โพสต์ภาพทหารกล้า หวังให้กำลังใจ แท้จริงแล้ว?
กลายเป็นภาพที่หลายคนพบเห็นจนคุ้นชิน ไม่เว้นแต่ละวันในโลกโซเชียล สำหรับภาพสุดสะเทือนใจของทหารกล้าที่เสียสละชีวิต เพื่อประชาชนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ แม้ก่อนหน้านี้บนโลกออนไลน์ ได้มีการรณรงค์ไม่ให้โพสต์ภาพทหารจากเหตุดังกล่าวลงบนโซเชียล เนื่องจากมองว่าการโพสต์เช่นนี้ ผู้เสียหายไม่ได้รับประโยชน์ อีกทั้งยังเป็นเหมือนการซ้ำเติมญาติผู้เสียชีวิตอีกด้วย ขณะนี้กลับยังพบว่ามีผู้นำภาพทหารที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่มาเผยแพร่กันอยู่อย่างต่อเนื่อง จึงทำให้ตั้งข้อสงสัยที่ว่า การโพสต์ภาพเจ้าหน้าที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่นั้น แท้จริงแล้วเหมาะสมหรือไม่ แม้ทางผู้โพสต์ภาพจะไม่มีเจตนามุ่งร้าย และจุดประสงค์เพียงเพื่อให้กำลังใจอีกหลายชีวิตที่ยังคงปฏิบัติหน้าที่ก็ตาม ทางทีมงาน MThai จึงได้สอบถามไปยัง อ.ทิติพงษ์ สุทธิรัตน์ ซึ่งเป็นอาจารย์ประจำสาขาวิชาเทคโนโลยีการโทรทัศน์และวิทยุกระจายเสียง คณะเทคโนโลยีสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร โดยอาจารย์ได้มีความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวว่า อ.ทิติพงษ์ สุทธิรัตน์ ปัจจุบันเราคงปฏิเสธไม่ได้ว่า social media ได้แทรกซึมเข้ามาอยู่ในชีวิตประจำวันของเรา โดยที่เรารู้ตัวและไม่รู้ตัว เนื้อหา (content) ในสื่อประเภทนี้มีมากมายหลายประเภทด้วยเช่นกัน สิ่งที่เราพบเห็นอยู่บ่อยครั้งคือการแชร์ข้อมูล รูปภาพต่าง ๆ ที่กำลังเป็นกระแส หรือได้รับความนิยมในขณะนั้น ในโลกของ social media ใครก็สามารถที่จะเป็นผู้ส่งสารได้ ข่าว หรือภาพข่าวที่มีความรุนแรง ตื่นเต้น หวาดเสียว จึงมักถูกได้รับความสนใจ และได้รับการส่งต่อหรือแชร์มาก โดยที่บางครั้งอาจทำให้ผู้ส่งสาร อาจลืมคิดหรือนึกถึงประเด็นอื่น ๆ ที่จะตามมา สำหรับการแชร์ภาพของเจ้าหน้าที่ทหารผู้เสียชีวิตในขณะปฏิบัติหน้าที่นั้นเหมาะสมหรือไม่ คงต้องถามว่าวัตถุประสงค์ของการสื่อสารภาพเหล่านี้คืออะไร หากตอบว่าเพื่อให้สังคมโดยทั่วไปรับทราบ และตระหนักว่ามีทหารเสียชีวิตในขณะปฏิบัติหน้าที่ เสียสละชีวิตเพื่อพวกเราในสังคม ก็เป็นเรื่องที่สามารถทำได้ แต่สิ่งที่เราในฐานะผู้ส่งสารต้องตระหนักให้มากก่อนจะแชร์ คือภาพข่าว หรือภาพผู้เสียชีวิต หากเป็นสื่อสารมวลชน สิ่งที่เราต้องนึกถึงคือเรื่องของ ความรับผิดชอบทางกฎหมาย และ ความรับผิดชอบทางจริยธรรม โดยเฉพาะในเรื่องของจริยธรรม กรณีนี้ถ้าเป็นสื่อสารมวลชน เราต้องตระหนักว่าภาพดังกล่าวกระทบต่อบุคคลอื่นหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่เป็นข่าว ญาติพี่น้อง ครอบครัว รวมถึงต้องคิดถึงความเป็นส่วนตัวของผู้ที่เป็นข่าวด้วย แต่อย่างที่กล่าวไปแล้วว่า ยุค social media ได้เปลี่ยนแปลงรูปแบบของการสื่อสารไป ใครก็สามารถที่จะทำหน้าที่เป็นผู้ส่งสารได้ และการส่งต่อข้อมูลต่าง ๆ ก็ไม่มีการควบคุม ทำให้หลายครั้งผู้ส่งต่ออาจลืมตระหนักถึงความรับผิดชอบและผลกระทบต่าง ๆ ที่จะตามมา หากเราต้องการให้กำลังใจกลุ่มทหารผู้ปฎิบัติหน้าที่เราควรเลือกภาพเชิงบวกมานำเสนอ เช่น ภาพที่ทหารที่ได้พบกับครอบครัวหลังจากกลับจากปฎิบัติหน้าที่ เพราะจะให้ประสิทธิภาพในการสื่อสารและสร้างกำลังใจได้มากกว่า ซึ่งก่อนหน้านี้ทางหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 44 เคยโพสต์ข้อความและรูปภาพผ่านแฟนเพจว่า ขอความร่วมมือชาวเน็ต หยุดแชร์ภาพร่างผู้เสียชีวิต เพราะเป็นการบั่นทอนกำลังใจของเจ้าหน้าที่ผู้ปฎิบัติงานและไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใด ๆ ซ้ำร้ายแล้วยังเป็นการช่วยประชาสัมพันธ์ผลงานของผู้ก่อการร้ายอีกด้วย อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า ผู้โพสต์ภาพเหล่าทหารกล้าที่เสียสละชีวิต ต่างก็มีเจตนาดี หวังเป็นขวัญกำลังใจ และให้ประชาชนไม่ลืมว่ายังมีพวกเขาทำงานหนักเสี่ยงชีวิตเพื่อชาติอยู่ แต่อาจจะลืมนึกไปว่าภาพเหล่านั้นกระทบจิตใจครอบครัวผู้เสียชีวิต ทั้งนี้ ทาง MThai ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกการทำงานของทหารกล้าทุกท่าน ติดตามข่าวสารอื่น ๆ ที่น่าสนใจได้ที่นี่ news.mthai.com
Create Date : 27 กรกฎาคม 2558 |
Last Update : 27 กรกฎาคม 2558 5:25:54 น. |
|
2 comments
|
Counter : 1691 Pageviews. |
|
|
แวะมากด Like
เห็นด้วยค่ะ...ถ้าภาพงานศพนี่ต้องขอเลย
เป็นคอมม้อนเซ็นท์เลยที่ต้องรู้กาละเทศะเน๊าะ