ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

cartoonthai
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 237 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add cartoonthai's blog to your web]
Links
 

 
ระวัง!!! ทำเสน่ห์ออนไลน์! ศรัทธาราคาแพงของสังคมไร้หลักยึดเหนี่ยว

กลายเป็นข่าวใหญ่เมื่อเกิดเหตุอนาจารที่ผู้กระทำผิดเป็น “หมอทำเสน่ห์” หลังจากก่อเหตุมาหลายครั้งหลายครา ประกอบพิธีกรรมมานานนับปี ชวนให้สงสัยเหตุใดศรัทธาเหล่านี้ยังคงมีอยู่ในสังคมไทย ยิ่งกับกรณีล่าสุดที่มีการเปิดเว็บไซต์สำนักสำหรับสักการบูชา ยิ่งชวนให้แปลกใจ...โลกที่หมุนไปไกลในทิศทางของวิทยาศาสตร์ ความเร็วของชีวิตที่มากับความก้าวหน้าของเทคโนโลยี เหตุใดกลับยิ่งทำให้ผู้คนเดินพลัดหลงไปในวังวนของความเชื่อที่ตรงกันข้ามเหล่านั้นได้!!

ศรัทธาในโลกไซเบอร์

 ในยุคที่ข้อมูลข่าวสารเชื่อมโยงถึงกันได้บนโลกไซเบอร์ ข้อมูลของความเชื่อความศรัทธาของพิธีกรรมต่างๆก็เป็นส่วนหนึ่งของโลกแห่งข้อมูลข่าวสารใบนี้ด้วยเช่นกัน หากจะเข้าถึงก็ไม่จำเป็นต้องไปตามวัดต่างๆ เพียงคลิ๊กนิ้วพิมพ์คีย์บอร์ดก็ปรากฏข้อมูลขึ้นมามากมาย

 ตั้งแต่ตำนานความเชื่อโบราณของไสยศาสตร์เหล่านั้น บริการให้เช่าเครื่องรางของขลัง จนถึงบริการพิธีกรรมต่างๆ ตามความเชื่อ ทั้งนี้ สิ่งหนึ่งที่เป็นที่นิยมก็คือ“การทำเสน่ห์” โดยมีความหมายทั้งการทำให้คนรักกลับมาหา การทำให้คนรอบข้างรักชอบ จนถึงการทำให้ผู้ใหญ่เอ็นดูส่งผลต่อความเจริญในหน้าที่การงาน อาชีพหมอเสน่ห์จึงเกิดขึ้นเพื่อสนองตอบความเชื่อเหล่านี้

 ในโลกออนไลน์เครื่องรางของขลังสำหรับทำเสน่ห์กลายเป็นสินค้าที่ผู้คนนิยมด้วยความสะดวกสบายในการสั่งซื้อ โดยสินค้านั้นก็มีตั้งแต่ น้ำมันพรายที่หลายๆคนรู้จัก ยังมีสีผึ้งที่มีลักษณะคล้ายขี้ผึ้ง ยังมีผ้ายัน แป้งจนถึงปลัดขิกและพระเครื่องต่างๆอีกมากมาย โดยเครื่องรางเหล่านี้มักจะมีการพูดถึงสรรพคุณอาทิ สุดยอดเมตตามหาเสน่ห์ ผ่านการทำพิธีโดยอาจารย์ผู้มีชื่อเสียง ราคาก็มีตั้งแต่หลักสิบในส่วนของผ้ายันต์จนถึงของขลังก็มีราคาสูงถึง 3,000 บาทขึ้นไป

 นอกจากนี้ ในส่วนของหมอเสน่ห์ที่เปิดเป็นสำนักต่างๆ ก็มักจะถูกโฆษณาผ่านเรื่องเล่าบนอินเทอร์เน็ต และเป็นการแนะนำชักชวนกันตามกระทู้ต่างๆ โดยหลายครั้งหมอเสน่ห์ก็แฝงตัวอยู่ในบทบาทของพระในวัดที่ใช้พิธีกรรมทำเสน่ห์ในการบังหน้าก่อเหตุอนาจารข่มขืนจนกลายเป็นข่าวอยู่หลายครั้งหลายหน 

 อย่างไรก็ตาม พิธีกรรมอย่างการทำเสน่ห์นั้นก็ยังคงมีอยู่ในสังคมไทย ไม่ว่าจะเป็นด้วยวิธีการสัก หรือการกราบบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นความเชื่อส่วนบุคคลที่มีมาสืบทอดกันมาแต่โบราณ เพียงแต่ในโลกยุคออนไลน์มิจฉาชีพสามารถแฝงตัวเข้ามาก่อเหตุได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น


เฟซบุ๊กมหาเสน่ห์

 โซเชียลมีเดียเป็นเทคโนโลยีที่สร้างความเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง กับวงการพระเครื่องของขลังก็มีการใช้การสื่อสารช่องทางนี้ในการติดต่อสร้างฐานข้อมูลให้กับผู้คนจนถึงการทำตลาดค้าขาย

 ณัฐพิสิฏฐ์ ปิตเถรนนท์ แอดมินเพจ “ปิยะสิทธิ เครื่องรางเสน่ห์เกย์ เก้ง กวาง ทุกเพศ แรงล้านเปอเซ็น” เพจที่ให้เช่าวัตถุมงคลในรูปแบบต่างๆ เผยว่า การขายออนไลน์ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาถือว่าเติบโตขึ้นมาก ก่อนหน้านี้การลงโฆษณาวัตถุมงคลเหล่านี้จะมีแต่เพียงหน้าร้านที่ขาย กับตามหนังสือพระเครื่องเท่านั้น

 “ตลาดกว้างขึ้น เมื่อก่อนนี้มีหนังสือพิมพ์หรือว่านิตยสารพระมาขอสัมภาษณ์มันจะได้เฉพาะกลุ่มคนที่เขาสนใจ แต่พอมาออนไลน์ตลาดมันก็กว้างขึ้น เหมือนเราใช้สื่อออนไลน์ในการโปรโมตและในการทำกิจกรรมซึ่งเป็นการช่วยเหลือสังคมด้วย เราใช้สื่อในด้านที่ดี ไม่ได้ใช้ในด้านที่งมงายให้คนเชื่อ”

 ทั้งนี้ เขายังเผยว่า ในโลกออนไลน์นั้นร้านให้บริการวัตถุมงคลมักจะโฆษณาเกินจริง เล่นกับความเดือดร้อนของผู้คนที่ต้องการความหวังมากกว่า

 “เราโปรโมตในพื้นฐานของความเป็นจริงซึ่งไม่ใช่อย่างที่คุณคิดหรือต้องการ เพราะคนทั่วไปจะติดภาพของละครหรือภาพยนตร์ที่เอาไปทำแล้วต้องได้ผลดั่งใจนึก แต่ในความเป็นจริงแล้วมันไม่ใช่”

 ผู้ที่สนใจเข้ามาติดต่อกับทางเพจนั้น เขาเผยว่า โดยมากแล้วประสบปัญหาเรื่องความรักกับปัญหาครอบครัว ทำให้เขาเห็นว่าคนสมัยนี้รักกันง่าย หน่ายกันเร็ว

 “คิดว่ามันมีโซเชียลเน็กเวิร์กพวกนี้มันทำให้คนมันเจอกันง่ายขึ้น ความรักมันก็หมดไว ทีนี้คนก็ขาดที่พึ่งทางใจ เราก็ต้องช่วยเขา อันดับแรกถ้าคนร้องไห้ฟูมฟาย เราจะไม่ให้บูชาเลยเพราะเราไม่ได้หากินบนความทุกข์คน ให้เขาไปสวดมนต์ก่อนสัก 7 วัน แล้วค่อยกลับมาคุยกันใหม่ มันเป็นกุศโลบายให้เขาตั้งสติให้ได้ก่อน คือคนเดี๋ยวนี้มองไม่เห็นความผิดตัวเอง บางคนพอเห็น เออว่ะ เราหึงเขามากเกินไป ทำตัวไม่ดีเอง บางทีปัญหาพวกนี้มันแก้ได้ง่ายๆ”

 ในส่วนของการทำเสน่ห์นั้น เขาออกตัวก่อนว่า ไม่แนะนำให้ลูกค้าหรือลูกศิษย์ใช้เพราะกรรมหรือผลที่จะตามมานั้นน่ากลัวอย่างยิ่ง

 “ขอเรียนตามตรงคือเจอมากับตัวแล้วก็เห็นผลจริงๆ แต่ว่าท้ายที่สุดแล้วคนที่โดนไปในเวลา 5 - 10 ปี เขาก็เป็นมะเร็งเม็ดเลือดหรือมะเร็งกระดูก ซึ่งก็ตรงกับคำที่ครูบาอาจารย์สอน ถ้าเป็นสมัยก่อนจะเรียกว่ากินเนื้อกินตัว อย่างที่เขาเรียกว่า เข้าตัว เราเลยไม่ค่อยแนะนำ อย่างน้ำมันพรายของเราก็อัดกรอบแน่นเลยนะ เพื่อไม่ให้เขาเอาออกไปป้าย หรือแต้มใครได้”

 สำหรับหน้าเพจของเขาที่ปัจจุบันมียอดไลค์อยู่ถึง 230,000 ซึ่งถือว่าเยอะพอสมควร เขาเผยว่าไม่ได้ต้องการทำกำไร หากแต่เป็นรสนิยมความเชื่อส่วนบุคคลของเขาเองที่ศรัทธาและอยากจะเผยแพร่ออกไป

 “เราไม่ต้องการให้คนมาเชื่อเรา เราแค่อยากจะบอกว่า ในโลกนี้มันมีเรื่องแบบนี้อยู่และมันก็มีกุศโลบายในการทำประโยชน์อยู่ด้วย”

เมื่อสังคมไร้หลักยึดเหนี่ยว

 ปรากฏการณ์ที่ความเชื่อเก่าของการทำเสน่ห์ยังคงอยู่ ทั้งยังถูกขับเคลื่อนให้มีมากขึ้นด้วยเทคโนโลยีแบบออนไลน์ รศ.วิทยากร เชียงกูล คณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต ให้คำอธิบายว่า ความเชื่อดั่งเดิมในสังคมไทยนั้นเป็นสิ่งที่ฝังอยู่ลึก เมื่อประกอบกับระบบการศึกษาหรือการเลี้ยงดูที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นที่ขาดความก้าวหน้าที่เปิดกว้างมากพอ ทำให้ความคิดความเชื่อแบบเก่ายังคงอยู่

 “จากระบบการศึกษาการเลี้ยงดูรวมไปถึงพัฒนาการทางเศรษฐกิจสังคมมันเป็นไปอย่างรวดเร็วและผันแปล คนก็จะมีความรู้สึกไม่มั่นคงเยอะ เมื่อเป็นแบบนั้นคนก็จะอยากเชื่ออะไรง่ายๆ และอยากเชื่ออะไรที่ได้มาง่ายๆ อย่างสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ”

 จนถึงปัจจุบัน เขามองว่า การที่ความเชื่อเก่าอย่างการขายวัตถุมงคลโดดมาอยู่ในโลกออนไลน์ ทั้งยังมีผู้นิยมมากขึ้น แพร่กระจายเร็วขึ้น มาจากความเป็นทุนนิยมเข้ามารวมกับความเชื่อเก่า ก็ยิ่งขยายทำให้ความเชื่อเหล่านี้กลายเป็นสินค้า พอรวมกับเทคโนโลยีการสื่อสารก็ยิ่งทำให้เกิดระบบที่รวดเร็วชับไวในการดำเนินไปของความเชื่อเหล่านี้มากขึ้น 

 “มันมีส่วนของระบบทุนนิยมที่มาจับด้วย ทุนนิยมทำให้คนอยากรวยอยากบริโภคอยากจะทำอะไรต่างๆ รวดเร็วขึ้น และมองทุกอย่างเป็นสินค้า ฉะนั้นบางคนก็มองว่านี่คือการลงทุนอย่างหนึ่ง มันเลยทำให้สิ่งเหล่านี้ยิ่งมากขึ้น ระบบทุนนิยมเข้ามารับใช้ความเชื่อดั่งเดิม ระบบความเชื่องมงายต่างๆ แล้วก็หาผลประโยชน์ได้มากขึ้น 

 “คนที่ฉลาดหาผลประโยชน์ได้มันก็จะเก่ง ใช้เครื่องมือสมัยใหม่ ใช้คอมพิวเตอร์เว็บไซต์อะไรต่างๆ เป็นการใช้เครื่องมือสมัยใหม่แต่หากินแบบเก่าแต่ได้จำนวนมากขึ้น ทำให้คนเชื่อถือได้มากขึ้น”

 ในส่วนของความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้นี้ เขาเห็นว่า ต้องมีการปฏิรูปสังคมโดยรวม เพราะปัญหานี้เป็นปัญหาที่ฝังรากมาจากวัฒนธรรมซึ่งอยู่ในวิธีคิดของผู้คนในสังคม 

 “ผมว่าสังคมมันต้องปฏิรูปการศึกษาอย่างจริงจัง รวมทั้งปฏิรูปเรื่องเศรษฐกิจการเมืองสังคมด้วย คือทำให้คนรู้สึกว่ามันมีช่องทางจะแก้ไขปัญหาได้ ปัจจุบันนี้มันมีความอึมครึม มันมีปัญหาหลายอย่างที่ไม่อาจแก้ไขได้ด้วยวิธีปกติได้ โดยวิธีการแข่งขันพิสูจน์ความรู้ความสามารถต่างๆ มันเป็นระบบคอร์รัปชันโกงกิน เล่นพรรคเล่นพวก อันนี้มันก็ไม่ส่งเสริมความเป็นเหตุเป็นผลสมัยใหม่ได้”

….

 ความเชื่อในพิธีการทำเสน่ห์กระทั่งเครื่องรางของขลังนั้นถือเป็นความเชื่อส่วนบุคคล แต่ปัจจุบันการนำความเชื่อเหล่านั้นมาหาประโยชน์ใส่ตัว จนนำไปสู่การก่อเหตุร้ายนับวันจะยิ่งมีมากขึ้น โลกออนไลน์แม้จะเปิดกว้างให้ผู้คนได้มองหาสิ่งที่ยึดเหยี่ยวทางจิตใจได้ แต่สิ่งเหล่านั้นอาจเป็นแก่นอันกลวงเปล่าหากปราศจากสติปัญญาในการมองความเชื่อเหล่านั้นเสียก่อน


ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ LIVE




Create Date : 17 มีนาคม 2557
Last Update : 17 มีนาคม 2557 23:50:09 น. 0 comments
Counter : 1121 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.