชดใช้ค่าเสียหาย”

“ไม่เป็นไรจริงๆ ไม่ต้องชดใช้อะไรหรอก”

“งั้นผมจะดูแลคุณจนกว่าคุณจะฟื้นความจำกลับมา พูดถึงอุบัติเหตุแล้ว เป็นเรื่องเหลือเชื่ออย่างมาก ตอนผมอุ้มคุณมาโรงพยาบาล เลือดคุณท่วมตัวไปหมดจนผมหวั่นว่าจะไม่รอดแล้ว แต่พอมาถึงโรงพยาบาล ทุกอย่างกลับตรงกันข้าม คุณฟื้นกลับมาเป็นปกติเร็วมาก ยังกับมีปาฏิหาริย์”

ปลายรุ้งยิ้มเหยเก ก่อนตอบเสียงอุบอิบว่า “ค่ะ…เดาว่าเป็นยังงั้น ช่างเป็นเรื่องเหลือเชื่อจริงๆ“

เรนัลโดพยักหน้า เขากล่าวต่อว่า “ถ้าไม่มีอะไร…เดี๋ยวผมขอตัวไปเอาชุดเก่าของคุณจากทางโรงพยาบาลมาให้เปลี่ยนนะครับ เราจะได้ออกจากที่นี่กัน”

หญิงสาวรอจนเขาออกไปแล้ว จึงเอ่ยขึ้นว่า “ท่านเปตรา…จากนี้เราจะทำยังไงต่อไปคะ” กล่าวพลางเหลียวมองรอบตัวเพื่อหายมทูต

คนถูกเรียกหาปรากฏร่างขึ้นในทันที เขายืนข้างเตียงปลายรุ้ง พร้อมกับตอบว่า “เจ้าจะย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านเรนัลโด”

“ในฐานะอะไรคะในเมื่อเขาเป็นดารา รุ้งเคยอ่านข่าว…เขาเป็นนักแสดงที่ระวังตัวเองมากด้วย ไม่ยอมตกเป็นข่าวกับผู้หญิงคนไหน”

“นั่นเพราะเขายังไม่เจอผู้หญิงคนไหนที่ถูกใจต่างหาก”

ปลายรุ้งหน้าสลดลงทันที แววตาวิตกกังวลขณะแสดงความเห็นว่า “ขนาดเพื่อนดาราสาวๆ สวยๆ ออกอย่างงั้น เขายังไม่สนใจ แล้วมานับประสาอะไรกับรุ้งละคะ เขาจะมาสนใจเหรอ”

“จงเชื่อมั่นในตัวเองและในพรของท่านพญายม ที่สำคัญข้ามีหน้าที่ช่วยให้พรนั้นบรรลุผล”

“ท่านเปตราน่ารักจัง” พูดพลางฉีกยิ้มกว้างอย่างสดใส รอยยิ้มอ่อนหวานและเปิดเผยจริงใจ เปตราชะงักงันไปเสี้ยววินาที ก่อนเอ่ยว่า “เรนัลโดกำลังจะกลับเข้ามา ข้าต้องไปแล้ว ไม่ต้องห่วง เจ้าจะได้อยู่ใกล้ชิดกับนักแสดงหนุ่มผู้นั้นแน่” พูดจบเขาก็หายตัวไปในทันที ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ประตูถูกผลักเข้ามา โดยมีร่างสูงใหญ่ของเรนัลโดเดินนำหน้าพยาบาล

เรนัลโดพูดว่า “ผมพาพยาบาลมาช่วยคุณเปลี่ยนเสื้อผ้า อีกห้านาทีผมจะกลับเข้ามาอีกที”



นักแสดงหนุ่มแสดงความประหลาดใจ เมื่อเพียรพยายามโทรหาเพื่อนรายไหน อีกฝ่ายเป็นต้องติดภารกิจไม่อาจอยู่ต้อนรับเขาได้ ถ้าไม่ไปเที่ยวต่างประเทศ ก็ติดถ่ายหนังอยู่อีกเมืองหนึ่ง ไม่เว้นแม้แต่ญาติสาวคนเดียวของเขามาเรียน่าซึ่งปกติจะอยู่ติดบ้าน หากน่าแปลกวันนี้เจ้าตัวเกิดนึกอยากไปเที่ยวอุรุกวัย ซึ่งเพิ่งจับเที่ยวบินแรก บินไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา

เรนัลโดหันมาทางผู้หญิงข้างกาย ยิ้มเรี่ยๆ ในหน้าขณะกล่าวว่า “ดูเหมือนเพื่อนๆ และญาติของผม จะไม่มีใครอยู่บ้านกันเลย…เห็นทีคุณต้องไปค้างบ้านผมแล้วล่ะคืนนี้”

“เกรงใจจังเลยค่ะ คนที่บ้านคุณ จะไม่เข้าใจผิดหรือคะ?”

“ใครคนที่บ้าน?”

“ฉันหมายถึงคนพิเศษของคุณน่ะค่ะ”

แววตาเรนัลโดฉายแสงรับรู้วูบหนึ่ง ก่อนจางหาย เขากล่าวต่อด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ผมยังไม่มีแฟนหรือภรรยา…ถ้าคนพิเศษของคุณหมายถึงในแง่นั้น”

ปลายรุ้งลอบยิ้ม เธอถามต่อด้วยน้ำเสียงพาซื่อว่า “แล้วพวกสื่อละคะ คุณไม่กลัวพวกเขาจะมาเข้าใจผิดเหรอคะ เดี๋ยวก็เป็นข่าวใหญ่โตว่าคุณแอบมีแฟนเก็บซุกซ่อนไว้ที่บ้านหรอกค่ะ”

ชายหนุ่มละสายตาจากถนน หันมามองคนข้างกายตรงๆ “ขอบคุณที่เป็นห่วงแทนผม…แต่ไม่ต้องกังวลหรอก คุณจะอยู่ที่บ้านระยะสั้นๆ เท่านั้น หลังมาเรียน่าญาติผู้น้องผมกลับจากอุรุกวัยเมื่อไร ผมจะพาคุณไปอยู่กับเธอ ผู้หญิงอยู่ด้วยกันอาจจะสนิทใจมากกว่าอยู่กับผม”

ปลายรุ้งอ้าปากค้างทันควัน…



ยมทูตเปตราพูดจริง…เขาจัดสร้างสถานการณ์ให้เธอได้มาอยู่กับเรนัลโด สมกับที่เขาลั่นปากไว้ เวลานี้เธอมาอยู่ที่บ้านของชายในฝันเรียบร้อยแล้ว ง่ายดายและรวดเร็วราวกับนิยาย…ชีวิตเธอเปรียบไปเหมือนดั่งละคร วันวานยังเป็นมนุษย์เดินดินธรรมดาๆ คนหนึ่ง หากชั่วพริบตาต่อมากลับเป็นเพียงวิญญาณ และวันนี้กลายมาเป็นแขกคนสำคัญของเรนัลโดที่ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี ราวกับแขกวีไอพีก็ไม่ปาน

เจ้าของบ้านจัดให้เธอนอนชั้นล่าง ซึ่งดูปราดเดียวก็มองออกว่าเป็นห้องนอนสำหรับรับรองแขก แมนชั่นกึ่งคฤหาสน์สุดแสนหรูหราหลังนี้ ตั้งอยู่ในนครริโอ เดอ จาเนโร ซึ่งแปลว่าแม่น้ำแห่งเดือนมกราคม อยู่บนเทือกหินสูงของหาด Joatinga มองลงไปเห็นหาดทรายสีขาวล้อมรอบด้วยแม่น้ำสีเขียวไกลสุดลูกหูลูกตา

แมนชั่นออกแบบในลักษณะยกพื้นขึ้นสูง ฉาบด้วยสีขาวทั้งหลัง สร้างลดหลั่นเป็นชั้นๆ ในลักษณะที่เป็นสถาปัตยกรรมสมัยใหม่โก้เก๋ ประกอบด้วยสี่ชั้น ภูมิทัศน์โดยรอบ แวดล้อมด้วยสวนหย่อม ต้นไม้ และผลไม้ ไกลออกไปเป็นเทือกเขาสูง ชั้นแรก…สร้างเป็นดิสโคเธคขนาดย่อม มีห้องเก็บไวน์ ห้องนอนสามห้อง ห้องนั่งเล่น และห้องครัว ชั้นสองเป็นลานพักผ่อน ซึ่งสามารถออกไปนั่งอาบแดดในลานกว้าง นอกจากนี้มีบริเวณสำหรับจอดรถ มีห้องซักรีด ห้องเก็บอาหารและเครื่องครัวพร้อมด้วยลิฟต์ขนของ ส่วนชั้นสาม…มีห้องนั่งเล่นหรูหราตกแต่งด้วยหินอ่อนอิตาเลี่ยน โฮมเธียเตอร์และห้องครัวที่มีทุกอย่างครบครัน ชั้นสี่…จะเป็นห้องนอนสวีตขนาดใหญ่ มีระเบียงออกไปยืนรับลมและมองดูทิวทัศน์โดยรอบได้ บริเวณระเบียงจะมีสระว่ายน้ำทำน้ำร้อนและน้ำเย็น ส่วนดาดฟ้า จะเป็นลานกว้าง สามารถเป็นที่ลงจอดของเฮลิคอปเตอร์

ปลายรุ้งเปิดหน้าต่างในห้องนอน ก่อนจะรวบผ้าม่านผูกด้านข้าง ห้องนอนสำหรับรับรองแขกของเรนัลโดกว้างขวางอย่างมากเมื่อเทียบกับห้องพักของเธอที่เมืองไทย ก็แหงล่ะ…เขาเป็นนักแสดงที่ร่ำรวยมากนี่นะ… ตอนนั่งรถมาด้วยกัน เธอถามเขาว่าทำไมไม่ใช้คนขับรถ หรือไม่ก็บอดีการ์ดเหมือนกับนักแสดงฮอลลีวูดคนดังๆ เขาตอบกลับมาว่าชอบชีวิตอิสระมากกว่า และอีกอย่างไม่ได้ดังถึงระดับฮอลลีวูด จึงไม่จำเป็นต้องใช้บอดีการ์ด ฟังคำตอบแล้ว ดูเขาถ่อมตัวเป็นอย่างมาก…

เธอเชื่อว่าเขาถ่อมตัว เพราะระหว่างขับรถกลับมาบ้าน ซึ่งเขาพาเธอแวะห้างสรรพสินค้าเพื่อซื้อเสื้อผ้าและข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวนั้น บรรดาขาช็อปและพนักงานห้างต่างส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดและขอถ่ายรูปกับเขาเป็นทิวแถว

เรนัลโดพูดจริง… เขาไม่ได้แคร์เลยว่าการอยู่กับเธอจะตกเป็นข่าวหรือไม่ ด้วยตอนเดินเคียงคู่กันไปซื้อเสื้อผ้าในร้านขายเสื้อผ้าสำเร็จรูปของผู้หญิงนั้น เขาทำหน้าเฉยมาก ไม่ได้หวั่นไหวกับการที่มีแฟนคลับบางส่วนหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมาถ่ายภาพพวกเธอ

ปลายรุ้งนึกพลางจัดข้าวของไปพลาง เธอกำลังลุกไปเก็บเสื้อผ้าใส่ตู้บิวต์อิน เมื่อเสียงเคาะประตูห้องนอนดังขึ้น เมื่อเดินไปเปิด พบว่าเขาแต่งกายอยู่ในชุดใหม่เรียบร้อยแล้ว

“ผมมีธุระด่วนต้องออกไปข้างนอก คุณพักตามสบายนะอิริส ในครัวมีอาหารแช่แข็ง ถ้าหิวก็เอาออกมาเวฟได้เลย” เรนัลโดเอ่ยขึ้นในทันทีที่ปะหน้าเธอ

เธออ้าปากค้าง มองเขาตาปริบๆ หุบปากก่อนถามว่า “ทำไมคุณไว้ใจคนแปลกหน้าจังเลยคะ ไม่กลัวฉันจะยกเค้าหมดบ้านรึไง” ถามอย่างที่ใจคิด

เรนัลโดจ้องหน้าอีกฝ่ายเขม็ง “ไม่ต้องห่วง…ผมโทรแจ้งตำรวจล่วงหน้าแล้วถึงรูปพรรณสัณฐานของคุณ เพราะฉะนั้นถ้ามีอะไรหายไปจากบ้านผมพร้อมกับตัวคุณ ตำรวจจะออกตามหาคุณทันที”

พลันที่เรนัลโดพูดจบ ปลายรุ้งก็เบิกตาโตเป็นไข่ห่านทันที ชายหนุ่มหัวเราะลงคอเมื่อเห็นสีหน้าราวกับปลาสำลักน้ำของหญิงสาว เขาแก้ความเข้าใจด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะว่า “ผมพูดเล่น…คุณไม่ใช่พวกยกเค้า รู้ๆ อยู่ว่าเราเจอกันยังไง ไม่ใช่คุณสร้างสถานการณ์ที่จะมาเจอผมสักหน่อย ฉะนั้นสบายใจได้เลยเรื่องที่จะคิดว่าคุณเป็นพวกมิจฉาชีพ”

ปลายรุ้งยังคงยิ้มแหยๆ กับมุกฝืดๆ ของเขา เธอตอบว่า “งั้นเที่ยวให้สนุกนะคะ ฉันจะอยู่เฝ้าบ้านให้ค่ะ”

เรนัลโดยิ้ม เขากล่าวขอบคุณแล้วสาวเท้าจากไปทันที ปลายรุ้งมองตามหลัง ได้ยินเสียงรถแล่นออกไป เจ้าตัวก็ผ่อนลมหายใจออกมา

“ท่านเปตรา” ปลายรุ้งตะโกนเรียก

“มีอะไร” เปตราปรากฏร่างทันควันเหมือนกัน เขายืนอยู่หน้าห้องในตำแหน่งเดียวกับที่เรนัลโดเพิ่งจากไป

“ไหนว่ารุ้งได้รับพรให้รักกับเขา แต่นี่ยังไม่เห็นวี่แววสวีตหวานแหววอะไรเลยสักนิด อยู่ด้วยกันครั้งแรกเขาก็ทิ้งรุ้งไปอย่างไม่ดูดำดูดีทั้งที่เขาก็รู้อยู่ว่ารุ้งยังไม่หายดีนัก จากการเจ็บตัวเพราะเขา แต่เขาก็ยังไม่ไยดี เขาทิ้งรุ้งได้ลงคอนะท่านเปตรา”

“อย่าเพิ่งตีอกชกหัว เขามีธุระจริงๆ เพื่อนโทรมาบอกว่าเพื่อนในกลุ่มประสบอุบัติเหตุระหว่างถ่ายทำหนัง ตอนนี้รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล” อีกฝ่ายรีบอธิบายก่อนจะมีเสียงร้องไห้ตามมาด้วยยังขยาดไม่หาย

“อะไรนะ?” ปลายรุ้งตวัดเสียงสูงทันควัน “ไม่ใช่เพราะ…” เสียงขาดหายไปเฉยๆ ด้วยไม่อยากกล่าวหาอีกฝ่าย

ราวกับเดาความคิดของฝ่ายนั้นได้ เขาส่ายหน้า “ผู้หญิงคนนั้นถึงคราวเคราะห์อยู่แล้ว ไม่เกี่ยวกับข้า”

“รุ้งถามหน่อยนะคะ ใช่เพื่อนผู้หญิงคนเดียวกับที่เรย์จะติดต่อพารุ้งไปพักอยู่ด้วยหรือเปล่าคะ?”

คนเป็นยมทูตจำใจต้องพยักหน้า หากด้วยสีหน้าราบเรียบเป็นอย่างมาก “แต่ยืนยันว่าไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิดแน่ปลายรุ้ง ถึงข้าจะมีภารกิจที่จะต้องทำให้ความรักของเจ้าสมหวังลุล่วง แต่กระนั้นข้าก็มีจรรยาบรรณของยมทูตเพียงพอที่จะไม่ทำอะไรอย่างงั้นแน่ ฉะนั้นยืนยันว่าผู้หญิงคนนั้นถึงคราวเคราะห์จริงๆ ซึ่งไม่เกี่ยวกับข้า และเจ้าจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม แต่นั่นคือความจริง” สรุปตบท้ายด้วยน้ำเสียงหนักแน่น หากทว่าไม่บ่งบอกความรู้สึกอยู่ดี

ปลายรุ้งจ้องหน้าผู้ทรงอำนาจ แต่เพียงครู่เดียวก็เมินหลบ เธอพึมพำคำขอโทษ “ขอโทษนะคะท่านเปตรา ที่เอ่อ…รุ้งคิดไม่ดีกับท่าน ไม่ได้ตั้งใจจะลบหลู่อะไร เพียงแต่มีเหตุการณ์มาประจวบเหมาะพอดี เลยอดสงสัยไม่ได้”

ยมทูตลดสายตามองด้วยแววตาอ่อนแสง ผู้หญิงตรงหน้า…แม้จะช่างเรียกร้อง หากกระนั้นก็เป็นคนจริงใจ เมื่อรู้สึกผิด เจ้าตัวไม่ลังเลที่จะเอ่ยคำขอโทษ เปตรามองอย่างปรานีแล้วจึงตอบว่า “ไม่เป็นไร…ข้าเข้าใจ ถ้าไม่มีอะไรแล้วข้าขอตัว”

“เดี๋ยว…อย่าเพิ่งสิคะ” ประท้วง หากเมื่อเห็นฝ่ายนั้นตวัดคิ้วขึ้นสูง…อย่างน้อยก็ในความรู้สึกของเธอ ปลายรุ้งก็กล่าวต่อไปว่า “รุ้ง เอ่อ…เหงา ที่นี่ออกใหญ่โต แต่รุ้งอยู่คนเดียว อยู่เป็นเพื่อนคุยกับรุ้งหน่อยนะคะ กลัวผีหลอกรุ้ง”

เปตราทำหน้าประหลาดใจเปิดเผย “เจ้าเป็นคนตลกมากปลายรุ้ง ความจริงเจ้าควรจะกลัวข้ามากกว่า ไม่ใช่เรียกร้องหาข้าเป็นเพื่อน ลืมไปแล้วหรือ ข้าเป็นในสิ่งที่เจ้ากลัว”

ปลายรุ้งทำหน้าเหยเกหนักขึ้น ยิ้มปะเหลาะไปทีแล้วว่า “มันไม่เหมือนกันนี่คะ…กับท่านเปตรา รุ้งไม่รู้สึกว่าเป็นภูตผีวิญญาณเลย ตรงกันข้าม…ไม่ได้ตั้งใจจะลบหลู่นะคะ แต่รุ้งรู้สึกเหมือนเจอญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง”

คนที่ถูกหาว่าเป็นญาติผู้ใหญ่คนหนึ่งทำท่าขมวดคิ้วหนักขึ้น ร่างเขาเลือนหายไปในทันที ก่อนจะส่งเสียงลอยมาในอากาศว่า “เจ้าควรทำตัวให้ชินกับการอยู่คนเดียว จนกว่าเรนัลโดจะกลับมา”

“แต่ว่ารุ้งอยากหาเพื่อนคุยนี่คะ” เธอตะโกนกลับไป หากทว่าไม่มีเสียงตอบกลับมา ปลายรุ้งทำหน้ามุ่ย เธอหันหลังกลับเข้าไปในห้องนอนและง่วนกับจัดข้าวของเครื่องใช้ต่อไปอย่างเสียไม่ได้


*********

ป.ล.ขอบคุณพี่กรีนทีสำหรับการอ่านและขอบคุณคุณจั๊บสำหรับภาษาโปรตุเกส

ป.ล.2 รูปแมนชั่นของพี่เรย์ค่ะ (ในเรื่อง)




Mansion in Rio de Janeiro Brazil









Mansion for sale in Rio de Janeiro located on the beach of Joatinga at São Conrado neighborhood. The mansion total terrain is 3.000 square meters, with 2.200 square meters of built area. It is a very luxury house in one of the most beautiful places of Rio de Janeiro. Joatinga beach connects "Sao Conrado" and "Barra da Tijuca" and is a hidden paradise in the big city of Rio de Janeiro. The sand is white and the sea is very good for the practice nautical sports.


Mansion for sale in Rio de Janeiro


Panoramic view of Barra da Tijuca beach and Pedra da Gávea, about 10 minutes from Gávea Golf Club, Itanhangá Golf Club and Fashion Mall and 15 minutes from Leblon and Barrashopping.


Mansion for sale in Rio de Janeiro


Mansion for sale in Rio de Janeiro


Joatinga beach is protected by rocks and the access is made by tracks, has natural beauty and it is frequently utilized by young people. It is considered the most noble beach in Rio de Janeiro.


Mansion for sale in Rio de Janeiro


1st Floor:


Terrain with fruitful trees, garden and doghouse.


Luxury decorated discotheque


Heated wine cellar


Kitchen


Panoramic view


Independent employee house with 3 rooms of which 2 suites, living room and kitchen


Mansion for sale in Rio de Janeiro


2nd Floor:


Garage with 6 parking spots


Elevator


Laundry


Pantry with cargo elevator


Leisure area


Mansion for sale in Rio de Janeiro


Mansion for sale in Rio de Janeiro


Mansion for sale in Rio de Janeiro


Mansion for sale in Rio de Janeiro


3rd Floor:


Main entrance hall


Living luxury decorated with Italian marble


Home theater


Complete kitchen


Mansion for sale in Rio de Janeiro


Mansion for sale in Rio de Janeiro


4th Floor:


Master Suite


Terrace with panoramic view and heated pool with hydro and waterfall


Mansion for sale in Rio de Janeiro


Mansion for sale in Rio de Janeiro


Mansion for sale in Rio de Janeiro


5th Floor:


Heliport


Price:

$5.200.000,00 (five million and two hundred thousand dollars)






จบตอน












Create Date : 15 พฤศจิกายน 2552
Last Update : 20 พฤศจิกายน 2552 7:21:29 น.
Counter : 1337 Pageviews.

11 comment
รักเพียงฝัน...(บท 1/1)



“ปิ๊น...ปิ๊น”

เสียงแตรรถดังสนั่นหวั่นไหวทั่วถนนเส้นหลักแห่งนั้น จนปลายรุ้งต้องถอยกลับมายืนที่เดิม ไม่กล้าผวาวิ่งตามนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ ที่วิ่งนำหน้าไปก่อนแล้ว ชีวิตเธอราวกับตกอยู่ในความฝัน นาทีก่อนยังอยู่ในแดนนรก หากวินาทีนี้กลับมาโผล่ในอีกซีกโลกหนึ่ง...ประเทศที่แสนจะพลุกพล่าน เต็มไปด้วยรถราและผู้คนเดินกันขวักไขว่…ประเทศบราซิล

ปลายรุ้งแหงนหน้ามองอาคารพาณิชย์ที่สูงเสียดฟ้าเบื้องหน้า พลางกระพือเสื้อแจ็คเก็ต ไม่เคยรู้เลยว่าอากาศเดือนพฤศจิกายนของบราซิลจะร้อนขนาดนี้...ประเทศอื่นในแถบยุโรปและอเมริกา เดือนพฤศจิกายนย่างเข้าหน้าหนาวไปแล้ว หากที่ลาตินอเมริกาแห่งนี้กลับร้อนตับแลบ…

“นี่เราอยู่ที่ไหนคะ” ปลายรุ้งหันไปถามเปตรา ยมทูตที่อยู่ข้างกาย รูปร่างเขาสูงใหญ่พอๆ กับฝรั่งตัวโตเลยทีเดียว

“นครริโอ เดอ จาเนโร” อีกฝ่ายตอบกลับมาสั้นๆ

ปลายรุ้งเบิกตาโตอีกเท่าตัว “แต่เรนัลโดอยู่ที่เซาเปาโล นะ เรามาทำอะไรที่นครริโอ เดอ จาเนโรนี่”

“เรนัลโดมีบ้านอยู่สองหลัง หลังหนึ่งอยู่ที่เซาเปาโล กับอีกหลังอยู่ที่ ริโอ เดอ จาเนโร นี่ เวลานี้เขามาพักอยู่ที่ริโอ เดอ จาเนโร เพื่อทำธุระอะไรบางอย่าง”

นัยน์ตาปลายรุ้งสว่างวาบ เธอยกมือกอดอก “ธุระที่ว่า...คงไม่ใช่มาหาแฟนที่นี่หรอกนะ?” ถามดักคอ นึกหวาดหวั่นว่าเขาจะมีแฟนแล้ว

เปตราลดสายตามองสาวร่างบางข้างกาย พลางย้อนว่า “ทำไมเพิ่งมากลัวตอนนี้ ตอนขอพรจากท่านพญายม ทำไมไม่กลัว”

คนถูกย้อนทำหน้าเหยเก “ก็ตอนขอ...มุ่งมั่นไปนิ๊ด” พูดพลางจีบปลายนิ้วโป้งกับนิ้วก้อยยื่นไปตรงหน้า เพื่อประกอบคำพูดว่านิดเดียวจริงๆ จากนั้นเสริมต่อว่า “แล้วตอนค้นหาประวัติ รุ้งไม่เจอข่าวว่าเขาเป็นแฟนกับใคร แต่นั่นอาจไม่จริงก็ได้ใช่มั้ย เพราะเขาอาจจะมีแฟนหรือไม่ก็กิ๊กเก็บซุกซ่อนไว้ที่ไหนสักแห่ง โดยที่สื่อไม่รู้ก็ได้”

“อะไรคือกิ๊ก” คนเป็นยมทูตเหลียวกลับมาถาม ตีหน้ายุ่ง

“กิ๊กก็คือ...มากกว่าเพื่อน แต่ไม่ใช่แฟน เป็นอะไรที่พิเศษแต่ไม่เปิดเผยตัวน่ะ”

เปตราทำหน้านิ่วอย่างใช้ความคิด จากนั้นตอบว่า “ถึงจะมีหรือไม่มี...ตอนนี้ก็สายไปแล้ว เพราะเมื่อท่านพญายมประทานพรลงมา ทุกอย่างก็ต้องเป็นไปตามนั้น”

ปลายรุ้งทำหน้าเสีย “หมายความว่าไง....เรย์มีแฟนแล้ว แต่รุ้งกำลังจะไปแย่งจากเขาเหรอ”

“เปล่า...” อีกฝ่ายย้อนกลับไปหน้าตาย “อย่ากังวลเลย เขายังไม่มีใคร แม้แต่กิ๊กอะไรที่เจ้าว่านั่น เพราะงั้นสบายใจเถอะ”

ปลายรุ้งยิ้ม “ดีใจที่ได้ยินยังงั้นค่ะ เพราะรุ้งคงรู้สึกไม่ดีถ้าต้องไปแย่งใคร ว่าแต่รุ้งจะเจอเขาได้เมื่อไรคะ?”

“ข้ามถนนไปสิ...เขารอเจ้าอยู่แล้ว”

“อีกฟากถนนนั่นน่ะเหรอคะ?” ถามอย่างไม่แน่ใจ พลางชะเง้อมองหา หากไม่เจอใครที่หน้าตาเหมือนเขา

“ใช่...ข้ามถนนไปปลายรุ้ง เดี๋ยวนี้!” น้ำเสียงกระตุ้นเร่งเร้า

“แต่...” ทว่าไม่ทันแล้วเมื่อบัดนี้ คล้ายกับมีลมหนาวกระโชกเข้ามาทางด้านหลังหอบใหญ่...อยากคิดว่าเป็นการกระแทก เพราะส่งผลให้ร่างเธอปลิวถลาออกไปกลางถนน ในจังหวะเดียวกับที่รถเฟอร์รารี่กำลังฝ่าไฟแดงตรงเข้ามาด้วยความเร็วสูง ต่างกับรถคันอื่นๆ ที่จอดนิ่งสงบรอให้คนข้ามถนน เสียงกดแตรตามมาปิ๊นยาวกระชั้น...

คุณพระคุณเจ้า…แทบไม่มีโอกาสได้คิดทบทวนว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง เมื่อบัดนี้สปอร์ตเปิดประทุนสีแดงกระแทกเข้ากับร่างเธออย่างจัง ความเจ็บปวดฉีกร่างกายเป็นริ้วๆ พร้อมกับสติพลันดับวูบ



ปลายรุ้งกะพริบตาปริบๆ อย่างพยายามปรับสายตาให้ชินกับแสงสว่างเหนือเพดาน รู้สึกไม่ชินกับสภาพห้องรอบตัว หากกระนั้นบอกได้ในทันทีว่าที่นี่คือโรงพยาบาล ด้วยกลิ่นยาและสายระโยงระยางข้างตัวบอกเป็นนัย หญิงสาวขยับตัวอย่างอึดอัด หากพลันต้องร้องโอดโอยเมื่อศีรษะรู้สึกปวดร้าวรุนแรง เธอยกมือกุมขมับที่ถูกพันด้วยผ้าก๊อซโดยรอบ

“เจ้าโดนรถชนหัวกระแทกพื้น จำเหตุการณ์ได้หรือเปล่า?” เปตราถามเสียงเรียบๆ น้ำเสียงไร้ความรู้สึก

“อะไรนะคะ?” ตวัดเสียงสูงอย่างตกใจ พลางเหลียวขวับไปมองต้นเสียง หากต้องร้องโอดครวญเมื่อจังหวะที่ขยับตัวเร็ว ไม่ทันระวัง จึงส่งผลให้ร่างกายกระแทกเข้ากับเตียงและเกิดอาการเจ็บร้าวอีกรอบ

“ระวังหน่อยสิ” เปตราส่งเสียงเตือน ก่อนเสริมต่อว่า “ถึงข้าจะมีมนตร์วิเศษรักษาร่างกายเจ้าได้…ไม่สิ ข้าได้ใช้มนตร์วิเศษห่อหุ้มร่างกายเจ้าไว้ ไม่ให้ตกกระแทกพื้นรุนแรงไปกว่าที่เป็นอยู่ ถึงกระนั้นเจ้าก็ควรระมัดระวังตัวเองให้ดี เพราะยังคงมีผลข้างเคียงจากการถูกรถชน”

ปลายรุ้งมองคนข้างเตียง ตาเบิกโตราวกับเห็นผี “อะไรนะ? ท่านว่าเกิดอะไรขึ้นนะคะ?” ถามย้ำ

เปตราปรายตามองคนถาม ก่อนอธิบายซ้ำด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “รถของเรนัลโดเบรกแตกก็เลยขับฝ่าไฟแดงพุ่งชนเจ้าในระหว่างที่ข้ามถนนพอดี แต่ไม่ต้องห่วง ไม่เจ็บตัวมากหรอกเพราะข้าได้ใช้มนตร์รองรับเจ้าไว้ เลยกระแทกกับพื้นไม่รุนแรง” เห็นคนเจ็บเบิกตาโตอย่างตกใจ เขาก็อดไม่ได้ เจ้าตัวส่งประกายตาอ่อนโยนระคนปลอบประโลมขณะเสริมว่า “จะไม่ให้เจ็บตัวเลยไม่ได้หรอก เดี๋ยวเรนัลโดจะสงสัย ข้าก็เลยปล่อยให้เจ้าเจ็บตัวบ้างนิดหน่อย เวลานี้เขาพามารักษาตัวที่โรงพยาบาล แต่ไม่ต้องห่วง…ข้าจะใช้มนตร์รักษาเจ้าให้หายขาดอีกที เพื่อจะได้ออกจากที่นี่เร็วๆ”

ปลายรุ้งยิ้มเหยๆ ก่อนตอบว่า “ขอบคุณค่ะ ว่าแต่…” แย้งด้วยน้ำเสียงเกรงใจอย่างมาก “รุ้งบอกว่าขอพรให้ได้รักกับเรนัลโดไม่ใช่เหรอคะ ไม่ใช่…ขอให้ถูกเขาชน…เจ็บตัวซ้ำอีกรอบยังงี้”

“ก็นั่นแหละ ถ้าไม่จัดสถานการณ์ให้เขาขับรถชนอย่างงี้ เจ้าจะมีโอกาสได้พูดคุยทำความรู้จักกับเขาไหมล่ะ” ยมทูตย้อนถามหน้าตาเฉย น้ำเสียงราบเรียบอย่างมาก

ปลายรุ้งเบิกตาโต ก่อนจะหลุบต่ำและกลอกไปมา อยากอุทานเรียกหาสวรรค์ แต่หวั่นจะได้อย่างอื่นมาแทน เจ้าตัวจึงเก็บปากคำ ไม่นานต่อมาเสียงเคาะประตูดังขึ้น พร้อมกับเปิดเข้ามาโดยไม่รอคำอนุญาต ร่างสูงใหญ่ของชายผิวดำในชุดกราวด์เดินนำหน้า ตามมาด้วยร่างสูงใหญ่ในชุดเสื้อเชิ้ตกางเกงสแล็กส์…ที่มองปุ๊บก็รู้ได้ในทันทีว่าคือ…เรนัลโด

เธอตะลึงมองเขา อ้าปากค้าง ด้วยเขาหล่อเหลาเสียยิ่งกว่าเทพบุตรกรีก…หล่อเกินกว่าจะเป็นมนุษย์เดินดินที่จับต้องสัมผัสได้ คุณพระช่วย…ที่เห็นในอินเทอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็นจากภาพถ่ายนายแบบหรือในคลิปหนัง คลิปละครทีวีที่เขาแสดงและมีแฟนคลับนำขึ้นโพสต์บนยูทูบ เธอก็ว่าเขาคมเข้มบาดตาบาดใจแล้ว เมื่อมาเห็นตัวจริง….ชิดซ้ายไปเลยจริงๆ เขาคมคายจนแทบลืมหายใจ…คิ้วเข้มได้รูปสวย ดวงตาคมหากหวานซึ้งราวกับของผู้หญิง จมูกโด่ง รับกับเรียวปากสวย…องค์ประกอบเครื่องหน้าทุกชิ้นที่ประกอบขึ้นเป็นตัวเขา สวยงามไร้ที่ติ

ใช่…ทุกอย่างได้สัดส่วนราวกับพระเจ้าประทานพร… เขาสมบูรณ์แบบเกินกว่าที่บุรุษเพศผู้หนึ่งจะเป็นเจ้าของได้ หากทว่าก็เป็นไปแล้ว…เทพบุตรบนดินชัดๆปลายรุ้งเลื่อนมือขึ้นมากดหัวใจตัวเอง เมื่อบัดนี้มันเต้นไม่เป็นส่ำราวกับจะทะลุออกมาจากอก ไม่รู้เลยว่าอากัปกิริยาของตัวเองอยู่ในสายตาและการรับรู้ของยมทูตตลอดเวลา เปตรามองภาพนั้นด้วยกิริยาเงียบๆ แววตายังคงจับจ้องโดยปราศจากความรู้สึก

คนทั้งคู่แม้เข้ามาในห้องแล้ว ก็ยังคงพูดคุยกันต่อ ราวกับกำลังติดพันกับหัวข้อสนทนาเดิม ปลายรุ้งหันไปทางเปตรา ถามว่า “เขาพูดภาษาอะไรกันคะ”

“โปรตุเกส” เปตราตอบสั้นๆ

“โห…ท่านฟังออกด้วย พวกเขาพูดว่าอะไรบ้างคะ”

ยมทูตปรายตาไปมองคนทั้งสองสลับกัน แล้วจึงหันกลับมาตอบปลายรุ้งว่า “คนใส่ชุดกราวด์คือหมออันเดร รอสซี่ เป็นหมอรักษาอาการเจ้า ส่วนอีกคน…ไม่ต้องตอบ เจ้าก็คงรู้อยู่แล้ว พวกเขากำลังพูดคุยถึงอุบัติเหตุและอาการบาดเจ็บของเจ้าโดยคร่าวๆ หมออันเดร กำลังซักถามอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากเรนัลโดว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร”

“แล้วเรย์ตอบว่าไงคะ”

“เรนัลโดกำลังเล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่ารถเขาชนเจ้าได้อย่างไร”

“แล้วเขาเล่าว่ายังไงละคะ”

“เบรกแตกเลยฝ่าไฟแดงไปชนเจ้า”

“แล้วหมออันเดร ตอบว่าไงคะ”

เปตรานิ่งชั่วครู่ ก่อนบอกว่า “เขาตอบว่าเรนัลโดกำลังก่อปัญหาใหญ่ ดีที่เคลียร์กับตำรวจได้ ไม่งั้นต้องตกเป็นข่าวหน้าหนึ่งใหญ่โตในวันพรุ่งนี้”

“แล้วเรย์ว่าไงต่อคะ”

ยมทูตหันไปทางอันเดร และเรนัลโด ซึ่งฝ่ายนั้นกำลังปรายตามามองหญิงสาวพอดี คนทั้งคู่ทำท่าราวกับเห็นผี พวกเขากระซิบกระซาบอะไรบางอย่างแล้วจึงสาวเท้ามาที่เตียงคนป่วย

“พวกเขาซุบซิบอะไรกัน”

คนที่มีอำนาจลี้ลับเพียงหนึ่งเดียวในที่นั้นตอบว่า “เขากำลังสงสัยว่าเจ้าจะเพี้ยนหรือเปล่า ถึงพูดคุยคนเดียวได้ พวกเขากำลังคิดว่าสมองเจ้าอาจกระทบกระเทือน ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ศีรษะกระแทกพื้นรุนแรงในตอนถูกชน”

ปลายรุ้งเบิกตาโต “พวกเขามองไม่เห็นท่านหรอกเหรอท่านเปตรา”

เปตราส่ายหน้าทันควัน “ไม่…มีแต่เจ้าคนเดียวที่ได้รับข้อยกเว้นให้เห็นข้า”

“โอ…” คนได้รับการยกเว้นอุทานในลำคอ ก่อนจะกลอกตาไปมา

หมออันเดร เข้ามาตรวจร่างกายเธอด้วยอุปกรณ์ทางการแพทย์ เขาเช็กอุณหภูมิ อัตราการเต้นของหัวใจและชีพจร ก่อนจะเงยหน้าถามอะไรบางอย่าง

“หมออันเดรพูดอะไรท่านยมทูต รุ้งไม่เข้าใจ” ปลายรุ้งเหลียวไปถามเปตรา ขณะที่ปากยังคงคาบปรอทวัดไข้

เปตราไม่ตอบ แต่เสกให้หญิงสาวสามารถฟังภาษาโปรตุเกสได้แทน

“คุณชื่ออะไรน่ะสาวน้อย”

เสียงหมออันเดรลอยเข้ามาในหูเป็นภาษาโปรตุเกส ปลายรุ้งทำหน้าตื่น ด้วยนึกประหลาดใจที่สามารถฟังและเข้าใจภาษาของอีกฝ่ายได้เป็นอย่างดี เธอไม่ตอบในทันที แต่หันไปทางเปตราและบอกว่า “ในเมื่อเสกให้รุ้งสามารถเข้าใจภาษาโปรตุเกสได้ ก็ทำให้รุ้งสามารถพูดภาษานี้ได้ด้วยสิคะ”

“เจ้าพูดคุยภาษาอังกฤษกับพวกเขาก็ได้ปลายรุ้ง พวกเขาฟังภาษาอังกฤษรู้เรื่อง”

“แต่รุ้งไม่สันทัดภาษาอังกฤษ อีกอย่างอยากพูดภาษาแม่ของเรย์ได้ด้วย รุ้งรู้มาว่าคนในบราซิลส่วนใหญ่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้” เจ้าตัวพูดได้อย่างไม่ถนัดนักเพราะมีปรอทอยู่ในปาก หากกระนั้นด้วยญาณทิพย์ของอีกฝ่าย สามารถอ่านปากได้ว่าหญิงสาวพูดอะไร

เปตราฟังคำขอแล้วกลอกตาขึ้นข้างบน เขาตอบว่า “เจ้าไม่มีสิทธิ์ขอพรเพิ่มอีกแล้วปลายรุ้ง ท่านพญายมบอกว่าเจ้ามีสิทธิ์ได้รับพรเพียงแค่ประการเดียว ซึ่งเจ้าก็ได้ใช้สิทธิ์นั่นไปแล้ว นั่นคือ รักกับเรนัลโด”

“แต่ถ้ารุ้งไม่เข้าใจและไม่อาจสื่อสารกับเขาได้อย่างเข้าใจถ่องแท้ รุ้งจะรักกับเขาได้อย่างราบรื่นและตลอดรอดฝั่งได้ยังไงถูกไหมคะ? อีกอย่างการใช้ภาษาอังกฤษสื่อสารกัน...ให้ยังไงก็คงไม่เหมือนใช้ภาษาแม่ของเขาสื่อสาร นะคะ...ท่านเปตรา คิดเสียว่าการเสกให้รุ้งสามารถพูดและเข้าใจภาษาโปรตุเกสได้ เป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้บรรลุตามพรที่ท่านพญายมประทานให้รุ้ง”

เปตรากลอกตาไปมา...เขาอาจกลอกตาจริงหรือไม่จริงก็ได้ ปลายรุ้งคิด แต่ในความรู้สึกเธอๆ คิดอย่างงั้นจริงๆ เจ้าตัวย้ำกับตัวเอง ก่อนจะได้ยินอีกฝ่ายพูดต่อว่า “มนุษย์นี่หัวหมอกันยังงี้ทุกคนหรือเปล่า”

คนถูกหาว่าหัวหมอ ตีหน้ายุ่ง “ท่านเห็นมนุษย์มาตลอดชั่วอสงไขยของท่าน ยังไม่ชินกับพวกเราอีกหรือคะ” ย้อนถามเสียงนุ่ม ไม่ให้ฟังดูก้าวร้าว

“ไม่ชิน...ถ้าพูดกันตามตรง ข้ายังไม่เคยเจอมนุษย์หน้าไหนจะหาญกล้าต่อปากต่อคำเก่งเหมือนอย่างเจ้า เพราะฉะนั้นคำตอบคือ...ข้ายังไม่เคยเจอมนุษย์คนไหนที่หัวหมอเหมือนอย่างเจ้า…ปลายรุ้ง”

คนถูกย้ำว่าหัวหมอ ทำหน้ามุ่ยหนักขึ้น แต่ยังทันไม่ตอบ ทมยูตก็สวนกลับมาว่า “เจ้าได้ตามคำขอนั้นแล้วปลายรุ้ง ซึ่งทั้งหมดนั่นก็อยู่บนพื้นฐานของพรเพียงข้อเดียว นั่นคือ… เพื่อให้เจ้าสมหวังในรักกับเรนัลโด ข้าต้องหายตัวไปแล้ว ก่อนที่เรนัลโดจะคิดว่าเจ้าเพี้ยนไปมากกว่านี้ที่สามารถพูดคนเดียวได้เป็นวรรคเป็นเวร...แต่ไม่ต้องห่วง ข้าจะวนเวียนอยู่ใกล้ๆ เจ้า เมื่อใดที่ต้องการข้าก็ตะโกนเรียกออกมาดังๆ ส่วนร่างกายเจ้า...ข้าใช้พรพิเศษรักษาให้แล้ว ในอีกไม่กี่นาทีต่อจากนี้ จะฟื้นกลับมาเป็นปกติ”

“เดี๋ยวค่ะ...” หากไม่ทันแล้วเมื่ออีกฝ่ายสลายร่างไปในทันทีที่พูดจบ ปลายรุ้งหันไปทางหมออันเดรและเรนัลโด หากพลันต้องทำหน้าเจื่อนเมื่อพบว่าอีกฝ่ายมองมาราวกับ ‘ยายนี่เพี้ยนจริงๆ’ ยิ้มปะเหลาะให้กับคนทั้งคู่ หากดูไม่ช่วยอะไรมากนัก เพราะฝ่ายนั้นยังคงมองมาราวกับเห็นวัตถุจากนอกโลก ไม่ทันเอ่ยอะไรเรนัลโดก็พูดขึ้นก่อนว่า

“ผู้หญิงคนนี้เป็นอะไรหรือเปล่าครับ ทำไมเธอถึงพูดคนเดียว สมองได้รับการกระทบกระเทือนอะไรหรือเปล่า” เรนัลโดหันไปถามหมออย่างวิตกกังวล

หลังเกิดอุบัติเหตุรถเบรกแตกและพุ่งชนหญิงสาว เขาก็นำตัวเธอส่งโรงพยาบาลทันที ตอนมาร่างอาบไปด้วยเลือด และไม่ได้สติอยู่ในอ้อมแขนเขา ยอมรับว่าใจเสียเป็นอย่างมาก กระทั่งหมอแจ้งว่าพ้นขีดอันตรายแล้ว จึงกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้าน แล้วจึงกลับมายังโรงพยาบาลอีกครั้งในตอนนี้ เรนัลโดจ้องคนเจ็บ โรงพยาบาลทำความสะอาดเนื้อตัวให้แก่อีกฝ่ายแล้ว เขาพบว่าผู้หญิงที่เขาขับรถชนหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู เธอดูราวกับสาวน้อยจากแดนอาทิตย์อุทัย ร่างเล็กบอบบางและเครื่องหน้ากระจุ๋มกระจิ๋ม

อันเดรไม่ตอบในทันที เขาดึงปรอทวัดไข้ออกจากใต้ลิ้นของหญิงสาว ดูอุณหภูมิ แล้วจึงเงยหน้าขึ้นตอบว่า “ตอนแรกผมก็คิดว่าเธอปกติดี เพราะสภาพร่างกายทุกอย่างเต็มร้อย ถ้าไม่มีแผลแตกที่ศีรษะเป็นประจักษ์พยานแล้วแทบไม่บ่งบอกว่าผ่านอุบัติเหตุร้ายแรงมาด้วยซ้ำ ดูแล้วช่างเป็นเรื่องปาฏิหาริย์ แต่เมื่อครู่ตอนที่เห็นเธอพูดคนเดียวด้วยภาษาแปลกๆ ผมก็ชักไม่มั่นใจตัวเองแล้วเหมือนกัน อยากคิดว่าสมองเธอได้รับการกระทบกระเทือนอย่างหนัก เดี๋ยวผมขอเช็กสมองและร่างกายเธออย่างละเอียดอีกทีดีกว่า”

“ดีครับ” ตอบหมอแล้ว นักแสดงหนุ่มก็หันมาทางคนเจ็บบนเตียง “ไฮ…คุณพูดภาษาอังกฤษได้ไหมครับ” ถามเป็นภาษาอังกฤษ

“บอม เดีย” เธอทักทายออกไปเป็นอังกฤษ หากเมื่อเอ่ยคำว่าสวัสดี กลับพบว่าคำที่เปล่งออกไปมีน้ำเสียงและสำเนียงไม่คุ้นหู เจ้าตัวยิ้มแหยๆ สงสัยว่าคำร้องขอที่เธอขอจากยมทูตคงเริ่มทำงานแล้ว

เรนัลโดเลิกคิ้ว ท่วงท่าประหลาดใจเปิดเผย “คุณพูดภาษาโปรตุเกสได้ด้วย ดีจัง ผมชื่อเรนัลโด จิออร์ดาโนนะครับ ส่วนที่ยืนข้างผมนี่ หมออันเดร รอสซี่ เป็นหมอรักษาคุณ ซึ่งเก่งที่สุดในโรงพยาบาลแห่งนี้” เรนัลโดหันมาใช้ภาษาโปรตุเกส เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายพูดภาษาของเขาได้เป็นอย่างดี ประโยคท้ายหันไปเย้าเพื่อนต่างวัย ซึ่งฝ่ายนั้นยิ้มเขินๆ กลับมา

“มุ้ยโต้ ปราเซีย เมล โนเม เอ ....” ปลายรุ้งตอบกลับไปว่ายินดีที่ได้รู้จัก และจังหวะที่จะแนะนำตัวเองว่าชื่ออะไร อยู่ดีๆ เสียงเธอก็ขาดหายไปในลำคอราวกับมีอะไรมาดูดเสียง พร้อมๆ กับที่เสียงเปตราดังแทรกขึ้นในสมอง

“อย่าแนะนำชื่อตัวเองปลายรุ้ง”

“เพราะอะไรคะ” เธอถามออกไป พลางเหลียวมองหาต้นเสียง ทว่าเปตราไม่ตอบกลับมา

“มีอะไรหรือครับ?” เรนัลโดและหมออันเดร ถามขึ้นทันควัน เมื่อเห็นหญิงสาวหยุดพูดไปเฉยๆ แถมมองรอบตัวเลิ่กลั่ก มิหนำซ้ำยังพูดคนเดียวด้วยภาษาที่พวกเขาไม่คุ้นหู เรนัลโดหันไปสบตากับหมออันเดรโดยไม่ตั้งใจ แววตาหมออันเดรแสดงความกังวลตอบกลับมาไม่ต่างจากเขา

ปลายรุ้งเหลียวมาสบตากับคู่สนทนา พลันต้องทำหน้าเหยเกเมื่อพบว่าถูกจ้องเขม็งอยู่ก่อนแล้วด้วยแววตาที่จับผิดจากเรนัลโดและหมออันเดร เธอยิ้มปะเหลาะไปที แล้วจึงตอบว่า “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ”

“เมื่อกี้คุณยังแนะนำตัวไม่จบ คุณบอกว่าชื่ออะไรนะครับ?” เรนัลโดถามต่อ จับจ้องคู่สนทนาอย่างไม่ให้คลาดสายตา ใบหน้าเรียวเล็กที่โพกด้วยผ้าก๊อซรอบศีรษะ ดูซีดเซียวและอ่อนเพลีย…เธอช่างดูเปราะบางและน่าห่วงใยเหลือเกิน

หญิงสาวยิ้มแหยๆ พลางส่งกระแสจิตถึงคนห้ามตอบในทีแรก ‘ท่านเปตราคะ จะให้รุ้งตอบว่ายังไงดี’ ที่สุดฝ่ายนั้นดลใจให้เธอตอบไปว่า “ฉัน เอ่อ… จำไม่ได้ค่ะว่าชื่ออะไร” ยิ้มเจื่อนๆ ตบท้าย

เรนัลโดเบิกตาโตอย่างตกใจ ขณะที่หมออันเดร ยิงคำถามทันควัน “คุณจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ไหมครับ เช่น เป็นใคร มาจากไหน เชื้อชาติอะไร และมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”

ปลายรุ้งทำท่าจะตอบ หากเปตราส่งกระแสจิตเข้ามาในใจเธอ ตอบไปว่าจำไม่ได้ปลายรุ้ง “ไม่ค่ะ ฉันจำอะไรไม่ได้สักอย่างค่ะ” หญิงสาวตอบออกไป

หมออันเดรอึ้ง เขาเหลียวไปสบตากับเรนัลโดซึ่งฝ่ายนั้นยังคงพูดอะไรไม่ออก มีเพียงแววตาหนักใจสะท้อนกลับมา หมออันเดรตัดสินใจพูดกับอีกฝ่ายเป็นภาษาสเปนว่า “ผมคงต้องขอตรวจร่างกายคนเจ็บโดยละเอียดแล้วเรย์ คิดว่าคงมีอะไรบางอย่างผิดพลาดกับสมองเธอ”

เรนัลโดอึ้ง เขาพูดกลับไปเป็นภาษาเดียวกันว่า “รุนแรงไหม”

หมออันเดรส่ายหน้า “ผมยังตอบไม่ได้ ถ้าดูจากอาการภายนอก คิดว่าสมองคงได้รับการกระทบกระเทือนจากการล้มศีรษะฟาดถนน อาจส่งผลให้ความจำเสื่อมไปชั่วขณะ แต่ยังไงผมขอเช็กสมอง และเอกซเรย์ร่างกายเธออย่างละเอียดอีกที”

เรนัลโดพยักหน้ารับรู้ “เป็นไปได้ไหมว่าการที่เธอพูดคุยคนเดียว เป็นอาการของโรคจิต ซึ่งเกิดขึ้นก่อนที่จะได้รับผลกระทบจากอุบัติเหตุ?”

“อาจเป็นไปได้ แต่อย่างไงผมต้องขอทดสอบให้มั่นใจก่อน ถึงจะให้คำตอบที่แน่ชัดได้”

เรนัลโดพยักหน้า “ได้…ตกลง ฝากด้วยละกันหมอ ขอให้รักษาเธอให้เต็มที่ ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายผมรับผิดชอบเอง ขอให้เธอหายเป็นปกติเป็นพอ”

*****

ป.ล.ขอบคุณพี่กรีนทีสำหรับการช่วยอ่าน และขอบคุณคุณจั๊บสำหรับข้อมูลและภาษาโปรตุเกสค่ะ ขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ















Create Date : 14 พฤศจิกายน 2552
Last Update : 15 พฤศจิกายน 2552 23:49:11 น.
Counter : 585 Pageviews.

11 comment
1  2  3  4  5  6  7  

คณิตยา
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]









รู้จักคณิตยา/คีตฌาณ์

ก้าวสู่โลกแห่งการขีดเขียนในปี 2549 มีผลงานเป็นรูปเล่มกับสนพ.ในเครือสถาพรบุ๊คส์ทั้งหมด 11 เล่ม ไล่ตั้งแต่ รหัสทรชน ทางสายหมอก กุหลาบในเปลวไฟ ฝากรัก...ผ่านซีบ็อกซ์ อริ...ที่รัก บอดี้การ์ด รักเพียงฝัน ตามรักข้ามเวลา ไฟรัก บันทึกแห่งรัก(the Book of Love) มิราเบลล์...ตราบคีตาบรรเลง เป็น 1 ในนิยายชุดแด่เธอที่รัก สาปรัก และใต้ปีกรัก

รหัสทรชน เป็นละครทางช่อง 3 เมื่อปี 2554 แสดงโดย เคน และชมพู่ สร้างโดยค่ายยูม่า และ ไฟรัก ได้รับการซื้อลิขสิทธิ์ไปแปลเป็นภาษาเวียดนาม วางแผงเดือนสิงหาคม 2556



พูดคุย ทักทาย แลกเปลี่ยนความเห็น และติดตามความเคลื่อนไหวได้ทาง fb โดยกดไลค์เป็นแฟนเพจได้ทาง https://www.facebook.com/keetacha?ref=hl ขอบคุณค่ะ

---------------


ตอนนี้อุ๋ยทยอยนำนิยายที่หมดลิขสิทธิ์กับพิมพ์คำไปวางจำหน่ายในรูปแบบ E-book บนเว็บ ebooks และเว็บ Mebmarket ค่ะ

ใต้ปีกรัก...ราคาอีบุ๊ก 179 บาท

บันทึกแห่งรัก...ราคาอีบุ๊ก 255 บาท จากราคาปก 310

ไฟรัก...ราคาอีบุ๊ก 279 บาท จากราคาปก 350 บาท

กุหลาบในเปลวไฟ...ราคาอีบุ๊ก 230 บาท



รหัสทรชน ราคาอีบุ๊ก 200 บาท จากราคา 300 บาท 673 หน้า





ทางสายหมอก ราคาอีบุ๊ก 265 บาท จากราคา 280 บาท 690 หน้า



ฝากรัก...ผ่านซีบ็อกซ์ ราคาอีบุ๊ก 125 บาท จากราคา 180 บาท 360 หน้า



รวมเรื่องสั้น...ฉบับวัยหวาน ราคาอีบุ๊ก 45 บาท จากปก 55 บาท



อริ...ที่รัก ราคาอีุบุ๊ก 195 จากปก 240 บาท



หวานใจ...บอดีการ์ด...ราคาอีบุ๊ก 145 บาท จากปก 180 บาท



รักเพียงฝัน...ราคาอีบุ๊ก 225 จากปก 250 บาท



ตามรักข้ามเวลา...ราคาอีบุ๊ก 240 จากปก 270 บาท





















New Comments