สิ่งที่เราต้องตัดสินใจในตอนนี้คือ "เราต้องการให้คางของเรายื่นออกมาข้างหน้ามากน้อยแค่ไหน?"
เพื่อที่จะทำให้คางยื่นออกมาข้างหน้าถึงตำแหน่งเส้นประสีแดง ซึ่งเป็นแนวปกติที่ควรจะมี อย่างไรก็ตามในผู้ป่วยรายอื่นเราอาจจะต้องใส่ฟิลเลอร์มากกว่า 1 ซีซี(ซึ่งหมายถึงค่าใช้จ่ายที่แพงขึ้นด้วย) ในผู้ป่วยตัวอย่างรายนี้ได้รับการจัดฟันและใส่เหล็กดัด ซึ่งทำให้ปากของเธอดูยื่นออกมาข้างหน้ามากกว่าปกติ จึงทำให้เราตัดสินใจเติมฟิลเลอร์ด้วยปริมาณเพียงเล็กน้อย 1 ซีซีเท่านั้น เพื่อให้คางกลับเข้าสู่แนวเส้นปกติที่ควรจะเป็น


พวกเราได้ทำการเติมฟิลเลอร์(ไฮยาลูรอนิก) 1 ซีซี ที่ด้านหน้า เพื่อให้ปากของเธอดูยื่นออกมาน้อยลงและคางเองก็จะได้รูปแบบสวยงามที่เป็นธรรมชาติ
คุณจะเห็นความแตกต่างระหว่างก่อนและหลังการฉีดฟิลเลอร์ได้อย่างชัดเจน เพียงแค่ไม่ถึง 1 นาทีหลังการฉีด และใช้เวลาอยู่ภายในคลินิกไม่ถึง 1 ชั่วโมง และเพื่อให้เห็นผลของฟิลเลอร์ได้นานขึ้นและดีขึ้น เราได้ทำการฉีดสารโบทูลินั่ม ท็อกซิน 8 ยูนิตที่กล้ามเนื้อคางด้วย
ริมฝีปากของเธอแตะอยู่ที่เส้นมาตรฐานอยู่แล้ว



อย่างไรก็ตาม เราได้แต่หวังว่าหลังจากที่เธอเอาเหล็กดัดฟันออกริมฝีปากเธอจะไม่หดลงไปมากนัก

บริเวณร่องแก้ม และร่องน้ำตา เราได้ทำการเติมฟิลเลอร์ข้างละ 1 cc



พวกเราน่าจะมีโอกาสมาพูดถึงเกี่ยวกับการเติมฟิลเลอร์บริเวณร่องน้ำตาและร่องแก้มกันอีก สำหรับวันนี้เพื่อไม่ให้เนื้อเรื่องดูยาวไป จะขอจบไว้ที่เรื่องคางเพียงอย่างเดียวก่อน

รูปร่างของคาง และความคาดหวังของผู้ป่วยแต่ละคนมีความแตกต่างกันอย่างมาก ในบางกรณีผู้ป่วยต้องการเติมคาง ให้ยาวขึ้นมากๆ ในกรณีนี้ไม่ค่อยแนะนำเท่าไหร่ บางคนต้องการให้คางเป็นรูปวีเชฟ (V shape) มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ผู้ป่วยบางคนอย่างได้คางที่นิ่มและดูเป็นธรรมชาติ

เพื่อที่จะออกแบบวิธีการฉีดและประมาณสารฟิลเลอร์ที่ใช้ในการเติมได้อย่างเหมาะสมนั้น มีหลายปัจจัยด้วยกัน เช่น ความสูงของสันจมูก รูปร่างคางเดิมที่ผู้ป่วยมีอยู่ ลักษณะการยื่นของปาก ดังนั้นจึงแนะนำให้ผู้ป่วยทุกคนที่ต้องการรับการแก้ไขรูปหน้าปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยตรงค่ะ

เราได้ทำการเติมฟิลเลอร์(ไฮยาลูโรนิค)ปริมาณ 1 cc บริเวณคางด้านหน้า ซึ่งวิธีนี้ต่างจากการทำคางให้เป็นหน้ารูป วีเชฟ(V shape)

ยังมีทางเลือกอื่นในการเติมคางอีกหลายอย่าง เช่น การเสริมซิลิโคน การผ่าตัดกระดูก ถึงแม้ว่าทางเลือกเหล่านี้จะให้ผลที่ยาวนานกว่าการเติมฟิลเลอร์





แต่เมื่อพิจารณาถึงความไม่สะดวกสบาย ระยะเวลาในการพักรักษาตัว โอกาสในการเกิดภาวะแทรกซ้อนของการผ่าตัด การเติมคางด้วยสารฟิลเลอร์นั้นจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจอย่างมากสำหรับพวกเราหลายคน

การเติมสารฟิลเลอร์ที่คางถือเป็นหัตถการที่ค่อนข้างปลอดภัย เนื่องมาจากบริเวณคางนี้เส้นเลือดที่วิ่งผ่านจะไม่ได้อยู่ตรงแนวกึ่งกลางที่เราทำการฉีดสารฟิลเลอร์ ซึ่งปกติแล้วภาวะแทรกซ้อนที่น่ากลัวที่สุดในการฉีดฟิลเลอร์ก็คือตำแหน่งของเส้นเลือดนี่เอง ดังนั้นในการเติมฟิลเลอร์ที่คางจึงสามารถสบายใจได้ว่าปลอดภัยจากภาวะแทรกซ้อนของการถูกเส้นเลือด

อย่างในกรณีผู้ป่วยรายนี้ ผู้เชี่ยวชาญหลายท่านสามารถที่จะให้คำแนะนำและการรักษาที่เหมาะสมได้แม้ตัวผู้ป่วยเองอาจจะไม่ได้สังเกตเห็นถึงความบกพร่องนี้ก็ตาม

พวกเรามีความเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าความรู้และเทคนิคที่เหมาะสม จะทำให้การฉีดฟิลเลอร์นั้นไม่ได้อันตรายมากกว่าการทำหัตถการอื่นๆ

ขอบคุณสำหรับการติดตามบทความของเรานะคะ