|
|
หัวใจเด็กๆกับความถ่อมใจ และเติบโตฝ่ายวิญญาณ
เคยดูหนังเรื่องนึง finding the neverland (ถ้าจำชื่อไม่ผิดนะ)
เป็นเรื่องเกี่ยวกับผู้ที่แต่งนิทานเรื่อง ปีเตอร์แพน รับบทโดย จอนนี่เดป
หลักๆคิดว่าที่ได้จากเรื่องนี้คือ
ไม่ว่าจะอย่างไรเราก็ยังเป็นเด็กน้อยวันยังค่ำ ไม่ว่าเราจะพยามทำตัวให้เป็นผู้ใหญ่ยังไง จะพยามทำตัวยุ่งๆด้วยธุรกิจมากแค่ไหน จะมีหรือไม่มีภาระรับผิดชอบก็ตามที ไม่ว่างานอดิเรกของเราตอนอายุ30จะเป็นการแข่งมอเตอร์ไซ ชกมวย ตีกอล์ฟ ออกงานสังคมหรูๆ ช้อบปิ้งเพื่อโยนเงินลงถังทีละหมื่นๆ หรืออาจจะเป็นแค่นั่งเล่นตุ้กะตุ่นตุ้กตาก็ตาม ....ในความเป็นเด็กพวกเราทุกคนเท่าเทียมกัน ไม่มีใครปิดซ่อนมันได้
ไม่ว่าสายตาอย่างมนุษย์จะมองว่าคนคนนั้นเป็นผู้นำประเทศหรือเป็นแค่ครูพละโรงเรียนอนุบาลก็ตามที ...ในความเป็นเด็กแล้วเหมือนกันทุกคน
...
ในหนังเรื่องนั้นจอนนี่เดปแสดงเป็นผู้สร้างปีเตอแพน ซึ่งเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่รู้จักโต มักชอบเล่นอะไรแบบเด็กๆ เขาไม่เสแสร้งแกล้งทำเป็นผู้ใหญ่ด้วยการพูดจายักคิ้วหลิ่วตา พูดพลางยิ้มวางมาดพลาง ..เค้าใสซื่อ และไม่มีพิษมีภัยเหมือนเด็กๆ
เคทวินซเลทแสดงเป็นแม่ม่ายลูกติด ซึ่งหัวใจเธอเป็นเด็กน้อยคนนึงเท่านั้นอย่างที่มนุษยทุกคนเป็น แต่เธอปฏิเสธเสมอมา เพราะด้วยภาระรับผิดชอบของเธอต่อลูกๆ เพราะอะไรหลายๆอย่าง ทำให้เธอต้องแสร้งเป็นผู้ใหญ่ปลอมๆซึ่งไม่มีจริง ที่เต็มไปด้วยความทุข ...จอนนี่เดปในเรื่องได้ปลดปล่อยหัวใจอันแท้จริงของเธอออกมาในช่วงก่อนวาระสุดท้ายของเธอ.... เธอได้กลับสู่ความจริง คือกลับเป็นเด็กๆที่ไม่จำเป็นต้องแสร้งทำว่าโตกว่าลูกๆของเธออีกต่อไป
....ความจริงที่ว่าเราทุกคนเป็นเด็กวันยังค่ำ เกิดยันตาย...
-------
ครั้งนึงพระเยซูเรียกเด็กเล็กๆมาคนนึงเพื่อสอนบรรดาอัครทูตว่า
ถ้าท่านไม่ทำตัวเป็นเด็กเล็กๆ ท่านจะเข้าแผ่นดินสวรรค์ไม่ได้
พระเยซูตรัสบอกแก่คนทั้งหลายเสมอมาว่า
เรามาเพื่อปรนนิบัตรับใช้ มิได้มาเพื่อให้ผู้ไดรับใช้
ในอาหารมื้อสุดท้าย พระเยซูท่านน้อมกายลง ล้างเท้าให้เหล่าสาวก
ในเส้นทางสู่กางเขน พระเยซูถูกประณามหยามเหยีด ทั้งโบยตี ทุบ ฟาด ทั้งโดนถ่มน้ำลายใส่ สารพัดการหลู่เกียรติที่มนุษย์ยุคนั้นจะคิดออก พวกเขาได้กระทำต่อพระเยซูทั้งหมด ..และพระเยซูท่านยอมรับสิ่งเหล่านั้นไว้ทั้งหมด
และบนกางเขน พระองค์ร้องต่อพระบิดาว่า พระองค์เจ้าข้าโปรดอภัยให้พวกเขา พวกเขาไม่รู้
----
เด็กเล็กๆคืออะไร
เด็กเล็กๆสามารถมีความสุขไปวันๆได้ โดยไม่เคยทุขเพราะเกียรติ ไม่เคยทุขเพราะการพ่ายแพ้
เด็กเล็กยิ่งโตฝ่ายเนื้อหนัง ฝ่ายสมอง เค้าก็ยิ่งถดถอยฝ่าบวิญญาณ เมื่อบาปแรกเข้ามาในสมองเค้า เค้าได้กลายเป็นทาสของไอ้จอมโกหกทันที
ยิ่งโตขึ้นๆ บาปก็มากขึ้น ความละอายต่อหัวใจบริสุทธิ์ก็มากขึ้น มากจนในที่สุดต้องหลบหนี
เหมือนเมื่อครั้งที่อดัมและเอวาวิ่งหลบพระเจ้า เพราะสำนึกว่าตนเปลือยกายอยู่
ใครเล่าบอกว่าพวกเค้าเปลือยกายอยู่ ...ไม่มีเลย
ใจพวกเค้าเป็นทุขโดยไม่มีเหตุ ....เพราะเชื้อบาปแห่งการไม่เชื่อฟัง
--
มนุษย์เมื่อกลายเป็นทาสมาร ก็พยามดิ้นรนหาสิ่งต่างๆมาปกปิดหัวใจของตัวเองให้มิดชิด มิดชิดแม้แต่กับการรับรู้ของตนเอง เพื่อที่พวกเค้าจะสามารมีความกล้าพอ จะเดินออกไปที่ถนนเพื่อดำเนินชีวิตต่อไปได้
น่าเศร้า.... ที่หนึ่งในนั้นที่พวกเค้าเลือกมาไว้เพื่อปกปิดคือ....
ความหยิ่งผยอง ถือตน มั่นใจในตนเอง ศักดิ์ศรี การยกตนข่มผู้อื่น การพยามเป็นที่ยอมรับ การเป็นผู้ชนะ การเป็นผู้ได้รับการปรนนิบัติ การเป็นผู้มากด้วยทรัพย์ การเป็นผู้มากด้วยความสุขที่สรรหาเอาจากสิ่งโสโครก
....ในที่สุดมนุษย์นั้นก็กราบซาตานเป็นพ่อโดยไม่รู้ตัว ลืมพระเจ้าผู้สร้างพวกเค้าไว้ข้างหลังที่พวกเค้าจะไม่หันมามองอีกเลย ....เพราะโดยเนื้อแท้นั้น จิตส่วนลึกพวกเค้ายอมรับโดยสดุดี ว่าพวกเค้าโสโครกเกินไปที่จะแม้แต่คิดถึงพระเจ้าผู้บริสุทธิ์...
แล้วมนุษย์นั้นก็กลายเป็นผู้ใหญ่ทางโลก แต่กลายเป็นผู้พัฒนาการถดถอยฝ่ายวิญญาณ จนแทบจะตายลงฝ่ายวิญญาณ
การ กลับใจใหม่
คือหนทางเดียวที่จะนำเรากลับมา สู่พระเจ้าบริสุทธิ์
คือหนทางเดียวที่เราจะตายลงฝ่ายโลก และเริ่มเติบโตขึ้นอีกครั้งฝ่ายวิญญาณ
คือหนทางเดียวที่เราจะกล้าและพร้อมจะให้โลกเห็นว่าเราเป็นเพียงเด็กน้อยที่อ่อนแอคนนึง เพื่อกลับสู่ความจริงว่า เราเป็นเด็กน้อย ที่ต้องการดูแลเสมอ ในสายตาพระเจ้าพระผู้สร้าง
มีมนุษย์มากมายที่ไม่ยอมกลับใจ ไม่ว่าจะด้วยเหตผลอันได หรืออาจจะเพราะเขายังถือไว้ซึ่งสิ่งสารพัดของผีมารซาตาน ทั้งสิ่งโสโครกลามก ทั้งสิ่งอันชั่วร้าย ทั้งสิ่งอันเป็นรูปเคารพที่ใจเค้ายังฝักใฝ่ และมองไม่เห็นเสียทีว่าสิ่งเหล่านั้น คือเครื่องมือที่ซาตานสร้างไว้ เพื่อบงการพวกเค้าอย่างลับๆ
มีข้อความในพระคัมภีร์มากมาย ที่ดลใจให้คริสเตียน ทำลาย สิ่งเหล่านี้ให้สิ้น เพื่อตัดสัมพันธ์กับซาตานโดยสมบูรณ์
--
เด็กน้อยไม่คลั่งดารา เด็กน้อยไม่หลงไปกับสิ่งลามก
เด็กน้อยไม่หลงไปกับเหรียญแห่งเกียรติ เด็กน้อยมีความสุขไปวันๆ เด็กน้อยไม่จำเป็นต้องเอาชนะ
เด็กน้อยไม่ต้องวางมาด เด็กน้อยพูดจาซื่อไม่มีเล่ห์เหลี่ยม
เด็กน้อยไม่หลงไปกับศักดิ์ศรีปลอมๆที่ซาตานมันล่อพวกผู้ใหญ่ฝ่ายเนื้อหนัง
เด็กน้อยไม่ต้องแสวงหาการยอมรับที่ไหนเพื่อเติมเต็มในหัวใจ เพราะเด็กน้อยก็รู้ ก็เห็นอยู่ว่า พ่อ รักเค้าแค่ไหน
--
ผู้ใหญ่เวลามีอะไรมักจะขอพึ่งตัวเองก่อน วางมาด วางฉลาดจะไม่ขอความช่วยเหลือจากใคร หรือถ้าขอก็จะทำเป็นสั่งว่า จงช่วยข้าพเจ้าหน่อย
เด็กน้อยเวลามีปัญหา ก็มักจะพูดว่า พ่อจ๋าๆๆๆ ช่วยด้วยยยย
....ในการขอความช่วย สัญญาณนั้นแบบไหนจะส่งไปได้แรงกว่ากัน...
เสียงไหนจะมีความน่าจะเข้าไปช่วยอย่างเร่งด่วนกว่ากัน หากแม้นว่าความวกฤตินั้นเท่ากัน
เสียงจากผู้ใหญ่นั้นเต็มไปด้วยความถือดี ว่าตนนั้นแน่ ฟังดูแล้วเขาก็พึ่งตัวเองได้ (ทั้งที่จริงๆเค้าก็จนปัญญาแล้ว)
เสียงจากเด็กน้อยต่างหาก ที่ฟังแล้วแปลบเข้าในใจ อยากจะเข้าไปช่วยเหลือ เพราะเค้าร้องออกมาด้วยจริงใจไม่มีเสแสร้ง ไม่มีการวางมาดถือตน
....
ถ่อมใจมากๆนะครับ
ให้เหมือนเด็กเล็กๆคนนึงที่ร้องขอพ่อว่าให้ช่วยหนูด้วย อย่าวางมาด อย่าถือตน อย่าวางจิตตนเสมอพระเจ้า จงยอมล้มลงเถิด อย่าฝืนยืนด้วยขาที่ไม่มีแรงนั้นอีกเลย หมอบคลานอย่างผู้ไร้ศักดิ์ศรี ก้มลงกราบต่อเบื้องพระบาทพระคริสต์เจ้า ..แล้ววอนต่อท่านด้วยน้ำตาแห่งการกลับใจว่า
ช่วยลูกด้วย....
Create Date : 26 สิงหาคม 2549 |
Last Update : 26 สิงหาคม 2549 10:06:54 น. |
|
0 comments
|
Counter : 733 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
|
|
เดียวดาย9อักษร |
|
|
|
|