และนี่ก็คือรูปของคุณพี่ท่านนั้นเองค่ะ จะเห็นได้ว่าหน้าของผู้ป่วยรายนี้ดูมีแก้มตอบและโหนกชัดเจน โดยเฉพาะรูปขวามือที่ถ่ายในมุมเงยหน้าขึ้น... เคสวันนี้มีปัญหาเรื่องขมัมตอบคล้ายกับเคสที่แล้ว :
(//www.bloggang.com/mainblog.php?id=57clinic&month=18-02-2016&group=1&gblog=6)
(//www.bloggang.com/mainblog.php?id=57clinic&month=22-02-2016&group=1&gblog=7)
แต่เคสในวันนี้มีความตอบในระดับที่มากกว่า
และจาก57 clinic filler story ในตอนก่อนๆที่หมอขนมเคยมาให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องแก้มตอบบริเวณด้านข้างของใบหน้าที่ทำให้โหนกแก้มดูใหญ่ผิดปกติมาแล้วนั้น เราจะพบว่าการที่แก้มบริเวณนี้ตอบนั้นทำให้เกิดผลเสีย 3 ประการต่อความสวยงามของใบหน้าผู้หญิงเรา ดังนี้ค่ะ
1. ทำให้หน้าดูแข็งเกินไปเหมือนโครงหน้าผู้ชาย ดูไม่ซอฟท์หรืออ่อนหวานแบบที่ผู้หญิงควรจะเป็น
2. ทำให้หน้าดูโทรม หรือดูเหมือนคนป่วยไม่สบายเป็นโรคเรื้อรัง
3. ทำให้หน้าดูแก่เกินอายุจริง
เห็นข้อเสียของแก้มตอบตามนี้แล้ว ท่านผู้อ่านหลายท่านคงกำลังพิจารณาแก้มและโหนกของตัวองอยู่ด้วยใช่มั้ยล่ะคะว่าเริ่มมีแก้มตอบและโหนกใหญ่จนทำให้ดูโทรมดูแก่ลงอย่างผู้ป่วยรายนี้ด้วยรึเปล่า >.< แต่ไม่เป็นไรนะคะภาวะนี้พบได้บ่อยค่ะโดยเฉพาะในคนไทยอย่างเราที่พอเวลาอายุมากขึ้นหรือเวลาเราผอมลง ไอ้เจ้าไขมันและเนื้อเยื่อตรงแก้มมันก็มักจะฝ่อลงตามไปด้วยตามธรรมชาติ ซึ่งวิธีการแก้ไขปัญหาแก้มตอบโหนกสูงอย่างในผู้ป่วยรายนี้ โดยทั่วไปจะมี 3 วิธีหลักๆที่นิยมใช้รักษากัน ดังนี้ค่ะ
1. การศัลยกรรมผ่าตัดกระดูกโหนกแก้มออกไปเลย ซึ่งวิธีนี้ฟังดูฮาดคอร์เกินไปแถมยังต้องใช้เวลานานในการพักฟื้นหลังผ่าตัด ค่าใช้จ่ายก็สูงมาก มีความเสี่ยงจากทั้งการผ่าตัดและดมยาด้วย อีกทั้งวิธีนี้ก็ยังไม่ใช่วิธีที่เหมาะสมในผู้ป่วยรายนี้ เนื่องจากผู้ป่วยมีโครงหน้าที่เล็กมากอยู่แล้ว หากตัดกระดูกโหนกแก้มออกไปอีกก็จะยิ่งทำให้หน้าดูเล็กผิดปกติมากเกินไปและยังทำให้เนื้อเยื่อบริเวณด้านข้างของใบหน้าที่ยึดเกาะกับกระดูกนี้อยู่เกิดการหย่อนคล้อยดูแก้ลงไปอีก ดังนั้นวิธีนี้จึงไม่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง เพราะช่วยแค่ทำให้ขนาดโหนกแก้มดูเล็กลงเท่านั้น ไม่ได้ช่วยทำให้ให้ดูเด็กลงหรือหน้าดูหวานซอฟท์ขึ้นได้เลย
2. การนำไขมันจากบริเวณอื่นของร่างกายผู้ป่วยเองมาเติมบริเวณขมับและแก้มที่ตอบนี้ วิธีการนี้ฟังดูดีใช้มั้ยล่ะคะ ดูไม่ต้องเจ็บตัวมากเหมือนการผ่าตัด แถมยังเป็นเนื้อเยื่อไขมันธรรมชาติจากของตัวเองอีก.... แต่ๆๆๆมันไม่ได้หาส่วนเกินของไขมันได้ง่ายๆเลยจากในผู้ป่วยรายนี้ เพราะคุณพี่ผู้หญิงท่านนี้มีความผอมบางมากจริงๆ และการใช้ไขมันตัวเองมาเติมหน้าเนี่ยไม่ได้ทำได้ง่ายๆหรือทำแปบๆแล้วสวยเลยนะคะ มันมีอะไรที่ซับซ้อนมากกว่านั้นค่ะ เดี๋ยวโอกาสหน้าหมอจะมาเล่าถึงรายละเอียดของวิธีการนี้ให้ฟังอีกทีนะคะ
3. การฉีดฟิลเลอร์ วิธีนี้ถือเป็นพระเอกขี่ม้าขาวที่จะมาช่วยเราเลย(^__^) การฉีดฟิลเลอร์ด้วยสารไฮยาลูโรนิคแอซิด(HA filler)นี้เป็นอะไรที่เหมาะสมและคู่ควรกับผู้ป่วยรายนี้มากที่สุดแล้วค่ะ เพราะทั้งสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย เห็นผลในทันที และไม่ต้องพักฟื้น
หมอจึงได้ทำการฉีด HA filler ที่ขมับข้างละ 1.5 cc และที่แก้มตอบด้านข้างใบหน้าข้างละ 2 cc (รวมทั้งสิ้นเป็นปริมาณ 7 cc)
หลังจากที่หมอทำการฉีดฟิลเลอร์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จะพบมีเพียงรอยเข็มเล็กๆคล้ายรอยแดงจากสิวอยู่แค่ 2 จุดเท่านั้น ที่บริเวณขมับและที่แก้ม ซึ่งรอยนี้จะหายไปภายใน 2-3 วัน เผลอๆรอยอาจเล็กมากจนไม่ทันได้สังเกตเลย ส่วนเวลาที่หมอใช้ในการฉีดฟิลเลอร์นั้นก็ไม่ถึง 30 นาทีเลยค่ะ เรียกว่าสวยขึ้นได้ในเวลาอันรวดเร็วจริงๆ
ทีนี้จะเห็นได้ชัดเลยว่า โหนกแก้มที่ดูเด่นชัดผิดปกติและแก้มตอบจากตอนก่อนฉีด ได้ถูกแก้ไขให้ดูซอฟท์ลง แก้มและขมับที่ตอบก็ดูเต็มขึ้น เป็นผลให้ใบหน้าของผู้ป่วยรายนี้ดูเด็กลง ดูหวานแบบผู้หญิงมากยิ่งขึ้น และไม่ดูโทรมเหมือนคนป่วยแบบตอนแรกด้วย
นอกจากนี้ แม้ว่าการฉีดฟิลเลอร์เข้าไปนี้จะเป็นการเพิ่มปริมาณเนื้อเยื่อให้ใบหน้าดูเต็มขึ้น แต่ก็ไม่ได้ทำให้หน้าดูใหญ่ขึ้นเลย จริงๆแล้วทำให้หน้าดูเล็กลงด้วยซ้ำจากการที่ใบหน้าดูมีสัดส่วนที่พอเหมาะสวยงามและขนาดโหนกแก้มที่ดูเล็กลง
เป็นอย่างไรบ้างคะวันนี้ สำหรับความรู้และตัวอย่างเคสของหมอที่มีภาวะโหนกสูงและแก้มตอบอย่างมาก ซึ่งอาจไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดศัลยกรรมผ่าตัดกระดูกออกเลย เพียงวิธีง่ายๆด้วยการฉีดฟิลเลอร์ก็อาจเพียงพอแล้ว สะดวก รวดเร็ว ไม่ต้องพักฟื้น และปลอดภัยหากทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและเทคนิคที่เหมาะสม
ขอบคุณสำหรับการติดตามบทความ แล้วกลับมาพบกันใหม่นะคะ
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร : 02-714-9292/ 096-919-2957