32Then you will know the truth, and the truth will set you free." 32 你 們 必 曉 得 真 理 , 真 理 必 叫 你 們 得 以 自 由 。

สัจจะ

“สัจจะ”
ยอห์นฺ 8:31-33

พระเยซูจึงตรัสกับพวกยิวที่ศรัทธาในพระองค์แล้วว่า..

"ถ้าท่านทั้งหลายดำรงอยู่ในคำของเรา
ท่านก็เป็นสาวกของเราอย่างแท้จริง..

และท่านทั้งหลายจะรู้จักสัจจะ
และสัจจะจะทำให้ท่านทั้งหลายเป็นไท.. "

เขาทั้งหลายทูลตอบพระองค์ว่า
เราสืบเชื้อสายมาจากอับราฮัมและไม่เคยเป็นทาสใครเลยเหตุไฉนท่านจึงกล่าวว่า'ท่านทั้งหลายจะเป็นไท'..

.....

*****



ความเป็นไทเป็นทาสนั้น ค่อนข้างชัดเจนในความหมาย
”แต่”ในทางปฏิบัติ หรือในโลกแห่งสสารนี้ เป็นการค่อนข้างยากที่เราจะระบุว่าเราเป็นทาสหรือเป็นไท
เพราะว่า ในความเป็นจริงแล้ว คำว่า "ทาส" ในที่นี้ มิได้มีความหมายว่า ทาสในเรือนเบี้ย หรือลูกทาส หรือค้าทาส หรือ ติดคุก หรืออะไรทำนองนี้อย่างเป็น "รูปธรรม"

หากแต่เป็น "ทาส" ของ"เหตุผลจอมปลอม"...หรือก็คือ มาร...


....
โดยประสบการณ์ของตัวข้าพเจ้าเองนั้น หลังจากที่ได้รู้จักพระเยซูคริสต์ว่าแท้จริงพระองค์เป็นผู้ใด และได้รับการปลดปล่อยโดยฤทธิ์อำนาจของพระองค์นั้น


ข้าพเจ้าที่เคยคิดและเชื่อ และมั่นใจว่า ข้าพเจ้าเป็นไท กลับพึ่งสำนึก และเริ่มมองเห็นอย่างชัดเจนว่า
แท้จริงข้าพเจ้าเป็นทาสของสิ่งต่างๆมากมาย....

เป็นการยาก..
ที่ใครสักคนจะยอมรับ หรือกล้ายอมรับ ว่าเขาอยู่ใน"คุก" ถ้าเขายังไม่สามารถออกมาจากคุกได้


"คุก"ในที่นี้ หมายถึง ความคิด และโลกแห่งความเชื่อของคนคนนั้น
....ใครก็ตามที่มีบาป หรือเคยทำบาป ก็ล้วนแต่ตกอยู่ใต้อำนาจของเหตุผลจอมปลอม...



......

พระเยซูตรัสว่า
สัจจะ จะทำให้เราทั้งหลายเป็นไท

นึกถึงหนังหลายๆเรื่อง หรืออันที่จริงมันก็ถูกสร้างมาจากเรื่องจริงนั่นล่ะ จะมีกรณีอย่าง ..."ใส่ร้าย" การ "ถูกปรักปรำ" การถูกกลั่นแกล้ง การถูกโกง การถูกเอารัดเอาเปรียบ...จะเห็นว่า ทุกอย่างจะคลี่คลายและแฮ้ปปี้เอนดิ้ง เมื่อ "ความจริงเปิดเผย"





......
อาจมีหลายๆคนเวลานี้ ที่มี ความทุกข์ทรมาน ทางจิตใจ
เหตุเพราะ "ความคิด" หรือ การถูกเหตุผลจอมปลอม "กล่าวโทษ"ต่างๆนาๆ ทั้งไปกล่าวโทษคนอื่น และกล่าวโทษตัวเอง

เสร็จแล้วเมื่อมีการกล่าวโทษ ก็เกิดภาวการณ์ "ติดคุก" ทางจิต

เมื่อติดคุกทางจิต จิตก็เริ่มไม่เป็นอิสระ
เริ่มถูกเหตผลจอมปลอม ครอบครองความคิด สร้างตรรกะแปลกๆ มั่วๆ ขึ้นมา ..เริ่ม "ขังตัวเอง"


เริ่มหวาดระแวง
เริ่มไม่ไว้ใจคน

...แล้วก็เครียดโดยไม่สมควรจะเครียด

และทั้งหมดทั้งสิ้น ก็เป็นผลงานที่น่าภาคภูมิใจของ มาร
มันแค่ใส่ความคิดชั่วๆ มั่วๆ แปลกๆ..เข้าไปในคน คนก็พินาศแล้ว...


----

เราจะรู้สึกยังไง ถ้าจู่ๆก็มีคนมาบอกว่า ...เราน่ะติดคุกอยู่
เราน่ะ เป็นทาสนะ


อย่างแรก

การที่เราจะได้รับการปลดปล่อยจากเหตุผลจอมปลอมนั้น
เราจำเป็นอย่างมากที่จะต้องยอมรับก่อนว่า เราติดคุกอยู่

เพราะว่า
ถ้าเราไม่ยอมรับว่าเราติดคุก
คงเป็นเรื่องตลก ถ้าเราจะรับ"อาวุธ" ในการทำลายคุกที่คุมขังเราอยู่ ซึ่งก็คือ "สัจจะ"

....ขั้นตอนแรกของการได้รับการปลดปล่อย ก็คือ เราต้องยอมรับก่อนว่า เรา "ต้องการ" การปลดปล่อยนั้น ซึ่งก็คือเราต้องยอมรับว่าเราเป็นคนบาป และได้ทำบาป และได้ติดคุก ..และต้องการ "สัจจะ" ซึ่งจะทำลายโซ่ตรวนทั้งสิ้นลง

เวลานี้เราอาจจะยังไม่ทราบว่าอะไรบ้าง ที่อยู่ใน จิต ในสมองของเรา ที่มาจากมาร ..แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นในตอนนี้ เพราะว่า ..ในความเป็นจริง เมื่อเรายอมรับว่าเราติดคุก และรับอาวุธ จาก สัจจะ โดยพระนามพระเยซูคริสต์นั้น
...ถึงเวลานั้น พระองค์จะสอนเราเอง...

"ไม่ใช่หน้าที่"ของเรา ในการทำลายคุก
การทำลายคุกเป็นหน้าที่ของ พระเยซูคริสต์

หน้าที่ของเราคือ "รับเอา" ..รับเอา สัจจะ ของพระองค์ รับพระองค์เองซึ่งเป็นพระผู้ช่วยให้รอดมาช่วยเหลือเรา
และก็อย่างที่ได้กล่าวไว้แล้วว่า ..การจะรับเอา

ก็ต้องเริ่มจากการยอมรับก่อนว่า เราติดคุกอยู่ และต้องการพระเยซูคริสต์มาปลดปล่อยเรา....

----


อาจจะเกิดข้อสงสัยในบางท่าน ว่าทำไม พระเยซูคริสต์
"ไม่บุก" เข้ามาช่วยเราทุกๆคนซะเลย ง่ายดี
คำตอบคือ ...พระองค์ทำไม่ได้ครับ...

วิวรณ์ 3:20
นี่แน่ะเรายืนเคาะอยู่ที่ประตู
ถ้าผู้ใดได้ยินเสียงของเราและเปิดประตู
เราจะเข้าไปหาผู้นั้นและจะรับประทานอาหารร่วมกับเขาและเขาจะรับประทานอาหารร่วมกับเรา..


สิ่งที่พระองค์ทำได้ขณะนี้ก็คือ แค่เคาะ ประตูเท่านั้น
และอันที่จริงแล้ว พระองค์ทำมามากเกินพอแล้ว ที่ ไม้กางเขน....

พระองค์ได้ทำส่วนของพระองค์มามากกว่าที่พระองค์ต้องทำแล้ว พระองค์ได้เสียสละมากแล้ว และ ก้ สำเร็จแล้ว" ที่ไม้กางเขน ...ที่เหลือก็เป็นหน้าที่ของเราครับ

ว่าเราจะรับ หรือไม่รับ สัจจะ ของพระองค์

ถ้าเวลานี้เรายังคิดเราสบายดี ไม่เห็นต้องพึ่งพาพระเยซูคริสต์ นั่นก็คงแล้วแต่เรา ....
"แต่"

ลองไตร่ตรองและวิเคราะห์ความคิดนั้นสิครับ ความคิดที่บอกว่า
"เราสบายดี ไม่ต้องพึ่งพาพระองค์"
ว่ามันมาจากไหน ลักษณะความคิดมีบุคลิกอย่างไร หยิ่งผยองหรือไม่ ปกปิดอะไรบางอย่างอยู่หรือไม่..ไม่กล้าเปิดเผยอะไรอยู่หรือไม่ ..อายอะไรอยู่หรือไม่ ทะนงตนหรือไม่

ถ้ามีบุคลิกเหล่านี้ในความคิดนั้น
ท่านก็คือ "คนคุก"
ที่เชื่อเอาจริงๆว่า ท่านมี "อิสระ" ..เท่านั้นเอง...



พึงระลึกให้ดี

บางที่คำว่า "อิสระ" นั่นเอง ที่เป็นคุกของท่าน....

ตราบเท่าที่อิสระนั้นไม่ขัดแย้งกับ "สัจจะ" เมื่อนั้นอิสระ จึงจะเป็นอิสระแท้

และก็มีแต่สัจจะ เท่านั้น ที่จะทำให้ท่านทั้งหลายเป็นไท
การแสวงหาความเป็นไท โดยไม่แยแสสัจจะ

เป็นเพียงแค่การ"ย้ายแดน" ในคุก เท่านั้นเอง....
แล้วก็เชื่อไปเองว่า ...เป็นอิสระ.....


.....
ถึงเราเองผู้เรียกตัวเองว่าคริสตชน
เราคงต้องถามเราเองว่า ณ เวลานี้ เราถือ “สัจจะ” ไว้กี่ สัจจะ
สัจจะของเพื่อนบ้าน สัจจะของสมาคม สัจจะของนิยาย สัจจะของนักเขียน สัจจะของกวี สัจจะของเราเอง
...หรือสัจจะของพระเจ้า...


พระเจ้าตรัสว่า พระองค์เป็นทางนั้นและเป็นความจริง
และพระองค์ตรัสว่า สัจจะจะทำให้เราเป็นไท


ถ้าเรายังรู้สึกว่าเราไม่เป็นไท เราคงต้องลองสำรวจดูว่า
เราถือ “สัจจะของพระเจ้า” แล้วหรือยัง

หรือสัจจะที่เราถืออยู่นั้น เป็นเพียง “เหตุผลจอมปลอม” หรือเปล่า



ขอพระเจ้าในพระนามพระเยซูคริสต์คุ้มครองครับ
อาเมน



Create Date : 14 พฤศจิกายน 2549
Last Update : 14 พฤศจิกายน 2549 6:37:14 น. 0 comments
Counter : 430 Pageviews.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

เดียวดาย9อักษร
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add เดียวดาย9อักษร's blog to your web]