ภาพแชร์แฉในโลกออนไลน์ สร้างสรรค์สะท้อนสังคมหรือประจาน เสรีภาพเปิดกว้างไร้ขอบเขต แต่หลงลืมความรับผิดชอบ!?
สมัยนี้สังคมออนไลน์ได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว หลายคนมักใช้เพื่อระบาย ด้วยข้อความ รูปภาพ ถ้อยคำ ที่บ่งบอกถึงอารมณ์ความรู้สึกต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนั้น โดยอาจลืมไปว่าโลกโซเชียลช่างรวดเร็วและกว้างขวาง
โดย อีกสิ่งหนึ่งที่พบเห็นจนคุ้นชิน คือการแชร์ภาพและคลิป จากช่างภาพมือสมัครเล่นทั้งหลายที่ชอบนำมาส่งต่อพร้อมบอกเล่าเหตุการณ์ ไม่ว่าจะเป็นการนำเสนอเรื่องราวของพลเมืองดีช่วยเหลือผู้คนเรียกรอยยิ้มและกระแสชื่นชม ขณะที่มีอีกด้านคือภาพบ่งบอกสะท้อนสังคม พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมต่างๆ ซึ่งอาจกระทบต่อบุคคลในภาพนำไปสู่การละเมิดสิทธิส่วนบุคคล!?
ล่าสุด มีกระแสส่งต่ออย่างล้นหลามในโลกออนไลน์ กรณีอุทาหรณ์เตือนใจหากคิดทำผิด เมื่อมีการส่งต่อคลิปพร้อมเรื่องราวเปิดเผยโฉมหน้าสาวขโมยของแบรนด์เนม มูลค่ากว่าห้าหมื่นบาท ในงานออกบูธสินค้าชนิดหนึ่ง ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ หลังจับพิรุธขโมยได้คาหนังคาเขา
ซึ่ง คลิปดังกล่าวได้เปิดเผยหน้าตาของสาวขโมยอย่างชัดเจน โดยปรากฎภาพหญิงสาวขโมยยกมือไหว้ ร่ำไห้ พร้อมกล่าวขอโทษสำนึกผิด ขณะที่พนักงานได้ต่อว่าพฤติกรรมและกล่าวตักเตือน ก่อนจะนำส่งให้พนักงานรักษาความปลอดภัย คลิปนี้เป็นกระแสสนใจอย่างมาก จนผุดคำถามว่ากรณีนี้ทำให้บุคคลในคลิปไม่มีที่ยืนในสังคมหรือไม่?
ทั้งนี้ คลิปข้างต้นหญิงสาวในคลิปกระทำความผิดจริง จึงถือว่าคลิปสามารถเป็นเพียงหลักฐานได้ แต่ยังมีอีกหลายกรณีที่เปิดเผยหน้าตา การกระทำไม่เหมาะสม ด้วยการแอบถ่าย โดยผู้โพสต์ใช้คำด่าทอตัดสินด้วยอารมณ์ ก่อให้เกิดความเกลียดชังหรือ Hate Speech มากกว่าการติชมด้วยเหตุผล
พฤติกรรมเหล่านี้พบบ่อยในเพจต่างๆ ทั่วโลกออนไลน์ ที่มักนำเสนอเรื่องราว สามารถก่อให้เกิดปัญหาความขัดแย้งและความเสียหาย รวมถึงความเกลียดชังและไม่ปลอดภัยต่อบุคคลอื่น โดยอ้างว่าเป็นพื้นที่สาธารณะ จนลืมคำว่าสิทธิส่วนบุคคล
บางครั้งอาจสลับขั้วด้วยคำตัดสินของอารมณ์ แท้จริงแล้วผู้ผิดอาจจะเป็นบุคคลบริสุทธิ์ แต่คำพิพากษาของสังคมอย่างไม่ใยดี อาจทำลายทั้งชีวิตและชื่อเสียงพังพินาศ โดยที่เขาไม่สามารถแก้ตัว รวมถึงไร้จุดยืนไปโดยปริยาย
อย่างไรก็ตาม ในประเทศไทยยังไม่มีความชัดเจนเอาผิดกรณีการแอบถ่ายภาพ หรือนำเอาภาพไม่ได้รับอนุญาตลงในโซเชียลมีเดีย แต่ในมุมของกฎหมายนั้นกำหนดไว้ว่าการนำเอาสิ่งที่เกี่ยวข้องกับบุคคลไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตถือว่าไม่ใช่สิ่งที่ควรทำ!
โดย ประมวลกฎหมายอาญาว่าด้วยฐานหมิ่นประมาท มาตรา 326 ระบุว่า การทำให้ผู้อื่นเสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่นถูกกระทำ มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท รวมถึงมาตรา 328 ว่าด้วยความผิดหมิ่นประมาท การเผยแพร่ภาพถ่าย มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท ซึ่งสองมาตราสามารถทั้งจำทั้งปรับได้
นอกจากนี้ อย่าลืมว่ายังมี พรบ.ว่าด้วยการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 ระบุ การเผยแพร่ข้อมูลบนโลกออนไลน์ หากเป็นข้อมูลหมิ่นเหม่ต่อการทำให้ผู้อื่นเสียหาย ว่าด้วยการนำเข้าข้อมูลเท็จ ก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่น ถือว่าโทษหนัก จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งข้อหานี้ยอมความไม่ได้อีกด้วย
แม้หลายคนมองว่าโลกออนไลน์ถือเป็นสื่อสาธารณะ สามารถทำอะไรก็ได้โดยเสรีภาพ แต่ควรพึงระลึกเสมอว่าเสรีภาพนั้นควรมีขอบเขตและความรับผิดชอบ ชาวโซเชียลทั้งหลาย โปรดคิดให้ดีก่อนโพสต์ โดยเฉพาะภาพถ่ายและคลิป ไม่อย่างนั้น ความสนุกบนโลกออนไลน์อย่างไร้ขอบเขต อาจย้อนกลับมาทำร้ายตัวผู้ใช้เอง..
-แมวนิลจักร-
ให้ใจหายใจ สุขภาพ วิธีลดความอ้วน การดูแลสุขภาพ อาหารเพื่อสุขภาพ ออกกำลังกาย สุขภาพผู้หญิง สุขภาพผู้ชาย สุขภาพจิต โรคและการป้องกัน สมุนไพรไทย ขิง น้ำมันมะพร้าว ผู้หญิง ศัลยกรรม ความสวยความงาม แม่ตั้งครรภ์ สุขภาพแม่ตั้งครรภ์ พัฒนาการตั้งครรภ์ 40 สัปดาห์ อาหารสำหรับแม่ตั้งครรภ์ โรคขณะตั้งครรภ์ การคลอด หลังคลอด การออกกำลังกาย ทารกแรกเกิด สุขภาพทารกแรกเกิด ผิวทารกแรกเกิด การพัฒนาการของเด็กแรกเกิด การดูแลทารกแรกเกิด โรคและวัคซีนสำหรับเด็กแรกเกิด เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ อาหารสำหรับทารก เด็กโต สุขภาพเด็ก ผิวเด็ก การพัฒนาการเด็ก การดูแลเด็ก โรคและวัคซีนเด็ก อาหารสำหรับเด็ก การเล่นและการเรียนรู้ ครอบครัว ชีวิตครอบครัว ปัญหาภายในครอบครัว ความเชื่อ คนโบราณ