Group Blog
All Blog
รักเพียงฝัน...(บท 7/1)


เวลาเขียนฉากเลิฟซีนทีไร แล้วคิดถึงพี่เรย์ทุกทีเลยค่ะ เพราะงั้นขออีกครั้ง...เพื่อสร้างความกระชุ่มกระชวยให้หัวใจนะคะ>_<

พี่เรย์นัลโดจากเรื่อง Laços de Família หรือ Family Ties คลิปอันนี้แนะนำตัวละคร ตลอดจนเรื่องย่อของเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี



ส่วนคลิปนี้ เป็นฉากเลิฟซีนในวันแต่งงานระหว่างพระเอกและนางเอกที่อุ๋ยชื่นชอบมากๆ ค่ะ




ไม่ว่าเขาจะกอดกับใคร หรือใช้เวลาอยู่กับผู้หญิงคนไหน เธอก็อยากให้ส่วนลึกของจิตใจหลงเหลือคิดถึงเธอบ้าง…อย่างน้อยก็สักเสี้ยวขณะหนึ่งก็ยังดี … คิดได้อย่างนั้นแล้ว ปลายรุ้งจึงย้อนถามกลับไปว่า “ไหนว่าอยากจะนอนกับรุ้ง แล้วทำไมพอทีอย่างนี้ ถึงมาปฏิเสธ” ทวงถามด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือและพวงแก้มสุกปลั่ง หากกระนั้นเจ้าตัวข่มความอายพูดออกไป

เรนัลโด ยังคงจ้องแฟนสาวราวกับเธอหลุดมาจากนอกโลก เขาแหงนหน้ากลอกตาไปมา ท่วงท่าบอกถึงความรู้สึก เหลือเชื่อ จากนั้นจึงละสายตากลับมาสบตา ด้วยสีหน้ากึ่งยิ้มกึ่งบึ้ง “จะบอกอะไรอย่างให้รู้นะ ถึงตอนนี้ผมก็ยังต้องการคุณ…ปลายรุ้ง ต้องการมากจนเนื้อตัวครัดเคร่งไปหมด แต่ทั้งหลายทั้งปวงนั่นก็ต้องไม่ใช่ด้วยเหตุผลที่มาจากหมอดูเพี้ยนๆ คนนั้น เข้าใจไหม?” หางเสียงตวัดสูงอย่างอ่อนใจ …. ต้องการก็ต้องการหรอกนะ แต่หากเป็นเพราะสาเหตุมาจากคำทำนายของร่างทรงคนนั้น เขาก็ยอมเหี่ยวแห้งต่อไปเหมือนกัน

หากหมอดูเคยสร้างมนตร์สะกดให้เขาเกือบจะหลงเชื่อในจังหวะแรกที่ก้าวขาเข้าไปในซุ้ม บัดนี้มนตร์สะกดนั้น ก็คลายตัวลงอย่างรวดเร็วเพราะเหตุผลว่านางทำนายว่าพวกเขาไม่ใช่เนื้อคู่กัน เป็นคำทำนายที่หาเรื่องให้คู่รักเขาแตกคอกันชัดๆ…

“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับหมอดู” ปลายรุ้งโต้ขึ้น

“จะไม่เกี่ยวได้ไง ในเมื่อคุณเปลี่ยนไปก็เพราะหมอดูคนนั้น หลังจากกลับมาจากดูหมอ คุณก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน” เรนัลโดย้ำด้วยเสียงหนักแน่น

ปลายรุ้งกัดริมฝีปากแน่น น้ำตาไหลพรากอาบสองแก้ม เธอตัดพ้อต่อไปว่า “ไม่ทันไรเลย…คุณก็ผลักไสรุ้งแล้วเห็นไหม…แค่รู้ว่ารุ้งไม่ใช่เนื้อคู่ คุณก็ไม่ต้องการรุ้งแล้ว” คร่ำครวญปานหัวใจแหลกสลาย พลางดันตัวเองออกห่างเพื่อฟุบหน้าสะอื้นกับฝ่ามือ เธอร่ำไห้จนตัวหอบโยนด้วยความเศร้าอาดูรที่เกิดขึ้นจากส่วนลึกในจิตใจ

เรนัลโดตามไปยื้อ หากแฟนสาวสะบัดมือหนี ก่อนจะกระเถิบถอยห่างไม่ให้เขาเอื้อมมือไปถึง ชายหนุ่มมองตามภาพนั้นอย่างอ่อนอกอ่อนใจ ท้ายสุดก็ทิ้งน้ำหนักตัวไปข้างหลังเพื่อเอนหลังพิงข้างรถ งอขาขึ้นมาชันเข่า เลียนแบบในท่วงท่าเดียวกับของหญิงสาวที่ขณะนี้นั่งชันเข่าและสะอึกสะอื้นกับฝ่ามือ

“รุ้ง…” เรียกเสียงอ่อนๆ

“ไม่ต้องมายุ่งกับรุ้ง…ทิ้งรุ้งไปเถอะ”

“ผมจะทำอย่างงั้นได้ไง” ย้อนกลับเสียงนุ่ม ด้วยท่าทีงอนง้อ

“ทำไมจะไม่ได้” โต้กลับไปทันควันอย่างกำปั้นทุบดิน โดยไม่ยอมเงยหน้ามองเขา

เรนัดโด ถอนใจออกมาพรืดใหญ่ “คุณไม่เข้าใจผมนะปลายรุ้ง” โพล่งออกไปอย่างอัดอั้นตันใจ

“คุณต่างห่างที่ไม่เข้าใจรุ้ง…ไม่เคยเข้าใจอะไรทั้งนั้น ตั้งแต่วันแรกจวบจนวันนี้” เงยหน้าขึ้นมาส่งเสียงเกรี้ยวกราดด้วยน้ำตาที่นองหน้า ก่อนจะผุดลุกวิ่งเข้าไปในบ้าน หากทว่าช้าไปกว่าความเร็วของคนตัวสูงที่กำลังนั่งขวางทางเอาไว้

เรนัลโด ยื่นแขนออกไปในจังหวะเดียวกับที่ชะโงกตัวไปข้างหน้า อาศัยช่วงลำตัวที่ยาวกว่าจึงสามารถรวบเอวบางเข้ามาซุกในอ้อมกอดได้อย่างง่ายดาย มิไยที่ฝ่ายหญิงจะดิ้นรนขัดขืน แต่เขาก็ไม่นำพา เรนัลโดยังคงรัดร่างนุ่มในอ้อมแขนแนบแน่น ปลายรุ้งเปลี่ยนท่าทีมารัวกำปั้นทุบอกเขา พลางสะอื้นฮักด้วยคำเดียวสั้นๆ กลับไปกลับมาว่าปล่อยเธอ

“ปล่อยรุ้ง” ส่งเสียงหวีดร้องด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น

“ไม่ปล่อย” ยื่นคำขาด เรนัลโด ไม่พูดเปล่า แต่รัดร่างบางของคนขี้แยแรงๆ เพื่อพิสูจน์คำพูดด้วย

ท่วงท่าของพวกเธอประดักประเดิดอย่างมาก ด้วยเธอนั่งซ้อนอยู่บนหน้าขาเขาที่กำลังทอดขายาวไปข้างหน้า ขณะที่เขาโอบรัดรอบเอวเธออย่างแน่นหนา ปลายรุ้งรับรู้ท่วงท่าสนิทสนมนั้นด้วยพวงแก้มที่สุกปลั่ง พลางอ้อมแอ้มพูดว่า “ในเมื่อไม่ต้องการรุ้ง ก็ปล่อยรุ้งไปสิ”

“ผมต้องการคุณ” เรนัลโด ย้ำ มือรัดกายนุ่มแนบแน่นอีกครา พลางวางปลายคางบนศีรษะทุย

“ถ้าต้องการ ก็มัวรออะไรอยู่” กระซิบถามเสียงเบาหวิว ก่อนจะยื่นหน้าไปซุกกับซอกคอ ถวิลหาความอบอุ่นและความเข้มแข็งจากกายเขา

“ผมไม่อยากเอาเปรียบคุณ ไม่อยากได้ชื่อว่าฉวยโอกาสเอาตอนที่คุณกำลังมีสภาพจิตใจอ่อนแอ ไม่เต็มร้อยอย่างนี้ พรุ่งนี้เช้าคุณจะตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกผิดในใจที่ตัดสินใจผิดพลาดก็ได้ ผมไม่อยากเห็นภาพนั้น” ทอดเสียงนุ่มอธิบาย ก่อนจะลดปลายจมูกจดกับแผลบริเวณขมับที่แปะผ้าก๊อซอย่างนุ่มนวล

“ไม่มีทางเกิดขึ้นแน่…รุ้งให้สัญญา เพราะรุ้งตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว” กระซิบบอกแผ่วต่ำลงไปอีก พลางยื่นริมฝีปากและปลายจมูกจดกับซอกคอเขา ขบกัดด้วยไรฟันเล็กๆ อย่างหยอกเย้า ก่อนจะตามไปใช้ลิ้นดุนเลียเพื่อผ่อนคลายความเจ็บปวด ปฏิกิริยาเป็นไปตามสัญชาตญาณดั้งเดิม ที่ต้องการเรียกร้องการดำรงเผ่าพันธุ์ เธอสัมผัสได้ถึงรสชาติและกลิ่นหอมหวานอย่างชายแท้ของเขาอบอวลไปทั่วกายเธอ

เรนัลโด ขนลุกเกลียวกับสัมผัสหยอกเอินนั้น เขาครางลึกในลำคอ เป็นปฏิกิริยาโต้ตอบทางร่างกายอัตโนมัติที่เป็นผลมาจากสัมผัสของหญิงสาวโดยเฉพาะ อย่างที่เขาเองก็ควบคุมไม่ได้

“แน่ใจเหรอ” ถามเสียงแผ่วเบาปานกระซิบพอกัน หากแหบพร่า เรนัลโดดันกายนุ่มออกห่างเพื่อเชยปลายคางขึ้นสบตา แลเห็นแพขนตายาวงอนทาบทับนัยน์ตาคู่สวยสีนิลที่ค่อยๆ กระพือขนตาขึ้นสบตาเขา แววตาหญิงสาวแม้ไม่สุกสกาวสดใสอย่างทุกวัน ด้วยมีรอยเศร้าหมองจากเหตุการณ์เมื่อครู่ หากกระนั้นกลับฉายชัดถึงความรักไม่เปลี่ยนแปลง เรนัลโด ครางลึกอีกครา เขานิ่งอึ้งอย่างสะท้านใจ ก่อนจะเอื้อมมือไปเช็ดคราบน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน

หัวใจถูกบีบรัดจนเหลือเล็กกระจ้อยร่อย เมื่อเห็นความโศกเศร้าอาดูรในม่านตาหญิงสาว เรนัลโด พบว่าเขายอมแลกทุกอย่างที่ตัวเองมี ขอเพียงแค่นำความสดใสร่าเริงกลับคืนสู่ตัวเธออีกครา

ปลายรุ้งจ้องหน้าเขาด้วยแววตาแน่วแน่ พวงแก้มแดงก่ำเมื่อตอบว่า “ไม่มีอะไรแน่ใจไปกว่านี้อีกแล้ว”

เรนัลโด อึ้งอีกคำรบกับน้ำเสียงแผ่วต่ำหากหนักแน่นนั้น ยิ้มบางๆ เกลี่ยทั่วริมฝีปากอย่างรู้สึกขอบคุณและตื้นตันใจ ที่ปลายรุ้งตั้งใจมอบสิ่งที่มีค่าและพึงหวงแหนมากที่สุดในชีวิตลูกผู้หญิงให้

“ขอบคุณ” กระซิบตอบอย่างซาบซึ้งใจพร้อมกับลดริมฝีปากจูบแก้มนวล “ถามจริง…ตอนที่ได้ยินจากหมอดูว่าเราไม่ใช่เนื้อคู่กัน คุณเสียใจมากเหรอ?”

ปลายรุ้งไม่ตอบในทันที แต่เสยื่นแขนโอบรอบคอเขา โน้มตัวไปซุกซอกคอเพื่อซ่อนแววตา ก่อนตอบเสียงเบาปานเสียงสายลมพัดผ่านว่า “เจ็บจนรู้สึกราวกับหัวใจถูกแล่ออกมาเป็นชิ้นๆ อย่างนี้ถือว่ามากได้ไหม”

ดาราหนุ่มนิ่งอึ้งมากขึ้นกับคำตอบของหญิงสาว วงแขนโอบรัดร่างบางแน่นหนาอีกครา เพื่อหวังปลอบโยนและถ่ายทอดความรู้สึกภายในใจให้อีกฝ่ายรับรู้ในคราวเดียวกัน วางปลายคางบนศีรษะทุยในท่วงทำนองอ่อนโยน ขณะตอบด้วยแววตาเลื่อนลอยระคนรำลึกถึงอะไรบางอย่าง

“รู้อะไรไหม…ตั้งแต่จำความได้ ผมยังไม่เคยเห็นใครแสดงความรักต่อผม มากเท่ากับคุณ และยังไม่เคยเห็นใครที่เศร้าเสียใจได้มากมายขนาดนี้เพียงแค่ได้ยินว่าเราไม่ใช่เนื้อคู่กัน” บอกเสียงอ่อนโยน พลางรัดร่างบางมาจูบผะแผ่วเหนือหน้าผาก ซึมซับความรู้สึกอิ่มเอมยามมีเนื้ออุ่นอยู่ในอ้อมแขน ก่อนพูดต่อว่า “ผมไม่รู้ว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นในเวลานี้จะเรียกว่าอะไร…จะใช่ความรักหรือเปล่า ผมไม่รู้เลย เพราะไม่เคยเกิดขึ้นกับผมมาก่อน รู้แต่ว่า…ต้องการคุณทุกลมหายใจเข้าออก พระเจ้า…ในหัวผม ในความคิดคำนึงผม มีแต่คุณคนเดียว จนรู้สึกว่าถ้าวันใดขาดคุณไป ผมคงต้องตายทั้งเป็น อย่างนี้มันเรียกว่าความรักได้ใช่ไหมปลายรุ้ง”

ปลายรุ้งตอบไม่ได้ ด้วยกำลังเกิดความรู้สึกตื้นตันใจเหลือที่จะคณานับ ต่างกับอีกฝ่ายที่กำลังเกิดความรู้สึกหวั่นไหวระคนอ่อนแอในจิตใจ…

เรนัลโด ยอมศิโรราบต่อหัวใจตัวเองแล้ว เขาจะไม่ฝืนความรู้สึกอีกต่อไป…ใครจะหาว่าฉวยโอกาสหรือเอาเปรียบกับหญิงสาวก็ช่าง เขาไม่แคร์ไม่สนใจแล้ว นาทีนี้ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่านี้อีกแล้วนอกจากพวกเขาทั้งสองคน เขาไม่ได้ทำอะไรผิด ก็แค่รักและต้องการในเนื้อตัวหญิงสาวมาก หากทว่าปลายรุ้งเองก็ต้องการในตัวเขาไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ฉะนั้นสมควรจะมีอะไรมาหยุดยั้งความสัมพันธ์ของพวกเขาอีก?

ไม่…ไม่มีอีกแล้ว คิดได้อย่างนั้นแล้ว เรนัลโด ก็ลดศีรษะควานหาจูบจากหญิงสาว นักแสดงหนุ่มจูบคนรักในอ้อมแขนอย่างเชื่องช้าและเร้าใจ จังหวะสัมผัสของเขาเป็นไปอย่างเนิบช้าและใจเย็น ราวกับว่ากาลเวลาในวันนี้ พรุ่งนี้ ตราบจนวันต่อๆ ไป เป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียวตลอดกาล



แม้จะอุ้มปลายรุ้งเข้ามาในบ้านและเดินผ่านห้องรับแขกเพื่อตรงไปยังห้องนอนของหญิงสาวแล้ว หากทว่าริมฝีปากสวยได้รูปของเรนัลโด ก็ยังคงประกบจูบดูดดื่มกับเรียวปากนุ่มไม่ยอมห่าง ทำราวกับว่าทุกนาทีมีคุณค่าเกินกว่าจะปล่อยไปสูญเสียไปแม้แต่วินาทีเดียว

นี่คือเสน่ห์ชวนหลงใหลของผู้ชายคนนี้…เขาไม่เคยหยุดยั้งที่จะแสดงความต้องการในตัวเธอ ปลายรุ้งนึกอย่างอบอุ่น เกิดความรู้สึกชวนวาบหวามในหัวใจ ขณะแหงนหน้ารับจูบเขา สองมือโอบกระชับรอบคอเขาแน่นหนาเพื่อช่วยพยุงตัว

‘ตามสบายปลายรุ้ง…ข้าจะกลับไปจำศีลคืนนี้’ อยู่ดีๆ เสียงเปตราก็ลอยเข้ามาในหัวเธออย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ทำให้ปลายรุ้งสะดุ้งโหยงในลักษณะใกล้เคียงกับผวาจากอ้อมแขนของเรนัลโด

คุณพระ…แทบลืมไปเสียสนิทใจว่ายมทูตเปตราเฝ้าติดตามอยู่ตลอดเวลา

“มีอะไรหรือ” ผละขึ้นมองหน้าปลายรุ้งพลางทอดเสียงถามอ่อนโยน เมื่อเห็นเธอเบี่ยงหนีจุมพิตเขา

“มะ…ไม่มีอะไรค่ะ” ตอบปฏิเสธแล้ว เธอก็รีบยื่นมือไปปิดหูเขาสองข้าง ก่อนจะกล่าวออกไปเป็นภาษาไทยว่า “ราตรีสวัสดิ์ล่วงหน้านะคะท่านเปตรา แล้วเจอกันพรุ่งนี้ค่ะ”

‘แล้วเจอกันพรุ่งนี้’

อีกฝ่ายส่งเสียงตอบกลับมาในหัวเธอ ก่อนจะมีสายลมผัดผ่านผิวกายเธอไป ราวกับเป็นการสั่งลา ปลายรุ้งหันกลับมาสนใจเรนัลโด พร้อมกับปล่อยมือเป็นอิสระ หากพลันต้องเบิกตาโตเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายจ้องเขม็งอยู่ก่อนแล้วด้วยแววตาคมกริบ

“ผมพลาดอะไรไปใช่ไหม ใครบางคนกำลังพูดคุยอยู่กับคุณ เอ…หรือว่า” เรนัลโด แสร้งลากเสียงยาวเพื่อเรียกความสนใจ ก่อนพูดต่อว่า “ผมควรจะใช้คำว่า ‘วิญญาณ’ บางตน กำลังพูดคุยอยู่กับคุณดี?”

“อะ…อะไรนะคะ?” ถามเสียงรัวเร็วแทบจะลิ้นพันกัน

“เราจะเคลียร์เรื่องนี้กัน แต่หลังจากที่ผมขอจัดการจนมั่นใจแล้วว่าในหัวคุณมีแต่ผมคนเดียว ไม่มีใครอื่นหรืออะไรอื่นมาทำให้คุณเสียสมาธิอีกแล้ว”

ปลายรุ้งเบิกตาโตอีกเท่าตัว เมื่อสัมผัสได้ถึงกระแสหึงหวงในน้ำเสียงเขา เธอมองหน้าหล่อเหลา ก่อนจะทำเสียงชนิดหนึ่งที่แปลได้ว่า ไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง

“ไม่ต้องมาทำหน้าไม่เชื่อถือเลย คุณน่ะเป็นสาวปริศนาที่ทำตัวลึกลับเสียยิ่งกว่าแม่หมอคนนั้นอีก แต่พระเจ้าช่วย…มีเสน่ห์เย้ายวนใจยิ่งกว่าผู้หญิงคนไหนๆ ที่ผมเคยเจอมา” เรนัลโด ตบท้ายด้วยการลดศีรษะจูบหญิงสาว พร้อมกับวางร่างนุ่มบนฟูกที่นอน โดยตัวเองตามไปนอนเคียงข้าง

ริมฝีปากยังคงจูบคนรักไม่ยอมห่าง ขณะที่เลื่อนศอกข้างหนึ่งไปวางข้างศีรษะหญิงสาว ส่วนมืออีกข้างเลื่อนไปจับข้างแก้มในท่าประคองเพื่อบังคับให้แหงนหน้ารับจูบอย่างถนัดถนี่

ปลายรุ้งพริ้มตา พลางกดข้อมือที่กำลังสวมกอดรอบคอเขาแนบกระชับยิ่งขึ้น ราวกับเป็นหนทางเดียวที่จะช่วยผ่อนคลายอาการตื่นเต้นระคนเครียดอยู่ในใจลึกๆ ได้ เธอไม่รู้ว่าครั้งแรกของลูกผู้หญิงคนอื่น จะเกิดความกลัว ตื่นเต้นระคนหวามไหวอย่างที่เธอเป็นอยู่ไหม ความรู้สึกหลากหลายวิ่งชนหัวใจจนยากจะแยกแยะได้ ที่สุดกลายมาเป็นความ ‘กล้าๆ กลัวๆ’

“คุณกำลังกลัว” ราวกับเรนัลโด สัมผัสได้ เขาผละขึ้นมองหน้า ยิ้มปลอบประโลมให้หญิงสาว ขณะจับปลายนิ้วที่อยู่หลังต้นคอมาจูบเบาๆ ทีละนิ้ว ท่วงท่าเป็นไปอย่างเอาใจระคนทะนุถนอม

“แล้วคุณรังเกียจคนไม่มีประสบการณ์เหรอ” ย้อนถามไปอีกทางด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

“เปล่าเลย…ตรงกันข้ามภูมิใจมากต่างหาก เพียงแต่ที่พูดอยู่นี่ ก็เพื่อพยายามผ่อนคลายอาการตื่นเต้นให้คุณ” อธิบายเสียงนุ่ม พลางยิ้มหล่อเหลาให้กับหญิงสาวอีกเท่าตัว

ปลายรุ้งอายม้วนมากขึ้น “ไม่เป็นไรค่ะ ทำให้มันจบๆ ไปเลยเถอะค่ะ เราจะได้เสร็จเรื่องเสร็จราวกันสักที”

เรนัลโด เบิ่งตาโตยิ่งกว่าอีกฝ่าย “พระเจ้า…คุณว่าอะไรนะ?” ทวนคำถามด้วยน้ำเสียงไม่เชื่อหู

“รุ้งบอกว่าให้รีบทำให้จบๆ เรื่องไป เราจะได้ เอ่อ… เป็นของกันและกันเร็วๆ” ทวนคำตอบด้วยใบหน้าที่แดงก่ำจดลำคอ

ดาราหนุ่มกลอกตาไปมา ยังคงทำหน้า ‘เหลือเชื่อ’ ก่อนส่งเสียงประท้วงออกไป “สวรรค์ช่วย…เลียนดา…คุณมีทัศนคติในเรื่องเมคเลิฟที่น่ากลัวมากๆ การร่วมรักเป็นศิลปะที่แสดงออกถึงความรักนะ ไม่ใช่สิ่งที่ต้องฝืนใจทำให้เสร็จๆ เรื่องไป คุณพูดยังกับว่ามันเป็นภาระหน้าที่อย่างงั้นแหละ…ดูถูกความสามารถกันชัดๆ”

“ปละ…เปล่านะคะ รุ้งไม่ได้หมายความในแง่นั้น รุ้งหมายถึงคุณ…เรา เอ่อ…โธ่…รุ้งจะอธิบายยังไงดีนี่” เจ้าตัวหลุดปากออกมาอย่างอัดอั้นตันใจในประโยคท้าย

ภาพหญิงสาวพยายามสรรหาคำมาอธิบายเขาวุ่นวาย ทำให้เรนัลโด ยิ้มกว้างอีกเท่าตัว พระเจ้า…ผู้หญิงคนนี้น่ารักเหลือเกิน เธอจะรู้ตัวบ้างไหมว่าทำให้เขาตกหลุมรักเข้าเต็มเปาแล้ว ถึงนาทีนี้เรนัลโด ยอมรับกับตัวเองแล้วว่า เขารักปลายรุ้งอย่างสุดหัวใจชนิดที่เรียกว่าขาดหญิงสาวไม่ได้

“เข้าใจรุ้งไหม…รุ้งไม่ได้ดูถูกความสามารถทางเพศของคุณ” ปลายรุ้งพยายามอธิบายต่อ ด้วยสีหน้าที่ตั้งอกตั้งใจอย่างมาก “ก็แค่อยากให้เราเป็นของกันและกันเร็วๆ รุ้งรู้ว่ามันไม่ง่าย แต่ก็อยากให้รู้ว่ารุ้งรักคุณมากแค่ไหน การที่เรามีอะไรกัน อาจจะทำให้คุณเข้าใจความรักของรุ้งมากขึ้น และหันกลับมารักรุ้งบ้าง อาจไม่ต้องมากอย่างที่รุ้งรักคุณ แต่ขอแค่พื้นที่สักเสี้ยวหนึ่งในหัวใจคุณได้ระลึกถึงรุ้งบ้างก็ยังดี” น้ำเสียงตอนท้ายแผ่วต่ำและเศร้าสร้อย เมื่อคิดว่าเร็วๆ นี้ต้องจากเขาไปอย่างชั่วนิจนิรันดร์

เรนัลโด ยังคงมองคนรักอย่างพูดอะไรไม่ออก รู้สึกตื้นตันใจจนต้องคว้ามือนุ่มมาจูบใจกลางฝ่ามือเพื่อถ่ายทอดความรู้สึกอ่อนโยนในจิตใจ เขาลดศีรษะจูบคนช่างจำนรรจาอย่างหักห้ามใจไม่อยู่ ก่อนจะพูดชิดริมฝีปากนุ่มด้วยน้ำเสียงแหบพร่าอย่างสะท้านใจว่า “ผมยอมแพ้แล้วปลายรุ้ง…ผมยอมแพ้ต่อโชคชะตาแล้ว ผมรักคุณ…รักอย่างที่ไม่เคยคิดว่าจะรักใครได้มากเท่านี้มาก่อน ถึงเราไม่มีอะไรกัน ผมก็รักคุณได้อย่างง่ายดายปลายรุ้ง ไม่จำเป็นต้องแสดงออกด้วยวิธีนี้สักนิด”

ปลายรุ้งน้ำตาซึม เธอกะพริบเปลือกตาถี่ๆ เพื่อไล่หยาดน้ำตาที่กำลังไหลเอ่อชุ่มขนตา เรนัลโดรักเธอ…เขาสารภาพรักเธอ หญิงสาวทวนคำกลับไปกลับมาด้วยความรู้สึกอิ่มเอมระคนตื้นตันใจ มือเรียวเล็กยื่นออกไปโอบรอบคออีกครา พลางกระซิบคำรักแผ่วเบาว่า “ขอบคุณ…ขอบคุณสำหรับความรักของคุณค่ะเรนัลโด คุณไม่รู้หรอกว่ามันมีคุณค่ากับรุ้งมากแค่ไหน รักรุ้งเถอะนะคะ...ยังไงรุ้งก็ตัดสินใจแล้วที่จะเป็นของคุณ” ปลายรุ้งจบประโยคด้วยการเป็นฝ่ายยื่นหน้าไปจุมพิตเขาเสียเอง เป็นการปิดกั้นความลังเลใจทั้งของเขาและของเธอ และในคราวเดียวกันก็เปิดฉากความรักที่แสนหวานที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้นอย่างช้าๆ ในแมนชันหลังนี้ของเขา








Create Date : 30 พฤศจิกายน 2552
Last Update : 13 มีนาคม 2555 9:42:04 น.
Counter : 694 Pageviews.

14 comment
รักเพียงฝัน...(บท 6/2) อัปเดตชื่อ


ตลาดนัดของบราซิลไม่ต่างจากตลาดนัดวันอาทิตย์ของไทย ตั้งอยู่กลางแจ้งและมีการออกร้านจำหน่ายสินค้ามากมาย ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้าตามแฟชั่นสมัยนิยม ภาพถ่าย ภาพเขียน และของที่ระลึกที่เป็นสินค้าพื้นเมืองต่างๆ และที่ขาดไม่ได้ ‘หมอดู’

ซุ้มของหมอดู ตกแต่งด้วยกระดาษสีสันแปลกตา หากกลับดึงดูดความสนใจอย่างมาก ด้านหน้ามีป้ายเขียนบอกเป็นภาษาโปรตุเกส อังกฤษและสเปนว่าหมอดู…รับทำนายดวงชะตา น่าแปลก…อะไรบางอย่างที่อยู่ภายในซุ้มเรียกร้องให้เธอก้าวขาเข้าไป หากไม่ทันได้ขยับ มือหนาของเรนัลโดก็เอื้อมมาแตะแขนเธอเสียก่อน

“อยู่นี่เอง ผมหาเสียนาน” เรนัลโดเอ่ยขึ้น เสียงทุ้มอ่อนโยน

ปลายรุ้งเงยหน้าขึ้นยิ้มให้เขา ก่อนจะเหลียวมองรอบตัวและถามว่า “สัมภาษณ์เสร็จแล้วหรือคะ”

“ครับ” ทอดเสียงนุ่มตอบ

“แล้วนี่นักข่าวหายไปไหนกันหมดคะ”

เรนัลโดเหลียวมองตามสายตาของอีกฝ่าย เห็นนักข่าวปะปนไปกับชาวบ้าน เขาก็หันมาตอบว่า “ปะปนไปกับคนในพื้นที่ แทบจะแยกไม่ออกใช่ไหม”

ปลายรุ้งเบิกตาโต “ไม่ค่ะ…รุ้งแทบแยกไม่ออกว่าไหนนักข่าว ไหนนักท่องเที่ยว ถ้าไม่สะพายกล้องแบบมืออาชีพ”

ชายหนุ่มพยักหน้า “ถ้าไม่ใช่คนในวงการ ยากจะแยกออกจริงๆ ที่ผมรู้ก็เพราะคุ้นหน้าคุ้นตากัน”

“อืม…แล้วสื่อถามอะไรคุณบ้างคะ”

“ก็ถามว่าเราเป็นอะไรกัน รู้จักกันนานแค่ไหนแล้ว และรู้จักกันได้อย่างไร”

“แล้วคุณตอบไปว่าไงคะ?”

แววตาใสดุจลูกแก้วเงยหน้าจ้องเขาอย่างรอคอยคำตอบ และเรียวปากคลี่ยิ้มน้อยๆ ท่วงท่าไม่ต่างจากเด็กเล็กที่กำลังรอไอศกรีมถ้วยโปรด… ภาพนั้นทำให้เรนัลโดมองอย่างเอ็นดู อดไม่ได้จึงคว้าเอวบางมารัดแรงๆ อย่างมันเขี้ยว แล้วจึงตอบว่า “ผมบอกไปตรงๆ ว่า คุณเป็นแฟนผม เรากำลังคบหากันอยู่แต่เพิ่งคบได้ไม่นาน ส่วนคำถามว่าเรารู้จักกันได้อย่างไร ผมโกหกไปว่ารู้จักผ่านเพื่อนในก๊วนอีกที หวังว่าคุณคงไม่ว่าที่ผมโกหกไปอย่างนั้น” ประโยคท้ายออกตัวด้วยน้ำเสียงขอโทษอยู่ในที โดยตลอดเวลาที่พูด มือหนายังคงวางหมิ่นๆ อยู่ที่สะโพกกลมกลึง

“ไม่เลยค่ะ ดีใจเสียอีกที่คุณเลี่ยงไปอย่างนั้น เพราะถ้าบอกออกไปตรงๆ เห็นทีเรื่องคงยาวแน่”

เรนัลโดยิ้มอย่างเห็นด้วย

“แล้วสื่อถามอะไรอีกคะ” ปลายรุ้งยิงคำถามต่อ

“ที่เหลือก็เป็นเรื่องสัพเพเหระทั่วไป ส่วนใหญ่จะถามเรื่องงานและธุรกิจของผม”

“อ้อ…ค่ะ แล้วเรื่องที่รุ้งถามคุณก่อนหน้านี้ละคะ ไม่เห็นคุณตอบเลย”

“หือ? เรื่องไหน” เรนัลโด ลดสายตามอง พลางลากเสียงสูง เขาเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ

“ก็เรื่องที่รุ้งถามว่าอธิษฐานอะไรตอนที่ขึ้นไปสักการะคริสต์รีดีมเมอร์ที่เขาคอร์โควาโดไงคะ” ทวงคำตอบอย่างคนที่ยังติดใจ

เรนัลโดหัวเราะแผ่วเบา เขารวบมือนุ่มมาจดริมฝีปาก จูบแรงๆ ก่อนจะสารภาพออกไปตรงๆ ว่า “ผมอธิษฐานว่า ขอให้คุณใจอ่อนกับผมเร็วๆ”

“อะไรนะ?” ทวนถามเสียงสูง สีหน้าตกใจอย่างมาก

ดาราหนุ่มยังคงหัวเราะในลำคอ “ผมขอไปแบบงั้นจริงๆ อ้าว…ไม่เชื่ออีก”

ปลายรุ้งกลอกตาไปมา “เชื่อเขาเลย ต้องเป็นตลกฝืดของคุณแน่”

“เปล่าเลยเลียนดา(Linda)” คำท้ายของเขาแปลว่าคนน่ารักในภาษาโปรตุเกส “ผมหมายความตามนั้นทุกอย่าง คุณไม่รู้เหรอว่าการต้องหักห้ามใจเวลาที่อยู่กับแฟนสองต่อสองน่ะ มันลำบากลำบนและทรมานจิตใจแค่ไหน” หางเสียงโอดครวญ เรียกร้องความเห็นใจ

คนถูกตัดพ้อ ตวัดตาค้อน พวงแก้มสุกปลั่ง หากยังคงตีหน้าเรียบเฉยขณะตอบไปว่า “ลำบากลำบนและทรมานจิตใจอย่างไรก็ต้องทนค่ะ…คุณรับปากรุ้งแล้วว่าจะไม่เร่งรัด”

เรนัลโดทำหน้ามุ่ย “ตกลงๆ…ไม่เร่งรัดก็ได้ เล่นเอาคำผมมาย้อน ผมจะพูดอะไรได้อีก”

ปลายรุ้งหัวเราะ

คนเป็นแฟนหัวเราะตาม ก่อนถามกลับไปว่า “แล้วคุณล่ะปลายรุ้ง คุณอธิษฐานอะไรกับคริสต์รีดีมเมอร์” ถามเสียงอ่อนโยนขณะยกมือนุ่มจูบหลังมือแผ่วเบา

เธอหน้าแดงขณะมองตามท่วงท่านั้น ช้อนตาขึ้นสบตาเขาแล้วจึงตอบว่า “รุ้งขอให้เราได้รักกันทุกชาติไป”

เรนัลโดอึ้ง ด้วยสัมผัสได้ถึงน้ำเสียงเศร้าสร้อยหากแฝงด้วยรอยจริงจังของหญิงสาว “คุณเชื่อในชาติหน้าเหรอ”

“เชื่อค่ะ…คนเรามีกรรมเป็นตัวกำหนดว่าจะไปเกิดใหม่หรือว่าต้องชดใช้กรรมอยู่ในนรก”

“คุณนับถือศาสนาอะไรปลายรุ้ง”

“พุทธค่ะ ส่วนคุณ…รุ้งเดาว่าคงเป็นคริสต์สินะ”

“ใช่ครับ…ผมไม่ค่อยเชื่อเรื่องชาติหน้า แต่ผมสัมผัสได้ถึงความรักของคุณที่มีต่อผม ขอบคุณนะปลายรุ้ง” พูดพลางคว้าร่างบางเข้ามาสวมกอดแนบแน่น ด้วยความรู้สึกขอบคุณ

ปลายรุ้งชะงักงันครู่หนึ่ง แล้วจึงโอบตอบเขา เธอกระซิบแผ่วเบาว่า “รุ้งรักคุณ ต่อให้คุณไม่รักรุ้ง…รุ้งก็จะรักคุณอย่างนี้ตลอดไป ไม่ว่าจะเป็นชาติไหน” น้ำเสียงราวกับให้คำมั่น แฝงด้วยรอยเศร้าหมองจนบาดลึกไปถึงใจคนฟัง

วงแขนหนาปานคีมเหล็กจึงรัดกายนุ่มแน่นขึ้นอีกเท่าตัว “ขอเวลาให้ผมอีกนิดปลายรุ้ง…ขอเวลาสำรวจความรู้สึกตัวเองที่เป็นอยู่ในขณะนี้ว่ามันคืออะไรกันแน่ ทุกอย่างมาเร็วเกินไปสำหรับผมจนตั้งรับไม่ทัน ผมไม่เคยต้องการใครมากขนาดนี้มาก่อน…มากขนาดที่ว่าลมหายใจเข้าออกเป็นอีกฝ่าย…แต่มันก็เกิดขึ้นแล้วกับคุณ และหากต้องเกิดความรักชนิดที่เรียกว่าลึกซึ้งปานจะกลืนกิน เพิ่มมาอีกอย่างละก็ ขอให้ผมได้มีเวลาเตรียมตัวเตรียมใจรับมือกับมันสักนิด”

ปลายรุ้งอึ้งกับคำสารภาพของเขา เธอพยักหน้ารับกับแผงอกกว้าง ลอบเช็ดน้ำตาที่ซึมขอบตากับเสื้อเขา แล้วจึงตอบว่า “ไม่เป็นไรค่ะ…รุ้งบอกแล้วว่าไม่เป็นไรเลย ถึงจะไม่ใช่ความรักรุ้งก็ไม่เสียใจ เท่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ก็มากเกินพอสำหรับผู้หญิงอย่างรุ้งแล้ว”

ผู้หญิงอย่างคุณเหมาะสมกับสิ่งที่คู่ควรมากกว่านี้…การแต่งงาน เรนัลโดนึกโต้ทันควัน หากกระนั้นปากเขากลับพูดออกไปไม่ออก

ปลายรุ้งรีบป้ายน้ำตา ก่อนจะดันตัวออกห่างและเงยหน้ายิ้มสดใสให้เขา “เปลี่ยนเรื่องเถอะค่ะ อย่าคุยเรื่องเครียดๆ อย่างนี้เลย วันนี้เรามาออกเดตกันนะ” พูดแล้วเอียงคอมองเขา ก่อนว่า “ถามหน่อยสิคะ คุณคิดยังไงถึงพารุ้งมาเที่ยวตลาดนัดนี่คะ?”

เปลี่ยนเรื่องเร็วจนเขาตามแทบไม่ทัน เรนัลโดยกมือกอดอก มาดกลับมาเป็นไกด์ผู้ทรงภูมิ “ผมอยากให้คุณสัมผัสประสบการณ์ชีวิตในบราซิลอีกแง่มุมหนึ่ง ถือเป็นโปรแกรมปิดท้าย ก่อนจะพาไปกินพิซซ่า”

ปลายรุ้งเบิกตาโตแล้วจึงพยักหน้า “ขอบคุณค่ะสำหรับความหวังดี”

“ไปกันเถอะ…ไปเดินดูสินค้ากันเผื่อคุณจะถูกใจอะไรบ้าง” พูดแล้วเอื้อมมือไปฉุดข้อมือเล็ก ทว่าอีกฝ่ายกลับขืนตัวเต็มที่

“เดี๋ยวค่ะ…รุ้งอยากเข้าไปดูซุ้มนี้ก่อน” พูดพลางผินหน้าไปทางซุ้มหมอดูทางด้านข้าง

เรนัลโดมองตามสายตาหญิงสาวแล้วชะงัก “คนพวกนี้เพี้ยนๆ นะปลายรุ้ง อย่าเข้าไปเลย”

“คุณไม่เชื่อเรื่องหมอดูหรือคะ?” หันหน้ากลับมาถามเขา

ดาราหนุ่มส่ายหน้า “ไม่เลยสักนิด”

“แต่รุ้งเชื่อ…น่านะเข้าไปดูด้วยกันหน่อยนะ” ออดอ้อนพลางออกแรงฉุด พาเดินตรงเข้าไปในซุ้ม

เรนัลโดกลอกตาไปมา พระเจ้าช่วย…หวังว่าความตั้งใจดีที่ต้องการจะเอาใจหญิงสาวครั้งนี้ จะไม่กลับมาหลอกหลอนหรือเล่นงานเขาเสียย่อยยับในภายหลังหรอกนะ นึกอย่างขยาดๆ แล้วจึงก้าวตามแรงฉุดของอีกฝ่ายอย่างทำอะไรไม่ได้



ในชีวิตเรนัลโดบอกกับตัวเองว่าไม่เคยดูหมอดูและไม่เคยคิดที่จะเชื่อด้วย หากทว่าทันทีที่ก้าวพ้นประตูที่ขึงไว้ด้วยผ้าม่านเข้าไป เกิดลมแปลกๆ ปะทะผิวกายวูบหนึ่ง จนขนลุกชันและเย็นวาบตลอดแนวสันหลัง ภายในซุ้มสลัวๆ แห่งนั้น เต็มไปด้วยแสงเทียนจากเทียนไขมากมาย ข้างฝาเหนือเชิงเทียน มีรูปบูชาสีดำประดับเอาไว้ ถัดลงมาก็เป็นของแปลกๆ ที่ชวนขนหัวลุกชนิดที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน

เรนัลโดเกิดความรู้สึกแปลกๆ จนนึกอยากรั้งแขนแฟนสาวให้กลับออกไป หากทว่าไม่ทันได้ขยับตัว หญิงสูงวัยในชุดเสื้อผ้ารุ่มร่ามสีสันฉูดฉาดก็ปรากฏกายขึ้นเสียก่อน ชายหนุ่มไม่ทันสังเกตว่าอีกฝ่ายนั่งอยู่ตรงไหนก่อนหน้านี้ เพราะความรู้สึกเขาเหมือนว่าอยู่ดีๆ นางก็โผล่มาให้เห็นตรงหน้า

“ข้าได้รับเกียรติที่พวกเจ้ามาเยี่ยมเยียน” หญิงสูงวัยพูดขึ้นพลางผายมือเชิญคนทั้งคู่ให้นั่งบนเก้าอี้ตัวเก่าคร่ำคร่า ขณะที่ตัวเองก้าวไปนั่งด้านหลังโต๊ะที่ใช้ในการประกอบพิธีเข้าทรง

น้ำเสียงและถ้อยคำที่นางใช้ฟังดูแปลกหู หากน่าแปลกกลับทรงพลังและให้ความรู้สึกขลังระคนน่ายำเกรงราวกับอีกฝ่ายมีอำนาจลึกลับ เรนัลโดเกิดความรู้สึกขนลุกชันขึ้นมาอีกรอบอย่างหาคำอธิบายไม่ได้ เหลียวมองคนข้างกายพบว่าเธอจ้องอีกฝ่ายตาไม่กะพริบ สีหน้าบอกถึงความเชื่อมั่นศรัทธา ไม่นานต่อมาเขาได้ยินปลายรุ้งเอ่ยขึ้นว่า

“สวัสดีค่ะ รุ้งอยากดูดวงชะตาค่ะ”

“เจ้าอยากดูเรื่องอะไรล่ะ” น้ำเสียงก้องกังวาน หากแฝงอำนาจ

“รุ้ง เอ่อ…” เหลียวมามองทางเรนัลโด ก่อนจะละสายตากลับไปสบตาหมอดู และตอบว่า “รุ้งอยากรู้ว่ารุ้งเป็นเนื้อคู่ของผู้ชายคนนี้หรือเปล่าน่ะค่ะ”

“สิ่งที่เจ้าอยากรู้ ต้องใช้วิธีเข้าทรง ข้าจะเชิญดวงวิญญาณที่หยั่งรู้มาเข้าร่างข้า”

“คะ?” ตวัดเสียงสูงอย่างตกใจ ตาจ้องแม่หมอด้วยอาการตกตะลึง ด้วยไม่คิดว่าในบราซิลจะมีคนเข้าทรงด้วย หญิงสูงวัยตรงหน้ามีผมสีแดงเพลิงและสวมตุ้มหูสีทองวงใหญ่ที่บัดนี้แกว่งไปแกว่งมาตลอดเวลา

“ปลายรุ้งกลับเถอะ…” เรนัลโดเริ่มสะกิด เขามีความคิดว่าคนเข้าทรงภูติผีวิญญาณมีความเพี้ยนเสียยิ่งกว่าหมอดู

“เดี๋ยวสิคะ” เธอหันมาโต้เสียงนุ่ม ก่อนจะหันกลับไปคุยกับคนเข้าทรงต่อ “ได้ค่ะ…ว่าแต่รุ้งต้องทำยังไงบ้างคะ”

“ไปนั่งที่เสื่อนั่น…เจ้าทั้งคู่” หญิงร่างทรงย้ำในประโยคท้าย พลางผายมือไปทางเสื่อเก่าๆ เหนือเสื่อมีโต๊ะหมู่บูชาซึ่งมีแจกันดอกไม้และรูปปั้นแปลกๆ ประดับอยู่ด้านบน

“ผมมะ…” ทว่าเขาพูดไม่ทันจบ มือเรียวนุ่มของปลายรุ้งก็เอื้อมมาแตะแขนเขา สายตาฉายแวววิงวอนอยู่ในที ขณะเอ่ยเชิญชวน

“ไปนั่งด้วยกันเถอะนะคะ” กระซิบบอกเขาแล้ว ปลายรุ้งก็เดินไปทรุดนั่งบนเสื่อตามที่คนเข้าทรงบอกอย่างว่าง่าย ท่ามกลางสายตาของเรนัลโดที่มองตามอย่างห่วงใย แต่ทว่าก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากเดินตามไปทรุดนั่งข้างๆ หญิงสาว

เขาคงบ้าไปแล้วแน่ๆ ที่นึกอยากเอาใจเธอกระทั่งเป็นผลให้ตามใจเลยเถิดมาไกลถึงขนาดนี้… เรนัลโดนึกอย่างปลงตก

พิธีกรรมเริ่มต้นจากการที่หญิงเข้าทรงบอกให้เธอกับเรนัลโดจับมือกันและหลับตาลง จากนั้นเจ้าตัวเริ่มร่ายมนตร์คาถา แล้วจึงเริ่มพิธีเข้าทรงเพื่อที่จะเรียกวิญญาณ ไม่นานต่อมาทั่วทั้งซุ้มเกิดอาการสั่นไหวราวกับแผ่วดินไหว เริ่มจากสั่นเบาๆ แล้วค่อยทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น ข้าวของบนโต๊ะกระทบกันโครมคราม

เนื้อตัวแม่หมอสั่นเทาราวกับมีอะไรเข้าสิง นางยื่นมือออกไปจับมือของคนทั้งสอง ก่อนจะกดตรงใจกลางฝ่ามือด้วยปลายนิ้วหัวแม่มือ แล้วจึงกล่าวอะไรบางอย่างที่รัวเร็ว เธอฟังไม่ออก ปลายรุ้งค่อนข้างแน่ใจว่าไม่ใช่ภาษาโปรตุเกส สเปนหรืออังกฤษ แต่เป็นอีกภาษา ไม่นานนางก็กลับมาพูดาษาโปรตุเกสอีกครา หากคราวนี้ด้วยน้ำเสียงที่แหบห้าวราวกับเสียงผู้ชาย

“พวกเจ้าไม่ใช่เนื้อคู่กัน” คนเข้าทรงฟันธงขึ้น ก่อนจะพูดต่อโดยไม่สนใจปลายรุ้งที่หน้าเผือดสี ขณะที่เรนัลโด ขมวดคิ้วมุ่นด้วยท่าทีที่ไม่พอใจ เจ้าตัวหันไปทางปลายรุ้ง แล้วขยายความต่อด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “เนื้อคู่เขาไม่ใช่เจ้า…แต่จะเป็นสาวน้อยที่อายุอ่อนกว่าเขากว่าสองรอบ ส่วนเจ้า…ข้าคงบอกได้คำเดียวว่าเจ้าทำบุญมามากแล้วถึงได้เจอเขา”



เธอไม่น่าประหลาดใจกับคำตอบนั่น เพราะชัดเจนอยู่แล้วว่าจะต้องตายจากเขาในอีกยี่สิบห้าวันข้างหน้า…เพราะฉะนั้นเนื้อคู่ของเรนัลโด จะกลายเป็นเธอไปได้อย่างไร จะต้องเป็นใครอื่นที่ไม่ใช่เธอ แม้จะรู้คำตอบนั้นดีอยู่แล้ว หากเมื่อมาฟังจากปากหมอดูชัดๆ เธอกลับรู้สึกเจ็บปวดยอกแสยงราวกับมีใครเอากริชคมๆ มาแล่เนื้อเฉือนหัวใจออกเป็นชิ้นๆ เจ็บปวดสุดคณานับเมื่อคิดว่าเนื้อคู่เขาเป็นผู้หญิงอื่นที่ไม่ใช่เธอและยิ่งกว่านั้นมีอายุอ่อนกว่าเขากว่าสองรอบด้วย

คุณพระ…เขามีสาวน้อยคู่แท้รออยู่ ขณะที่เธอเป็นเพียงวิญญาณที่รอการตัดสินจากท่านพญามัจจุราช ช่างยุติธรรมดีแท้… ความเศร้าเสียใจกัดกร่อนจิตใจ ราวกับคลื่นทะเลลูกใหญ่ที่รวมตัวกันถาโถมสาดซัดเข้าใส่ปานประหนึ่งจะปลิดชีวิตก็ไม่ปาน

“ปลายรุ้งเป็นอะไร” เรนัลโดเรียกอย่างตกใจ พร้อมกับพุ่งตัวไปหาหญิงสาว เมื่ออีกฝ่ายทรุดฮวบลงกองกับพื้นในทันทีที่เปิดประตูรถก้าวขาออกไป

ปลายรุ้งสะอื้นฮักกับพื้นหินอ่อนหน้าประตูแมนชันอย่างไม่อายอีกต่อไป เธอฟุบหน้าร่ำไห้ปานคนที่หัวใจแหลกสลาย ภาพนั้นสร้างความอาดูรและบีบคั้นจิตใจเรนัลโดอย่างมาก เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดทุกหยาดหยดที่กำลังไหลวนอยู่ในกระแสเลือดเธอ ด้วยนับตั้งแต่ออกมาจากซุ้มหมอดู ปลายรุ้งก็ร้องไห้และมีอาการเศร้าโศกเสียใจอย่างนี้มาตลอดทาง แม้เขาจะปลุกปลอบอย่างไรว่าเป็นแค่การคาดเดา ไม่มีทางเป็นจริงตามนั้น ก็ไม่อาจหยุดยั้งความทุกข์ระทมของหญิงสาวได้ ความเจ็บปวดดูจะฝังรากหยั่งลึกถึงก้นบึ้งแห่งหัวใจ ชายหนุ่มนึกอย่างห่วงใยขณะคุกเข่ากับพื้นและโอบร่างบางเข้ามาชิดอก

“รุ้งไม่ใช่ …เนื้อคู่คุณ คุณจะแต่งงาน…กับเด็กผู้หญิงคนนั้น” อีกฝ่ายพูดด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น ส่งผลให้เสียงขาดเป็นห้วงๆ

“ไม่เอา…อย่าพูดอะไรอย่างนั้น มันเหมือนจับเอาเรื่องที่อยู่ในอากาศซึ่งไม่มีมูลความจริงเลย มาถือจริงจัง…หยุดร้องไห้เถอะนะคนดี ผมไม่ได้จะไปแต่งงานกับใครที่ไหน ทุกวันนี้เราสัญญากันแล้วไงว่าจะมีกันและกัน จะไม่ปันใจให้คนอื่น แล้วทำไมยังไม่เชื่อใจผมอีก” พูดด้วยเสียงอ่อนโยน พลางดันร่างบางผละห่าง เพื่อซับน้ำตาให้ด้วยหลังมืออย่างทะนุถนอม นึกเสียใจที่พาปลายรุ้งเข้าไปในซุ้มหมอดู ไม่อย่างนั้น เธอก็ไม่ต้องมานั่งเสียใจและที่สำคัญไม่ต้องกลายมาเป็นหัวข้อถกเถียงกันอยู่ในขณะนี้

ปลายรุ้งยังคงพูดด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้นว่า “เราหนีโชคชะตาไม่พ้นหรอก เชื่อรุ้ง…ทุกอย่างถูกขีดเส้นมาแล้วและมันจะเป็นจริงตามคำหมอดูทุกประการ รุ้งไม่ใช่เนื้อคู่คุณ แต่เด็กคนนั้นคนที่อายุน้อยกว่าคุณมากคนนั้นต่างหาก จะเป็นเนื้อคู่คุณ พวกคุณจะแต่งงานกันและมีลูกมีหลานสืบทอดทายาทหลายชั่วอายุคน แล้วอย่างนี้จะไม่ให้รุ้งเสียใจได้ยังไง” หญิงสาวนำคำหมอดูมาย้อน ด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น กังวานเสียงแหบโหยราวกับคนที่เหนื่อยอ่อนจากการเดินทางรอมแรมมาไกล และไม่อาจทรงกายลุกยืนได้อีกต่อไปทั้งที่ยังไม่ถึงจุดหมายปลายทาง

“คุณคิดมากเกินไปแล้ว ผู้หญิงคนนั้นจะมีตัวตนอยู่หรือเปล่า ก็ยังไม่รู้เลย เชื่อผมนะ… อย่าตีตนไปก่อนไข้เลย จำเอาไว้ทุกวันนี้เรามีกันและกัน แค่นั้นเท่านั้นพอ…อย่างอื่นไม่สำคัญและไม่ต้องไปใส่ใจอีก ผมสัญญากับคุณแล้วไงว่าจะไม่ปันใจให้คนอื่น เพราะฉะนั้นจะไปแต่งงานกับคนอื่นได้ไง เป็นไปไม่ได้เลย” เรนัลโดปลอบโยนอย่างใจเย็น พลางลูบแผ่นหลังปลายรุ้งไปมาด้วยท่วงท่าอ่อนโยน

“แล้วถ้าเป็นจริงตามนั้นน่ะ…ถ้าคุณมีเด็กคนนั้นเป็นคู่ชีวิตจริงๆ คุณจะลืมรุ้งไหม” เจ้าตัวยังคงพร่ำรำพัน ราวกับคำปลอบโยนของแฟนหนุ่มไม่อาจซึมซับเข้าไปถึงจิตใจ

“มันจะเป็นจริงไปได้ยังไง ร่างทรงคนนั้นพูดไปเรื่อยเปื่อย ไม่มีมูลความจริงสักนิด ดูจากการแต่งตัวก็รู้แล้วว่าหล่อนเพี้ยนแค่ไหน ไม่เอา…อย่าเก็บมาใส่ใจ นี่ถ้ารู้ว่าพาไปแล้วจะเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ ผมไม่พาไปเด็ดขาด ฟังนะ…ปลายรุ้ง เรื่องทั้งหมดมันไร้สาระทั้งนั้น ไม่มีใครหยั่งรู้ดินฟ้าได้หรอก หมอดูก็คือหมอเดา มันไม่มีทางเป็นจริงไปได้เลย วันนี้คุณเหนื่อยมาพอแล้ว เข้าไปพักผ่อนในบ้านเถอะ”

“ไม่!” ปลายรุ้งกระชากเสียง สีหน้าเธอราวกับคนตกอยู่ในภวังค์ ขณะเลื่อนมือไปขยุ้มเสื้อเขา เธอกล่าวว่า “นอนกับรุ้งนะคะ…”

“อะไรนะ?” เรนัลโดตวัดเสียงสูงอย่างตกใจ จ้องหน้าแฟนสาวราวกับมีเขางอกออกมาจากศีรษะ “คุณว่าอะไรนะ อีกครั้งซิผมตามไม่ทัน” ทวนคำออกไปด้วยสีหน้าเหลอหลาอย่างมาก เขาตามปลายรุ้งไม่ทันจริงๆ เนื่องจากหญิงสาวเปลี่ยนหัวข้อปุบปับ แถมแฉลบไปยังเรื่องที่ชวนให้หวาดเสียวอีกด้วย

“นอนกับรุ้ง…” หญิงสาวย้ำ สีหน้าขาวซีดสลับแดงอย่างคนที่เลือดสูบฉีดผิดปกติ

เรนัลโดหรี่ตา มองอีกฝ่ายอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง “คุณพูดอะไรออกมารู้ตัวหรือเปล่า หรือว่าเพราะหมอดูคนนั้น ถึงทำให้คุณเพี้ยนไปแล้ว” ไม่พูดเปล่า แต่ยังเอื้อมมือไปอังหน้าผากแฟนสาวด้วย

ปลายรุ้งปัดมือเขาออกพร้อมกับตวัดตาค้อนที่โดนหาว่าบ้า…เธอจะบอกเขาได้อย่างไรว่าอยากผูกมัดเขาอย่างน้อยก็ในทางความรู้สึก เผื่อว่าวันหน้าที่เขาไม่มีเธอแล้ว ก็จะยังคงระลึกถึงเธอเสมอ ไม่ลืมเลือน

ใช่…ไม่ว่าผู้หญิงคนนั้นจะเข้ามามีอิทธิพลในบั้นปลายชีวิตของเรนัลโดอย่างไร เธอก็อยากจัดการให้แน่ใจว่าเขาจะไม่ลืมเธอไปชั่วชีวิต เหมือนดั่งเธอ ก็จะไม่ลืมเขาตราบจนชั่วลมหายใจสุดท้ายที่ลาจากโลกนี้ไป









Create Date : 29 พฤศจิกายน 2552
Last Update : 13 มีนาคม 2555 9:40:04 น.
Counter : 447 Pageviews.

0 comment
รักเพียงฝัน...(บท 6/2) อัปเดตชื่อ


ตลาดนัดของบราซิลไม่ต่างจากตลาดนัดวันอาทิตย์ของไทย ตั้งอยู่กลางแจ้งและมีการออกร้านจำหน่ายสินค้ามากมาย ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้าตามแฟชั่นสมัยนิยม ภาพถ่าย ภาพเขียน และของที่ระลึกที่เป็นสินค้าพื้นเมืองต่างๆ และที่ขาดไม่ได้ ‘หมอดู’

ซุ้มของหมอดู ตกแต่งด้วยกระดาษสีสันแปลกตา หากกลับดึงดูดความสนใจอย่างมาก ด้านหน้ามีป้ายเขียนบอกเป็นภาษาโปรตุเกส อังกฤษและสเปนว่าหมอดู…รับทำนายดวงชะตา น่าแปลก…อะไรบางอย่างที่อยู่ภายในซุ้มเรียกร้องให้เธอก้าวขาเข้าไป หากไม่ทันได้ขยับ มือหนาของเรนัลโดก็เอื้อมมาแตะแขนเธอเสียก่อน

“อยู่นี่เอง ผมหาเสียนาน” เรนัลโดเอ่ยขึ้น เสียงทุ้มอ่อนโยน

ปลายรุ้งเงยหน้าขึ้นยิ้มให้เขา ก่อนจะเหลียวมองรอบตัวและถามว่า “สัมภาษณ์เสร็จแล้วหรือคะ”

“ครับ” ทอดเสียงนุ่มตอบ

“แล้วนี่นักข่าวหายไปไหนกันหมดคะ”

เรนัลโดเหลียวมองตามสายตาของอีกฝ่าย เห็นนักข่าวปะปนไปกับชาวบ้าน เขาก็หันมาตอบว่า “ปะปนไปกับคนในพื้นที่ แทบจะแยกไม่ออกใช่ไหม”

ปลายรุ้งเบิกตาโต “ไม่ค่ะ…รุ้งแทบแยกไม่ออกว่าไหนนักข่าว ไหนนักท่องเที่ยว ถ้าไม่สะพายกล้องแบบมืออาชีพ”

ชายหนุ่มพยักหน้า “ถ้าไม่ใช่คนในวงการ ยากจะแยกออกจริงๆ ที่ผมรู้ก็เพราะคุ้นหน้าคุ้นตากัน”

“อืม…แล้วสื่อถามอะไรคุณบ้างคะ”

“ก็ถามว่าเราเป็นอะไรกัน รู้จักกันนานแค่ไหนแล้ว และรู้จักกันได้อย่างไร”

“แล้วคุณตอบไปว่าไงคะ?”

แววตาใสดุจลูกแก้วเงยหน้าจ้องเขาอย่างรอคอยคำตอบ และเรียวปากคลี่ยิ้มน้อยๆ ท่วงท่าไม่ต่างจากเด็กเล็กที่กำลังรอไอศกรีมถ้วยโปรด… ภาพนั้นทำให้เรนัลโดมองอย่างเอ็นดู อดไม่ได้จึงคว้าเอวบางมารัดแรงๆ อย่างมันเขี้ยว แล้วจึงตอบว่า “ผมบอกไปตรงๆ ว่า คุณเป็นแฟนผม เรากำลังคบหากันอยู่แต่เพิ่งคบได้ไม่นาน ส่วนคำถามว่าเรารู้จักกันได้อย่างไร ผมโกหกไปว่ารู้จักผ่านเพื่อนในก๊วนอีกที หวังว่าคุณคงไม่ว่าที่ผมโกหกไปอย่างนั้น” ประโยคท้ายออกตัวด้วยน้ำเสียงขอโทษอยู่ในที โดยตลอดเวลาที่พูด มือหนายังคงวางหมิ่นๆ อยู่ที่สะโพกกลมกลึง

“ไม่เลยค่ะ ดีใจเสียอีกที่คุณเลี่ยงไปอย่างนั้น เพราะถ้าบอกออกไปตรงๆ เห็นทีเรื่องคงยาวแน่”

เรนัลโดยิ้มอย่างเห็นด้วย

“แล้วสื่อถามอะไรอีกคะ” ปลายรุ้งยิงคำถามต่อ

“ที่เหลือก็เป็นเรื่องสัพเพเหระทั่วไป ส่วนใหญ่จะถามเรื่องงานและธุรกิจของผม”

“อ้อ…ค่ะ แล้วเรื่องที่รุ้งถามคุณก่อนหน้านี้ละคะ ไม่เห็นคุณตอบเลย”

“หือ? เรื่องไหน” เรนัลโด ลดสายตามอง พลางลากเสียงสูง เขาเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ

“ก็เรื่องที่รุ้งถามว่าอธิษฐานอะไรตอนที่ขึ้นไปสักการะคริสต์รีดีมเมอร์ที่เขาคอร์โควาโดไงคะ” ทวงคำตอบอย่างคนที่ยังติดใจ

เรนัลโดหัวเราะแผ่วเบา เขารวบมือนุ่มมาจดริมฝีปาก จูบแรงๆ ก่อนจะสารภาพออกไปตรงๆ ว่า “ผมอธิษฐานว่า ขอให้คุณใจอ่อนกับผมเร็วๆ”

“อะไรนะ?” ทวนถามเสียงสูง สีหน้าตกใจอย่างมาก

ดาราหนุ่มยังคงหัวเราะในลำคอ “ผมขอไปแบบงั้นจริงๆ อ้าว…ไม่เชื่ออีก”

ปลายรุ้งกลอกตาไปมา “เชื่อเขาเลย ต้องเป็นตลกฝืดของคุณแน่”

“เปล่าเลยเลียนดา(Linda)” คำท้ายของเขาแปลว่าคนน่ารักในภาษาโปรตุเกส “ผมหมายความตามนั้นทุกอย่าง คุณไม่รู้เหรอว่าการต้องหักห้ามใจเวลาที่อยู่กับแฟนสองต่อสองน่ะ มันลำบากลำบนและทรมานจิตใจแค่ไหน” หางเสียงโอดครวญ เรียกร้องความเห็นใจ

คนถูกตัดพ้อ ตวัดตาค้อน พวงแก้มสุกปลั่ง หากยังคงตีหน้าเรียบเฉยขณะตอบไปว่า “ลำบากลำบนและทรมานจิตใจอย่างไรก็ต้องทนค่ะ…คุณรับปากรุ้งแล้วว่าจะไม่เร่งรัด”

เรนัลโดทำหน้ามุ่ย “ตกลงๆ…ไม่เร่งรัดก็ได้ เล่นเอาคำผมมาย้อน ผมจะพูดอะไรได้อีก”

ปลายรุ้งหัวเราะ

คนเป็นแฟนหัวเราะตาม ก่อนถามกลับไปว่า “แล้วคุณล่ะปลายรุ้ง คุณอธิษฐานอะไรกับคริสต์รีดีมเมอร์” ถามเสียงอ่อนโยนขณะยกมือนุ่มจูบหลังมือแผ่วเบา

เธอหน้าแดงขณะมองตามท่วงท่านั้น ช้อนตาขึ้นสบตาเขาแล้วจึงตอบว่า “รุ้งขอให้เราได้รักกันทุกชาติไป”

เรนัลโดอึ้ง ด้วยสัมผัสได้ถึงน้ำเสียงเศร้าสร้อยหากแฝงด้วยรอยจริงจังของหญิงสาว “คุณเชื่อในชาติหน้าเหรอ”

“เชื่อค่ะ…คนเรามีกรรมเป็นตัวกำหนดว่าจะไปเกิดใหม่หรือว่าต้องชดใช้กรรมอยู่ในนรก”

“คุณนับถือศาสนาอะไรปลายรุ้ง”

“พุทธค่ะ ส่วนคุณ…รุ้งเดาว่าคงเป็นคริสต์สินะ”

“ใช่ครับ…ผมไม่ค่อยเชื่อเรื่องชาติหน้า แต่ผมสัมผัสได้ถึงความรักของคุณที่มีต่อผม ขอบคุณนะปลายรุ้ง” พูดพลางคว้าร่างบางเข้ามาสวมกอดแนบแน่น ด้วยความรู้สึกขอบคุณ

ปลายรุ้งชะงักงันครู่หนึ่ง แล้วจึงโอบตอบเขา เธอกระซิบแผ่วเบาว่า “รุ้งรักคุณ ต่อให้คุณไม่รักรุ้ง…รุ้งก็จะรักคุณอย่างนี้ตลอดไป ไม่ว่าจะเป็นชาติไหน” น้ำเสียงราวกับให้คำมั่น แฝงด้วยรอยเศร้าหมองจนบาดลึกไปถึงใจคนฟัง

วงแขนหนาปานคีมเหล็กจึงรัดกายนุ่มแน่นขึ้นอีกเท่าตัว “ขอเวลาให้ผมอีกนิดปลายรุ้ง…ขอเวลาสำรวจความรู้สึกตัวเองที่เป็นอยู่ในขณะนี้ว่ามันคืออะไรกันแน่ ทุกอย่างมาเร็วเกินไปสำหรับผมจนตั้งรับไม่ทัน ผมไม่เคยต้องการใครมากขนาดนี้มาก่อน…มากขนาดที่ว่าลมหายใจเข้าออกเป็นอีกฝ่าย…แต่มันก็เกิดขึ้นแล้วกับคุณ และหากต้องเกิดความรักชนิดที่เรียกว่าลึกซึ้งปานจะกลืนกิน เพิ่มมาอีกอย่างละก็ ขอให้ผมได้มีเวลาเตรียมตัวเตรียมใจรับมือกับมันสักนิด”

ปลายรุ้งอึ้งกับคำสารภาพของเขา เธอพยักหน้ารับกับแผงอกกว้าง ลอบเช็ดน้ำตาที่ซึมขอบตากับเสื้อเขา แล้วจึงตอบว่า “ไม่เป็นไรค่ะ…รุ้งบอกแล้วว่าไม่เป็นไรเลย ถึงจะไม่ใช่ความรักรุ้งก็ไม่เสียใจ เท่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ก็มากเกินพอสำหรับผู้หญิงอย่างรุ้งแล้ว”

ผู้หญิงอย่างคุณเหมาะสมกับสิ่งที่คู่ควรมากกว่านี้…การแต่งงาน เรนัลโดนึกโต้ทันควัน หากกระนั้นปากเขากลับพูดออกไปไม่ออก

ปลายรุ้งรีบป้ายน้ำตา ก่อนจะดันตัวออกห่างและเงยหน้ายิ้มสดใสให้เขา “เปลี่ยนเรื่องเถอะค่ะ อย่าคุยเรื่องเครียดๆ อย่างนี้เลย วันนี้เรามาออกเดตกันนะ” พูดแล้วเอียงคอมองเขา ก่อนว่า “ถามหน่อยสิคะ คุณคิดยังไงถึงพารุ้งมาเที่ยวตลาดนัดนี่คะ?”

เปลี่ยนเรื่องเร็วจนเขาตามแทบไม่ทัน เรนัลโดยกมือกอดอก มาดกลับมาเป็นไกด์ผู้ทรงภูมิ “ผมอยากให้คุณสัมผัสประสบการณ์ชีวิตในบราซิลอีกแง่มุมหนึ่ง ถือเป็นโปรแกรมปิดท้าย ก่อนจะพาไปกินพิซซ่า”

ปลายรุ้งเบิกตาโตแล้วจึงพยักหน้า “ขอบคุณค่ะสำหรับความหวังดี”

“ไปกันเถอะ…ไปเดินดูสินค้ากันเผื่อคุณจะถูกใจอะไรบ้าง” พูดแล้วเอื้อมมือไปฉุดข้อมือเล็ก ทว่าอีกฝ่ายกลับขืนตัวเต็มที่

“เดี๋ยวค่ะ…รุ้งอยากเข้าไปดูซุ้มนี้ก่อน” พูดพลางผินหน้าไปทางซุ้มหมอดูทางด้านข้าง

เรนัลโดมองตามสายตาหญิงสาวแล้วชะงัก “คนพวกนี้เพี้ยนๆ นะปลายรุ้ง อย่าเข้าไปเลย”

“คุณไม่เชื่อเรื่องหมอดูหรือคะ?” หันหน้ากลับมาถามเขา

ดาราหนุ่มส่ายหน้า “ไม่เลยสักนิด”

“แต่รุ้งเชื่อ…น่านะเข้าไปดูด้วยกันหน่อยนะ” ออดอ้อนพลางออกแรงฉุด พาเดินตรงเข้าไปในซุ้ม

เรนัลโดกลอกตาไปมา พระเจ้าช่วย…หวังว่าความตั้งใจดีที่ต้องการจะเอาใจหญิงสาวครั้งนี้ จะไม่กลับมาหลอกหลอนหรือเล่นงานเขาเสียย่อยยับในภายหลังหรอกนะ นึกอย่างขยาดๆ แล้วจึงก้าวตามแรงฉุดของอีกฝ่ายอย่างทำอะไรไม่ได้



ในชีวิตเรนัลโดบอกกับตัวเองว่าไม่เคยดูหมอดูและไม่เคยคิดที่จะเชื่อด้วย หากทว่าทันทีที่ก้าวพ้นประตูที่ขึงไว้ด้วยผ้าม่านเข้าไป เกิดลมแปลกๆ ปะทะผิวกายวูบหนึ่ง จนขนลุกชันและเย็นวาบตลอดแนวสันหลัง ภายในซุ้มสลัวๆ แห่งนั้น เต็มไปด้วยแสงเทียนจากเทียนไขมากมาย ข้างฝาเหนือเชิงเทียน มีรูปบูชาสีดำประดับเอาไว้ ถัดลงมาก็เป็นของแปลกๆ ที่ชวนขนหัวลุกชนิดที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน

เรนัลโดเกิดความรู้สึกแปลกๆ จนนึกอยากรั้งแขนแฟนสาวให้กลับออกไป หากทว่าไม่ทันได้ขยับตัว หญิงสูงวัยในชุดเสื้อผ้ารุ่มร่ามสีสันฉูดฉาดก็ปรากฏกายขึ้นเสียก่อน ชายหนุ่มไม่ทันสังเกตว่าอีกฝ่ายนั่งอยู่ตรงไหนก่อนหน้านี้ เพราะความรู้สึกเขาเหมือนว่าอยู่ดีๆ นางก็โผล่มาให้เห็นตรงหน้า

“ข้าได้รับเกียรติที่พวกเจ้ามาเยี่ยมเยียน” หญิงสูงวัยพูดขึ้นพลางผายมือเชิญคนทั้งคู่ให้นั่งบนเก้าอี้ตัวเก่าคร่ำคร่า ขณะที่ตัวเองก้าวไปนั่งด้านหลังโต๊ะที่ใช้ในการประกอบพิธีเข้าทรง

น้ำเสียงและถ้อยคำที่นางใช้ฟังดูแปลกหู หากน่าแปลกกลับทรงพลังและให้ความรู้สึกขลังระคนน่ายำเกรงราวกับอีกฝ่ายมีอำนาจลึกลับ เรนัลโดเกิดความรู้สึกขนลุกชันขึ้นมาอีกรอบอย่างหาคำอธิบายไม่ได้ เหลียวมองคนข้างกายพบว่าเธอจ้องอีกฝ่ายตาไม่กะพริบ สีหน้าบอกถึงความเชื่อมั่นศรัทธา ไม่นานต่อมาเขาได้ยินปลายรุ้งเอ่ยขึ้นว่า

“สวัสดีค่ะ รุ้งอยากดูดวงชะตาค่ะ”

“เจ้าอยากดูเรื่องอะไรล่ะ” น้ำเสียงก้องกังวาน หากแฝงอำนาจ

“รุ้ง เอ่อ…” เหลียวมามองทางเรนัลโด ก่อนจะละสายตากลับไปสบตาหมอดู และตอบว่า “รุ้งอยากรู้ว่ารุ้งเป็นเนื้อคู่ของผู้ชายคนนี้หรือเปล่าน่ะค่ะ”

“สิ่งที่เจ้าอยากรู้ ต้องใช้วิธีเข้าทรง ข้าจะเชิญดวงวิญญาณที่หยั่งรู้มาเข้าร่างข้า”

“คะ?” ตวัดเสียงสูงอย่างตกใจ ตาจ้องแม่หมอด้วยอาการตกตะลึง ด้วยไม่คิดว่าในบราซิลจะมีคนเข้าทรงด้วย หญิงสูงวัยตรงหน้ามีผมสีแดงเพลิงและสวมตุ้มหูสีทองวงใหญ่ที่บัดนี้แกว่งไปแกว่งมาตลอดเวลา

“ปลายรุ้งกลับเถอะ…” เรนัลโดเริ่มสะกิด เขามีความคิดว่าคนเข้าทรงภูติผีวิญญาณมีความเพี้ยนเสียยิ่งกว่าหมอดู

“เดี๋ยวสิคะ” เธอหันมาโต้เสียงนุ่ม ก่อนจะหันกลับไปคุยกับคนเข้าทรงต่อ “ได้ค่ะ…ว่าแต่รุ้งต้องทำยังไงบ้างคะ”

“ไปนั่งที่เสื่อนั่น…เจ้าทั้งคู่” หญิงร่างทรงย้ำในประโยคท้าย พลางผายมือไปทางเสื่อเก่าๆ เหนือเสื่อมีโต๊ะหมู่บูชาซึ่งมีแจกันดอกไม้และรูปปั้นแปลกๆ ประดับอยู่ด้านบน

“ผมมะ…” ทว่าเขาพูดไม่ทันจบ มือเรียวนุ่มของปลายรุ้งก็เอื้อมมาแตะแขนเขา สายตาฉายแวววิงวอนอยู่ในที ขณะเอ่ยเชิญชวน

“ไปนั่งด้วยกันเถอะนะคะ” กระซิบบอกเขาแล้ว ปลายรุ้งก็เดินไปทรุดนั่งบนเสื่อตามที่คนเข้าทรงบอกอย่างว่าง่าย ท่ามกลางสายตาของเรนัลโดที่มองตามอย่างห่วงใย แต่ทว่าก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากเดินตามไปทรุดนั่งข้างๆ หญิงสาว

เขาคงบ้าไปแล้วแน่ๆ ที่นึกอยากเอาใจเธอกระทั่งเป็นผลให้ตามใจเลยเถิดมาไกลถึงขนาดนี้… เรนัลโดนึกอย่างปลงตก

พิธีกรรมเริ่มต้นจากการที่หญิงเข้าทรงบอกให้เธอกับเรนัลโดจับมือกันและหลับตาลง จากนั้นเจ้าตัวเริ่มร่ายมนตร์คาถา แล้วจึงเริ่มพิธีเข้าทรงเพื่อที่จะเรียกวิญญาณ ไม่นานต่อมาทั่วทั้งซุ้มเกิดอาการสั่นไหวราวกับแผ่วดินไหว เริ่มจากสั่นเบาๆ แล้วค่อยทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น ข้าวของบนโต๊ะกระทบกันโครมคราม

เนื้อตัวแม่หมอสั่นเทาราวกับมีอะไรเข้าสิง นางยื่นมือออกไปจับมือของคนทั้งสอง ก่อนจะกดตรงใจกลางฝ่ามือด้วยปลายนิ้วหัวแม่มือ แล้วจึงกล่าวอะไรบางอย่างที่รัวเร็ว เธอฟังไม่ออก ปลายรุ้งค่อนข้างแน่ใจว่าไม่ใช่ภาษาโปรตุเกส สเปนหรืออังกฤษ แต่เป็นอีกภาษา ไม่นานนางก็กลับมาพูดาษาโปรตุเกสอีกครา หากคราวนี้ด้วยน้ำเสียงที่แหบห้าวราวกับเสียงผู้ชาย

“พวกเจ้าไม่ใช่เนื้อคู่กัน” คนเข้าทรงฟันธงขึ้น ก่อนจะพูดต่อโดยไม่สนใจปลายรุ้งที่หน้าเผือดสี ขณะที่เรนัลโด ขมวดคิ้วมุ่นด้วยท่าทีที่ไม่พอใจ เจ้าตัวหันไปทางปลายรุ้ง แล้วขยายความต่อด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “เนื้อคู่เขาไม่ใช่เจ้า…แต่จะเป็นสาวน้อยที่อายุอ่อนกว่าเขากว่าสองรอบ ส่วนเจ้า…ข้าคงบอกได้คำเดียวว่าเจ้าทำบุญมามากแล้วถึงได้เจอเขา”



เธอไม่น่าประหลาดใจกับคำตอบนั่น เพราะชัดเจนอยู่แล้วว่าจะต้องตายจากเขาในอีกยี่สิบห้าวันข้างหน้า…เพราะฉะนั้นเนื้อคู่ของเรนัลโด จะกลายเป็นเธอไปได้อย่างไร จะต้องเป็นใครอื่นที่ไม่ใช่เธอ แม้จะรู้คำตอบนั้นดีอยู่แล้ว หากเมื่อมาฟังจากปากหมอดูชัดๆ เธอกลับรู้สึกเจ็บปวดยอกแสยงราวกับมีใครเอากริชคมๆ มาแล่เนื้อเฉือนหัวใจออกเป็นชิ้นๆ เจ็บปวดสุดคณานับเมื่อคิดว่าเนื้อคู่เขาเป็นผู้หญิงอื่นที่ไม่ใช่เธอและยิ่งกว่านั้นมีอายุอ่อนกว่าเขากว่าสองรอบด้วย

คุณพระ…เขามีสาวน้อยคู่แท้รออยู่ ขณะที่เธอเป็นเพียงวิญญาณที่รอการตัดสินจากท่านพญามัจจุราช ช่างยุติธรรมดีแท้… ความเศร้าเสียใจกัดกร่อนจิตใจ ราวกับคลื่นทะเลลูกใหญ่ที่รวมตัวกันถาโถมสาดซัดเข้าใส่ปานประหนึ่งจะปลิดชีวิตก็ไม่ปาน

“ปลายรุ้งเป็นอะไร” เรนัลโดเรียกอย่างตกใจ พร้อมกับพุ่งตัวไปหาหญิงสาว เมื่ออีกฝ่ายทรุดฮวบลงกองกับพื้นในทันทีที่เปิดประตูรถก้าวขาออกไป

ปลายรุ้งสะอื้นฮักกับพื้นหินอ่อนหน้าประตูแมนชันอย่างไม่อายอีกต่อไป เธอฟุบหน้าร่ำไห้ปานคนที่หัวใจแหลกสลาย ภาพนั้นสร้างความอาดูรและบีบคั้นจิตใจเรนัลโดอย่างมาก เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดทุกหยาดหยดที่กำลังไหลวนอยู่ในกระแสเลือดเธอ ด้วยนับตั้งแต่ออกมาจากซุ้มหมอดู ปลายรุ้งก็ร้องไห้และมีอาการเศร้าโศกเสียใจอย่างนี้มาตลอดทาง แม้เขาจะปลุกปลอบอย่างไรว่าเป็นแค่การคาดเดา ไม่มีทางเป็นจริงตามนั้น ก็ไม่อาจหยุดยั้งความทุกข์ระทมของหญิงสาวได้ ความเจ็บปวดดูจะฝังรากหยั่งลึกถึงก้นบึ้งแห่งหัวใจ ชายหนุ่มนึกอย่างห่วงใยขณะคุกเข่ากับพื้นและโอบร่างบางเข้ามาชิดอก

“รุ้งไม่ใช่ …เนื้อคู่คุณ คุณจะแต่งงาน…กับเด็กผู้หญิงคนนั้น” อีกฝ่ายพูดด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น ส่งผลให้เสียงขาดเป็นห้วงๆ

“ไม่เอา…อย่าพูดอะไรอย่างนั้น มันเหมือนจับเอาเรื่องที่อยู่ในอากาศซึ่งไม่มีมูลความจริงเลย มาถือจริงจัง…หยุดร้องไห้เถอะนะคนดี ผมไม่ได้จะไปแต่งงานกับใครที่ไหน ทุกวันนี้เราสัญญากันแล้วไงว่าจะมีกันและกัน จะไม่ปันใจให้คนอื่น แล้วทำไมยังไม่เชื่อใจผมอีก” พูดด้วยเสียงอ่อนโยน พลางดันร่างบางผละห่าง เพื่อซับน้ำตาให้ด้วยหลังมืออย่างทะนุถนอม นึกเสียใจที่พาปลายรุ้งเข้าไปในซุ้มหมอดู ไม่อย่างนั้น เธอก็ไม่ต้องมานั่งเสียใจและที่สำคัญไม่ต้องกลายมาเป็นหัวข้อถกเถียงกันอยู่ในขณะนี้

ปลายรุ้งยังคงพูดด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้นว่า “เราหนีโชคชะตาไม่พ้นหรอก เชื่อรุ้ง…ทุกอย่างถูกขีดเส้นมาแล้วและมันจะเป็นจริงตามคำหมอดูทุกประการ รุ้งไม่ใช่เนื้อคู่คุณ แต่เด็กคนนั้นคนที่อายุน้อยกว่าคุณมากคนนั้นต่างหาก จะเป็นเนื้อคู่คุณ พวกคุณจะแต่งงานกันและมีลูกมีหลานสืบทอดทายาทหลายชั่วอายุคน แล้วอย่างนี้จะไม่ให้รุ้งเสียใจได้ยังไง” หญิงสาวนำคำหมอดูมาย้อน ด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น กังวานเสียงแหบโหยราวกับคนที่เหนื่อยอ่อนจากการเดินทางรอมแรมมาไกล และไม่อาจทรงกายลุกยืนได้อีกต่อไปทั้งที่ยังไม่ถึงจุดหมายปลายทาง

“คุณคิดมากเกินไปแล้ว ผู้หญิงคนนั้นจะมีตัวตนอยู่หรือเปล่า ก็ยังไม่รู้เลย เชื่อผมนะ… อย่าตีตนไปก่อนไข้เลย จำเอาไว้ทุกวันนี้เรามีกันและกัน แค่นั้นเท่านั้นพอ…อย่างอื่นไม่สำคัญและไม่ต้องไปใส่ใจอีก ผมสัญญากับคุณแล้วไงว่าจะไม่ปันใจให้คนอื่น เพราะฉะนั้นจะไปแต่งงานกับคนอื่นได้ไง เป็นไปไม่ได้เลย” เรนัลโดปลอบโยนอย่างใจเย็น พลางลูบแผ่นหลังปลายรุ้งไปมาด้วยท่วงท่าอ่อนโยน

“แล้วถ้าเป็นจริงตามนั้นน่ะ…ถ้าคุณมีเด็กคนนั้นเป็นคู่ชีวิตจริงๆ คุณจะลืมรุ้งไหม” เจ้าตัวยังคงพร่ำรำพัน ราวกับคำปลอบโยนของแฟนหนุ่มไม่อาจซึมซับเข้าไปถึงจิตใจ

“มันจะเป็นจริงไปได้ยังไง ร่างทรงคนนั้นพูดไปเรื่อยเปื่อย ไม่มีมูลความจริงสักนิด ดูจากการแต่งตัวก็รู้แล้วว่าหล่อนเพี้ยนแค่ไหน ไม่เอา…อย่าเก็บมาใส่ใจ นี่ถ้ารู้ว่าพาไปแล้วจะเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ ผมไม่พาไปเด็ดขาด ฟังนะ…ปลายรุ้ง เรื่องทั้งหมดมันไร้สาระทั้งนั้น ไม่มีใครหยั่งรู้ดินฟ้าได้หรอก หมอดูก็คือหมอเดา มันไม่มีทางเป็นจริงไปได้เลย วันนี้คุณเหนื่อยมาพอแล้ว เข้าไปพักผ่อนในบ้านเถอะ”

“ไม่!” ปลายรุ้งกระชากเสียง สีหน้าเธอราวกับคนตกอยู่ในภวังค์ ขณะเลื่อนมือไปขยุ้มเสื้อเขา เธอกล่าวว่า “นอนกับรุ้งนะคะ…”

“อะไรนะ?” เรนัลโดตวัดเสียงสูงอย่างตกใจ จ้องหน้าแฟนสาวราวกับมีเขางอกออกมาจากศีรษะ “คุณว่าอะไรนะ อีกครั้งซิผมตามไม่ทัน” ทวนคำออกไปด้วยสีหน้าเหลอหลาอย่างมาก เขาตามปลายรุ้งไม่ทันจริงๆ เนื่องจากหญิงสาวเปลี่ยนหัวข้อปุบปับ แถมแฉลบไปยังเรื่องที่ชวนให้หวาดเสียวอีกด้วย

“นอนกับรุ้ง…” หญิงสาวย้ำ สีหน้าขาวซีดสลับแดงอย่างคนที่เลือดสูบฉีดผิดปกติ

เรนัลโดหรี่ตา มองอีกฝ่ายอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง “คุณพูดอะไรออกมารู้ตัวหรือเปล่า หรือว่าเพราะหมอดูคนนั้น ถึงทำให้คุณเพี้ยนไปแล้ว” ไม่พูดเปล่า แต่ยังเอื้อมมือไปอังหน้าผากแฟนสาวด้วย

ปลายรุ้งปัดมือเขาออกพร้อมกับตวัดตาค้อนที่โดนหาว่าบ้า…เธอจะบอกเขาได้อย่างไรว่าอยากผูกมัดเขาอย่างน้อยก็ในทางความรู้สึก เผื่อว่าวันหน้าที่เขาไม่มีเธอแล้ว ก็จะยังคงระลึกถึงเธอเสมอ ไม่ลืมเลือน

ใช่…ไม่ว่าผู้หญิงคนนั้นจะเข้ามามีอิทธิพลในบั้นปลายชีวิตของเรนัลโดอย่างไร เธอก็อยากจัดการให้แน่ใจว่าเขาจะไม่ลืมเธอไปชั่วชีวิต เหมือนดั่งเธอ ก็จะไม่ลืมเขาตราบจนชั่วลมหายใจสุดท้ายที่ลาจากโลกนี้ไป









Create Date : 29 พฤศจิกายน 2552
Last Update : 13 มีนาคม 2555 9:39:50 น.
Counter : 426 Pageviews.

13 comment
รักเพียงฝัน...(บท 6/1) อัปเดตชื่อ


ขออีกครั้งด้วยความคิดถึงพี่เรย์ค่ะ >_<



“คนบราซิลทานอะไรเป็นอาหารจานหลักในมื้อเที่ยงคะ” ถามกลับไปอีกทาง ขณะกวาดตามองภาพรายการอาหารตรงหน้าซึ่งมีสิบกว่ารายการ

“ข้าวกับถั่วต้มครับ เราเรียกว่าอาโฮซส์ เฟเจา (Arroz e Feijão)” เรนัลโด ตอบ

“รสชาติเป็นไงคะ” ถามด้วยสีหน้าไม่มั่นใจ

“ต้องลองครับ” คนเป็นแฟนตอบยิ้มๆ

“อืม…ก็ได้ค่ะ งั้นรุ้งขออาโฮซส์ เฟเจาที่หนึ่ง” ตอบอย่างนึกสนุก

เรนัลโดยิ้มกับภาพนั้น เขาเอื้อมมือไปโคลงศีรษะแผ่วเบา ท่วงท่าเต็มไปด้วยความเอื้อเอ็นดู แล้วชี้ชวนให้ดูรายการอื่นต่อไป “ถัดมาคือบิฟ (Bife) เรานิยมกินอาโฮซส์ เฟเจากับบิฟ อาจจะเป็นเนื้ออบ เนื้อปิ้ง หรือเนื้อทอดก็ได้ แต่มื้อเที่ยงส่วนใหญ่ต้องเมนูเนื้อสักอย่าง ส่วนใหญ่ผมมักจะกินฟิเล่ มิยอง (Filé Mignon) เป็นสเต็กเนื้อที่ทำมาจากสันในน่ะครับ เอามาหมักกับเกลือ กระเทียม ทอดกับเนย น้ำส้มสายชู มะเขือเทศและพริกไทย ที่นี่ทำอร่อย รับรองไม่มีกลิ่นคาว ลองดูไหมครับ?”

“ไม่มีสเต็กหมูหรือคะ?”

เรนัลโดส่ายหน้า ทำหน้าเสียใจ “เสียใจครับ ที่ร้านนี้ไม่มี หมูไม่ค่อยเป็นที่นิยมเท่ากับเนื้อและไก่น่ะครับ เลยหากินยากสักหน่อย เมนูอาหารส่วนใหญ่ที่นี่จึงเน้นเนื้อ ไก่และปลา แต่หมูก็หาได้ในบางร้าน เพียงแต่จะมีอยู่น้อยร้านสักหน่อย”

ปลายรุ้งพยักหน้ารับรู้ “ก็ได้ค่ะ งั้นรุ้งขอสเต็กฟิเล่ มิยองด้วยค่ะ”

เรนัลโดยิ้มอย่างถูกใจ ก่อนจะชี้ชวนดูภาพต่อไป ซึ่งเป็นโถสตูถั่วดำ “ลองดูอีกอย่างนะครับ เฟยโจด้า(Feijoada) เป็นอาหารพื้นเมืองที่ขึ้นชื่ออีกอย่างของบ้านผม ถ้าไม่ได้ลอง ถือว่ามาไม่ถึงบราซิล” หลิ่วตาให้ในประโยคท้ายอย่างล้อเลียน

“ดูเหมือนบ้านคุณ จะมีถั่วเป็นอาหารหลักแทบทุกเมนูนะคะ”

“ประมาณนั้นครับ เดี๋ยวผมสั่งชูฮาสโค่(Churrasco) ให้คุณชิมอีกอย่าง เป็นบาร์บีคิวที่ขึ้นชื่อในบราซิลไม่แพ้เฟยโจด้า”

“ทำจากเนื้ออีกล่ะสิคะ?” ถามอย่างเดาได้

“ถูกต้องครับ เนื้อหมักกับเกลือ เสียบกับไม้แล้วนำไปย่างไฟ อร่อยครับ ลอง ฟา รอ ฝะ(Farofa) อีกอย่างนะครับ เป็นเมนูที่เรามักกินคู่กับข้าวและบาร์บีคิว”

“ก็ได้ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

“ลองอะไรอื่นอีกไหมครับ” ถามพลางกวาดตามองรายการอาหารอื่นๆ

“พอแล้วค่ะเรย์ เยอะแล้ว กินแค่สองคน เดี๋ยวก็ไม่หมดหรอก”

“งั้นมาดูเครื่องดื่มกันครับ คุณอยากดื่มอะไร” ถามพลางเปิดหน้าเมนูเครื่องดื่มซึ่งมีอยู่หลายสิบภาพ

“ขอไคปิรินย่ามะนาวเหมือนเดิมค่ะ”

“ลองอย่างอื่นไหมมีไคปิรินย่ากีวี สตอร์เบอรี่ แตงโม หรือถ้าผสมกับว้อดก้า ก็จะเป็นไคปิร้อสก้า (Caipiroska)”

“ไคปิร้อสก้า?” ทวนคำด้วยสำเนียงไม่คุ้นหู

เรนัลโดพยักหน้า ก่อนตอบว่า “ผมเคยบอกคุณแล้วใช่ไหมว่าไคปิรินย่า เป็นเครื่องดื่มค็อกเทลประจำชาติของบราซิล ทำจากคาชาซ่าที่กลั่นมาจากน้ำอ้อยหมัก ผสมกับผลไม้สดกับน้ำตาล แต่ถ้าค็อกเทลนั้น ใส่ว้อดก้าแทนที่จะเป็นเหล้าคาชาซ่า เครื่องดื่มนั้น ก็จะเรียกว่าไคปิร้อสก้าทันที”

“แปลว่าไคปิร้อสก้าทำมาจากว้อดก้าผสมผลไม้สดและน้ำตาล?”

“ถูกต้องครับ”

“งั้นรุ้งขอลองไคปิร้อสก้าที่หนึ่งค่ะ”

“อะไรดีครับ มะนาว กีวี สตอร์เบอรี่ หรือแตงโม มีแบบปั่นด้วยนะครับ”

“ขอเป็นกีวีแล้วกันค่ะ ไคปิร้อสก้ากีวีปั่น” เจ้าตัวย้ำในประโยคท้าย

“ได้ครับ”

“แล้วคุณละคะจะดื่มอะไร” ย้อนถามกลับบ้าง

“ผมว่าจะดื่มคาชาซ่าครับ”

“เหล้าตอนแดดเปรี้ยงๆ นี่นะคะเดี๋ยวก็เมากันพอดี”

“รับรองจะดื่มแต่พอดี” ประโยคท้ายมีแววล้อเลียนอยู่ในที

“คาชาซ่าเป็นเครื่องดื่มประจำชาติของบราซิลหรือเปล่าคะ”

“ใช่ครับ”

“เล่าความเป็นมาให้ฟังหน่อยสิคะ”

เรนัลโด ยิ้ม “จบรายการทัวร์ คุณจะตบรางวัลอะไรให้ไกด์เรย์คนนี้นี่ เพราะดูเหมือนจะใช้งานคุ้มมาก”

“แล้วไกด์กิตติมศักดิ์คนนี้อยากได้อะไรเป็นรางวัลละคะ”

“อย่าเปิดทางปลายรุ้ง ถ้าคุณยังไม่มั่นใจว่าจะยอมให้ทุกอย่างแก่ผมได้ อย่าเปิดช่องเด็ดขาด” ประโยคท้ายเย้ายิ้มๆ และหลิ่วตาให้อย่างล้อเลียน

ปลายรุ้งหน้าแดงก่ำโดยหาคำตอบไม่ได้ ได้แต่อุบอิบในลำคอว่า “ก็อย่าขออะไรที่รุ้งให้ไม่ได้สิคะ”

เรนัลโดจ้องหน้าหวานของอีกฝ่าย ก่อนตอบว่า “ก็ได้...ในเมื่อคุณไม่อยากให้ผมเร่งรัด ผมก็จะไม่เร่ง”

“ขอบคุณค่ะ...เรา เอ่อ...กลับมาหัวข้อเดิมกันดีมั้ย?”

ดาราหนุ่มหัวเราะเสียงดัง กับใบหน้าแดงก่ำแสดงความเคอะเขินของเจ้าตัว “ตกลง...ว่าแต่เมื่อกี้เราคุยค้างถึงไหนนะ”

“คาชาซ่าเป็นเครื่องดื่มประจำชาติของคุณ รุ้งก็เลยขอให้เล่าความเป็นมา”

เรนัลโดพยักหน้ารับรู้ เขาตอบเสียงนุ่มว่า “คาชาซ่า ผลิตในบราซิลมากว่าห้าร้อยปีแล้ว ปัจจุบันนี้มีกว่าสี่พันยี่ห้อทั่วประเทศ ไล่ตั้งแต่สีขาวไปจนถึงสีทอง เราส่งออกคาชาซ่าประมาณสิบห้าล้านลิตรต่อปี ขณะที่ผลิตเพื่อดื่มภายในประเทศหนี่งพันห้าร้อยลิตร เมื่อก่อนคาชาซ่ามักดื่มคู่กับอาหารเฟยโจด้า แต่ต่อมานิยมเสิร์ฟพร้อมกับค็อกเทล”

“ขอบคุณค่ะสำหรับความรู้”

“อย่าลืมตบรางวัลผมล่ะ” อดไม่ได้ที่จะเย้า ก่อนจะหันไปส่งสัญญาณมือให้กับบริกรเพื่อมารับรายการอาหาร ”ผมขออาโฮซส์เฟเจา ฟิเล่มิยอง เฟยโจด้า ชูฮาสโค่ ฟารอฝะ ทุกอย่างอย่างละสองที่ ส่วนเครื่องดื่มขอไคปิร้อสก้ากีวีปั่นหนึ่งที่ และคาชาซ่ายี่ห้อ...ขวดหนึ่ง แล้วก็น้ำเปล่าสองที่ครับ”

บริกรจดรายการอาหารและรับเมนูคืนไปแล้ว เธอจึงหันไปถามเรนัลโด “สั่งเยอะขนาดนั้นทานหมดหรือคะ ความจริงสั่งมาอย่างละที่ แล้วผลัดกันกินก็ได้ค่ะ”

“ผมทานจุ แย่งคุณทาน เดี๋ยวก็ไม่อิ่มหรอก”

ปลายรุ้งตวัดตาค้อนอย่างไม่จริงจังนัก ภายหลังยี่สิบนาทีต่อมา บริกรก็ทยอยนำอาหารมาเสิร์ฟ จานแรกเป็นอาโฮซส์เฟเจา กับฟารอฝะ อาโฮซส์เฟเจาคือข้าวราดด้วยถั่วต้ม เรนัลโดบอกวิธีทำว่าต้มถั่วให้เละไปพร้อมกับกระดูกวัวและไส้กรอก ส่วนข้าว...ตั้งกระทะให้ร้อนด้วยน้ำมันมะกอก ใส่หัวหอม และข้าวลงไปผัดให้เข้ากัน แล้วเติมน้ำ รอจนสุก เธอลองชิม ปรากฏว่าข้าวจะร่วนๆ และแข็งๆ ไม่ค่อยอร่อยนัก ส่วนถั่วก็เค็มมาก ทว่าคนที่นั่งตรงข้ามเธอ กลับทานได้ทานดี

เธอลองอาหารจานต่อไป ฟารอฝะ ซึ่งเป็นการนำส่วนผสมหลายๆ อย่างมาคลุกรวมกัน มีสีเหลืองอ่อนๆ ลักษณะคล้ายกับข้าวยำ แต่รสจืดอย่างมาก ถามส่วนผสมจากเรนัลโด เขาบอกว่าทำมาจากฟารินย่า (Farinha) เบคอนทอด ไข่สุก ผักชีฝรั่ง หัวหอม เนย โดยนำทุกอย่างไปผัดในกระทะที่ตั้งไฟ ชายหนุ่มให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ฟารินย่าทำมาจากมันสำปะหลังคั่ว

ส่วนเมนูถัดมาคือ ฟิเล่มิยอง เฟยโจด้า ชูฮาสโค่ สำหรับฟิเล่มิยอง สำหรับเธอไม่ค่อยแปลกนัก เพราะเหมือนกับสเต็กเนื้อทั่วไป ต่างกันเพียงว่าเนื้อสเต็กที่นี่หวานนุ่มและมีรสชาติเค็มนิดหน่อย ส่วนเฟยโจด้า คือสตูถั่วดำที่เคี่ยวกับเนื้อจนเปื่อย ใส่ไส้กรอก เบคอนและหมูรมควัน สำหรับชูฮาสโค่ คือ เนื้อหมักเกลือเสียบไม้ย่าง

“เป็นอย่างไรบ้าง” เรนัลโดถามขึ้นเป็นประโยคแรกหลังจากหญิงสาวทานเสร็จแล้ว

ปลายรุ้งวางแก้วไคปิร้อสก้า แล้วว่า “ก็โอเคค่ะ...รุ้งชอบชูฮาสโค่กับฟิเล่มิยองมากที่สุด”

“เพราะว่ารสชาติคุ้นปากคุณเหรอ?” ถามอย่างรู้ทัน

เธอหัวเราะเก้อๆ “แต่รุ้งชอบค็อกเทลบ้านคุณนะคะทั้งไคปิรันย่าและไคปิร้อสก้า รสชาติโอเคเลย”

เรนัลโดยิ้ม “ดีจัง อย่างน้อยก็มีบางอย่างที่ถูกปากคุณ จะรับอะไรเพิ่มเติมไหม ขนมหวานหรือไอศกรีม?”

ปลายรุ้งส่ายหน้า “ไม่ล่ะค่ะ อิ่มตื้อเลย”

ชายหนุ่มพยักหน้า เขาเช็กบิลแล้วพาหญิงสาวไปเที่ยวต่อยังยอดเขาคอร์โควาโด เพื่อสักการะรูปปั้นคริสต์ รีดีมเมอร์ ความสูงจากระดับน้ำทะเลเจ็ดร้อยเมตร ซึ่งต้องนั่งรถรางขึ้นไป เมื่อไปถึงมีลิฟต์ขึ้นไปยังด้านบนสุดซึ่งเป็นฐานที่ตั้งของรูปปั้น ใต้ฐานรูปปั้น มีลักษณะคล้ายกับโบสถ์เล็กๆ เธอเข้าไปอธิษฐานขอให้สมหวังในรักกับเรนัลโดทุกชาติไป

ตลอดการเดินทาง เรนัลโด ได้รับการทักทายจากบรรดาแฟนคลับ แม้เขาจะสวมแว่นตาดำ แต่ดูจะไม่ลอดจากสายตาช่างสังเกตของพวกสาวๆ ไปได้ อาจด้วยรูปร่างสูงใหญ่และใบหน้าหล่อเหลาอย่างหาตัวจับยากของเขา กลายมาเป็นความโดดเด่น และเรียกร้องความสนใจจากพวกผู้หญิงได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าเขาจะเดินไปมุมไหนหรือทำอะไร เป็นต้องถูกถ่ายภาพจากบรรดาแฟนคลับเสมอ

เรนัลโดพาเธอไปดูวิวของเมือง มองจากด้านบน แลเห็นทะเลสาบกว้างใหญ่ของบราซิล ตรงกลางมีภูเขาชูการ์ โลฟโผล่ขึ้นมาจากผิวน้ำ และเห็นชายหาดของเมืองทอดยาวหลายกิโลเมตร ดูเป็นภาพที่สวยงามยากจะพรรณนา

กลับลงมาจากภูเขาคอร์โควาโด เรนัลโดพาไปเดินเที่ยวตลาดนัดซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเขาคอร์โดวาโดนัก ชายหนุ่มจูงมือเธอเข้าไปในงาน ขณะที่เจ้าตัวพึมพำถามว่า “ถามหน่อยสิคะ ตอนสักการะคริสต์รีดีมเมอร์ คุณอธิษฐานอะไรคะ”

เรนัลโดหันมาเลิกคิ้ว ไม่ตอบในทันทีแต่ขยับโอบร่างบางมาแนบชิดในจังหวะที่ก้าวเดินไปด้วยกัน มือหนึ่งกุมมือเล็ก หากอีกมือ วาดวงแขนไปรอบแผ่นหลังในลักษณะโอบลำตัว แต่เนื่องจากรูปร่างเธอเล็กและบอบบางกว่าเขามาก ส่งผลให้โอบเลยแผ่นหลัง มือไปตกอยู่ในระดับเกาะกุมทรวงอกอูมข้างหนึ่งพอดี แค่เกือบจะ…หากฝ่ายนั้นจะไม่รีบกระตุกมือเขาลงไปเกาะกุมไว้ข้างลำตัวเสียก่อน ร้ายยิ่งกว่านั้นเจ้าตัวเงยหน้าขึ้นมายิ้มสดใสปานประหนึ่งผู้บริสุทธิ์ให้กับเขา ทำเหมือนว่าไม่รู้อีโหน่อีเหน่กับการที่กันมือเขาออก เรนัลโดมันเขี้ยวกับแววตาไร้เดียงสาคู่นั้น จึงแสร้งรั้งร่างบางมารัดแรงๆ ก่อนจะก้มจูบนิ่งนาน

ปลายรุ้งชะงักงันกับจูบที่เร่าร้อนไม่ปล่อยให้เธอได้ตั้งเนื้อตั้งตัวนั้น เจ้าตัวเกิดอาการก้าวขาไม่ออกและพลอยหยุดเดินไปโดยปริยาย เสี้ยววินาทีต่อมารู้สึกได้ถึงฝ่ามือหนาที่เลื่อนขึ้นมาประคองสองข้างแก้มเพื่อให้แหงนหน้ารับจูบอย่างถนัดถนี่ เรียวฟันที่เคยชื่นชมในความเป็นระเบียบสวยงาม ขบเม้มลงมาบนกลีบปากล่างแบบเน้นๆ จนเธอเผลอร้องอุทาน เป็นผลให้ปลายลิ้นร้อนๆ ราวผ้าซาตินสอดเข้ามาในโพรงปากอย่างว่องไว

คนถูกขโมยจูบ หลับตาพริ้มอย่างไร้แรงต้านทาน ชั่วขณะนั้นรู้สึกเพียงปลายลิ้นร้อนๆ ที่กำลังหยอกล้อกับแนวไรฟัน ก่อนจะเลื่อนมาดูดกลืนปลายลิ้น ร่างสูงใหญ่ขยับมาเบียดชิดกับร่างเธอจนแทบประสานเป็นเนื้อเดียวกัน ปลายรุ้งใจสั่นรัว ลมหายใจหอบกระชั้นและเข่าอ่อนปานไร้กระดูก จนต้องเอื้อมมือไปเกาะบ่ากว้างเพื่อช่วยพยุงตัว เล็บยาวมนจิกกดลงไปบนผิวเขาอย่างต้องการคลายความตื่นกลัวระคนหวามไหว พร้อมกับที่กายนุ่มค่อยๆ เอนหาเขาโดยไม่รู้ตัว

แรกเริ่มต้องการเพียงแค่จะหยอกเย้าด้วยการจูบดูดดื่มเพราะความมันเขี้ยว หากเมื่อเริ่มต้นแล้ว เรนัลโดพบว่าไม่ง่ายเลยที่จะหยุดยั้งอยู่แค่จูบเดียวนั้น ร่างกายเขาเหมือนจะต้องการเธอ ปลายรุ้งมีอิทธิพลต่อกายเขาไม่ว่าเขาจะต้องการหรือไม่ก็ตาม แต่มันก็ได้เกิดขึ้นแล้ว เธอเป็นเหมือนยาเสพติดที่เมื่อได้ลิ้มลองรสชาติแล้ว ไม่อาจหยุดเสพได้ หากมีแต่จะเพิ่มพูนความต้องการสูงขึ้นทุกขณะ ผิวกายเธอนุ่ม อบอุ่นและหอมกรุ่นกลิ่นราวกับดอกไม้แรกแย้มยามต้องแสงแดดยามเช้า ในขณะที่เขาเร่าร้อนอย่างพร้อมที่จะแผดเผาอีกฝ่ายตลอดเวลา

คุณพระ…ร่างกายเขาครัดเคร่งไปด้วยความต้องการเธอ ปวดร้าวจนแทบจะฉีกทึ้งออกมาเป็นชิ้นๆ จากความปรารถนา แต่ไม่อาจปลดปล่อยได้ดั่งใจนั้น

นานเท่าไรไม่รู้ที่เขาคว้าเธอไปจูบ ปลายรุ้งไม่ได้นับเวลา ด้วยแต่ละวินาทีที่ผันผ่าน เจ้าตัวรับรู้เพียงแค่ริมฝีปากเร่าร้อนที่บดเบียดอยู่กับเรียวปากเธอ และกายหนาเต็มไปด้วยมัดกล้ามที่กำลังเบียดชิดอยู่กับตัวเธอ… รางเลือนราวกับห่างไกล หากกลับเด่นชัดในความคิดคำนึง เป็นความรู้สึกขัดแย้งที่ผสมผสานระหว่างความอบอุ่นวาบหวาม หากก็หวาดหวั่นอย่างยากจะบรรยาย

เวลาผ่านไป…จวบจนกระทั่งได้ยินเสียงรัวกดชัตเตอร์อยู่รอบตัว ปลายรุ้งจึงชะงักและรู้สึกตัว เธอเหลียวไปมองทางต้นเสียงหากพลันต้องหวีดร้องเบาๆ ก่อนจะรีบซุกหน้าหนีกับแผงอกกว้างตามสัญชาตญาณ ในขณะที่เรนัลโดจ้องมองกองทัพนักข่าวและบรรดาแฟนคลับที่กำลังถือกล้องอยู่ตรงหน้าด้วยรอยยิ้มกว้างขวาง เจ้าตัวทำราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นขณะยิ้มทักทายทุกคน

นักข่าวคนหนึ่งยิงคำถามขึ้นว่า “มีข่าวลือว่าคุณไปเที่ยวกับสาวเอเชียคนหนึ่งบ่อยครั้ง ไม่ทราบว่าคือคนนี้หรือเปล่าครับ”

เรนัลโดยังคงกอดแฟนสาวอย่างปกป้องขณะที่ตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตรว่า “ผมจะให้สัมภาษณ์ แต่หลังจากที่ผมขอคุยอะไรกับแฟนก่อนได้ไหม?”

“แฟน?” อีกฝ่ายส่งคำถามเชิงฉงนกลับมา

“ผมบอกแล้วจะยังไม่ตอบ จนกว่าพวกคุณจะขยับถอยไป ผมขอเวลาส่วนตัวกับแฟนครู่หนึ่ง แล้วจะตอบคำถามทุกข้อของพวกคุณ”

นักข่าวและแฟนคลับต่างมองหน้ากันราวกับจะหารือ จากนั้นพร้อมใจกันขยับถอยหลังคนละก้าวสองก้าว ทว่าก็ไม่ห่างออกไปนัก ยังคงได้ยินบทสนทนาของคนทั้งคู่ เรนัลโดปรายตามองภาพนั้นเงียบๆ แล้วจึงลดสายตามามองสาวในอ้อมแขน ใบหน้าที่เคยขาวอมชมพูบัดนี้แดงก่ำราวกับผลเชอร์รี่สุก และริมฝีปากบวมเจ่อเพราะโดนเขาตะโบมจูบอย่างหนัก แลดูเซ็กซี่

นักแสดงหนุ่มมองภาพนั้นด้วยสายตาอ่อนโยน พร้อมกับเลื่อนมือมาเขี่ยกลีบปากนุ่มด้วยปลายนิ้วอย่างหักห้ามใจไม่อยู่ มืออีกข้างจับปลายคางแผ่วเบาในท่วงท่าทะนุถนอม ขณะกล่าวว่า “ผมขอโทษปลายรุ้ง ดูเหมือนผมจะก่อปัญหาให้คุณแล้ว พรุ่งนี้คงเป็นภาพข่าวโชว์หราทางหน้าหนังสือพิมพ์และหลังจากนั้นก็คงตามมาด้วยภาพขึ้นปกบนแม็กกาซีน ถ้าคุณไม่ว่าอะไร ผมจะพาไปรอที่รถในระหว่างที่ผมให้สัมภาษณ์สื่อ ผมคงห้ามพวกนักข่าวเก็บภาพคุณไม่ได้ แต่อย่างน้อยพอจะเจรจาให้พวกเขาปล่อยคุณเป็นอิสระ ไม่ไปยุ่มย่ามวุ่นวายในระหว่างที่ผมเดินไปส่งคุณ”

“ถ้าอย่างนั้น แปลว่าเราต้องงดโปรแกรมเดินเที่ยวตลาดนัดหรือเปล่าคะ?”

“ผมเกรงว่าคงต้องเป็นแบบนั้นปลายรุ้ง เพราะถ้าเรายังอยู่ในงาน สื่อคงล่าไม่ถอยแน่”

“ทั้งที่ได้สัมภาษณ์คุณแล้วอย่างนั้นหรือคะ?”

“แน่นอน…เพราะนั่นแค่บทสัมภาษณ์ แต่การเดินเที่ยวของพวกเรา จะเป็นภาพข่าวอันโอชะของพวกเขา”

“งั้นก็อย่าเลยดีกว่า ไหนๆ ก็ตั้งใจที่จะเที่ยวตลาดนัดแล้ว อย่าเสียความตั้งใจเลยค่ะ”

เรนัลโดเบิกตาโต “แปลว่าคุณพร้อมที่จะเป็นข่าวกับผมแล้วเหรอ?” ถามอย่างไม่แน่ใจ

ปลายรุ้งยิ้มเอียงอายให้กับเขา พลางว่า “คงสายไปแล้วที่จะมาตอบคำถามนี้ เพราะคุณบอกเองว่าภาพข่าวของพวกเราจะขึ้นโชว์หราทางหน้าหนังสือพิมพ์และนิตยสารในเร็วๆ นี้ เพราะฉะนั้นปล่อยเลยตามเลยเถอะค่ะ”

ดาราหนุ่มทำเสียงรับรู้ในลำคอ ก่อนตอบว่า “คุณจะให้สัมภาษณ์เปิดตัวคู่กับผมเลยไหมล่ะ” เอ่ยชวนด้วยเสียงอ่อนโยน

คนถูกชวน ส่ายหน้าทันควัน “อย่าเลยค่ะ การถูกเก็บภาพ…แปลว่าเรายังสามารถเป็นตัวของตัวเองได้ แต่การถูกสัมภาษณ์นั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง รุ้งกลัวว่าจะตามไม่ทันคำถามของพวกพี่ๆ นักข่าว คุณเป็นคนให้สัมภาษณ์เถอะนะคะ”

เรนัลโดพยักหน้ารับรู้ “เอางั้นก็ได้ครับ แล้วคุณจะไปรอที่ไหนดีระหว่างที่ผมให้สัมภาษณ์”

“รุ้งเดินดูอะไรแถวนี้ได้ไหมคะ”

“อย่าเลย…แถวนี้มีมิจฉาชีพมากมาย อันตราย”

“รุ้งจะเดินไม่ไกลแถวนี้ และจะพยายามทำตัวกลมกลืนกับคนในพื้นที่ ที่สำคัญถ้าคุณตามหารุ้งไม่เจอ ก็โทรเข้ามือถือ โอเค้?” ประโยคท้ายพูดพลางหลิ่วตาให้อย่างคนขี้เล่น และชูนิ้วไปตรงหน้าเขาในลักษณะปลายหัวแม่มือจดกับปลายนิ้วชี้เป็นรูปตัวโอ

เรนัลโดมองอากัปกิริยานั้น แล้วอดไม่ได้ เขาคว้าปลายนิ้วโอเคทั้งสองนิ้วนั่นมากัดเบาๆ อย่างมันเขี้ยว ก่อนจะจดกับริมฝีปากนิ่งนาน แล้วว่า “ตกลง…แต่สัญญากับผมนะว่าจะเดินไม่ไกลแถวนี้”

“สัญญาค่ะ” ตอบรับด้วยพวงแก้มที่สุกปลั่ง

ภาพเขินอายของหญิงสาว ทำให้เขาอดไม่ได้อีกครา เรนัลโดเอื้อมมือไปโคลงศีรษะแฟนสาวเบาๆ ก่อนจะรวบร่างบางมารัดแรงๆ ทีหนึ่ง เขากระซิบข้างหูว่าดูแลตัวเองด้วย แล้วจึงปล่อยเป็นอิสระ

ภาษาทางกายของเขาบอกชัดเจนว่าห่วงใยเธอแค่ไหน ฉะนั้นปลายรุ้งจึงเกิดความอุ่นวาบในใจอย่างห้ามความรู้สึกไม่ได้ แม้ยังไม่ได้ยินคำว่ารักจากปากแฟนหนุ่ม หากนาทีนี้จะสำคัญอะไร ในเมื่อท่วงท่าและการแสดงออกของเขาชัดเจนว่าแคร์เธอมากมาย










Create Date : 28 พฤศจิกายน 2552
Last Update : 13 มีนาคม 2555 9:38:54 น.
Counter : 576 Pageviews.

9 comment
รักเพียงฝัน...(บท 5/2)อัปเดตชื่อ


เธอยังไม่เคยบอกเขาใช่ไหมว่าเขาน่ะติดผ้าพันคอ ไม่ว่าสวมชุดไหน อากาศจะร้อน จะหนาว จะชุดลำลองหรือชุดทางการ เป็นต้องมีผ้าผืนยาวไว้คล้องคอเสมอ อย่างวันนี้เขาสวมเสื้อยืดคอวีแขนสั้นสีน้ำเงินและกางเกงยีนส์สีดำ ก็ยังติดผ้าพันคอมาด้วย ทั้งที่อากาศกำลังสบายยี่สิบกว่าองศาเท่านั้น ปลายรุ้งนึกแล้วยิ้มอ่อนๆ ระคนขำบนในหน้า และภาพนั้นเรนัลโดก็เหลียวมาเห็นพอดี เขาเลิกคิ้วขึ้นสูงก่อนถามว่า

“ขำอะไรผม?” ถามเสียงอ่อนโยน พลางคว้ามือนุ่มมาจูบแรงๆ กลางฝ่ามืออย่างมันเขี้ยว พวกเขากำลังขับรถตรงไปยังร้านอาหารพื้นเมืองของบราซิลเพื่อทานมื้อเที่ยง ก่อนจะขึ้นรถรางไปสักการะคริสต์รีดีมเมอร์ที่ยอดเขาคอร์โควาโด

ปลายรุ้งยิ้ม เธอมองอากัปกิริยาแสดงความรักของเขาด้วยพวงแก้มที่สุกปลั่ง ก่อนตอบว่า “ขำคนติดผ้าพันคอ คุณเคยสังเกตตัวเองไหมว่าเวลาออกงานที่ไหน ไม่ใช่แค่ออกงานสิ…ลำพังแค่ออกจากบ้าน คุณก็ยังต้องคว้าผ้าพันคอติดมือมาเลย” ตั้งข้อสังเกตเชิงเย้ายิ้มๆ

เรนัลโดเบิกตาโต ก่อนจะยิ้มเขินๆ แล้วตอบว่า “เคยตัวมาตั้งแต่สมัยอยู่ปารีสน่ะ ครอบครัวผมก็เคยเอ่ยปากทักเหมือนกัน คุณสังเกตเห็นเหมือนกันเหรอ แปลกจริงเราเพิ่งเจอกันได้ไม่นานเอง”

เธอชะงัก หน้าเปลี่ยนสีไปนิดแล้วจึงตอบแก้เก้อว่า “สังเกตจากนิตยสารที่อ่านน่ะค่ะ” ความจริงเธอศึกษาเขามาจากข้อมูล ภาพและคลิปทางอินเตอร์เน็ต ก่อนจะมาเจอตัว

นักแสดงหนุ่มพยักหน้ารับรู้ เขาหันไปมองถนนพลางว่า “อาทิตย์นี้เพื่อนในก๊วนจัดปาร์ตี้ ไปด้วยกันไหม”

“จะดีเหรอคะ มีแต่กลุ่มเพื่อนของคุณ เอาเป็นว่าคุณไปเที่ยวให้สนุกเถอะนะคะ รุ้งอยู่บ้านคนเดียวได้”

เรนัลโดหันมามองด้วยคิ้วที่ขมวดมุ่น “คุณต้องเริ่มทำความคุ้นเคยกับเพื่อนในกลุ่มผมแล้วล่ะรุ้ง ถ้าเราต้องคบหากันต่อไป เพราะไม่วันใดก็วันหนึ่งคุณต้องเจอพวกเขาอยู่ดี เลี่ยงไม่ได้หรอก”

“งั้นเอาไว้ครบหนึ่งเดือนก่อนแล้วรุ้งค่อยไปเจอ”

คิ้วเข้มขมวดหนักขึ้น “ทำไมต้องรอให้ครบหนึ่งเดือน”

“ก็ตอนนี้รุ้งยังปรับตัวไม่ได้นี่คะ น่านะ…ขอเวลาหนึ่งเดือน ครบเมื่อไร สัญญาว่าจะไปทำความรู้จักเพื่อนคุณถึงบ้านเลย”

ดาราบราซิลยังคงขมวดคิ้วมุ่นอย่างไม่เข้าใจ กระนั้นเขาก็ยอมพยักหน้าเอาใจ “ก็ได้”

ปลายรุ้งมองหน้าหล่อเหลาคมคาย แล้วยิ้มขอบคุณ รถมาถึงร้านอาหารพอดี พวกเธอจึงหยุดคุยแค่นั้น เรนัลโดขับรถไปจอดยังที่จอดรถ แล้วจึงก้าวนำเธอเข้าไปในร้าน แขกทุกคนเหลียวขวับมามองอย่างให้ความสนใจทันทีที่ดาราหนุ่มปรากฏกาย แม้เป็นเป้าสายตาของทุกคน แต่เขาก็ทำตัวเป็นปกติ ยังคงยิ้มทักทายเมื่อเดินผ่านกลุ่มแฟนคลับ บ้างก็จับมือ หรือไม่ก็สวมกอดกลับไป เป็นอย่างนี้มาตลอดทางเดินที่บริกรนำไปยังโต๊ะที่เป็นส่วนตัว เธอสังเกตเห็นว่าถ้าเป็นแฟนคลับที่เป็นชาย การทักทายจะเป็นไปในลักษณะจับมือ แต่หากเป็นหญิง… ถ้าอีกฝ่ายเข้ามาสวมกอดและแนบแก้ม เขาจึงจะสวมกอดและแนบแก้มทักทายกลับไปในลักษณะเดียวกัน เธอเดาว่าการทักทายแบบนั้น คงมีเฉพาะกับแฟนคลับที่สนิทสนมคุ้นเคยกันสักหน่อย เพราะมีการพูดคุยทักทายด้วย ขณะที่บางคน เรนัลโดเพียงแค่ยิ้มทักทายแล้วเดินจากมา

บริกรเลื่อนเก้าอี้ให้เธอกับเรนัลโด ก่อนจะนำเมนูอาหารมายื่นให้ ขณะที่นักแสดงหนุ่มรอจนฝ่ายนั้นเดินออกไปแล้ว จึงหันมาถามเธอ

“ทานอะไรดี” ชายหนุ่มถามความเห็น แล้วยื่นเมนูที่เปิดตรงหน้าอาหารจานหลักไปตรงหน้า

หญิงสาวไม่ตอบในทันที แต่ถามเขาไปอีกทางว่า “คุณทำตัวคุ้นเคยกับแฟนคลับทุกคนเลยนะคะ ดีจังเลยค่ะ ดูเป็นคนไม่ถือตัว”

นักแสดงหนุ่มเลิกคิ้ว “ผมว่าไม่มีเหตุผลที่ต้องมาหยิ่งหรือถือตัวเลยนี่ครับ อาชีพผมอยู่ได้ก็ด้วยแฟนคลับเหล่านี้ อีกอย่างผมก้าวเข้ามาตรงจุดนี้เพราะใจรักและชอบ ไม่ได้ถูกใครบังคับหรือจี้ให้ทำ เพราะฉะนั้นอะไรก็ตามที่เป็นเงื่อนไขมาพร้อมกับอาชีพนี้…ผมก็ต้องยอมรับสภาพและปรับตัวให้ชินและอยู่กับมันให้ได้”

“เช่นอะไรบ้างคะ” ปลายรุ้งถามต่ออย่างสนใจ

“เช่นการหมดอิสรภาพ ผมหมายถึงว่าการเป็นบุคคลสาธารณะ บางครั้งต้องยอมรับว่าเราจะหมดความเป็นส่วนตัวไปบางอย่าง เช่น การไปไหนมาไหน ผมอาจจะถูกปาปารัซซีลอบถ่ายภาพ อันนี้ก็ต้องยอมรับสภาพ ผมไม่เคยฟ้องกลับเลยนะ ต่อให้ภาพข่าวหรือข่าวซุบซิบที่หลุดออกไปเหล่านั้น จะไม่มีมูลความจริงเลยก็ตาม”

“แล้วคุณรับมือกับมันยังไงคะ รุ้งหมายถึงว่าคุณจัดการยังไงเวลาที่มีข่าวไม่จริงเกิดขึ้น”

“ไม่ทำอะไรเลย ปล่อยให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ หรือไม่อีกวัน สื่อมวลชนก็เข้ามาสัมภาษณ์ ให้ชี้แจงข้อเท็จจริงเอง”

“คุณเบื่อบ้างไหมกับวงการนี้?”

เรนัลโดยิ้ม แววตาฉายแววอ่อนโยน “คุณเริ่มเป็นนักข่าวแล้วนะ ถามจี้เหมือนนักข่าวเลย” เย้ายิ้มๆ

คนถูกหาว่าเป็นนักข่าว ยิ้มเขินๆ “ก็อยากรู้นี่คะ รุ้งไม่เคยมีคนรู้จักเป็นคนดังในวงการ ยิ่งหล่อระเบิดอย่างคุณด้วยแล้ว ยิ่งอยากรู้เป็นธรรมดาว่ามีชีวิตความเป็นอยู่อย่างไรบ้างในแต่ละวัน”

“อยู่กับผมอย่างที่เราอยู่ด้วยกันสักเดือน…แล้วคุณจะได้รู้คำตอบ” เรนัลโดตอบไปอีกทางด้วยรอยยิ้มอบอุ่น พลางเลื่อนมือไปเกาะกุมมือนุ่ม รั้งขึ้นมาจูบหลังมือ ท่วงท่าเป็นไปอย่างรักใคร่ ทะนุถนอม

ปลายรุ้งยิ้มเอียงอายกับอากัปกิริยานั้น ภาพแสดงความรักตรงหน้าเตือนให้นึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนที่เขาดึงเธอไปจูบดูดดื่มหลังจากที่ตกลงเป็นแฟนกันแล้ว เธอพบว่าเรนัลโดเป็นผู้ชายที่อบอุ่นและโรแมนติกอย่างร้ายกาจ ด้วยเขาใช้เวลาอยู่กับเธอตลอดทั้งคืนโดยไม่เบื่อหน่ายกับการที่เธอนั่งดูซีดีที่เขาแสดงไปจนเกือบตีสอง ขณะที่ตัวเองนั่งกินพิซซ่าคนเดียวเงียบๆ โดยไม่พยายามทำตัวเรียกร้องความสนใจ เพื่อจะปล่อยให้เธอเพลิดเพลินกับละครได้เต็มที่

กระนั้นหลายช่วงหลายตอนเธอก็พบว่าเขวไปเหมือนกันกับการที่มีร่างสูงใหญ่หล่อเหลานั่งอยู่ใกล้ๆ ด้วยสายตาคอยแต่วนเวียนไปที่เขามากกว่าจอโทรทัศน์ และนั่นจึงไม่แปลกเลยที่ในที่สุดเขาเป็นฝ่ายหมดความอดทน และหันมาจูบเธอแทนการตั้งหน้าตั้งตากินพิซซ่า เรนัลโดบอกว่าเธอทำให้สมาธิเขาเขวและต้องเสียความตั้งใจที่จะไม่กวนเธอ หากทว่าเธอก็อยากบอกเขาเหลือเกินว่าเพราะเขานั่นแหละทำให้เธอไม่มีสมาธิดูซีดี

ปลายรุ้งยังคงคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ไม่รู้เลยว่าตกอยู่ในสายตาช่างสังเกตสังกาของแฟนหนุ่ม กระทั่งอีกฝ่ายชะโงกหน้ามาจุ๊บที่เรียวปากอย่างรวดเร็วแล้วนั่นแหละ เธอจึงรู้สึกตัวพลันเกิดอาการสะดุ้งตามมา หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยนัยน์ตาตื่นเล็กๆ และพวงแก้มแดงก่ำ

“ผมกำลังคลายมนตร์สะกดให้คุณ เห็นคุณนั่งเคลิ้ม ตาลอย” เรนัลโดอธิบายการกระทำของตัวเองด้วยรอยยิ้ม ตายังคงจ้องภาพอีกฝ่ายที่กำลังเบิ่งตาโตอย่างตกใจด้วยรอยยิ้มขำๆ ระคนล้อเลียน

“ร้ายจัง” เธอต่อว่าอุบอิบในลำคอ ก่อนจะตวัดตาค้อนและพวงแก้มแดงก่ำยิ่งขึ้น

“ก็คุณตกอยู่ในภวังค์ เรียกเท่าไรก็ไม่ตื่น ก็ต้องคลายสะกดด้วยวิธีนี้ ถามจริงคิดอะไรอยู่ ทำไมหน้าแดงและทำตาลอยขนาดนั้น”

คนถูกมนตร์สะกดหน้าร้อนกว่าเดิม ปลายรุ้งตวัดตาค้อนอีกคำรบก่อนจะหลุบตาต่ำ ไม่กล้ามองหน้าเขาเต็มตานัก “ไม่มีอะไรค่ะ” ตอบอ้อมแอ้ม

“จริงน่ะ?” ถามลากเสียงยาวในลำคออย่างล้อเลียน ด้วยเห็นท่าทีขัดเขินของอีกฝ่าย เรนัลโดคว้ามือบางมาจูบใจกลางฝ่ามือแรงๆ ก่อนว่า “รู้อะไรไหม…ถ้าจะมีอะไรเปิดเผยมากที่สุด ก็เห็นจะเป็นนัยน์ตาของคุณ เชื่อหรือเปล่า ผมเจอผู้หญิงมาร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ แต่ยังไม่เคยเจอใครที่มีแววตาใสซื่อบริสุทธิ์เหมือนอย่างคุณ ที่สำคัญคุณคิดอะไรและรู้สึกอย่างไร ก็สื่อออกทางสายตาหมด” แต่ทำไมนะ…ผมถึงรู้สึกว่านัยน์ตาคุณเศร้าเหลือเกิน? ทว่าประโยคท้ายเรนัลโดไม่ได้พูดออกไป ได้แต่คิดอยู่ในใจ

ปลายรุ้งเบิกตาโตอีกเท่าตัว “แล้วตอนนี้รุ้งคิดอะไรอยู่คะ?” ถามออกไปอย่างตกใจ ด้วยกลัวความลับเปิดเผย ทั้งที่ไม่รู้เลยว่าไม่มีอะไรเป็นความลับอีกต่อไปแล้ว

คนอ่านใจคนออก ยิ้มให้ ก่อนตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “คุณรักผม…” เรนัลโดยิงตรงประเด็น ซึ่งเป็นผลให้อีกฝ่ายสำลักน้ำลายทันควัน ชายหนุ่มรีบเรียกหาน้ำดื่มให้แฟนสาว รอจนบริกรนำมาเสิร์ฟและเดินจากไปแล้ว เขาจึงมองอย่างห่วงใย “ระวังหน่อยสิ” พูดเสียงอ่อนโยนขณะเฝ้ามองภาพดื่มน้ำอั๊กๆ ของอีกฝ่าย

“ไม่เป็นไรค่ะ รุ้งไม่เป็นไรแล้ว พูดต่อเถอะ” พูดพลางวางแก้วน้ำ

เรนัลโดบีบมือนุ่มที่ยังคงอยู่ในอุ้งมือข้างหนึ่ง ก่อนจะพูดต่อว่า “ความจริงคุณเป็นคนอ่านง่าย แต่กลับเข้าใจยากที่สุดรู้ไหม?”

ปลายรุ้งเลิกคิ้วสูงขึ้น “หมายความว่าไง รุ้งไม่เข้าใจ”

“คุณรักผม…มาว่ากันเรื่องนี้ก่อน คุณเห็นด้วยรึเปล่ากับที่ผมพูด?”

ปลายรุ้งชะงัก หากเสี้ยววินาทีต่อมา จำใจต้องพยักหน้ายอมรับ ทว่าด้วยสีหน้าที่เหยเกเป็นอย่างมาก

เรนัลโดมองภาพนั้นยิ้มๆ ก่อนยกมือนุ่มขึ้นจุมพิตเบาๆ อย่างให้กำลังใจแล้วจึงพูดต่อว่า “ผมดีใจที่สายตาตัวเองดูไม่ผิด แต่ไม่รู้ว่าทำไมคุณถึงรักผมและรักอย่างรวดเร็วมากด้วย เพราะเราเพิ่งเจอกันไม่นาน นั่นทำให้ผมอดสงสัยไม่ได้ว่าเป็นเพราะว่าก่อนหน้านี้เราเคยเจอกันหรือเปล่า? เราอาจพบกันในลักษณะที่ผมไม่รู้จักคุณ แต่คุณรู้จักผมข้างเดียว…อย่างนั้นหรือเปล่าปลายรุ้งตอบผมหน่อย?”

ปลายรุ้งชะงัก ทำหน้าปั้นยากมากขึ้น

“ผมขอร้อง…” น้ำเสียงแผ่วต่ำลงทุกที พร้อมกับกระชับมือที่กำอยู่แน่น “ตอบคำถามผม อย่าเลี่ยงอีกเลย ถึงนาทีนี้เราก็รู้เท่าๆ กันว่าคุณไม่ได้ความจำเสื่อม เพียงแต่เราทั้งคู่ไม่สมัครใจที่จะพูดถึงมันเท่านั้น ผมจะไม่ถามและจะไม่คาดคั้นถึงสาเหตุที่คุณแสร้งทำเป็นความจำเสื่อมด้วย เพียงแต่…ขอร้องว่าตอบผม ว่าทำไมถึงได้รู้จักและรักผมขนาดที่…” ละคำพูด เพื่อจ้องไปในนัยน์ตาคู่สีนิลตรงๆ ก่อนจะพูดต่อแบบเน้นย้ำช้าๆ ว่า “ยอมทำอย่างนั้น เพื่อที่จะได้มาอยู่กับผม”

ปลายรุ้งอึ้ง อ้าปากค้าง ทำราวกับเห็นภูตผีวิญญาณปรากฏอยู่ตรงหน้า เจ้าตัวหน้าซีดเผือดก่อนจะหลุดเสียงแผ่วเบาไม่ต่างจากเสียงกระซิบว่า “อะไรทำให้คุณมั่นใจ ถึงกับพูดออกมาอย่างนั้น” น้ำเสียงเบาโหวงอย่างที่แทบจำเสียงตัวเองไม่ได้เหมือนกัน

“สายตาและท่าทางคุณบอก มันอ่านง่ายมาก แต่อย่างที่บอก…ในเวลาเดียวกันก็เข้าใจยากมากด้วย ผมมั่นใจว่าคุณรักผม แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมคุณถึงหวงตัวกับคนที่คุณรัก ถ้าเป็นสังคมของผม…กับคนที่เรารัก...ผู้หญิงจะไม่หวงตัวเด็ดขาด”

คนหวงตัวอ้าปากค้างอีกคำรบ ก่อนรีบแก้ต่างว่า “รุ้งไม่ได้หวงตัว รุ้งยอมให้คุณ เอ่อ…กอดจูบ ขนาดนี้แล้ว ยังจะเรียกว่าหวงตัวอีกเหรอ?” ย้อนทันควัน ด้วยใบหน้าแดงก่ำ

“ผมไม่ได้หมายถึงในแง่นั้นรุ้ง แต่หมายถึง…” เรนัลโดทำหน้าอึดอัดใจครู่หนึ่ง แล้วจึงพูดต่อว่า “ผมหมายถึงเรื่องเซ็กซ์ ขอโทษที่ต้องใช้คำตรงๆ แต่มาถึงนาทีนี้แล้ว ถ้าไม่พูดกันอย่างตรงไปตรงมา เห็นทีจะสื่อสารให้เข้าใจลำบาก” อธิบายพลางมองใบหน้าแดงก่ำ ด้วยสีหน้าที่ขอโทษอยู่ในที

ปลายรุ้งขัดเขินอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนในชีวิต หากกระนั้นเธอก็โบกมืออนุญาต “ไม่เป็นไรค่ะ…เชิญตามสบายเลยค่ะ ไหนๆ ก็เปิดอกพูดมาถึงขนาดนี้แล้ว พูดต่อเถอะค่ะ”

เรนัลโดบีบมือนุ่มอีกครา แล้วจึงกล่าวว่า “คุณไม่เหมือนผู้หญิงคนไหนที่ผมรู้จักก็ตรงนี้ และนี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมไม่เข้าใจคุณ ผมไม่คุ้นกับผู้หญิงที่ เอ่อ…ไม่ให้แฟนนอนด้วย ปกติผู้หญิงที่นี่ ขอให้แค่ชอบพอกัน ไม่ต้องถึงกับเป็นแฟนหรอก แค่ถูกใจกันก็ไปจบที่เตียงแล้วถึงจะเพิ่งรู้จักได้ไม่ถึงชั่วโมงก็เถอะ แต่กับคุณ ต่างออกไป คุณไม่เหมือนผู้หญิงคนไหนที่ผมรู้จัก เพราะถึงขนาดที่ว่าเราตกลงเป็นแฟนกันแล้ว แต่คุณก็ยังไม่ยอมให้ผมมีอะไรด้วยนั่นเอง ผมถึงบอกว่าคุณเป็นคนที่อ่านสายตาได้ง่ายมาก แต่กลับเข้าใจการกระทำได้ไม่ง่ายเลย” เรนัลโดตบท้ายในที่สุด

ชัดเจน ตรงไปตรงมาชนิดที่เรียกว่าไม่ต้องแปลหรือขยายความ… ปลายรุ้งหน้าแดงก่ำจดลำคอ ด้วยในชีวิตไม่เคยคุยเรื่องเซ็กซ์กับใครลึกซึ้งอย่างนี้มาก่อน อย่าว่าแต่กับคนในครอบครัว แม้แต่กับเพื่อนฝูงที่สนิทกันมากที่สุดก็ยังไม่เคยคุยกันเรื่องนี้

ปลายรุ้งกระแอมแล้วจึงตอบว่า “มันเป็นวัฒนธรรมของบ้านรุ้งที่ไม่นิยมมีอะไรด้วยกันก่อนแต่งงาน มันเป็นอะไรบางอย่างที่พิสูจน์ให้เห็นว่าผู้ชายรักและให้เกียรติผู้หญิง แต่ในเวลาเดียวกันก็ไม่ได้หมายความว่าผู้หญิงจะรักแฟนน้อยลงถ้าไม่ยอมให้มีอะไรด้วย”

“คุณพูดผิดแล้วปลายรุ้ง ผมไล่โทรถามเพื่อนฝูงที่เคยมีแฟนหรือกำลังมีแฟนเป็นคนไทย ผมได้คำตอบที่ต่างออกไปซึ่งเป็นอะไรที่ตรงกันข้ามกับที่คุณพูด พวกเขามีอะไรกันแม้จะไม่เคยผ่านพิธีแต่งงาน”

ปลายรุ้งหน้าแดงก่ำมากขึ้นเมื่อไม่อาจหาเหตุผลมาแย้งเขาได้ทันท่วงที สูดหายใจลึกๆ พลางคิดหาเหตุผลใหม่ว่า “รุ้งอาจพูดไม่เคลียร์ รุ้งหมายความว่าก็ไม่ใช่ทุกคู่ที่จะเป็นอย่างที่รุ้งว่า แต่โดยทั่วไปตามวัฒนธรรมไทยแล้วมันควรจะเป็นอย่างนั้น แต่หลังจากที่วัฒนธรรมตะวันตกไหลบ่าเข้ามา แนวคิดและมุมมองของผู้หญิงไทยก็เปลี่ยนไปบ้างในบางคน แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าจะได้รับการยอมรับจากคนส่วนใหญ่ในสังคมหรอกนะคะ”

เรนัลโดอึ้ง “ผมเข้าใจล่ะ”

“เข้าใจว่าไง?” ถามอย่างต้องการความชัดเจน

“ก็เข้าใจว่าคุณไม่อยากทำอะไรที่ผิดแผกไปจากวัฒนธรรมไทย”

ปลายรุ้งทำหน้าขัดเขิน ก่อนว่า “ก็ไม่เชิงหรอกค่ะ รุ้งมองในแง่ความเหมาะสมมากกว่า…คู่ของเรายังไม่ถึงเวลาที่ว่านั่น รุ้งไม่ใช่ผู้หญิงประเภทหัวโบราณหรือหัวอนุรักษ์นิยมก็จริงอยู่ แต่ก็อยากรอให้ถึงจังหวะและกาลเทศะที่เหมาะสมก่อน ไม่ใช่ว่าตกลงเป็นแฟนกันวันนี้ พรุ่งนี้ก็ เอ่อ…นอนด้วยกันเลย อย่างนี้มันก็ทะแม่งๆ เกินไปสำหรับรุ้ง รออีกนิดนะคะ ค่อยๆ เรียนรู้กันไปและเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ทุกอย่างก็มาเองตามธรรมชาตินั่นแหละค่ะ” กระชับมือหนาแล้วส่งยิ้มปลอบประโลมให้เขา แววตามีรอยเคอะเขินอยู่ในที

หญิงสาวเป็นคนฉลาด เรนัลโดพบว่าเป็นคำตอบที่เอาตัวรอดได้ชนิดที่เรียกว่าบัวไม่ให้ช้ำน้ำไม่ให้ขุ่น เนื่องจากเธอไม่ได้ตอบตกลงที่จะให้เขานอนด้วย หากในขณะเดียวกันก็ไม่ได้หมายความว่าจะปฏิเสธหรือตัดรอน เพียงแต่ขอเวลาที่เหมาะสม ซึ่งเวลาที่ว่าเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเมื่อไร อาจเป็นเดือนนี้ ปีนี้หรืออาจจะเป็นปีหน้าเลยก็ได้?

“ตกลง…” เรนัลโดพูดขึ้นอย่างยอมแพ้ “ถึงผมจะไม่ค่อยเข้าใจวัฒนธรรมคุณนัก แต่ผมก็จะยอมรับการตัดสินใจของคุณ แต่ผมขอแลกเปลี่ยนความคิดหน่อยนะ ผมมีความคิดและความเชื่อในเรื่องผัวเดียวเมียเดียว นั่นหมายความว่าสำหรับผมแล้วถึงจะยังไม่ได้แต่งงาน แต่ถ้าลงว่า ตกลงคบหาเป็นแฟนอย่างเป็นทางการแล้ว ผมจะไม่ไปหลับนอนกับผู้หญิงคนไหนที่ไม่ใช่แฟนเด็ดขาด ต่อให้เป็นแค่ผู้หญิงให้บริการก็เถอะ เพราะผมไม่นิยม ฉะนั้นขอให้เราเข้าใจตามนี้”

ปลายรุ้งอึ้ง พลันเกิดความรู้สึกผิดในใจ เธอตอบอุบอิบแผ่วเบาว่า “ค่ะ…รุ้งจะรับทราบไว้ ว่าแต่รุ้งถามอะไรคุณบ้างสิคะ”

“เชิญครับ”

“คุณยังไม่ตอบรุ้งว่าอะไรทำให้มั่นใจถึงกับพูดออกมาว่ารุ้งรักคุณและแสร้งทำเป็นว่าความจำเสื่อม เพื่อจะได้มาอยู่กับคุณ”

เรนัลโดเลิกคิ้ว ก่อนตอบว่า “ผมบอกคุณแล้ว สายตาของคุณอ่านง่ายมาก และผมก็อ่านนัยเหล่านั้นได้จากแววตาคุณ อ้อ…รวมถึงพฤติกรรมของคุณด้วย”

“พฤติกรรมอะไรคะ?” ย้อนถามกลับทันควันด้วยความรู้สึกระแวง

“ทุกอย่างรวมๆ กันน่ะปลายรุ้ง ผมก็ชี้ชัดเฉพาะเจาะจงไม่ได้หรอก เอาเป็นว่าผมสัมผัสและรับรู้ได้อย่างนั้นแล้วกัน”

ปลายรุ้งทำเสียงรับรู้ในลำคอ เธอรู้สึกว่าเขาน่ากลัวมาก…เรนัลโดเป็นคนจับสังเกตได้อย่างละเอียดลออ จนเธอนึกหวาดหวั่น หญิงสาวพูดต่อไปว่า “แต่คำพูดของคุณฟังดูขัดแย้งกันเองรึเปล่าคะ คุณบอกว่า คุณรู้ว่ารุ้งแสร้งความจำเสื่อมเพื่อจะได้มาอยู่กับคุณ ซึ่งถ้าคุณคิดและเชื่อว่าตัวเองเข้าใจถูกต้อง มันก็ไม่มีเหตุผลที่คุณจะยอมให้รุ้งทำอย่างนั้นนี่คะ รุ้งหมายถึงเข้ามาอยู่บ้านคุณ”

“คำตอบง่ายมาก ผมต้องรับผิดชอบคุณ…ปลายรุ้ง อย่าลืมว่าผมเป็นคนชนคุณจนเจ็บสะบักสะบอมขนาดนั้น แล้วคุณก็เป็นผู้หญิงตัวคนเดียว ไม่มีทางไปด้วย จะให้ผมทำอย่างไงนอกจากว่าให้คุณอยู่ด้วย ผมไม่ใจไม้ไส้ระกำพอที่จะไล่ผู้หญิงที่ไม่มีทางไปหรอกนะปลายรุ้ง”

“งั้นคุณหมายความว่าถึงเป็นคนอื่น คุณก็จะทำอย่างเดียวกันนี้?”

เธอไม่รู้ว่าจะร้องไห้หรือดีใจดีกับความมีน้ำใจโอบอ้อมอารีต่อเพศตรงข้ามของเขา รู้แต่ว่าคำตอบนั้นมันฉีกทึ้งหัวใจเธอเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย หากกระนั้นความอยากรู้ก็มีมากกว่า เธอจึงยิงคำถามต่อไปว่า “ขอบคุณที่พูดความจริง…แต่ถึงคุณจะเป็นคนขับชนรุ้งก็จริง แต่หลังจากที่คุณรู้ว่ารุ้งแสร้งความจำเสื่อม คุณก็ไม่น่ายอมให้รุ้งอยู่ น่าจะไล่ไป ทำไมถึงยอมให้คนโกหกอยู่ร่วมบ้านด้วย”

“คุณจะไล่ต้อนผมเหรอปลายรุ้ง?” ถามเสียงอ่อนๆ อย่างล้อเลียน “ผมบอกคุณแล้วว่าไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำกับเพศแม่อย่างนั้น อีกอย่างถ้าจะพูดตามตรงก็คือ ยังไม่มั่นใจว่าคุณความจำเสื่อมหรือไม่ แค่คิดว่าคุณคงแกล้งทำมากกว่า แต่ไม่ชัวร์ ผมถึงได้รอถามคุณให้แน่ใจ ว่าไงปลายรุ้งตลอดเวลาที่ผ่านมาคุณแสร้งทำเป็นว่าตัวเองความจำเสื่อมใช่หรือเปล่า?” ตีตลบกลับหลังไม่ให้ตั้งตัว

ปลายรุ้งตีหน้าเหลอหลา นิ่งอึ้งทันทีเนื่องจากตามลูกล่อลูกชนของเขาไม่ทัน เรนัลโดฉลาดเกินไป...เขาฉลาดเป็นกรด และเธอไม่น่าพลาดปล่อยให้เขาไล่ต้อนมาไกลถึงขนาดนี้ เธอกระแอมแล้วว่า “รุ้ง เอ่อ...” อึกอัก พูดไม่ออก

เรนัลโด กระชับมือนุ่ม ก่อนยิ้มให้กำลังใจและพูดว่า “ถ้าคุณอึดอัดใจที่จะบอกความจริงก็ไม่ต้องหรอก...ผมบอกแล้วว่าจะไม่คาดคั้นคุณ เพียงแต่...บอกผมได้ไหมว่าทำไมถึงแสร้งทำเป็นความจำเสื่อม?”

เธอตวัดตาค้อน การบอกเหตุผลมันก็คือการยอมรับกลายๆ ว่าตัวเองแสร้งความจำเสื่อมนั่นเอง เรนัลโดฉลาดอย่างน่ากลัว

“ว่าไง?” ถามย้ำด้วยรอยยิ้ม

เธอส่ายหน้า บอกไม่ได้

“คุณไม่ยอมบอกผม คุณทำทั้งหมดนั่นเพราะความรักใช่รึเปล่าปลายรุ้ง ผมไม่ได้เข้าใจผิดไปเองคนเดียวใช่ไหม...คุณรักผม?” ประโยคท้ายถามด้วยน้ำเสียงทอดอ่อนนุ่ม

ปลายรุ้งอึกอัก หากที่สุดก็ยอมพยักหน้าอย่างจำยอม

เรนัลโด ยิ้มกว้าง ถามด้วยน้ำเสียงอ่อนทุ้มมากขึ้นไปอีกว่า “เพราะอะไรปลายรุ้ง...ทำไมคุณถึงรักผม เราเคยเจอกันมาก่อนใช่ไหม?”

เธอส่ายหน้า “เปล่าค่ะเราไม่เคยเจอกันมาก่อน ถ้าคุณหมายถึงเจอกันตัวเป็นๆ”

“งั้นทำไมคุณถึงรักผมได้ถ้าเรายังไม่เคยเจอกันมาก่อน”

ปลายรุ้งทำท่าอึดอัดอีกครา “เอาอย่างนี้ไหมคะรุ้งขอเวลาหนึ่งเดือน...ไม่สิ...แค่ยี่สิบห้าวัน” น้ำเสียงตอบเศร้าสร้อยเมื่อคิดว่าเหลือเวลาที่จะอยู่กับเขาแค่นั้น ก่อนกล่าวเสริมต่อด้วยน้ำเสียงที่กลับมาเป็นปกติดังเดิมว่า “รุ้งขอเวลาแค่ยี่สิบห้าวันค่ะ แล้วจากนั้นรุ้งจะบอกความจริงทุกอย่าง”

“ทำไมต้องรอยี่สิบห้าวัน”

“ขอเวลาปรับตัวปรับใจไงคะ นะคะ...แค่ยี่สิบห้าวันเอง ครบกำหนดเมื่อไรสัญญาว่าจะพูดความจริงทุกเรื่อง”

เรนัลโดอึ้ง “มันเกี่ยวกับเรื่องที่อยู่ดีๆ รถผมก็เบรกแตกฝ่าไฟแดงไปชนคุณด้วยหรือเปล่า ทั้งที่ก่อนเจอคุณผมมั่นใจว่ารถตัวเองอยู่ในสภาพดีมาก”

ปลายรุ้งอึ้ง ใช้เวลาคิดชั่วอึดใจจึงตอบว่า “รวมถึงเรื่องนี้ด้วยค่ะ ครบกำหนดเวลาที่รุ้งขอไว้แล้ว รุ้งจะบอกทุกๆ เรื่องรวมถึงเรื่องนี้ด้วย” เจ้าตัวย้ำในประโยคท้าย

เรนัลโดมองหน้าแฟนสาวอย่างชั่งใจชั่วครู่ แล้วจึงตอบว่า “ตกลง...ยี่สิบห้าวัน ผมให้เวลาคุณตามนั้น”

หญิงสาวยิ้มขอบคุณเขาที่ไม่เร่งรัด จากนั้นถามว่า “ขอรุ้งถามอะไรคุณนิดได้ไหมคะ?”

“ได้ครับ”

“ทำไมคุณถึงไม่เคยมีแฟนคะ?”

เรนัลโดเบิกตาโตนิดหนึ่ง ก่อนตอบว่า “ผมเคยมี แต่เลิกกันไปแล้ว”

“เมื่อไร?” ปลายรุ้งถามอย่างตกใจ “ไม่เห็นในอินเทอร์เน็ตพูดถึงเลย บอกแต่ว่าคุณเป็นโสดตลอดมา จนใครๆ ก็คิดว่าเป็นคุณเกย์ไปแล้ว ด้วยเหตุนี้รุ้งจึง...”

เรนัลโดเลิกคิ้ว “คุณถึงพูดอะไร พูดต่อให้จบสิ” เขาเร่งต่อเมื่อเห็นอีกฝ่ายหยุดพูดดื้อๆ

“เอ้อ...ไม่มีอะไรค่ะ”

“เพราะเหตุนี้คุณถึงรักผมอย่างงั้นใช่ไหม?” แสร้งเย้าด้วยความคะนองปากหากไม่รู้เลยว่าจี้ใจดำอีกฝ่าย กระทั่งฝ่ายนั้นหน้าเปลี่ยนสี ส่อพิรุธอย่างเห็นได้ชัด เรนัลโดจึงเลิกคิ้ว อุทานแผ่วต่ำในลงคอ “พระเจ้า...เป็นความจริงเหรอ คุณคิดว่าผมยังโสดก็เลยรักผมอย่างงั้นเลย?”

ปลายรุ้งยิ้มเหยเก ก่อนตอบว่า “ก็ประมาณนั้นแหละค่ะ แต่ว่า...แค่เคยมี ไม่ใช่ว่าตอนนี้มีอยู่หรอกใช่ไหม”

เรนัลโดหัวเราะก้อง ก่อนตอบว่า “ใช่...ตอนนี้มีอยู่” เห็นอีกฝ่ายหน้าถอดสีทันควัน เขาก็ยิ่งหัวเราะมากขึ้น เรนัลโด ยกหลังมือนุ่ม จดเรียวปากก่อนพูดแก้ความเข้าใจเสียงอ่อนโยนว่า “ผมพูดเล่น....ที่มีอยู่ตอนนี้ ก็คือคุณไง”

คนถูกแหย่สีหน้ากลับมาดีขึ้น ปลายรุ้งถามต่อว่า “คุณแหย่ในเรื่องคอขาดบาดตาย ถามจริงทำไมคุณถึงเลิกกับแฟนละคะ และแฟนของคุณเป็นใคร ไม่เห็นสื่อในเน็ตพูดถึงเลย”

“ผมไม่เคยรู้สื่อในเน็ตจะพูดถึงชีวิตส่วนตัวผมละเอียดขนาดนั้น ปกติผมไม่ค่อยมีเวลานั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์นัก ก็เลยไม่รู้ว่าสื่อไหนพูดถึงผมบ้าง”

“ค่ะ...แล้วคำตอบละคะ ใครเป็นแฟนคุณและเลิกกันได้อย่างไร คุณยังไม่ตอบรุ้งเลย”

“ใจร้อนจริง” เย้ายิ้มๆ

“แล้วจะไม่ตอบ?”

“ตอบสิ...แฟนคนสุดท้ายคบหากันมานานแล้วล่ะ ก่อนเข้าวงการมั้ง พอผมเข้าวงการเราก็มีเหตุให้ต้องเลิกกัน เธอไม่อยากให้ผมเป็นนายแบบ ส่วนผมก็ไม่อยากให้เธอไปทำงานเมืองนอก เมื่อความต้องการเราสวนทางกัน ก็เลยคิดว่าเลิกกันน่าจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุด”

ปลายรุ้งอึ้ง “อ้อค่ะ...แล้วหลังจากคุณเข้าวงการแล้วละคะ คุณมีใครอีกหรือเปล่า”

“ถ้าเป็นตัวเป็นตนไม่มีหรอก ส่วนมากเป็นเพื่อนฝูงกันมากกว่า ที่พอถูกใจกันก็ไปนอนด้วยกัน ไม่มีพันธะ ไม่มีข้อผูกมัด ส่วนที่คบหาเป็นแฟนเป็นทางการอย่างที่ทำกับคุณ ไม่มีหรอก”

“อ้อค่ะ...” พึมพำรับรู้ด้วยพวงแก้มที่แดงระเรื่อ “รู้หรือเปล่าการที่คุณไม่มีแฟน ทำให้มีข่าวลือในเน็ตว่าคุณเป็นเกย์”

เรนัลโดเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ ก่อนถามกลับว่า “แล้วคุณเชื่อตามนั้นหรือเปล่า”

ปลายรุ้งยิ้มอย่างเก้อกระดาก “ก่อนหน้านี้ก็ไม่มั่นใจหรอกค่ะ”

“แล้วตอนนี้?” กระตุ้นเร้าถามต่อ มีผลให้พวงแก้มนวลเนียนราวผิวทารก แดงปลั่งเป็นทวีคูณทันตาเห็น เรนัลโดมองภาพนั้นด้วยแววตาอ่อนโยนอีกเท่าตัว

“อย่าให้ตอบเลยค่ะ” ปลายรุ้งตอบเสียงอ้อมแอ้ม

“อ้าว...ถามแค่นี้ก็หน้าแดงแล้ว คุณนี่ขี้อายจังเลยปลายรุ้ง”

คนขี้อายยังหน้าแดงไม่หาย เธอเสยผมทัดหูอย่างขัดเขิน ก่อนจะเสหยิบแก้วน้ำขึ้นจิบ “เราเปลี่ยนหัวข้อคุยกันเถอะ คุณไม่หิวบ้างเหรอคะ?”

เรนัลโดหัวเราะเสียงดัง แววตามองแฟนสาวอย่างรู้ทัน หากก็ยอมตามใจเปลี่ยนเรื่องคุย “คุณอยากทานอะไรล่ะครับ” ถามพลางเลื่อนเมนูอาหารที่เปิดหน้าอาหารจานหลักซึ่งถูกเมินในตอนแรกไปตรงหน้าหญิงสาว










Create Date : 27 พฤศจิกายน 2552
Last Update : 25 พฤศจิกายน 2553 13:12:18 น.
Counter : 517 Pageviews.

11 comment
1  2  3  4  5  6  7  

คณิตยา
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]









รู้จักคณิตยา/คีตฌาณ์

ก้าวสู่โลกแห่งการขีดเขียนในปี 2549 มีผลงานเป็นรูปเล่มกับสนพ.ในเครือสถาพรบุ๊คส์ทั้งหมด 11 เล่ม ไล่ตั้งแต่ รหัสทรชน ทางสายหมอก กุหลาบในเปลวไฟ ฝากรัก...ผ่านซีบ็อกซ์ อริ...ที่รัก บอดี้การ์ด รักเพียงฝัน ตามรักข้ามเวลา ไฟรัก บันทึกแห่งรัก(the Book of Love) มิราเบลล์...ตราบคีตาบรรเลง เป็น 1 ในนิยายชุดแด่เธอที่รัก สาปรัก และใต้ปีกรัก

รหัสทรชน เป็นละครทางช่อง 3 เมื่อปี 2554 แสดงโดย เคน และชมพู่ สร้างโดยค่ายยูม่า และ ไฟรัก ได้รับการซื้อลิขสิทธิ์ไปแปลเป็นภาษาเวียดนาม วางแผงเดือนสิงหาคม 2556



พูดคุย ทักทาย แลกเปลี่ยนความเห็น และติดตามความเคลื่อนไหวได้ทาง fb โดยกดไลค์เป็นแฟนเพจได้ทาง https://www.facebook.com/keetacha?ref=hl ขอบคุณค่ะ

---------------


ตอนนี้อุ๋ยทยอยนำนิยายที่หมดลิขสิทธิ์กับพิมพ์คำไปวางจำหน่ายในรูปแบบ E-book บนเว็บ ebooks และเว็บ Mebmarket ค่ะ

ใต้ปีกรัก...ราคาอีบุ๊ก 179 บาท

บันทึกแห่งรัก...ราคาอีบุ๊ก 255 บาท จากราคาปก 310

ไฟรัก...ราคาอีบุ๊ก 279 บาท จากราคาปก 350 บาท

กุหลาบในเปลวไฟ...ราคาอีบุ๊ก 230 บาท



รหัสทรชน ราคาอีบุ๊ก 200 บาท จากราคา 300 บาท 673 หน้า





ทางสายหมอก ราคาอีบุ๊ก 265 บาท จากราคา 280 บาท 690 หน้า



ฝากรัก...ผ่านซีบ็อกซ์ ราคาอีบุ๊ก 125 บาท จากราคา 180 บาท 360 หน้า



รวมเรื่องสั้น...ฉบับวัยหวาน ราคาอีบุ๊ก 45 บาท จากปก 55 บาท



อริ...ที่รัก ราคาอีุบุ๊ก 195 จากปก 240 บาท



หวานใจ...บอดีการ์ด...ราคาอีบุ๊ก 145 บาท จากปก 180 บาท



รักเพียงฝัน...ราคาอีบุ๊ก 225 จากปก 250 บาท



ตามรักข้ามเวลา...ราคาอีบุ๊ก 240 จากปก 270 บาท





















New Comments