32Then you will know the truth, and the truth will set you free." 32 你 們 必 曉 得 真 理 , 真 理 必 叫 你 們 得 以 自 由 。

"ตรวจสอบคุณภาพ เรือนของลูกหมูสามตัว"




......


มัทธิว 7:1-23

อย่ากล่าวโทษเขาเพื่อพระเจ้าจะไม่ทรงกล่าวโทษท่าน..
เพราะว่าท่านทั้งหลายจะกล่าวโทษเขาอย่างไรพระเจ้าจะทรงกล่าวโทษท่านอย่างนั้นและท่านจะตวงให้เขาด้วยทะนานอันใดพระเจ้าจะได้ทรงตวงให้ท่านด้วยทะนานอันนั้น..
เหตุไฉนท่านมองดูผงที่ในตาพี่น้องของท่านแต่ไม้ทั้งท่อนที่อยู่ในตาของท่านท่านก็ไม่รู้สึก..

เหตุไฉนท่านจะกล่าวแก่พี่น้องว่า'ให้เราเขี่ยผงออกจากตาของเธอ'แต่ที่จริงไม้ทั้งท่อนมีอยู่ในตาของท่านเอง..

ท่านคนหน้าซื่อใจคดจงชักไม้ทั้งท่อนออกจากตาของท่านก่อนแล้วท่านจะเห็นได้ถนัดจึงจะเขี่ยผงออกจากตาพี่น้องของท่านได้..

อย่าให้ของประเสริฐแก่สุนัขอย่าโยนไข่มุกให้แก่สุกรเกลือกว่ามันจะเหยียบย่ำเสียและจะหันกลับมากัดตัวท่านด้วย..

จงขอแล้วจะได้จงหาแล้วจะพบจงเคาะแล้วจะเปิดให้แก่ท่าน..

เพราะว่าทุกคนที่ขอก็ได้ทุกคนที่แสวงหาก็พบทุกคนที่เคาะก็จะเปิดให้เขา..

ในพวกท่านมีใครบ้างที่จะเอาก้อนหินให้บุตรเมื่อเขาขอขนมปัง..

หรือให้งูเมื่อบุตรขอปลา..

เหตุฉะนั้นถ้าท่านทั้งหลายเองผู้เป็นคนบาปยังรู้จักให้ของดีแก่บุตรของตนยิ่งกว่านั้นสักเท่าใดพระบิดาของท่านผู้ทรงสถิตในสวรรค์จะประทานของดีแก่ผู้ที่ขอต่อพระองค์..

จงปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างที่ท่านปรารถนาให้เขาปฏิบัติต่อท่านนั่นคือธรรมบัญญัติและคำสั่งสอนของบรรดาผู้เผยพระวจนะ..

จงเข้าไปทางประตูแคบเพราะว่าประตูใหญ่และทางกว้างซึ่งนำไปถึงความพินาศและคนที่เข้าไปทางนั้นมีมาก..

เพราะว่าประตูซึ่งนำไปถึงชีวิตนั้นก็คับและทางก็แคบผู้ที่หาพบก็มีน้อย..

ท่านทั้งหลายจงระวังผู้เผยพระวจนะเท็จที่มาหาท่านนุ่งห่มดุจแกะแต่ภายในเขาร้ายกาจดุจหมาป่า..

ท่านจะรู้จักเขาได้ด้วยผลของเขาผลองุ่นนั้นเก็บได้จากต้นไม้มีหนามหรือหรือว่าผลมะเดื่อนั้นเก็บได้จากพืชหนาม..

ต้นไม้ดีย่อมให้แต่ผลดีต้นไม้เลวก็ย่อมให้ผลเลว..

ต้นไม้ดีจะเกิดผลเลวไม่ได้หรือต้นไม้เลวจะเกิดผลดีก็ไม่ได้..

ต้นไม้ซึ่งไม่เกิดผลดีย่อมต้องถูกฟันลงและทิ้งเสียในไฟ..

เหตุฉะนั้นท่านจะรู้จักเขาได้เพราะผลของเขา..

มิใช่ทุกคนที่เรียกเราว่า'พระองค์เจ้าข้าพระองค์เจ้าข้า'จะได้เข้าในแผ่นดินสวรรค์แต่ผู้ที่ปฏิบัติตามพระทัยพระบิดาของเราผู้ทรงสถิตในสวรรค์จึงจะเข้าได้..

เมื่อถึงวันนั้นจะมีคนเป็นอันมากร้องแก่เราว่า'พระองค์เจ้าข้าพระองค์เจ้าข้าข้าพระองค์กล่าวพระวจนะในพระนามของพระองค์และได้ขับผีออกในพระนามของพระองค์และได้กระทำการมหัศจรรย์เป็นอันมากในพระนามของพระองค์มิใช่หรือ'..

เมื่อนั้นเราจะได้กล่าวแก่เขาว่า'เราไม่เคยรู้จักเจ้าเลยเจ้าผู้กระทำความชั่วจงไปเสียให้พ้นหน้าเรา'..



---------



มัทธิว 7:24-29

เหตุฉะนั้นผู้ใดที่ได้ยินคำเหล่านี้ของเราและประพฤติตาม
เขาก็เปรียบเสมือนผู้ที่มีสติปัญญาสร้างเรือนของตนไว้บนศิลา..

ฝนก็ตกและน้ำก็ไหล เชี่ยวลมก็พัดปะทะเรือนนั้น
แต่เรือนมิได้พังลงเพราะว่ารากตั้งอยู่บนศิลา..

แต่ผู้ที่ได้ยินคำเหล่านี้ของเราและไม่ประพฤติตามเล่า
เขาก็เปรียบเสมือนผู้ที่โง่เขลาสร้างเรือนของตนไว้บนทราย..

ฝนก็ตกและน้ำก็ไหลเชี่ยว ลมก็พัดปะทะเรือนนั้น
เรือนนั้นก็พังทลายลงและการซึ่งพังทลายนั้นก็ใหญ่ยิ่ง..

ครั้นพระเยซูตรัสคำเหล่านี้เสร็จแล้วประชาชนทั้งปวงก็อัศจรรย์ใจด้วยคำสั่งสอนของพระองค์..
เพราะว่าพระองค์ได้ทรงสั่งสอนเขาด้วยสิทธิอำนาจหาเหมือนพวกธรรมาจารย์ของเขาไม่..


...

หมาป่าจ้องจะกินลูกหมู
ลูกหมูอยุ่ในบ้านสามหลัง เป็นบ้านเหมือนกัน

แต่ แข็งแรงแตกต่างกัน

ตอนที่ลูกหมูสร้าง เริ่มต้นทุกอย่างดูดี

แต่ไม่ตลอด....

เรือนของลูกหมูที่รอดจากพลังของหมาป่าได้นั่นล่ะ "รอด"

การเริ่มสรางเรือน เป้นแค้การเริ่มต้น ที่จะรอด หรือไม่รอด
คุณภาพของเรือน นั่นล่ะ ที่จะประกันได้ว่า รอดหรือไม่รอด



...เรือนของเราเป็นอย่างไร หลังตรวจสอบคุณภาพ...




 

Create Date : 28 มีนาคม 2550   
Last Update : 28 มีนาคม 2550 7:52:32 น.   
Counter : 420 Pageviews.  

ด้านนึงของเสรีภาพ


เมื่อตอนเย็น...

ขับมอไซกลับจากสนาม700ปี(มันเป็นสนามกีฬาน่ะ) พอถึงบ้าน ก้ลงมาเปิดประตูจะเอารถเข้าบ้าน

...เสร้จสรรพ นึกว่าจะได้เข้าบ้านไปถอดรองเท้า กินน้ำกินท่าให้สบายคอ...

ดันต้องมาเสียเวลาวุ่นวายกับเจ้าหมาสองตัว....
(หมายเหต- ผมเป้นคนไม่ชอบสัตว์เลี้ยง "ทุกชนิด")

เจ้าหมาสองตัวนี้ เป้นหมาที่พี่สาวผมเลี้ยงไว้ ตัวใหญ่ตัวนึง ตัวแคระขนยาวตัวนึง เหตที่ต้องเสียเวลากับมันสองตัวไม่ได้เข้าบ้านซะทีก็เพราะว่า ...มันวิ่งออกนอกบ้านตอนผมเปิดประตูแล้วก้ไม่ยอมเข้าบ้าน
..(อย่างที่บอกว่าผมไม่ชอบสัตว์เลี้ยง เรื่องง่ายๆอย่างการเอาหมาเข้าบ้านจึงเป้นเรื่องยากสำหรับผม)...


มันทั้งสองตัว ไปดมๆคุ้ยๆ อยู่ที่จุดนึงตรงหน้าบ้าน
สังเกตอยู่นาน ไล่มันเข้าบ้านอยู่นาน มันทั้งสองตัวยังคงสนใจตรง "จุดนั้น"

ตรงจุดนั้นที่ว่า มันเป้นใต้ต้นโพธิขนาดใหญ่(น่าจะใช่นะ)ที่มีชาวบ้านชาวช่องเอาผ้าสี พร้อมศาลเจ้าต่างๆมาทิ้ง



หลายอาทิตย์ก่อน...

มีนกพิราบตัวนึงตกลงมาตายในโอ่งน้ำหน้าบ้าน (มันตกลงมาตายในโอ่งได้ไงหว่า??)

พี่สาวผมเป้นคนหยิบขึ้นมา ส่วนผมเป้นคนเอาไปฝัง

และที่ที่ผมเอาไปฝังก้คือ


ตรงใต้ต้นโพธิ "จุดนั้นแหล่ะ"



จุดเดียวกับที่เจ้าหมาสองตัวมันกำลังดมๆคุ้ยๆ



เออ พวกแกสองตัวนี่เก่งนะ ขนาดไม่รู้ไม่เห้นตอนเอาไปฝัง ยังอุตส่ารู้อีกแหน่ะ ว่าตรงจุดนั้นมันมี "อะไรบางอย่างผิดปกติ"


...


ขณะพยามเอาไม้เขี่ยห้ามไม่ให้พวกมันคุ้ยและไล่พวกมันเข้าบ้าน เพราะผมจะได้เข้าไปกินน้ำซะที
ไม่กล้าปล่อยไว้อย่างนั้น เพราะบ้านผมติดถนนยางมะตอย รถค่อนข้างเร้ว ขืนมันสองตัวไม่เข้าบ้าน ..ผมอาจจะได้ฝังศพมันอีกสองตัว


ผมคิดเล่นๆ


ถ้าสมมุตว่า



ผมฆ่าคนตาย
เสร้จแล้ว ผมก้เอาศพไปฝัง

ในที่ที่ผมนึกไปว่า ไม่มีทางที่ใครจะรู้

แล้วผมก้สบายใจที่สามารถกลบหลักฐานเรื่องชั่วๆที่ผมทำได้แล้ว


แล้วอยู่ๆวันนึง


ก้ดันเห้นหมาสองตัวกำลังคุ้ยไอ้ตรงที่ผมฝังศพคนที่ผมฆ่าเฉยเลย...

"ผมคงร้อนใจน่าดู"




.....


ในชีวิตของมนุษย์

ก้ล้วนแต่เคยทำเรื่องไม่ดีไม่งามกันไว้ทั้งนั้น
อย่างตัวผมเองก็ด้วย


....


ในอดีต

ผมมีเรื่องชั่วๆมากมาย

ที่ผมเคยทำไว้


แม้โดยภาพปกติ ผมอาจจะดูปกติหรือดุไม่ได้เจ้บปวดหรือทุกข์ใจอะไรกับสิ่งที่ผมเคยทำในอดีต

หรือกระทั่งว่า ตัวผมเองก้ไม่ได้คิดว่าผมทุกข์ใจอะไร


ความชั่วบางอย่าง สมัยทำใหม่ๆ ผมก้มักจะกลัวว่าจะมีใครรู้มั้ย
นานไปก้เลิกังวล และมั่นใจว่ามันคงหายไปและเป้นความลับตลอดกาล


แต่ถ้าค้นดุในใจ ก้จะพบว่า



จิตใจผมก้ยังไม่เป็นอิสระ


ยังมีการกล่าวโทษ
ยังมีการเรียกร้องการรับโทษ
ยังมีการไม่ให้อภัยตัวเอง
ยังมีการรังเกียจตัวเอง


มากมายสารพัด ที่เมื่อค้นดุดีๆ ก้พบว่า


"จิตวิญญาณได้ถูกจองจำ"

แม้ร่างกายจะดุมีความสุขดี และเป้นอิสระ




ในอดีต ผมเคยเชื่อว่า ใครๆก็เป้นอย่างนี้ทั้งนั้น อย่าคิดมากเลย

อย่าไปพยามจะเป้นอิสระจากที่คุมขังนั้นในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่เลย
มันไม่มีทางหรอก
อดทนและปลงซะเถอะ อยู่กับปัจจุบันที่เหมือนคุก แล้วปลงซะ


ทำความดีมากๆ ดีจนกว่าจะสรรเสริญตัวเองให้ได้
เมื่อนั้นผมก้จะสบายใจไปเอง



ผมเคยเชื่อเช่นนั้น
ผมเคยพอใจกับชีวิตแบบนั้น



...คนชั่วที่สรรเสริญตัวเองได้จากความดีมากมายที่ทำ....



....


ไม่มีเหตผลอะไรทั้งนั้น

และผมเชื่อจริงๆว่านี่คือฤทธิ์เดชของพระเจ้า ตามที่พระองคืสัญญาไว้


ว่า
"สัจจะ จะทำให้ท่านทั้งหลายเป้นไท"



ขอบคุณพระเยซุคริสต์องค์พระผุ้เป้นเจ้า
ผู้ทรงสละพระองค์ รับบาปทั้งหมด ของผมไว้ที่พระองค์เอง

และได้ทรงชำระหนี้บาปแล้ว ในนามของผม
และได้ทรงมอบ "ความชอบธรรมของพระองค์"ให้ผมด้วย

....




แม้ไม่มีใครรู้ว่าผมเคยทำอะไรมาบ้างตั้งแต่เล็กจนโต

แต่พระเจ้ารู้

ผมอาจจะปิดบังใครต่อใครได้ ผมอาจจะเป้นคนดี หรือคนใจดีในสายตาเพื่อนหรือคนรู้จัก

แต่ผมไม่อาจปิดบัง ด้านมืด ของผมได้เลยจากพระเจ้า



แต่ถึงกระนั้น...


พระองค์ก้ทรงรักผม แม้ตั้งแต่ในขณะที่ผมยังทำชั่วอยู่ และไม่ได้เคยคิดกลับใจ คิดแค่แต่จะทำดีปกปิดหรือกลบความชั่ว ..ดีๆชั่วๆ พอเผลอชั่ว ก้ทำดีให้มันมากๆ จะได้สบายใจ



....


จนถึงตอนนี้

ผมไม่ได้สนใจแล้วว่า


ความชั่วทั้งหมดที่ผมเคยทำ มันจะมีใครรู้หรือเปล่า

ใครอยากรู้ก้รู้ไป ใครรู้แล้วอยากเอามาแฉก็แฉไป


เพราะตอนนี้ผมรู้สึกว่า รวยมากๆ จากความชอบธรรมของพระเจ้า

ฉะนั้น สารพัดหนี้บาป ที่อะไรจะตามมากล่าวโทษ หรือทวงเอากับผม

มันไม่ได้ทำให้ผมสะทกสะท้านอีกแล้ว


เอ็งอยากมาก้มา
ยังไงซะ


....ขนหน้าแข้งพระเจ้าไม่ร่วงหรอก....

...

ไม่ว่าในฝ่ายเนื้อหนัง อะไรจะเกิดขึ้นก้ตาม



แต่ขอบคุณพระเจ้า สำหรับฤทธิ์เดชแห่งการทรงไถ่

ที่ช่วยให้จิตวิญญาณผมเป้น "อิสระ"


......


"สิ่งที่เราฝังซ่อนอยู่"

ซ่อนยังไงก้ไม่มิดหรอก

แม้ใครอาจจะไม่รู้แต่เราก้รู้

และถ้าพระเจ้ามีจริง

พระเจ้าก็รู้

แต่ถึงกระนั้น พระองค์ก็ยังทรงให้โอกาสกลับใจเสมอ
สำหรับคนที่ "ต้องการ"



แม้เนื้อหนังจะถูกจองจำ ก็ขอให้วิญญาณจิตได้โบยบินในเสรีภาพ
...ก็แล้วกัน


....

ขอบคุณพระเจ้าในพระนามพระเยซูคริสต์เจ้า
อาเมน





 

Create Date : 16 มีนาคม 2550   
Last Update : 16 มีนาคม 2550 8:20:01 น.   
Counter : 301 Pageviews.  

พระเจ้า ...อาอึ๊ม-อาเจ็ก ..ยายเมี้ยน-เชี่ยนหมาก ...กะปิ บูดูและซกเล็ก

บ่อยครั้งที่พบว่าหลายๆท่านที่มิได้เชื่อในพระเจ้า และโดยเฉพาะอย่างยิ่งพระเจ้าในพระนามพระเยซูคริสต์
มักจะมองว่าพระเจ้าจะต้อง

ขนมปังๆ
เนยๆ
ฝรั่งๆ

ตีนแดงๆ
ดอลล่าๆ

...

เลยนึกถึงกระทู้ของท่านทิว ขึ้นมาเลย
ที่แน่ๆคือ หนังหรือภาพยนต์ที่เกี่ยวกับพระเจ้าตรงๆ น่าจะแทบทั้งหมด มาจากทางฝั่งตะวันตก

อีกทั้ง

อันที่จริงแล้ว การประกาศเรื่องพระเจ้าก้ยังมาจากฝั่งตะวันตกอีกด้วย
นอกจากนั้น เท่าที่รู้มากระปริบกระปรอย มิชชันนารีที่เข้ามาในประเทศไทยแรกๆนั้น

ก้เปนชาวตะวันตก หรือที่คนไทยเรียกว่า "ฝรั่ง"

พอลองนึกถึงความเป้นมา ก้ไม่แปลกใจว่าทำไม คนส่วนใหญ่ถึงยังฝังใจกับความเชื่อว่า

พระเจ้าจะต้อง

ขนมปังๆ
ฝรั่งๆ
ดอลล่าๆ

.....

ขอสารภาพว่าครั้งนึง ผมเองก็เคยคิดอย่างนั้นเหมือนกันัน่นแหล่ะ
...อ้าว แล้วกัน


แต่


ก้เพราะว่าครั้งนึงผมเองก็เคยคิดแบบนั้นนั่นเอง ผมถึงได้เข้าใจว่าคนที่เค้ามองว่าพระเจ้าจะต้องฝรั่งๆ ดอลล่าๆ นั้น
เค้ารู้สึกยังไง แม้จะไม่ทั้งหมด แต่ภาพรวมแล้วน่าจะได้ล่ะนะ


...

จวบจนผ่านอะไรมาหลายๆอย่างจนข้ามเขตแดน กลายมาเป้นคริสเตียน


ความเข้าใจจึงเปลี่ยนไป


พบว่า

จริงๆแล้ว
มีทั้ง อาอึ๊ม-อาเจ็ก ที่หน้าตาซัวเถ๊า ซัวเถา
ยายเมี้ยนกะเชี่ยนหมากนี่ ..ผมมั่วไปงั้นแหล่ะ^^ ให้เห็นภาพ

กะปิมี น้ำบูดูมี ซกเล็ก มี
ส้มตำ มี
ปลาร้าไม่ต้องพูดถึง พวกสาวๆที่โบสมันกินกันจิงๆ

มีคริสเตียนที่ขายร้านอาหารตามสั่งรถเข้นตอนดึกๆ

และเชื่อแน่ว่าอาจจะมีขายเต้าฮวย น้ำเต้าหู้ ขนมครก และสารพัดขนมไทยด้วย

..

มีเลี้ยงหมู ปลูกผัก เลี้ยงปลา


สรุปว่า


วิถีชีวิตไทยๆนั่นเองแบบชนบทๆ ยันยอดคอนโดหรู
และก้แน่นอน ก้ยังพบ ฝรั่งอยู่มาก ที่ยังคงมีฝรั่งที่พูดไทยไม่ได้ ตัดสินใจมาอยู่เมืองไทย

ทิ้งวิถีชีวิตแบบฝรั่งๆ ขึ้นไปอยู่กับชาวเขาชาวดอย หัดที่จะกินแบบคนดอย หัดที่จะอยู่แบบคนดอย

กิน-ถ่ายแบบคนดอย ....
ดูๆไปก็คงมีคนที่ไม่เข้าใจคิดเหมือนกันว่า

คนพวกนี้คงบ้าไปแล้ว ดันเอาบั้นปลายชีวิตมาทิ้งบนเขาบนดอย ห่างจากบ้านเกิดเป้นพันไมล์ ..ตั้งแต่ยังหนุ่มยังสาว.....

และได้ยินมาว่า
แม้แต่เผ่ากินคน มิชชันนารีก้เข้าไปถึงที่นั่นแล้ว
ขอบคุนพระเจ้า

และทุกอย่างนั้น เพียงเพื่อจุดประสงค์เดียวกัน


"เล่าเรื่องพระเจ้าในพระนามพระเยซูคริสต์"

...ผมเคยเข้าใจว่าพระเยซูเป้นคนฝรั่งแต่ก็พึ่งรู้ทีหลังว่า จริงๆแล้วเป้น แขกขาวหรือยิว



น่าจะเรียกได้ว่า มีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับเรื่องพระเจ้าและพระเยซูคริสต์เยอะมากๆ

..

นึกแล้วก้นึกไปถึงหนังฝรั่งเรื่องนึง ที่เอามาฉายบทางช่อง7ตอนเช้าวันก่อน
จริงเท้จประการใดไม่ทราบ

แต่พึ่งจะรู้ว่า


ตำรวจในโลกแห่งความเป้นจริง ไม่ชิมยาเสพติดแล้วบอกว่านั่นคือยาเสพติด

ก้ไม่รู้นะครับว่าเท้จจริงยังไง

แต่ก่อนหน้าที่ผมจะได้ยินจากหนังเรื่องนี้ ผมก็เข้าใจมาตลอด ว่าตำรวจน่ะ เวลาเค้าเจอสารต้องสงสัย เค้าจะชิมแล้วรู้ว่าเป้นยาเสพติด

...


มีความเชื่อและความเข้าใจแบบฝังหัวมากมาย
ที่เรรับเอามาจากวิถีชีวิตเก่าๆ และสืบทอดกันโดยไม่ได้มีการตรวจทานแก้ไข

จนในที่สุดความเชื่อมากมายหลายเรื่องเราก้นึกว่าเป็นเรื่องจริง

บางอย่างพัฒนาไปเป็นประเพณี วัฒณธรรม บางก้กลายเป้นแบบเรียน


....

ผมรู้สึกประหลาดใจเสมอ เมื่อนานวันในชีวิตคริสเตียน
ได้พบ ได้รู้ว่า


มีคริสเตียนหน้าตา บ้านนอกๆ เชยๆ มากมาย (แหม แต่เราก้บ้านนอกนิ)
เต้มด้วยฤทธิ์เดช และการอัศจรรย์จากพระเจ้า


มีแม้แต่เด็กๆ ที่ไม่ได้รู้อะไรในไบเบิ้ลเลย
แต่กลับมีประสบการณ์กับพระเจ้า มากเสียยิ่งกว่าบรรดาอาจารย์เสียอีก


สิ่งต่างๆที่ได้รู้ ที่ได้ผ่านเข้ามาในชีวิต


ได้ลบล้างความเชื่อเก่าๆออกไป
ความเชื่อที่เคยคิดว่า


พระเจ้าต้องฝรั่งๆนั้น ไม่เป้นเลยซักนิด


พระเจ้า เป็นพระเจ้าของชนทุกชั้นทุกภาษาจริงๆ
ทุกๆระดับการศึกษา

ตั้งแต่ด้อกเตอร์ยันคนไม่มีการศึกษา
ตั้งแต่รวยมากๆจนถึงหาเช้ากินค่ำ


แต่สิ่งนึงที่เหมือนกันก้คือ
ในความแตกต่างเหล่านั้น พวกเค้าเหมือนกันก้คือ ความที่ดูไม่ค่อยเดือดเนื้อร้อนใจอะไรในชีวิตนัก

...


พระเจ้าทรงเลือกเปิดเผยพระองค์เองกับคนทุกระดับ
และฤทธิ์เดชของพระองค์ก้มีอยู่ในผุ้ที่เชื่อเหล่านั้นด้วย


อาอึ๊ม หน้าตาซัวเถาๆ ไล่ผีได้
เด็กๆหน้าตาบ้านนอกหลายคนที่ไม่เคยฝึกอะไรเลย
กลับได้เคยไปถึงสวรรค์เป้นว่าเล่น

เด็กๆต่างจังหวัดกลับได้เห็นทุตสวรรค์พร้อมๆกันหลายคน


...

พระเจ้าเป้นพระเจ้าของทุกคน

ไม่ว่าจะกินอะไรเป้นอาหการหลัก
ไม่ว่าอาหารโปรดจะคืออะไร
ไม่ว่าการกิน การถ่าย จะหรู หรือบ้านนอกแค่ไหน

ไม่ว่าอาชีพที่ทำนั้น จะได้รายได้แค่ไหน

ไม่ว่าจะชั่ว หรือจะดี




พระเจ้าก็เป้นพระเจ้า

....

ม่านวัฒณธรรมอาจจะเคยสรางภาพความเข้าใจผิดๆมากมากต่อสิ่งที่เราไม่คุ้นเคยนัก


แต่ก็ไม่ใช่ว่าเราจะไม่สามารถเข้าใจ เนื้อแท้ของสิ่งต่างที่ต้องทะลุม่านวัฒณธรรมเข้ามาหาเราได้


อยู่ที่ว่าเราจะเปิดใจหรือไม่เปิดเท่านั้นเอง

อยู่ที่ว่าเราจะอยู่หลัง"ม่านของเรา"ไปตลอดชีวิตหรือเปล่าเท่านั้นเอง


ขอบคุณพระเจ้าในพระนามพระเยซูคริสต์
อาเมน




 

Create Date : 16 มีนาคม 2550   
Last Update : 16 มีนาคม 2550 8:16:28 น.   
Counter : 455 Pageviews.  

ฤดูของการเปลี่ยนแปลง

ฤดูของการเปลี่ยนแปลง


นั่งดูไอทีวีมาตั้งแต่ประมานสองทุ่ม สงสัยว่าวันนี้จะเป้นวันที่ไอทีวีเรทติ้งดีที่สุดวันนึงก้ว่าได้

ได้ยินว่ามีถึงขนาดประชาชนจะช่วยเหลือในเรื่องยานพาหนะ หรือสถานที่ในการทำงาน แบบไม่ง้อ ....(ละไว้ในฐานที่เข้าใจ)
นั่งคุยกับพี่สาวเล่นๆว่า

เป้นไปได้มั้ยว่า เราอาจจะได้เห้น "ระบบ" ของงานข่าว ระบบใหม่ที่อาจจะไม่เคยมีมาก่อนในประเทศไทย

เหมือนอย่างที่สมัยนึง ประมานสิบปีก่อน
เคยเกิด ระบบเพลงใต้ดิน ซึ่งได้รับกระแสตอบรับดียิ่งกว่า เพลงบนดิน ....

....


การถูกบีบคั้นมากๆ จากสภาพรอบด้าน
บ่อยครั้งถ้าสิ่งที่ถูกบีบคั้นนั้น มี "แรงดัน" ของตัวเอง


ก้จะเกิด การระเบิด

พลังงานบางอย่าง ที่ถูกจำกัดอาณาบริเวณจากสภาพแวดล้อ ใหก้จำกัดจำเขี่ยนในการเป้นอิสระ

ในที่สุด แทนที่ผลจะเป้นว่าสามารถจำกัดพลังงานนั้นได้ กลับกลายเป้นยิ่งเพิ่มแรงระเบิดให้กับพลังงานนั้น



.....

ไม่ได้มาพูดการเมือง หรือการข่าว เพราะภูมิไม่มี และไม่ถึง และก้ไม่ได้สนใจนัก


แต่กำลังเริ่มกลับมาย้อนมองตัวเอง และเพื่อนๆ ที่ร่วมรับใช้กันมา ในช่วงปีสองปีนี้

แม้จะเป้นเวลาสั้น แต่ก็เกิดความผูกพันธ์กันมากเสียยิ่งกว่าคนที่เคยรู้จักกันมาเป้นสิบๆปี



..ฤดูของการเปลี่ยนแปลง...

จะด้วยอะไรไม่รู้ แต่ทุกอย่างประจวบเหมาะ ให้เกิดขึ้นในช่วงนี้พร้อมๆกัน

เพื่อนๆที่ร่วมรับใช้กันมา ดันต้องแยกย้ายกันไป ในช่วงนี้พอดี พร้อมๆกัน แม้แต่ตัวผุ้เขียนเอง ก็เป้นหนึ่งในคนที่ต้องโยกย้ายไปยังที่ที่ไม่คุ้นเคย


ส่วนนึงก้รู้สึกใจหาย แต่ส่วนนึงกลับรู้สึกว่าท้าทาย


รู้สึกว่า ยุคใหม่สำหรับเรา กำลังจะมา

แม้จะรู้สึกใจหาย แต่ใจที่ปรารถนาจะแยกย้ายกันไป มันก้ยังอยู่

และทุกคนที่แยกย้ายกันไป สิ่งที่เหมือนกันคือ ทุกคนจะเหงาขึ้น ลำบากขึ้น
...แต่เราก้ยังเลือกจะไป...



เมื่อผ่านฤดูกาลนี้ไป

โบสที่ผู้เขียนอยู่ จะเปลี่ยนไปจากช่วงสองปีนี้ ซึ่งมีแก๊งเราป้วนเปี้ยนเป้นเจ้าถิ่น
เด็กรุ่นใหม่ๆ ไม่ว่าเค้าจะอบยากรับใช้หรือไม่ก็ตาม

เค้าก็ต้องทำ ...เพราะว่าคนรุ่นก่อนเค้าที่เคยทำ จะหายไป เกือบหมด ซึ่งอาจหมายถึงถาวร



....

นึกถึงหอบาเบล

พระเจ้ามีเจตนาให้มนุย์กระจายออกไป
แต่มนุษย์กลับพอใจจะย่ำอยู่ที่เดิม
ยังไม่พอ ยังอวดดีและท้าทายพระเจ้าด้วยการสรางสิ่งที่สูงเสียดฟ้า



.....
ถ้าเราต้องไป เราก้คงต้องไป


คริสตจักร

ไม่ใช่การสร้าง ที่ใดที่หนึ่งให้ยิ่งใหญ่ แล้วหลงภูมิใจไปกับมัน ยึดติดกับมัน จนกลายเป้นสถาบัน หรือจนกลายเป้นบาเบล


คริสตจักร คือพระกายพระคริสต์ และพระองค์ประสงค์ ให้เรา "เดินทาง"


.....

เมื่อฤดูแห่งการเปลี่ยนแปลงมาถึง เราคงต้องเข้มแข้งที่จะยอมรับ

และเดินหน้าต่อไป ด้วยโลกทัสน์ใหม่ ที่เติบโตมากกว่าเดิม

บาเบลไม่เคยถูกอนุญาติให้ใหญ่พอที่จะรองรับการเติบโต....


การขยาย บาเบล ไม่ว่าจะอย่างไร ก็ไม่เพียงพอจะรองรับการเติบโตของเรา


หากแต่สิ่งที่จะรองรับการเติบโตของเรานั้น
อยู่ที่การเดินทางออกจาก บาเบล


สู่...โลกกว้าง....

.....

สมัยเด็ก ผู้เขียนเคยสงสัยว่า ทำไมคนบางคน ต้องเดินทางไปลำบากด้วย เงินก็มี บ้านดีๆก้มีอยู่ ไปแล้วก็ไม่ได้รวยขึ้น รู้ทั้งรู้ว่าไปแล้วลำบาก


แม้ตอนนี้อาจจะยังให้คำตอบกับคำถามแบบเด็กๆของตัวเองไม่ได้ แต่ก็รู้สึกว่า กำลังจะได้รับคำตอบในไม่ช้าซึ่งอาจมีหน่วยเป้นหลายปี

....


ขอพระเจ้าในพระนามพระเยซูคริสต์เสริมกำลังพี่น้องในพระคริสตืทุกท่านในการรับใช้อย่างเข้มแข็งและเต็มด้วยสติปัญญาที่มาจากพระวิญญาณบริสุทธิ์

อาเมน




 

Create Date : 16 มีนาคม 2550   
Last Update : 16 มีนาคม 2550 8:12:05 น.   
Counter : 378 Pageviews.  

อัลฟา โอเมกา

วิวรณ์ 21:6

พระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า
สำเร็จแล้ว

เราเป็นอัลฟาและโอเมกา
เป็นปฐมและอวสาน

ผู้ใดกระหายเราจะให้ผู้นั้นดื่มจากบ่อน้ำพุแห่งชีวิตโดยไม่ต้องเสียอะไรเลย..

โรม 1:17
เพราะว่าในข่าวประเสริฐนั้น
ความชอบธรรมของพระเจ้าก็ได้สำแดงออกโดย

เริ่มต้นก็ความเชื่อสุดท้ายก็ความเชื่อ

ตามที่พระคัมภีร์มีเขียนไว้ว่าคนชอบธรรมจะมีชีวิตดำรงอยู่โดยความเชื่อ..

...



พระเจ้าเป็นปฐม และ อวสาน
เราดำรงอยู่ เริ่มโดยความเชื่อ สุดท้าย ก้โดยความเชื่อ




....

ขอบคุนพระเจ้าสำหรับคำเทศนาวันนี้ของผู้เทศนา



....


มีอาจารย์ที่สอนดนตรีท่านนึง เคยสอนว่า
เวลาคุนเล่นโซโล่เร้วๆ คุนสามารถใส่ "อะไรก็ได้" ลงไป หรือจะเรียกว่า มั่ว ก้ได้ ไม่ต้องไปสนใจ

แต่

แค่เริ่มสวย และจบสวย อยู่ในคีย์ ถูกที่ถูกทาง

..มันก้สามารถเป็นลูกโซโล่ ที่ดีได้ ส่วนตรงกลาง จะใส่อะไรก็ยังไง ...ไม่มีผลเท่าไหร่


ตรงกลางมั่วได้ แต่หัวกับตอนจบ มั่วไม่ได้เลย....

.....

ในการเขียนเรื่องราว หรือนิยาย ส่วนที่สำคัญที่สุดและเป้นการโชว์ศักยภาพทั้งหมดของคนเขียนได้ชัดที่สุดก็คือ "ตอนจบ"

ตัวอย่างเช่น ภาพยนต์ ซิ้กเซ็น มีดีที่ตอนจบ...

....




ครั้งนึง

เปโตรเห้นพระเยซูคริสต์เสด้จเดินมาบนทะเล เปโตรขอให้พระเยซูคริสต์ทำให้เขาเดินบนทะเลได้อย่างพระองค์
พระเยซูคริสต์อนุญาตให้เป็นไปตามนั้น

แต่เมื่อเปโตรเดินไปได้ สักพัก หันมองดูความแปรปรวนของ "คลื่นในทะเล"

เปโตร ก้จมน้ำ...

...พระเยซูคว้ามือเปโตรไว้ ตรัสถามว่า



"ท่านสงสัยทำไม"

.....



เริ่มโดยความเชื่อ จบก้ขอให้จบด้วยความเชื่อ
พระเจ้าทรงเป็นปฐมและอวสาน


ในบางสถานการณ์ ที่บีบคั้น เราอาจจะจำเป้นต้องอธิษฐานอะไรบางอย่าง ที่มันเป้นไปไม่ได้เด็ดขาด ซึ่งการตอบคำอธิษฐานนั้น ถ้าพระองค์ตอบ ก็ "เลิกสงสัยได้เลยว่ามาจากไหน"


นับจากการเริ่มอธิษฐาน "ด้วยความเชื่อ" และรอ
แน่นอนว่า

เราจะต้อง สงสัย และเริ่มคิดว่า เป้นไปไมได้แน่ๆ จะเป้นไปได้อย้างไร เพราะว่าเราเริ่มใช้ "เหตผล"


เริ่มโดยความเชื่อ แล้วก้ตามมาด้วยเหตผล ตามมาด้วยตรรกกะ ตามมาด้วย ความเคยชิน เก้ารอเก้า สารพัดจะเกิดขึ้น เพื่อจะบอกว่า เป็นไปไม่ได้

"แต่"

เมื่อเริ่มโดยความเชื่อแล้ว ไม่ว่าเหตผลอะไรก็ตาม จะมาขัดขวางว่าเป้นไปได้ ก็ขอให้ "จบลงด้วยความเชื่อ"
ว่า "พระเจ้าทำได้" แม้จะไม่สมเหตสมผลก้ตาม


เหตผล ไม่ได้ครอบคลุมหรือจำกัดพระเจ้า
พระเจ้าต่างหาก ผุ้เป้นปฐมและอวสาน ซึ่งครอบคลุมเหตผล และตรรกกะ


....

เรามักจะเผลอ ...ประเมินพระเจ้าน้อยกว่าที่พระองค์ทรงเป็น ว่าพระองค์อยู่ใต้เหตผล

แต่เมื่อเราหยุดคิดสักนิด ก้จะพบว่า ความเป้นเหตเป้นผลทั้งหมดนั้น เป้นแค่การสังเกตของมนุย์ ดูความเป้นไปของบรรดาสิ่งที่พระองค์ทรงสร้างส่วนนึงเท่านั้น

....



เป็นเรื่องน่าเสียดาย

ถ้าเราจะเริ่มต้นด้วยความเชื่อ แต่กลับถูกคลื่นในทะเล ซัดให้หลงไป และไมได้จบลงด้วยความเชื่อในความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า....



ขอพระเจ้าในพระนามพระเยซุคริสต์อวยพระพรเราครับ
อาเมน




 

Create Date : 16 มีนาคม 2550   
Last Update : 16 มีนาคม 2550 8:10:22 น.   
Counter : 708 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  

เดียวดาย9อักษร
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add เดียวดาย9อักษร's blog to your web]