32Then you will know the truth, and the truth will set you free." 32 你 們 必 曉 得 真 理 , 真 理 必 叫 你 們 得 以 自 由 。

ข้าเนี่ยล่ะราชันย์...


ข้าเนี่ยล่ะราชันย์...
(ฟังหัวข้อแล้วกรุณาอย่าเพิ่งหมั่นไส้คนเขียนเน่อ)

วันนี้นั่งดูมาร์คไรเดอร์ คาบูโตะ

มีตอนนึงของวันนี้ ที่ชายซึ่งแปลงร่างเป็นเดอะซอร์ด กล่าวว่า

"คนที่อยู่ในจุดสูงสุดแล้ว ไม่จำเป็นต้องพัฒนา"

...????


-----------
ตอนนี้มีเพื่อนผมคนนึง เค้าอยู่ในสภาพเดียวกับ เดอะซอร์ด ในเรื่องคาบูโตะ

เค้ามีแนวคิดที่ว่า
"คนที่อยู่จุดสูงสุด ไม่จำเป็นต้องพัฒนา"
ไม่จำเป็นต้องแก้ไข
ไม่มีอะไรบกพร่อง
. ..และเค้ากำลังคิดว่าเค้าเป็นคนคนนั้น

...ผมมองดูเค้าแล้ว ก็ให้ต้องย้อนดูตัวผมเอง ...ในอดีต...

....
ครั้งนึง ผมมีนิสัยเหมือนอย่างนั้น เหมือนเดอะซอร์ด ในเรื่องคาบูโตะ
ผมมักจะคิดว่า แนวคิดผมสมบูรณ์แบบ
พฤติกรรมผม คือมาตรฐาน
สิ่งที่ผมรู้ คือ รู้แจ้ง

ใครเห้นไม่ตรงผม คือผิด
ใครเถียงผม คือโง่
ใครไม่เหมือนผม คือต่ำกว่ามาตรฐาน...

นึกๆไปแล้ว นิสัยก็ทุเรศสุดๆ....

....แต่ตลกดี จริงๆแล้ว มีคนที่มีนิสัยแบบนั้นมากกว่าหนึ่งคน
ยิ่งเข้ามาในห้องศาสนา ก็ยิ่งเจอคนแบบนั้น

เพื่อนผมคนที่พูดถึงนี้ เป็นคริสเตียนครับ ที่เริ่มจะเพี้ยน... ผมกล้าว่าเค้าอย่างนั้นเพราะว่า ผมถือว่าทุกคำที่ผมว่าเค้าคือผมได้ว่าตัวผมเองด้วย
เพื่อนคนนี้ ได้ทำบาป บางอย่าง ที่สาหัสถึงขั้นต้องตัดการสามัคคีธรรมกับเค้า คืออัปเปหิออกไปเลยว่างั้นเถอะ เพื่อเห็นแก่ส่วนรวม
ทีนี้ ปัญหาก็คือว่า ไม่มีใครในโบสถ์อยากทำแบบนั้น ทุกคนพยามให้โอกาสเค้า ในการ “กลับใจ”...แต่...เค้าไม่ทำ ....เค้าไม่ใช่แค่ “ไม่กลับใจ” แต่เค้า ไม่ยอมรับด้วยซ้ำ ว่าเค้าผิด......

การบอกให้ใครไปล้างหน้า เค้าก็ต้องเชื่อก่อนว่า หน้าเค้าเลอะ คงง่ายถ้าตรงนั้นมีกระจก แต่ถ้าไม่มีกระจก ...ต้องอาศัย “ความเชื่อ”
เราเชื่อได้ง่ายกว่า โดยปกติ ถ้ามีคนมาชี้ถึงจุดเด่นจุดดีของเรา
เราจะไม่ค่อยยอมรับ ไม่ว่าจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม ..ถ้ามีคนมา ชี้จุดเสีย จุดด้อยของเรา ..มักจะต้องย้อนถามไปว่า ..เฮ้ย.. จริงเอ๋อ ..เฮ้ย..อย่าอำดิ ...จริงอ่า ... อันนี้ยังดี เพราะอย่างน้อยกยังเริ่มไม่แน่ใจบ้าง
แต่ว่า มีคนบางจำพวก ..ที่ใครว่าอะไรไมได้เลย .... ข้าสมบูรณ์แบบเสมอ....

...ข้าคือราชันย์ ..พลทหารอย่างพวกท่านอย่ามาทำเป็นสอนข้า... เจียมตัวกันหน่อย..

.........
กลับมาที่เพื่อนผมคนนี้ เค้าไม่ยอมรับว่าเค้าบาป ทุกคนเป็นห่วงเค้า ผมนั่งคุยกับพี่สาวท่านนึงวันก่อนด้วยความเป็นห่วงเค้า มีแนวคิดนึงที่น่าสนใจ และอาจเป็นปมนึง ที่เค้าคิดว่า ..เค้าไม่บาป...

เพื่อนคนนี้ มีของประทาน ในการเป็น “ผู้เผยพระวจจนะ”

เค้าสามารถได้รับการเปิดเผยโดยตรงจากพระเจ้า ว่าจะเกิดเหตการณ์อะไรขึ้นที่สำคัญๆ ในช่วงไม่กี่นาที หรือไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า
เค้าเป็นคนที่พระเจ้า “เลือก” จะเปิดเผยเรื่องราวบางอย่างของคนอื่นให้เค้ารู้ แบบเห็นจะๆกะตาเป็นเฟรมต่อเฟรม เพื่อเตรียมการช่วยเหลือคนเหล่านั้น หรือเพื่อรับมือกับวิญญาณชั่ว

..และนี่ล่ะมั้ง ..ที่เพื่อนคนนี้คิดว่า ถ้าเค้า “บาปจริง” ทำไมพระเจ้าจึงเลือกเค้า ทำไมพระเจ้าจึงให้ของประทานที่มหัศจรรย์นี้แก่เค้า
ถ้าเค้าบาปจริง ทำไมพระเจ้า ให้เค้าเหนือกว่าพี่น้องคริสเตียนคนอื่นๆ
ถ้าเค้าบาปจริง ทำไมพระเจ้าถึงตั้งเค้าไว้ ให้พิเศษกว่าพี่น้องคริสเตียนคนอื่นๆ
ถ้าเค้าผิดจริง ทำไมพระเจ้าถึงยังเลือกเค้า

ไม่รู้สิครับ ทำไม ทำไม ทำไม ..ไม่มีใครรู้ใจพระเจ้าหรอกครับ
การอ้างว่าทำไม ทำไม ทำไม อย่างนั้น มันแค่เหตผลจอมปลอม ปลอบใจตัวเอง คัดคาน เอาชนะคนอื่น ...เพราะบาป ก็คือ บาป ..ชี้ให้ดูก็ได้ ว่าเขียนไว้ตรงไหนในพระคัมภีร์
แต่เพราะตัวนี้ล่ะ ...ทำไม ทำไม ทำไม

........
มีผู้รับใช้ที่มีประสบการณ์ทางวิญญาณสูงๆท่านนึงทางเชียใหม่ซึ่งท่านมีของประทานในการสังเกตวิญญาณ ท่านเคยพูดเรื่องนี้กับผมเมื่อเดือนเมษาที่ผ่านมา ตอนไปเข้าค่ายฟื้นฟูที่รีสอทแห่งหนึ่ง
เช้าวันนั้นเป็นเช้าหลังคืนแห่งการฟื้นฟูโดยพระวิญญาณบริสุทธ์ได้เทลงมาในที่ประชุม มีพี่น้องหลายๆคน หรือแทบจะทั้งหมดได้รับการเจิม ได้รับการแตะต้อง ได้รับการปลดปล่อยจากบาปบางอย่าง ในเช้าวันหลังคืนแห่งการฟื้นฟู ผู้รับใช้ท่านนั้นพูดไว้น่าสนใจ
“คนบางคนชีวิตก็งั้นๆ ไม่รักษาชีวิต ชีวิตไม่บริสุทธิ์ แต่พระเจ้าก็ประทานความสามารถฝ่ายวิญญาณที่เหนือกว่าคนอื่นๆให้เค้า ไว้ใช้ในงานประกาศข่าวประเสริฐ ถามว่าแฟร์มั้ย ..ไม่รู้ ไม่มีใครรู้ใจพระเจ้า”

พระคัมภีร์ก็บอกไว้แล้วว่า
พระเจ้าประสงค์จะพอใจใคร ก็เป็นเรื่องของพระเจ้า
เราแสวงหาพระองค์ได้ แต่อย่าพยามเข้าใจพระองค์ด้วยความเข้าใจที่จำกัดของเราเลย ปล่าวประโยชน์

เพื่อนคนนั้นตั้งคำถามกับตัวเองว่า ทำไม ทำไม ทำไม
สิ่งที่เค้าทำ ยังไงๆก็บาป พระคัมภีร์ก็เขียนไว้
แต่เค้าเอาทำไม ทำไม ทำไม มาอ้าง ..เพื่อจะบอกว่า “มันไม่บาป”
..มันคนละประเด็นครับ.... อย่ามั่ว

จะทำไม ก็ทำไมไป แต่อย่าเอาทำไม มายืนยันว่า “ไม่บาป”
ลองนึกถึงเรื่องของซาอูล พระเจ้าได้เลือกซาอูลไว้ ได้ส่งคนไปเจิมตั้งเป็นกษัตริย์ ..แต่สุดท้ายซาอูลก็ถูกถอด ...เพราะไม่ถ่อมใจ

.........
ทำไมผมถึงกล้าฟันธงว่าเพื่อนคนนั้นกำลังเพี้ยน...
ทำไมผมถึงกล้ายืนยันว่า สิ่งที่เค้าเข้าใจอยู่มันผิด
ทำไมผมถึงกล้าพุดว่าเค้าหยิ่ง .... ผมรู้ใจคนอื่นมากขนาดนั้นเลยเหรอ
ป่าวหรอก

ที่กล้ายืนยันก็เพราะว่า เคยอาบน้ำร้อนมาก่อนเท่านั้นเอง เคสเดียวกันเป้ะ
และเคสนี้ล่ะ คิดว่าตัวไม่ผิดเพราะว่ายังมีบางอย่างเหนือกว่าคนอื่นนี่ล่ะ ...ที่พระเจ้าบอกว่าผิด และจัดการผมเมื่อถึงเวลา
..........
ทุกอย่างก็โดยพระคุณทั้งนั้น
รอดก็โดยพระคุณ ของประทานมากมาย ก็โดยพระคุณ ได้โดยไม่ต้องฝึก
ไม่มีใครรู้หรอกครับ ว่า “ทำไม” พระเจ้าจึงให้ของประทานบางอย่างที่พิเศษมากๆ กับใครบางคนที่ไม่สมควรจะได้
แต่เชื่อเถอะว่า พระเจ้าก็มีเวลาของพระเจ้า ที่จะ “ลงดาบ” สำหรับผู้ไม่ยอม “กลับใจใหม่”
สำหรับใครก็ตามที่ยังหยิ่งผยองในสิ่งต่างๆที่พระเจ้าประทานให้ ว่าเป็นของตัว ของข้า ข้าใหญ่ ..ข้าเหนือกว่าคนอื่น ข้าคือมาตรฐาน

..ข้าเนี่ยล่ะ ..ราชันย์

ขอพระเจ้าในพระนามพระเยซูคริสต์ช่วยเรา ที่จะเปิดตาเปิดใจของเรา ให้มองเห็นความจริง ช่วยเราที่ใจเราจะยอมถ่อมลง ยอมฟังเสียงรอบข้าง ให้เราถ่อมใจที่จะไม่หยิ่งผยองคิดว่าตัวแน่ไม่ต้องแก้ไข ให้เราสำนึก ว่าเราเป็นแค่ ทาส ไม่ใช่แม้แต่พลทหาร และยิ่งไม่ใช่ราชันย์ที่อยู่เหนือใครต่อใคร เราเป็นแค่ทาสแห่งความชอบธรรมของพระองค์ ขอพระเจ้าคุ้มครองเราให้พ้นจากความหยิ่งผยองที่มาจากมาร ขอพระเจ้ารักษาเราให้พ้นจากความหยิ่งผยองที่ยังฝังอยู่ในเรา
ขอพระเกียรติพระสิริทั้งสิ้นเป็นของพระองค์สืบๆไปเป็นนิตย์
อาเมน




 

Create Date : 25 สิงหาคม 2549   
Last Update : 25 สิงหาคม 2549 8:58:03 น.   
Counter : 297 Pageviews.  

ว่าความกันต่อหน้าคนที่ไม่เชื่อ



1 โครินธ์ 6:1-11
เมื่อผู้ใดในพวกท่านเป็นความกันท่านกล้าที่จะไปว่าความกันต่อหน้าคนอธรรมและไม่ไปว่าความกันต่อหน้าธรรมิกชนหรือ.. ท่านไม่รู้หรือว่าธรรมิกชนจะพิพากษาโลกและถ้าพวกท่านจะพิพากษาโลกท่านไม่มีสมรรถภาพจะพิพากษาตัดสินเรื่องเล็กๆน้อยๆหรือ..
ท่านไม่รู้หรือว่าเราจะพิพากษาพวกทูตสวรรค์ถ้าเช่นนั้นจะยิ่งเป็นการสมควรสักเท่าใดที่เราจะพิพากษาตัดสินความเรื่องของชีวิตนี้..เมื่อพวกท่านเป็นความกันเรื่องชีวิตนี้ท่านจะตั้งคนที่คริสตจักรนับถือน้อยที่สุดให้ตัดสินหรือ..
ข้าพเจ้ากล่าวดังนี้ก็เพื่อให้ท่านละอายใจ
ในพวกท่านไม่มีสักคนหนึ่งหรือที่มีสติปัญญาสามารถชำระความระหว่างพี่น้อง.. แต่พี่น้องกับพี่น้องต้องไปว่าความกันต่อหน้าคนที่ไม่มีความเชื่ออย่างนั้นหรือ..
อันที่จริงเมื่อพวกท่านไปเป็นความกันท่านก็ตกจากระดับที่ควรทำไมท่านจึงไม่ทนต่อการร้ายซึ่งเขาทำแก่ท่านทำไมท่านจึงไม่ยอมให้เขาโกง..แต่ท่านเองกลับทำร้ายกันและโกงกันในระหว่างพวกพี่น้องของท่านเอง..
ท่านไม่รู้หรือว่าคนอธรรมจะไม่มีส่วนในแผ่นดินของพระเจ้าอย่าหลงเลยคนล่วงประเวณีคนถือรูปเคารพคนผิดผัวเมียเขาลูกสวาทชายเล่นลูกสวาท.. คนขโมยคนโลภคนขี้เมาคนปากร้ายคนฉ้อโกงจะไม่ได้รับส่วนในแผ่นดินของพระเจ้า..
แต่ก่อนมีบางคนในพวกท่านเป็นคนอย่างนั้นแต่ท่านได้รับการชำระแล้วได้รับการทำให้บริสุทธิ์แล้วได้รับการทำให้เป็นผู้ชอบธรรมในพระนามของพระเยซูคริสตเจ้าและพระวิญญาณแห่งพระเจ้าของ

๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
บ่อยครั้ง เราลืม ที่จะ ถวายเกียรติพระเจ้าในทุกกรณี
บ่อยครั้งเราก็มักเผลอ เผลอ แล้วก็เผลอ ทำอะไรตามอย่างความเคยชินอย่างประเพณีโลกๆ โดยลืมไปว่า ...เราเป็นใคร ..เรามีหน้าที่อะไร เรากำลังรับผิดชอบอะไรอยู่.....

๐๐๐๐๐๐
มัทธิว 5:13-14
ท่านทั้งหลายเป็นเกลือแห่งโลกถ้าเกลือนั้นหมดรสเค็มไปแล้วจะทำให้กลับเค็มอีกอย่างไรได้แต่นั้นไปก็ไม่เป็นประโยชน์อะไรมีแต่จะทิ้งเสียสำหรับคนเหยียบย่ำ.. _ ท่านทั้งหลายเป็นความสว่างของโลกนครซึ่งอยู่บนภูเขาจะปิดบังไว้ไม่ได้..

ขอพระเจ้าคุ้มครอง




 

Create Date : 25 สิงหาคม 2549   
Last Update : 25 สิงหาคม 2549 8:52:35 น.   
Counter : 325 Pageviews.  

"ความจำเป็น"ของพระเจ้า(คริสเตียน)

"ความจำเป็น"ของพระเจ้า(คริสเตียน)
บิดาของข้าพเจ้า สรางพระนิเวศสำหรับพระนามของพระเยโฮวาห์ พระเจ้าของพระองค์ไม่ได้
เพราะการสงครามซึ่งศัตรูของพระองค์ ล้อมรอบพระองค์อยู่

จนกว่าพระเจ้าจะทรงปราบเขาเสียให้อยู่ใต้ฝ่าพระบาทของพระองค์
......1 พงศ์กษัตริย์ 5/3

------
บ่อยครั้งในการประกาศ หรือในการอธิบายเรื่องราวของพระเจ้าให้เด็กๆคริสเตียนฟัง

จะมีคำถามว่า ทำไม ทำไม ทำไม และทำไม เต็มไปหมด
ในหลายๆคำถามยอดฮิท อาจสามารถตอบได้ ด้วยคำคำนี้

ถึงแม้พระเจ้าเป็นพระผ้สร้าง ไม่มีอะไรเกินพระหัตถพระองค์
แต่
พระเจ้า ก็มี "ความจำเป็น" ของพระองค์เช่นกัน

พูดเช่นนี้เหมือนเป็นการจำกัดความยิ่งใหญ่ของพระองค์ ปล่าวครับ ไม่ใช่อย่างนั้น

ยกตัวอย่างอย่างนี้ครับ
เคยดูหนังแอคชั่นมั้ยครับ
มันจะมีบางกรณี ที่พระเอกจำต้องพุดว่า
"ข้าไปคนเดียวดีกว่า ท่านไปช่วยก้จะเป็นภาระข้าปล่าวๆ"

นั่นกระมังที่เรียกว่า "ความจำเป็น" ของพระเจ้า

หรือบางกรณี
พระเอกไม่สามารถใช้ท่าไม้ตายที่รุนแรงได้ในการกำจัดปิศาจ เพียงเพราะว่า แถวๆนั้นมีชาวบ้านตาดำๆยืนทำตัวเป็นไทยมุงอยู่....

นี่ก็คงพอจะเรียกได้ว่า "ความจำเป็น" ของพระเจ้า
---

เราควรที่จะกลับมาทำความเข้าใจก่อนว่า
แท้จริงแล้วพระเจ้ามี"ความจำเป็น"อะไรหรือ ที่จะต้องทำอะไรเพื่อเรา มีความจำเป็นอะไรที่ต้องแคร์ว่าเราอาจได้รับผลกระทบจากการทำลายพวกวิญญาณชั่วให้สิ้นซาก

มีความจำเป็นอะไรที่ต้องรักษาเราไว้ มีความจำเป็นอะไรที่ต้องให้โอกาสเรา ในการกลับใจใหม่

คำตอบคือ "ไม่มี"

แต่พระเจ้ากลับเห็นว่า
สวัสดิภาพฝ่ายวิญญาณของพวกเรา คือ "ความจำเป็น" ของพระองค์ ที่พระองค์ ไม่สามารถทำอะไรได้สะดวกนัก
พระองค์จำต้องยอมถูกด่าว่า ยอมฟังเราบ่นซ้ำๆซากๆ

ขอบคุณพระเจ้าในพระนามพระเยซูคริสต์เจ้า พระเยซูคริสต์ที่รับโทษแทนเราไปหมดแล้วเรียบร้อยเมื่อสองพันกว่าปีก่อน
ถ้าไม่ใช่โดยพระองค์ แค่คำบ่นด่าทอพระเจ้าโดยไร้สติของพวกเรา ...พวกเราก็พินาศแล้ว....

-----
คำถามซ้ำๆซากของเด็กๆ เช่น ถ้าอย่างนั้นทำไมพระเจ้าไม่ปราบๆซาตานซะล่ะ หมดเรื่องไป
นั่นคือหนึ่งในความจำเป็น
การปราบซาตาน คือการ "เผาล้างบาง" แน่นอนมนุษย์ตาดำๆที่ไม่รู้เรื่องต้องโดนร่างแหไปด้วย เพราะส่วนนึงของมันก็แฝงอยู่ร่วมกับวิญญาณของนุษย์นั่นเอง

แต่มิได้หมายความว่า ความจำเป็นนี้ของพระเจ้า จะไม่มีจำกัดเวลา
เวลานั้นมาถึงแน่นอน

เวลาที่ชาวบ้านไม่รู้อิโหน่อิเหน่ จะต้องลงในไฟนรกนิรันดิ์ ร่วมกับซาตาน

เด็กๆมักจะถามว่า เวลานั้นคือเมื่อไหร่
"ไม่ทราบครับ"

มนุษย์หน้าไหนก็ตามที่บอกเวลานั้นได้ ไอ้หมอนั่นก็ไม่ได้อยู่ในพระเจ้าแล้วครับ
เพราะพระเจ้าบอกแล้วว่า

เวลานั้นมาถึงจะไม่มีใครรู้ จะไม่มีใครเตรียมรับมือได้
เวลานั้นจะมาอย่างขโมย

คำถามยอดฮิตอีกอันของเด็กๆคือ
ทำไม พระเจ้ายิ่งใหญ่ขนาดนั้น ทำไมไม่ทำให้ทุกคนเชื่อๆในพระองค์ซะล่ะ ง่ายกว่าการประกาศโดยพวกคริสเตียอีก
มีคำตอบสองแนวทางที่น่าสนใจ คือ
1-พระองค์ทำไม่ได้ หรือ..
2-พระองค์ไม่ทำ

ทำความเข้าใจก่อนว่า พระเจ้า ลำเอียงไม่ได้เลย พระองค์ ตรง มากๆ สัตย์ซื่อมากๆ เที่ยงธรรมมากๆ
ยกตัวอย่างง่ายๆ
มนุษย์ที่ทำบาป ซึ่งพระองคืประสงค์จะอภัยโทษให้ แต่อภัยให้ไม่ได้ ถ้าไม่มีการชดใช้

คิดแบบมนุษย์ๆ ง่ายกว่าเยอะ แค่ลำเอียง อภัยโทษโดยไม่มีการชดใช้ ....จบ...

และนี่ก็คือ "ความจำเป็น" อีกอย่างนึงของพระเจ้า
พระองค์ทำอย่างนั้นไม่ได้ เพราะพระองค์ เที่ยงธรรมมากๆ ผิดคือผิด ถูกคือถูก
แต่เพราะพระเจ้าไม่ใช่ระบบอัตโนมัติ

เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลก จึงได้ประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์เพื่อผู้ที่เชื่อและวางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศและมีชีวิตนิรันดิ์

แค่การที่พระองคจะอภัยโทษให้ใครซักคน พระองค์กลับถึงต้องขนาด ลงมาในสภาพ พระเยซุคริสต์ ผู้เป็นทั้งมนุษย์และเป็นพระเจ้า เพื่อรับโทษที่ตัวเองเป็นผู้ลงโทษ แทนมนุษย์
....นี่ความจำเป็นอีกอย่างนึงของพระเจ้า....

กลับมาที่คำถามว่า ทำไมพระเจ้าไม่ทำให้มนุษย์เชื่อพระองคืซะก็หมดเรื่อง

มนุษย์มีวิญญาณส่วนนึงของพระเจ้า นี่ล่ะครับปัญหา
คร้งที่พระเจ้าสรางมนุษย์ขึ้นมา พระเจ้าได้ประทานส่วนนึงของพระองค์ให้กับมนุษย์ ซึ่งทำให้มนุษย์มีสภาพเป็นรองแค่พระเจ้า และเหนือกว่าเทพเจ้าทุกตัว แม้แต่ลูซเฟอ

เจตนาอิสระ ที่มีในมนุษย์ ซึ่งพระเจ้าประทานให้ตั้งแต่เริ่มต้น ...จำเป็นต้องมีสิ่งนี้ ไม่เช้นนั้นมนุษย์ จะ "รักไม่เป็น"

และสิ่งนี้เมื่อพระเจ้าให้แล้ว ก็คือให้
พระองค์ให้เกียรติสิ่งนี้ที่พระองค์ประทานให้มนุษย์
พระองค์จะไม่ก้าวก่าย
เหตเพราะว่าพระองคเที่ยงธรรมมากๆ

แทนที่พระองค์จะบุกเข้าไปในหัวใจของใครต่อใครก็ได้ซึ่งพระองค์ทรงสรางและเป็นเจ้าของเค้า
พระองค์กลับต้องถ่อมพระองค์เอง

เป็นแค่ คนเคาะประตู ที่"รอคอย" เจ้าของบ้านออกมาเปิดประตูต้อนรับ....

ควาจำเป็นที่เพียงเพราะว่า
พระองค์เที่ยงธรรม และไม่เที่ยงธรรมไม่ได้เพราะพระองค์คือความเที่ยงธรรม และพระองค์คือพระเจ้า
และพระเจ้าจะไม่เป็นพระเจ้าก็ไม่ได้

----
นี่เป็นเพียงส่วนนึงของความจำเป็นของพระองค์ ที่พระองค์จำเป็น เพราะเพียงเห็นแก่มนุษย์

เพราะว่าพระองค์เป็น ความรักด้วย
และพระองค์จะไม่เป็นพระองค์ก็ไม่ได้

-----

ไม่ใช่เรื่องอะไรที่เราจะมานั่งทำตัวเหมือนประชาชนที่ออกเสียงเลือกตั้งได้ ว่าต้องการผู้ปกครองผู้นี้หรือไม่

เราออกความเห็นได้ว่า เราจะไม่เอาพระเจ้า
แต่เราจะปฏิเสธความจริงเรื่องพระองค์ไม่ได้ เราจะบอกว่าไม่มีพระองคืไม่ได้ เพราะความจริงคือพระองค์ทรงดำรงอยู่

ต่อให้มีคนฉลาดๆออกมาสรางแนวคิดเพื่อหักล้างเรื่องของพะรองค์มากแค่ไหน ...แต่ความจริงก็คือความจริง

พระองค์เป็นกษัตริย์เหนือกษัตริย์
ไม่ว่าใครจะเชื่อหรืออยากยอมรับหรือไม่ก็ตาม

ไมว่าใครจะยอมรับ ความจำเป็นของพระองค์หรือไม่ก็ตาม
แต่สุดท้าย ก็ไม่มีใครหนีความจริงพ้น

เรามีสิทธิที่ยอมรับหรือไม่ยอมรับ
แต่เราไม่มีสิทธิที่จะเปลี่ยนแปลง "ความจริง"
ไม่ว่าในสายตาเรามันจะเจ็บปวดแค่ไหนก็ตาม

---------
แต่ว่า....

พระเจ้าตรัสว่าเพราะเรารู้แผนงานที่เรามีไว้สำหรับเจ้าเป็นแผนงานเพื่อสวัสดิภาพไม่ใช่เพื่อทุกขภาพเพื่อจะให้อนาคตและความหวังใจแก่เจ้า..

.......เยเรมีย์ 29:11

ขอพระเจ้าอวยพระพรครับ




 

Create Date : 25 สิงหาคม 2549   
Last Update : 25 สิงหาคม 2549 8:50:06 น.   
Counter : 311 Pageviews.  

จากเรื่องชายตาบอด (อีกครั้ง)

แบ่งปัน(คริสเตียน)
วันอังคารที่ผ่านมา

เวลาประมานสองทุ่มครึ่ง หน้าโรงแรมแกรนไดม่อน
(อย่าเข้าใจผิดกระผมมิได้ไปพักหรือเกี่ยวข้องอะไรกับที่นั่น แค่ไปยืนรอรถเมล์เฉยๆ^^)

ไม่กี่วันก่อนเขียนกระทู้อ้างอิงถึงชายตาบอด
พอตกเย็นย่ำค่ำก็เจอชายตาบอดคนนึง ให้ต้องระลึกถึงเรื่องชายตาบอดอีกเอพพิโสดนึง
....
ระหว่างที่ยืนรอรถเมล์

มีชายวัยสามสิบเศษท่านนึง เดินมา แต่งกายไม่สู้ดีนัก

เค้าเริ่มเดินชนอะไรหลายๆอย่างเหมือนคนเมา
เริ่มเดินชนมากขึ้น จนยิ่งผิดสังเกตว่า ..น่าจะหนักกว่าคนเมาแล้วนะ

..คนแถวๆนั้นเริ่มมอง ผมก็มอง

ในที่สุดก็เลยฟันธง

"เค้าตาบอด"

.....
เค้าเป็นคนตาบอด ที่ไม้พกพาไม้เท้า ไม่พกผู้นำทาง ไม่พกอะไรทั้งนั้น นอกจากถุงใบนึงในมือซึ่งใส่อะไรไว้ไม่รู้
ถ้าไม่ใช่เพราะคนแถวๆนั้นช่วยกันจูงมือเค้ากันเป้นทอดๆ ...รถชนตายแน่นอน

ไม่ใช่ธุระอะไรของผมที่จะมานั่งเดาว่าเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตเค้า หรือเค้าใช้ชีวิตแบบนี้เพื่ออะไร
แต่ชายท่านนี้ก็ช่วยยืนยันได้ดี ว่า

คนตาบอด ที่ไม่มีไม้เท้า ไม่มีผู้นำทาง
..นั้นเลวร้ายแค่ไหน
....อันตรายมากแค่ไหน



เป็นเรื่องผิดสังเกตอยู่เหมือนกัน ว่าถ้าเค้าใช้ชีวิตอย่างนั้นมาตลอด ..เค้ารอดมาถึงวันนี้ได้ยังไง
จึงเริ่มคิดว่า คงไม่ใช่ว่าเค้าไม่เคยช้ไม้เท้า หรือไม่สนใจจะมีผู้นำทาง



.......คิดไปต่อได้ว่า ..บางที่เค้าอาจจะแค่ทำไม้เท้าหรือผู้นำทางหายก็ได้
...........

ขอบคุณพระเจ้าในพระนามพระเยซูคริสต์
ที่พระองค์ทรงเป็นผู้นำทาง ที่เป็นนิรันดิ์ ไม่มีทางหายไปไหน
แม้เราจะละทิ้งพระองค์ พระองค์จะไม่ละทิ้งเรา

พระองค์จะเป็นดั่งผู้เลี้ยงที่เที่ยวตามหา “แกะหลงหาย” เช่นพวกเรากลับมาเสมอ

ชายตาบอดท่านนั้น อาจะมีใครบางคนที่รักเค้า กำลังตามหาเค้าอยู่ ด้วยความร้อนใจ
และนี่ยิ่งต้องขอบคุณพระเจ้า เพราะผู้ตามหาเราคือพระเยซูคริสต์ ผู้เป็นพระเจ้า

ไม่ใช่เรื่องยาก ที่พระองค์ซึ่งเป็นพระเจ้าพระผู้สร้างจักรวาลฟ้าสวรรค์จะหาเราเจอ
แต่ ประเด็นน่าจะอยู่ที่ว่า ....เรายอมให้พระองค์หาเจอหรือเปล่า

พระคัมภีร์กล่าวว่า พระองค์ทรงเคาะอยู่ที่ประตูใจเรา ทุกๆคนเสมอมา ผู้ที่ได้ยินเสียงเรียกนั้น และเปิดประตูต้อนรับพระองค์ ...ก็จะเข้าส่วนในพระองค์
......

พระเยซูคริสต์ทรงสละอะไรมากมาย ทรงยอมถูกตรึงตายด้วยร่างกายอย่างมนุษย์ที่ไม้กางเขน
เจ็บปวดทรมาน และยอมถูกประณาม ยอมรับความอับอายทุกอย่าง ยอมรับการถ่มน้ำลายรดจากบรรดาคนโสโครก ยอมถูกประณาม ยอมถูกยัดเยียดข้อหาต่างๆมากมาย ...ทั้งที่พระองค์บริสุทธิ์
..เพียงเพื่อจะพาเรา “กลับบ้าน”

ความร้อนใจของพระเยซุคริสต์พระผู้เป็นเจ้า คงไม่น้อยไปกว่า คนที่รักชายตาบอดคนนั้น ที่กำลังเป็นห่วงเค้าอยู่

.....
พระเยซูคริสต์ทรงสละมากมาย เพื่อตามหาเรา
พวกเราเอง น่าจะตระหนักในพระคุณนี้

และระมัดระวัง ที่จะ ไม่ทำพระองค์หายไปจากชีวิตของเรา
...เหตุเพราะว่า...
“เราทั้งหลายไม่เคยหายไปจากความรักของพระองค์เลย”

ขอพระเกียรติ พระสิริ มีแก่พระองค์ผู้เดียวสืบๆไปเป็นนิตย์
อาเมน




 

Create Date : 17 สิงหาคม 2549   
Last Update : 17 สิงหาคม 2549 6:28:07 น.   
Counter : 353 Pageviews.  

ข้อคิดเล็กๆ จากหลักข้อเชื่อของเรา

แบ่งปัน(คริสเตียน)


1-เชื่อในความเป็นพระเจ้าพระผู้สร้าง
2-ยอมรับว่าเราคือคนบาป
3-เชื่อในฤทธิ์เดชของไม้กางเขน เชื่อในความเป็นพระเจ้าของพระเยซูคริสต์ คือการคืนพระชนม์ในวันที่สาม

พี่ๆน้องๆที่อยู่ที่นี่ต้องเคยผ่านหลักข้อเชื่อเหล่านี้มาแล้วเป็นแน่แท้ ผมเดาเอาอย่างนั้น

----
เราลองนั่งเชคตัวเองดูเล่นๆดีมั้ยครับ ว่าเรา แปลกไปจากครั้งที่รับเชื่อใหม่ๆอย่างไรกันบ้าง

1-เรายังเชื่อในความเป็นพระเจ้าพระผู้สร้างอยู่หรือไม่ มากน้อยแค่ไหน

ถ้าพระเจ้าเป้นพระผู้สร้าง.... งั้น..
เงินในกระเป๋าของเรา เป็นของใคร
อาหาร ที่เรากิน อากาศที่เราใช้ มาจากไหน
เลือดเนื้อของเราทั้งหมด เป็นของใคร?
เส้นทางชีวิตของเรา ใครขีด เราหรือพระเจ้า?

2-ยอมรับว่าเราคือคนบาป

จริงอยู่ ว่าโลหิตพระคริสต์ได้ชำระเราให้ชอบธรรมแล้ว แต่คงเป็นเรื่องน่าละอาย..ถ้าเราจะลืมกำพืดตัวเอง...
เรามักเห็นคริสเตียนบางคน ชอบที่จะกล่าวโทษคนนู้นคนนี้ เวลาดูข่าวอาชญากรรม ก็ชอบต่อว่าคนร้ายในคดีนั้นๆ ..ช้าก่อนท่าน ..ท่านมีสิทธิอะไรไปว่าเขาหรือขอรับ ...กำพืดท่านคืออะไรครับ ท่านมีอะไรดีไปกว่าเขาหรือครับ อาจจะมองไม่ชัด ยกตัวอย่างชัดๆเลยละกัน สมมุตว่าคนที่ท่านกำลังด่าประณามอยู่นั้น คือนักโทษฆ่าข่มขืน เด็กสาวอายุไม่ถึง15 และภาพในข่าวที่ท่านกำลังเห็นคือพ่อแม่เด็กกำลังร้องไห้กับการจากไปอย่างทารุณของลูกสาว ....ท่านรู้สึกอย่างไรกับคนร้ายครับ?
ถ้าท่านกำลังด่าประณามคนรายคนนั้น ..หยุดคิดสิครับ
ท่านกับคนร้ายนั้น ดีเลวต่างกันมากน้อยแค่ไหน

เชคตัวเราเองเดี๋ยวนี้ ว่าเรายังติดนิสัยว่าเราดีกว่าคนนู้นคนนี้อยู่รึเปล่า เพราะอย่าลืมความจริงที่ว่า มนุษย์ทุกคนเป็นคนบาป และเราๆท่านๆทั้งหลายก็ดีได้ด้วยเพราะพระเยซูคริสต์เป็นผู้กระทำ มิใช่เรากระทำ
ถ้าเรากำลังหลงคิดไปว่าเราดีเพราะตัวเราเอง และเริ่มกล่าวโทษใครต่อใคร หรือแม้แต่ฆาตรกรฆ่าข่มขืน ...เราก็ไม่ปกติแล้วล่ะครับ สำหรับในสายพระเนตรของพระเจ้า เพราะเรากำลังลืมกำพืดตัวเอง และเริ่มลืมพระคุณของพระโลหิตที่พระองค์ยอมไถ่แทนเรา

การแก้แค้นเป็นของพระเจ้า การพิพากษาก้เป็นของพระเจ้า
เรามีสิทธิอะไรรือ ที่เที่ยวไปทำตัวเป็นผู้ทรงธรรม ว่าคนนู้นคนนี้เขาว่าไม่ดี กำพืดเราดีนัก หรืออย่างไร ..ถ้าเราสรุปว่าเราดีได้ เพราะกำพืดเราดี นั่นเท่ากับเราปฏิเสธฤทธิ์เดชแห่งพระโลหิดโดยทางอ้อมนะครับ อย่าลืม...
และสิ่งนี้ คือหัวใจของคริสต์ นะ
เรารอดโดยพระคุณ ไม่ใช่เพราะเราดีแค่ไหน
เราดีก็โดยพระคุณ ไม่ใช่เพราะเราดีเองได้

ถ่อมใจ และสำนึกให้มากๆครับ ว่ากำพืดเราคืออะไร อย่าเที่ยวไปดูถูกหรือกล่าวโทษใครๆอย่างที่คนที่ไม่รู้จักพระเจ้าทำๆกันอยู่ ถึงแม้ว่าคนนั้นจะเป็นฆาตรกรฆ่าข่มขืนก้เถอะ ...หรือแม้แต่เหยื่นจะเป็นคนใกล้ชิดเราก็เถอะ....

3-เชื่อในฤทธิ์เดชของไม้กางเขน เชื่อในความเป็นพระเจ้าของพระเยซูคริสต์ คือการคืนพระชนม์ในวันที่สาม

เรายังเชื่ออยู่มั้ย มีบาปไหนที่ยังซ่อนเร้นหรือไม่ มีอะไรที่เราขอการชำระแล้วมันยังอยู่มั้ย
ฤทธิ์เดชของพระโลหิตยังทำงานได้เต็มที่ในชีวิตเรามั้ย
เรายังสารภาพบาปอยู่มั้ย เรายังคงใช้สิทธิของการไถ่ของพระคริสต์กันอยู่หรือเปล่า

ถ้ามีอะไรผิดปกติ ปัญหาอยู่ที่ไหน..ที่พระเยซูคริสต์ เหรอ?
ไม่ใช่แน่

สำรวจตัวเราเองครับ
เรายังถ่อมใจต่อหน้าพระพักตร์อยู่หรือเปล่า
ฤทธิ์เดชของพระโลหิต คงไหลลงล้างบาปให้ใครไม่ได้ ถ้าเค้าไม่ก้มหมอบตัวลงให้ต่ำที่สุด
ความหยิ่งผยอง เหมือนปีก ที่พาเราบินให้สูง เพื่อให้เรารู้สึกเหมือนอยู่สูงกว่าการไหลงลงชำนะบาปของพระโลหิต ปีกของความหยิ่งผยองแม้มันจะพาเราบินไป แต่ก็เป็นบินเข้าใกล้ "มาร"

สลัดปีกนั้นทิ้งเสีย ละความงดงามนั้นไว้
ยอมร่วงลงให้ต่ำที่สุด แม้จะเจ็บตัวก็ช่างมัน
เพราะเมื่อเราอยู่จุดตำที่สุดแล้ว ยังไงเสีย พระโลหิตก็ต้องอยู่สูงกว่าเรา ...และการชำระก็จะเกิดขึ้น

การชำระ การบังเกิดใหม่ จะเกิดได้อย่างไร
ถ้าเราชอบทำตัวติดปีกบินสูง.....

........
ขอพระเจ้าคุ้มครองครับ




 

Create Date : 17 สิงหาคม 2549   
Last Update : 17 สิงหาคม 2549 6:25:39 น.   
Counter : 644 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  

เดียวดาย9อักษร
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add เดียวดาย9อักษร's blog to your web]