32Then you will know the truth, and the truth will set you free." 32 你 們 必 曉 得 真 理 , 真 理 必 叫 你 們 得 以 自 由 。

ซุปเปอร์ฮีโร่ของคุณคือใคร

จำได้ตอนเด็กๆ ผมจะชอบพวกไอ้มดแดงมากเลย

ตัวแรกที่ได้ดูก็คือสกายไรเดอร์ บินได้ด้วยเท่มากๆ หลังจากนั้นซุปเปอร์ฮีโร่ก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามความหลายใจของผม

จากสกายไรเดอ มาเป็นแบล็คซันไอ้มดดำ แต่ว่าตอนมันโดนแปลงให้เป็น_rx ผมว่ามันเสื่อมไปเยอะนะ ดูหมดความขลังไปเลย



หลังจากนั้นจึงเริ่มเบื่อๆฮีโร่ญี่ปุ่น

เริ่มหันมาชอบจากฝั่งตะวันตก

อันนี้รักเดียวใจเดียว

ไอ้แมงมุม เท่สุด

ยิ่งได้ดูเวอชั่นคนแสดงโทบี่แมกไกว



เป็นฮี่โร่ที่เก่งกาจว่องไว เท่ และซำเหมาดีจริงๆ



หลังจากนั้นกเลิกสนใจซุปเปอร์ฮีโร่ที่เป็นนิยาย

เมื่อตอนที่เริ่มคลั่งไคล้ดนตรีร็อค เริ่มหัดเล่นกีต้าร์

สตีฟไว คนคนนี้คือซุปเปอร์ฮีโร่ที่ยอดมากๆ

ถ้าใครเคยฟังเพลงที่พี่ไวแต่งและเล่นจะรู้ว่าหลุดโลกดีจริงๆ หมอนี่ไม่ใช่คนธรรมดา

แต่มีคำนึงที่พี่ไวมักพูดบ่อยๆคือ



ดนตรีเป็นของพระเจ้า และขอบคุณพระเจ้า



ตอนนั้นผมไม่ได้สนใจว่าเค้าพูดถึงอะไร คิดว่าเป็นแค่คำหรูๆที่พูดให้ดูระดับสูงเท่านั้น

แต่ ณ เวลานี้ มันไม่ใช่

เมื่อครั้งที่ยังเป็นศาสดาเดิม ผมมีฮีโร่มากมาย



...แต่ทุกวันนี้ พระเยซูคริสต์เจ้า คือซุปเปอร์ฮีโร่ตัวจริง



ท่านมีตัวตนจริงๆ ท่านทำยิ่งกว่าการเหาะได้

ท่านเก่งกว่าปิศาจทุกตัวเก่งกว่าเทพหรือเซียนทุกตน

ท่านเคยตายเมื่อสองพันปีที่แล้ว

แต่ท่านคืนชีพได้ และเป็นนิรันดิ์

และอยู่ข้างๆผม



....ในอดีตไม่มีซุปเปอร์ฮีโร่คนไหนสอนผมเรื่องความรักเลย



แต่พระเยซูท่านเป็นซุปเปอร์ฮีโร่ตัวจริง ท่านปราบมารให้ ท่านให้ความรัก ท่านให้ความอ่อนโยน ท่านเป็นเพื่อน

จะมีใครยิ่งใหญ่และน่าทึ่งเท่านี้.....



วันนี้ลองเดินไปที่ห้องนอนของคุณ ลองรื้อสมบัติทุกอย่างของคุณออกมา แล้วลองพิจารณาว่า

วันนี้ วินาทีนี้ ซุปเปอร์ฮีโร่ของคุณคือใคร?




 

Create Date : 10 สิงหาคม 2549   
Last Update : 10 สิงหาคม 2549 17:18:19 น.   
Counter : 481 Pageviews.  

ทางไหนที่ใช่ จะรู้ได้ยังไง

พระเยซูตรัสตอบเขว่า
"ระวังให้ดี อย่าให้ผู้ใดล่อลวงท่านให้หลง
ด้วยว่ามีหลายคนมา ต่างอ้างนามของเราว่าตัวเขาเป็นพระคริสต์

เขาจะให้คนเป็นอันมากหลงไป

....คราวนั้นคนเป็นอันมากจะถดถอยไป และอายัดกันและกัน
ทั้งจะเกลียดชังซึ่งกันและกันด้วย
ผู้เผยพระวจนะปลอมหลายคนจะเกิดมีขึ้น และล่อลวงคนเป็นมากให้หลงไป....

มัทธิว24/4-5 ...10-11

----

เมื่อถึงวันนั้นจะมีคนเป็นอันมากร้องแก่เราว่า "พระองค์เจ้าข้า พระองค์เจ้าข้า ข้าพระองค์กล่าวพระวัจนะในพระนามของพระองค์ และได้ขับผีออกในพระนมของพระองค์ และได้กระทำการมหัศจรรย์มากในพระนามของพระองค์ มิใช่หรือ"

เมื่อนั้นเราจะกล่าวแก่เขว่า
"เราไม่เคยรู้จักเจ้าเลย เจ้าผู้กระทำชั่ว จงไปเสียให้พ้นหน้าเรา"
....มัทธิว8/22-23
----------

เราจะทูลขอพระบิดา และพระองค์จะประทานผู้ช่วยอีกผู้หนึ่งให้แก่ท่าน เพื่อจะได้อยู่กับท่านตลอดไป

คือพระวิญญาณแห่งความจริง ซึ่งโลกรับไว้ไม่ได้
เพราะแลไม่เห็นและไม่รู้จักพระองค์

เพราะพระองค์ทรงสถิตย์อยู่กับท่าน และจะประทับอยู่ในท่าน

...พระองค์ตรัสตอบเขาว่า
"ถ้าผู้ไดรักเรา ผู้นั้นจะประพฤติตามคำของเรา และพระบิดาจะทรงรักเขา แล้วพระบิดากับเราจะมาหาเขา และจะอยู่กับเขา

ผู้ที่ไม่รักเรา ก็ไม่ประพฤติตามคำของเรา และคำซึ่งท่านได้ยินนี้ไม่ใช่คำของเรา
แต่เป็นพระวจนะของพระบิดาผู้ทรงใช้เรามา

"เราได้กล่าวคำเหล่านี้แก่ท่านทั้งหลายเมื่อเรายังอยู่กับท่าน
แต่องค์ผู้ช่วย คือพระวิญญาณบริสุทธิ์ซึ่งพระบิดาจะทรงใช้มาในนามของเรานั้น

จะทรงสอนท่านทั้งหลายทุกสิ่ง และจะให้ท่านระลึกถึงทุกสิ่งที่เราได้กล่าวไว้แก่ท่านแล้ว

...ยอห์น14/16-17 ....23-26


...........
ผลของพระวิญญาณ.....

นั้นคือความรักความปลาบปลื้มใจสันติสุขความอดกลั้นใจความปรานีความดีความสัตย์ซื่อ..
ความสุภาพอ่อนน้อมการรู้จักบังคับตนเรื่องอย่างนี้ไม่มีธรรมบัญญัติห้ามไว้เลย..

ผู้ที่อยู่ฝ่ายพระเยซูคริสต์ได้เอาเนื้อหนังกับความอยากและตัณหาของเนื้อหนังตรึงไว้ที่กางเขนแล้ว..

ถ้าเรามีชีวิตอยู่โดยพระวิญญาณก็จงดำเนินชีวิตตามพระวิญญาณด้วย..

....กาลาเทีย5/22-25

.............




 

Create Date : 10 สิงหาคม 2549   
Last Update : 10 สิงหาคม 2549 9:04:57 น.   
Counter : 342 Pageviews.  

การยอมรับว่าเราป่วย

การเรียนรู้คุณค่าของอะไรบางอย่าง จากนิทานเรื่องชายตาบอด

....

ผมมักจะชอบยกเรื่องนึงขึ้นมา เพื่อเปรียบเทียบกับการพยามจะสื่อสารเรื่องการให้อภัย
เป็นเรื่องของชายตาบอด ที่เดินชนแจกัน

คนทั้งโลก คงเกลียดผู้ชายคนนี้
คงมีไม่กี่คนที่จะเข้าใจเค้า

ข้าวของเครื่องใช้ของคนอื่น อาจจะเสียหายเพราะชายคนนี้
และทุกคนคงโกรธเขา และไม่ให้อภัยเขา เพราะเขาไม่เคยหยุดที่เดินชนอะไรต่ออะไร
แต่ถึงอย่างนั้น ก็จะมีคนบางคนเข้าใจเค้า ถ้าเค้ารู้ว่าชายคนนี้ตาบอด

การอภัยเป็นเรื่องง่าย ถ้าเพียงแค่เรารู้ความจริง ว่าอะไรเป็นอะไร

----

วันนี้ นิทานเรื่องชายตาบอด ที่ผมมักใช้เล่าเรื่องบ่อยๆ เปลี่ยนไป
นิทานเรื่องนี้ สำหรับผม ไม่ได้สอนเรื่องการให้อภัย อีกต่อไป....

แต่กำลังสอนเรื่องการ .."ยอมรับสารภาพ ว่าเราบกพร่อง"..

คนป่วยคงไม่มีทางหาย ถ้าเค้าไม่ยอมรับว่าเค้าป่วย
...คงเป็นเรื่องตลกมาก ถ้ามีคนเดินเข้าไปหาหมอ แล้วบอกว่า "ผมสบายดีครับหมอ
แต่ช่วยฉีดยาผมหน่อย".



ชีวิตคนเราทุกคน เราคงเคยฟังคำวิจารณ์ คำตำหนิ คำสอน คำแดกดัน สารพัด
ซึ่งเป็นการบอกถึงข้อบกพร่องของเรา

บางทีก็มาในรูปแบบอ่อนโยน บางทีก็มาแบบด่ากันแรงๆ บางทีก็มาในรูปแบบรุมประนาม

เรามีท่าทีต่อสิ่งเหล่านั้นอย่างไร
ยืนยันว่าเรา"ไม่บกพร่อง" รึเปล่า
เพ่อเรา จะได้ ไม่ต้อง "แก้ไข"
ไม่ต้อง "เปลี่ยนแปลง"

มนุษย์ หวดกลัวการ "เปลี่ยนแปลง"
เพราะมนุษย์ต้องการรความมั่นคง
เรามักจะปกป้องตัวเองจากการ "เปลี่ยนแปลง" ..ด้วยการ ไม่ยอมรับ "ว่าเราบกพร่อง"

......
เคยมีหลายคนนึกว่าผมเป็นคนดี ซึ่งอาจจะมาจากสิ่งที่ผมเขียน หรือแบ่งปัน
ซึ่งจริงๆแล้ว...ผมเอง กลับมักจะพูดบ่อยๆในสิ่งที่ผมเขียนนั้นเหมือนกัน ว่า "ผมไม่ใช่คนดีอะไรหรอกนะ ส่วนไม่ดีก็มีเยอะ"


--
พระเจ้าตรัสว่า....ไม่มีใครสมบูรณ์แบบได้เลยซักคนเดียว



กลับมานั่งคิด
ว่าบางที ....ตัวผมเอง

ผมก็อาจจะเป้นชายตาบอดคนนึงก็ได้ ที่เดินชนอะไรต่างๆล้มลงมาเสียหายหลายต่อหลายครั้ง
ผมคงเคยทำให้ใครหลายคนรู้สึกไม่ดี กับ "ความตาบอด" ของผม
ผมคงเคยทำให้สิ่งของ ของหลายๆคนล้มลงมา โดยที่ผมไม่เคยขอโทษเค้า
ผมไม่ขอโทษเค้า เพราะถ้าผมขอโทษ ก็เท่ากับว่าผมบกพร่อง และผมไม่อยากถูกเรียกว่าบกพร่อง ...เป็นนิสัยโง่ๆอย่างนึง ที่ผมคงต้องยอมรับมันซะที

คนตาบอด เค้าจะมีไม้เท้า เพื่อไว้"ระมัดระวัง"
ว่าเค้าจะไม่ไปเดินชนอะไรเข้า
"ไม้เท้า" นี้ มีไว้เพื่อป้องกันทั้งตัวของเค้าเอง และคนอื่น....

...ถ้าผมเป็นคนตาบอด
ผมก็ควรจะมี "ไม้เท้า" แบบนั้นบ้าง

แต่ขั้นแรก ผมคงต้องยอมรับก่อนว่า
..ผมเป็นคนตาบอดนะ
...เฮ้ย ...ต้องหาไม้เท้าไว้ใช้นะ
..ต้องเรียนรู้ที่จะไม่ไปทำข้าวของของใครเค้าเสียหายนะ
..ต้องรู้จักดูแลความปลอดภัยของตัวเองนะ อย่าเดินไปชนนู่นชนนี่ จนตัวเองบาดเจ็บล่ะ
...................


การหา "ไม้เท้า" ซักอันนึง
เอาไว้ใช้
การฝึกใช้มัน ให้คล่อง นั่นอาจจะ"ต้องใช้เวลา"บ้าง
สองสามอย่างนี้ ...ไม่ได้ยากอะไร

บางที....
สิ่งที่ยากยิ่งกว่า

น่าจะเป็นว่า ...เมื่อไหร่ เราถึงจะยอมรับว่าเราตาบอด....

---
อะไรต่ออะไรที่ดีๆ มันคงจะบังเกิดขึ้นมาใหม่ไม่ได้
ถ้าของเก่ามันไม่ "ยอมตาย" ลงเสียก่อน...


ขอพระเจ้าในพระนามพระเยซูคริสต์ ช่วยผมและหลายๆคนเวลานี้ ที่อาจจะเป้นคนตาบอด โดยไม่รู้ตัว ช่วยเรา ที่เราจะกล้ายอมรับว่าเราตาบอด เราบกพร่อง เราเคยทำสิ่งต่างๆมากมายที่หลายครั้งก็เป็นการทำร้ายจิตใจคนอื่นๆ ให้เรากล้าที่จะขอโทษ
...กล้าที่จะยอม "เปลี่ยนแปลง"
...กล้าที่จะยอมรับว่าเราตาบอด เพื่อเราจะได้ "หัดใช้ไม้เท้า" ซะที
ขอพระเจ้าช่วยผม ช่วยหลายๆคน ที่เป็นเหมือนชายตาบอด ให้เราอยู่ร่วมในสังคมได้ เหมือนคนที่ตามองเห้นได้ตามปกติ เพื่อเห็นแก่สังคมนี้จะน่าอยู่ขึ้นจนเป็นอย่างที่ในไบเบิ้ลกล่าวไว้ในมัทธิว6/10 ถ้าคนอย่างผมและใครอีกหลายๆคนจะยอมเปลี่ยนแปลง ....เพื่อเห็นแก่พระเจ้า
อาเมน




 

Create Date : 09 สิงหาคม 2549   
Last Update : 9 สิงหาคม 2549 23:59:56 น.   
Counter : 328 Pageviews.  

ตัวเม่น

แบ่งปัน(คริสเตียน)
....เหตุไฉนท่านจึงจะพูดกับพี่น้องของท่านว่า'พี่น้องเอ๋ยให้เราเขี่ยผงออกจากตาของเธอ'แต่ที่จริงท่านเองยังไม่เห็นไม้ทั้งท่อนที่อยู่ในตาของท่านท่านคนหน้าซื่อใจคดจงชักไม้ทั้งท่อนออกจากตาของท่านก่อนแล้วท่านจะเห็นได้ถนัดจึงจะเขี่ยผงออกจากตาพี่น้องของท่านได้..

.....ลูกา 6:42

-----

ระยะหลังนี้ผมถูกตีสอนในหลายๆเรื่อง สำหรับนิสัยที่ไม่ดีหลายๆอย่างของผม
การตีสอนรู้สึกจะหนักขึ้นเรื่อยๆ ตามขนาดความดื้อของผม

จนกว่าผมจะยอม "กลับใจ" การตีสอนเหล่านี้จากพระเจ้าคงจะไม่ยุติ
---

ประมาณสามสี่ปีก่อน
ตอนนั้นยังไม่ได้สนใจเรื่องพระเจ้า
เคยมีเพื่อนคนนึงซึ่งก็ไม่ใช่คริสเตียนเหมือนกัน บอกกับผมว่า

ลักษณะผมเหมือน "ตัวเม่น"

ตัวเม่น ในฤดูหนาว มันจะพยามเข้าไปรวมตัวกัน เพื่อ ต้องการความอบอุ่น
แล้วทีนี้ เข็มบนตัวมัน ก็จะ "ทิ่มแทงกันและกัน"
---

บ่อยครั้งที่การที่เราพยามจะวิจารณ์ใครต่อใคร ถึงแม้ว่าเราจะหวังดีก็เถอะ
มันก็เหมือนพฤติกรรมของตัวเม่น

มันรวมตัวกัน เพื่อ ต้องการความอบอุ่น แต่ผลคือ มันทิ่มแทงกันไปมา

---
นึกถึงภาพคริสตจักร
ต่างคนก็เป็นตัวเม่น
ทุกคนทำเพื่อพระเจ้า แล้วก็ทิ่มแทงกันไปมา

เจ็บกันไปเจ็บกันมา ทนๆกันไป
เพียงเพราะอยากให้งานออกมาดีที่สุด

พระเจ้าเป็นพระเจ้าแห่งความรัก
ลูกๆของพระองค์ต้องเจ็บตัวด้วยการทำร้ายกันเอง ...เพราะทำเพื่อพระองค์เหรอ..?

ปล่าวเลย เพราะพระเจ้าก็เตือนไว้แล้ว
อย่างใน ลูกา ที่ยกมาข้างบน
----

ผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น ที่ผมพยามจะกล่าวโทษ

พวกเราทำไป เราก็บ่นไป
วิจารณ์กันไป วิจารณ์กันมา

เรื่องแบบนี้คงเป็นเรื่องปกติ ในองกรทั่วๆไป
แต่เป็นเรื่อง "ผิดปกติ" ในคริสตจักของพระเจ้า

พระกายของพระคริสต์ ทิ่มแทงกันเอง
ไม่ใช่เรื่องปกติแน่ๆ
----------

นึกถึงพระคำตอนนึง แต่นึกไม่ออกว่าอยู่ข้อไหน
จำได้คร่าวๆว่า

เกี่ยวกับความเรียบร้อยในที่ประชุมโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ การเผยพระวัจจนะ การพูดภาษาแปลกๆ
สิ่งเหล่านี้จะถูกจัดลำดับขั้นตอนอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ราวกับมีการนัดแนะกันมา ซึ่งไม่มีทางนัดแนะกันได้เลย
แต่ทุกอย่างที่เกิดขึ้นก้เป็นลำดับขั้นตอน อย่างเรียบร้อย

เพราะพระวิญญาณบริสุทธิ์ในเค้าเหล่านั้นเปนผู้ควบคุมดูแล

นั่นพูดถึงในที่ประชุม
แต่ก็โยงไปถึงเรื่องทั้งหมดในคริสตจักรได้เช่นกัน

"การยอมให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ควบคุม"

การวิพากวิจารณ์คงไม่เกิดขึ้นอย่างไร้สาระ และทิ่มแทงกันเอง ...ถ้าเพียงแค่ทุกคน "กำลังถูกควบคุม"
โดยองค์พระผู้เป็นเจ้าเดียวกัน

----
ไม่กี่วันก่อน เพื่อนพึ่งจะเล่าเรื่องนึงให้ฟัง
ในที่ประชุมนึง มีการพูดจาเล่นหัวกันอย่างไร้สาระ บางคนมีการพูดเล่นตลกลามปามไปการประกาศ
แล้วก็มีพี่คนนึงในที่ประชุม พูดแทรกขึ้นมา เป็นเชิงตำหนิ คนเหล่านั้น
...ทำให้บรรยากาศตลก เครียดขึ้นมาทันใด...

แล้วก็เกิดคำถามนึงขึ้นมาว่า

วันนั้น "ใครถูก" "ใครผิด"
มันจะมีเหตผลหลายๆอย่าง ที่สามารถ สนับสนุนให้ฝ่ายนึงถูกได้เสมอ ถ้าเพียงแค่เราอยากทำ

แต่ถามว่า ในสายพระเนตรพระเจ้า ...คำตอบคืออะไร

ผมเลยพูดเล่นๆกับเพื่อนว่า
ก็ตัดสินไม่ยาก
ก็เอา "พระเยซู" ตั้งลงไปตรงที่ประชุม
เด่วก็รู้เอง ว่าใครผิดใครถูก.....
-----

บ่อยครั้ง ที่เรามักจะเริ่มใช้มาตรฐานแบบโลก มาตรฐานแบบตัวเอง ในการวัด
ในการวิพากวิจารใคต่อใคร
จนหลงลืม ว่ามาตรฐานของพระเจ้าเท่านั้น ที่ไว้ใจได้

พระคำที่ยกมาตอนต้นกระทู้นั้น ก็เตือนเราเรื่องนี้แหล่ะ
---

ถ้าจะต้องมีการตำหนิ การเปิดโปง การอะไรก็ตาม
ก็ขอให้มาจากพระเจ้า พระวิญญาณบริสุทธิ์ อย่าให้มาจากเจตนาของพวกเรากันเองเลย

เพราะพระเจ้าก็เตือนไว้แล้วว่า พระองค์แต่ผู้เดียว ที่มีสิทธิ์เป็นผู้พิพากษา

หากเราเผลอทำตัวเป้นผู้พิพากษา เราก็กำลังออกห่างจากพระเจ้า
และกำลังเข้าใกล้ นิสัยของมาร
และออกห่างจาก "การควบคุมโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์"

แล้วความวุ่นวาย ในสังคมนั้นๆก็จะตามมา
แม้แต่ว่าที่นั่นจะถูกเรียกว่าคริสตจักรก็ตาม

คริสตจักรที่แท้ ไม่ใช่ตัวอาคาร ไม่ใช่สมาคมอะไร ไม่ใช่สโมสรที่ไว้ให้ใครมรวมตัวกัน

คิสตจักรคือการชุมนุมกัน ของผู้มีพระวิญญษณยริสุทธิ์
เพื่อร่วมกันเป็นหนึ่งในพระกายของพระคริสต์
เพื่อรับใช้องค์พระผู้เป็นเจ้า

--
ขอพระเจ้าในพระนามพระเยซูคริสต์ ช่วยเหลือเรา ที่เราจะหยุดวิจารณ์พี่น้อง และพูดแต่ในสิ่งที่พระวิญญาณบริสุทธ์อยากให้พูด เพื่อเห้นแก่กันและกัน เพื่อเราจะเข้าใจในความรักของพระเจ้า เพื่อความรักของพระเจ้าจะครอบครุมเราจริงๆ เพื่อเราจะสัมผัสจริงๆ

อาเมน




 

Create Date : 09 สิงหาคม 2549   
Last Update : 9 สิงหาคม 2549 23:58:21 น.   
Counter : 587 Pageviews.  

การปั้นตัวเองเป็นรูปเคารพ

การปั้นตัวเองเป็นรูปเคารพ

มีเขียนไว้ชัดเจนในบัญญัติสิบประการเกี่ยวกับการห้ามนมัสการอื่นไดนอกจากพระเจ้าพระผู้สร้าง

หรือเรียกง่ายๆว่า ....รูปเคารพ.....

...........
สมัยโมเสสขึ้นไปบนซีนายเพื่อรับบัญญัติ ครั้งนั้นด้วยความหวาดกลัวที่ไม่มีผู้นำหลายวัน ทำให้อิสราเอล”ปั้นรูปเคารพ” ขึ้นมาตัวหนึ่ง
รูปเคารพตัวนั้นมีจุดจบ คือแหลกละเอียด เพราะไม่เช่นนั้นคนที่จะเดือดร้อนก็คืออิสราเอลเอง
....ไม่แน่ใจว่าเพราะเหตการณ์ครั้งนี้หรือเปล่า ที่ทำให้โมเสสไม่ได้เข้าคานาอัน เพราะการยอมรับโทษแทนอิสราเอล ...
...................

เป็นเรื่องยากที่จะอธิบายให้คนที่ไม่มีประสบการณ์ฝ่ายวิญญาณเข้าใจบัญญัติที่ไม่ให้กราบไหว้รูปเคารพ ว่ามันมีกระบวนการส่งผลกับพวกเค้ายังไง .....ไปว่ามากๆเตือนมากเข้า ผู้ที่ตักเตือนก็มักจะถูกหาว่าเรื่องมาก หนักเข้าอาจถึงขั้นถูกหาว่าไร้สาระ
ในทางปฏิบัติ ถ้าไม่เข้าใจก็ไม่ต้องพยามเข้าใจ ว่าพระเจ้าสั่งไว้เช่นนั้นเพราะเหตใด ..แต่ผมกล้ายืนยันตรงนี้ว่า พระเจ้าไม่ได้สั่งไว้เช่นนั้นเพราะเห็นแก่พระองค์เอง ...แต่นั่นเป็นคำสั่งเข้าใจยากที่ให้ปฏิบัติตาม เพื่อตัวของพวกเราเอง
.....อย่างที่บอก ว่าใครยังไม่เคยผ่านประสบการณ์ฝ่ายวิญญาณมา คงเป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจ
.....แต่ไม่ว่าเขาจะเข้าใจหรือไม่ ....รูปเคารพ ก็เป็นเรื่องอันตรายที่ส่งผลกับตัวเขา ไม่ว่าเขาจะเข้าใจ หรือ “เชื่อหรือไม่” เหมือนคนที่ไม่รู้จักปืน ถ้าผมเอาปืนจ่อไปที่เขาและบอกว่าผมฆ่าคุณได้แม้จะห่างกันสิบเมตร ..ไม่ว่าเขาจะเชื่อหรือไม่ ..ผมลั่นไก ..เขาก็ตาย....

การปั้นตัวเองเป็นรูปเคารพ.....

รูปเคารพ ถูกจำกัดอยู่แค่ไหน เป็นรูปปั้นหรือเปล่า หรือมีมากกว่านั้น อย่างที่บอกว่ามันเป็นเรื่องฝ่ายวิญญาณไม่ใช่แค่ฝ่ายวัตถุ
มีรูปเคารพมากมายที่มนุษย์เผลอถือและสร้างไว้เคารพ

อยากจะพูดถึง ...การปั้นตัวเองเป็นรูปเคารพ
ลูซเฟอร์ อาจจะเป็นตัวแรกๆที่ทำกระบวนการนี้ ..ความหยิ่งผยอง.....
ทีสุดตัวมันเองก็กลายเป็นรูปเคารพ สำหรับตัวมันเอง และมันปรารถนาเป้นรูปเคารพของทุกๆอย่างด้วย

..........
ผมมีโอกาสได้เห็นหลายๆคน แม้กระทั่งในสังคมคริสเตียน ที่บางคนกำลังเผลอทำอย่างที่ลูซเฟอเคยทำ.....
ซึ่งก็ขอสารภาพว่า ..ครั้งนึงผมก็เคยทำ .งและนั่นก็ทำให้ผมเข้าใจว่ามันส่งผลร้ายมากแค่ไหน
ขอบคุณพระเจ้าที่กดผมลง ให้ผมยอมถ่อมใจต่อพระเยซูคริสต์... ขอบคุณพระเจ้าที่ช่วยฉุดผมขึ้นมา

ไม่คิดว่ากระทู้นี้จะเป็นการกล่าวโทษใคร เพราะอย่างที่บอกว่าผมเองก็เคยเป็น และไม่อยากให้ใครเป้นอย่างที่ผมเคยเปน และเพราะผมกำลังเห็นหลายๆคนกำลังเป็นอย่างที่ผมเคยเป็น จึงคิดว่าแบ่งปันเรื่องนี้ไว้ก็น่าจะเป้นประโยชน์กับพวกเราเอง

...........
เคยเห็นซุปเปอร์ไอด้อลมั้ยครับ พวกดารานักร้อง อะไรพวกนี้ ที่ถูกเมค ถูกแต่ง ถูกโปรโมท ซะจนแทบจะกลายเป็นอะไรบางอย่างที่หลุดออกมาจากการ์ตูน หรือหลุดออกมาจากจินตนาการ ถามว่าพวกนั้นเวลาอยู่บ้านนั่งซดน้ำเต้าหู้ ..เค้าเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า ..ไม่ใช่แน่
เค้าถูกอิมเมจเม้กเก้อ “ปั้น” ให้พวกเค้าเป็นอะไรบางอย่าง แต่ที่พูดอย่างนี้ไม่ได้หมายความว่าพวกเค้าเป็นรูปเคารพนะครับ แต่แค่อุปมาให้เห็นภาพ ว่าการ “ปั้น” เป็นยังไง

กลับเข้าเรื่องของเรา
การปั้นตัวเองเป็นรูปเคารพ

ลองหยุดสำรวจดู ว่าวันนี้เรากำลังพยามทำอะไรให้เราดูดีหรือเปล่า เรากำลังหรูเริดเชิดหยิ่งหรือเปล่า เรากำลังทำตัวเป็นซุปเปอร์สตาร์หรือเปล่า เรากำลังคิดว่าเราเหนือกว่าคนอื่นหรือเปล่า เรากำลังพยามจะเป็น “บุคคลสำคัญหรือเปล่า”

มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์จำได้คร่าวๆ ว่าพระเจ้าบอกว่า อย่าหมายว่าตัวสำคัญ เพราะแท้จริงในสายพระเนตรแห่งความจริงของพระเจ้า เราทุกคน “เท่าเทียมกัน”
ทันทีที่เรามองว่าเรา เหนือกว่าคนอื่น เด่นกว่าคนอื่น สำคัญกว่าคนอื่น เป็นเฟืองสำคัญกว่าคนทั่วไป ..นั่นก็ขอให้มั่นใจได้เลยว่า ...ท่านกำลังออกห่างจากการมองแบบพระเจ้า ...ออกห่างจากพระเยซูคริสต์ผู้คือ “ความถ่อมใจ”

โรม12/9-16

จงรักด้วยใจจริงจงเกลียดชังสิ่งที่ชั่วจงยึดมั่นในสิ่งที่ดี..
จงรักกันฉันพี่น้องส่วนการที่ให้เกียรติแก่กันและกันนั้นจงถือว่าผู้อื่นดีกว่าตัว..
อย่าอ่อนระอาจงมีจิตใจกระตือรือร้นด้วยพระวิญญาณจงปรนนิบัติองค์พระผู้เป็นเจ้า..
จงชื่นชมยินดีในความหวังจงอดทนต่อความยากลำบากจงขะมักเขม้นอธิษฐาน..
จงเห็นอกเห็นใจช่วยธรรมิกชนเมื่อเขาขัดสนจงมีน้ำใจอัธยาศัยไมตรี..
จงอวยพรแก่คนที่เคี่ยวเข็ญท่านจงให้พรอย่าแช่งด่าเลย..
จงชื่นชมยินดีกับผู้ที่มีความชื่นชมยินดีจงร้องไห้กับผู้ที่ร้องไห้..
จงเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันอย่าใฝ่สูงแต่จงถ่อมใจลงยอมทำการต่ำ{หรือจงคบคนสามัญ}
อย่าถือว่าตัวฉลาด..

มองโลก มองสังคม มองพี่น้อง มองตัวเอง ..ด้วยความจริง อย่างที่เป็น อย่าปั้น อย่าสร้าง
อย่าพยามสูงกว่าใคร ไม่มีใครสูงกว่าใครได้ เป็นประสงค์ของพระเจ้าที่ต้องการให้เราเท่าเทียมกัน และ ...ถ่อมใจ.....

ขอพระเจ้าในพระนามพระเยซุคริสต์คุ้มครองและอวยพระพรเราทุกคนให้ถ่อมใจอย่งพระเยซุคริสต์ครับ อาเมน




 

Create Date : 05 สิงหาคม 2549   
Last Update : 5 สิงหาคม 2549 8:35:05 น.   
Counter : 440 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  

เดียวดาย9อักษร
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add เดียวดาย9อักษร's blog to your web]