จิบชาชมดอกไม้ไปพลาง คุยกันเบาๆ ที่สวน..เจ้าแก้ว กังไส





Group Blog
 
<<
กันยายน 2558
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
30 กันยายน 2558
 
All Blogs
 
แม่เบี้ย By วาณิช จรุงกิจอนันต์



แม่เบี้ย
By วาณิช จรุงกิจอนันต์



             เจ้าแก้วซื้อหนังสือเล่มนี้มาหลายปีแล้ว พร้อมๆ กับเรื่องอื่นๆ ของ "วาณิช จรุงกิจอนันต์" แต่ก็ดองไว้ในตู้จนลืมว่ามี ช่วงนี้มีแม่เบี้ยเวอร์ชันล่าสุดจะเข้าฉาย เลยนึกขึ้นได้ว่ามีหนังสือว่าแล้วก็ไปขุดค้นหน่อย โอ้! ยังอยู่ด้วย



               "แม่เบี้ย" เป็นนิยายรุ่นเดอะ ที่ถูกสร้างมาเป็นละคร ภาพยนตร์ จนไปถึงละครเวที หลายครั้งหลายหนทุกๆ ครั้งสิ่งที่กระฉ่อนคือความเซ็กซี่ของนักแสดงหญิง จนนิยายเรื่องนี้ถูกกล่าวว่าเป็นนิยายอีโรติกซึ่งจริงๆ มันไม่ใช่ไม่มีอะไรที่รู้สึกว่าอีโรติกด้วยซ้ำ ที่สำคัญ...ฉากวาบหวิวในเรื่องนี้..มันมีเพราะมันควรจะมี เมื่อมีเพื่อจุดประสงค์ผลักดันเนื้อเรื่องให้ดำเนินไป จึงไม่สามารถทำให้ใครอ่านสำเร็จความใคร่ได้(ถ้าต้องการแนวหื่น ไปอ่านนิยายพิศวาสซานตานบำเรอชีคดีกว่าค่ะ) 



              ในทางกลับกันนิยายเรื่องนี้ อาร์ตเป็นอย่างยิ่ง ทุกสิ่งทุกอย่างเต็มไปด้วยสัญลักษณ์ ทำให้เรื่องที่ไม่ได้มีเค้าโครงซับซ้อนกลับเต็มไปด้วยมิติทางอารมณ์ซ้อนทับกันไปมาอย่างมากมาย



               วาณิช จรุงกิจอนันต์ ให้สัมภาษณ์ไว้ใน a day เมื่อนานมาแล้วว่านิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเป็นมาสเตอร์พีซ เขาตอบว่า "แม่เบี้ย" เขียนไว้นานแล้วเมื่อก่อนย้อนกลับมาอ่านอีกครั้ง ก็อดนึกไม่ได้ว่าเขียนไปได้ราวกับมีผีมาจับยัดจับเขียนก็ไม่ปาน ซึ่ง...พออ่านจบแล้วไม่แปลกใจเลยค่ะ เรื่องนี้ดีสมกับเป็นมาสเตอร์พีซจริงๆ



              ความรู้สึกหลังอ่าน...บอกไว้ก่อนว่าเต็มไปด้วยการสปอยล์ อย่างที่บอกเนื้อเรื่องนั้นคนส่วนใหญ่รู้กันอยู่แล้วเลยเมาท์กันได้ อีกอย่างมันมีจุดที่อยากพูดถึงเยอะเหลือเกินแต่จะพยายามพูดให้กระชับนะคะ



              ทางด้านภาษา.."วาณิช จรุงกิจอนันต์" แทบไม่ดัดจริต อ่านง่าย เข้าใจง่าย แต่เชื้อชวนผู้อ่านอยู่ในที ยิ่งอ่านยิ่งกระหายความใคร่รู้ ทั้งที่เรื่องไม่ได้มีการหลอกหรือหักมุม แต่ความซับซ้อนทางอารมณ์ของตัวละครนี่สิคะ ทำให้แม่เบี้ยเกิดจินตภาพออกมาอย่างชัดเจน ภาพของบ้านเรือนไทย ริมแม่น้ำ ล้อมไปด้วยต้นไม้ ดอกไม้ไทยกลิ่นหอม และงูเห่า นอกจากมันจะชักจูงจนอ่านพรวดๆ จบในคราเดียวแล้ว อารมณ์ของเรื่อง ทั้งที่เล่าอย่างกระชับแต่กับพื้นเพ มีการปูทาง และเล่าผ่านเหตุการณ์ต่างๆ ทว่า...มันกระชับ สั้น และรวดเร็ว แต่อุดมไปด้วยกลิ่นหอมของความใคร่รู้ นึกออกไหมคะ ยิ่งอ่านยิ่งสงสัย ยิ่งอยากรู้



            ตัวละคร...ในเรื่องนั้น "กลมกลึง" อย่าบอกใคร ตัวละครมีมิติมีความลับ มีความปรารถนา มีการเรียกร้องจากใต้สำนึก สร้างความนึกคิด กำหนดพฤติกรรมออกมาอย่างแนบเนียน และที่สำคัญคือเขาไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นพระเอกนางเอก แต่เกิดมาเพื่อเป็นตัวละครนำ จนตัวอื่นๆ ดูด้อยและกระด้างไปเลย อารมณ์อันล้ำลึกที่ล้ำเส้นศีลธรรมของตัวละครนั่นแหละค่ะ เป็นสิ่งที่แข็งแรงและเป็นแรงขับดันให้เรื่องดำเนินไป



            เรื่องเริ่มด้วย "ชนะชล" ชายหนุ่มผู้มีพร้อมทุกสิ่ง รูปหล่อ ร่ำรวย การศึกษาดี ชาติตระกูลดี มีภรรยาโปรไฟล์ดีและลูกที่น่ารักอีกสองคน ทุกอย่างดูเฟอร์เฟค..สำหรับภรรยา แต่ไม่ใช่สำหรับเขา ชนะชลมีปมจากจิตใต้สำนึกบางอย่าง ซึ่งนับวันจะเรียกร้องรุนแรงขึ้น ในใจเขามีภาพเรือนไทยปรากฏขึ้นตลอดเวลา ทำให้เขาต้องการหาซื้อเรือนไทยมาปลูกในพื้นที่คฤหาสน์ของเขา ซึ่งไม่มีใครทราบว่าเพราะอะไร เขาตัดปัญหาด้วยการบอกคนอื่นว่าซื้อมาประดับบารมี แต่ความจริงนั้น...ชนะชลค้นหาเรือนไทยในมิติของความจำอันเรือนราง...มันเหมือนกับเดจาวู เมื่อเขามาเห็นเรือนไทยโบราณที่ "เมขลา" ครอบครองอยู่



             แล้วทุกอย่างก็เริ่มต้นที่นั่น...ทั้งความรักอันเร้นลับ ดำกฤษณาอันเร่าร้อน กามาแห่งหัวใจ แรงดึงดูดอันแปลกประหลาดทำให้เขาข้ามเส้นศีลธรรมไป...จวบจน งู! ปรากฏขึ้น



              "เมขลา" คล้ายกับชนะชลตรงที่ว่า...ทั้งเขาทั้งเธอไม่ได้เกิดมาเพื่อตัวพระ-นางแบบดีงาม เมขลาค่อนข้างจะ...เป็นมาลีสีทองเสียด้วยซ้ำ เธอไม่แคร์ว่าเขาจะมีภรรยาแล้วหรือไม่ มันก็แค่เรื่องความสนุก การอยากเอาชนะเหมือนทุกๆ ครั้งที่่ผ่านมา เพียงแต่ครั้งนี้เธอติดกับดักในกลกามแห่งความลุ่มหลงไปพร้อมๆ กับชนะชล เหตุการณ์จึงไม่เป็นอย่างที่ผ่านมา



              แน่นอนความรักของทั้งคู่..ไม่มีใครส่งเสริม คนรอบตัวก็ห้ามปราม..หรือแม้แต่ งู! ตัวนั้นก็เถอะ อันว่ามนต์กามาเริ่มบรรเลงแล้วอะไรก็ห้ามไม่ได้ ทุกอย่างจึงดำเนินไป..ตามวิถีกรรมที่มีบทสรุป



              เรื่องย่อๆ ก็ประมาณนี้แหละค่ะ เพียงแต่...ปกติแล้วคู่แบบนี้ไม่ใช่คู่ดี คนอ่านไม่เอาใจช่วย แต่การดำเนินเรื่องกลับกระตุ้นความอยากรู้ โดยเฉพาะในมุมมองของชนะชลจะว่าไปเขาเห็นแก่ตัวกับภรรยาเหลือเกิน..แหม..คิดมาได้นะ ว่าเขาแค่ขอมีพื้นที่ส่วนตัวบ้างก็เท่านั้น ความส่วนตัวมันไม่มีตั้งแต่แกมีเมียแล้วย่ะ!



             แต่ในการดำเนินเรื่องมีการหยอดไว้ระหว่างทาง...มันก็ทำมองเห็นปัญหาของชีวิตคู่ขึ้นมา ชนะชลไม่ได้เลือก "ไหมแก้ว" เป็นภรรยาเพราะความรัก แต่เป็นเพราะความเหมาะสม ตัวเธอดีงามและเป็นกุลสตรีต่างกับผู้หญิงฝรั่งที่เมืองนอก ในยามนั้นเขาก็ตกลงใจเลือกเธอ..เจ้าแก้วมองว่า ชนะชลมีสเปคในใจชัดเจน แต่เขาไม่รู้ว่าตัวเองล็อคสเปคนั้นไว้ และสเปคนั้นก็แน่นหนาขึ้นเรื่อยๆ จนเกิดความหนักอึ้ง ที่เขาพยายามแก้ปมนี้โดยไม่รู้ตัว



              นอกจากไม่ได้รักแล้ว...ไหมแก้วเป็นช้างเท้าหลัง หล่อนเป็นแม่บ้านดูแลลูก ชนะชลเป็นผู้ชายแบบผู้ชายรุ่นเก่า กล่าวคือพูดน้อยไม่เคยพูดเรื่องส่วนตัว ความกังวลใจ ให้ภรรยาฟัง เขายกหน้าที่ดูแลลูกดูแลบ้านให้กับภรรยาทั้งหมด ความใกล้ชิดและสัมพันธภาพน้อยไปจนเกิดช่องว่าง และเรื่องสำคัญที่สุดคือ SEX ในนิยายไม่ได้บอกไว้อย่างโจ่งแจ้ง แต่มันมีโรยๆ ไว้นำทางคนอ่าน



             ไหมแก้วเป็นกุลสตรี ไม่เคยมีแฟนมาก่อน มีชนะชลเป็นเฟิร์สเลิฟและเฟิร์สเซ็กซ์ของเธอ เธอจึงไม่ประสีประสาซึ่งเขาเองก็ไม่ได้ทุกข์ร้อน เพียงแต่เมื่อมาเจอเมขลาซึ่งตรงกับข้ามกับไหมแก้วอย่างสิ้นเชิง มันคือสีสัน คืออาหารอันเผ็ดร้อน ที่สำคัญ..เป็นหนึ่งในปมล็อคสเปคของเขา เมื่อทุกอย่างลงตัว ชนะชลจึงเข้าไปว่านั่นคือความรัก มันทำให้เขาลืมหมดทุกอย่าง



              "เมขลา" มาจากครอบครัวที่พ่อมีภรรยาหลายคน และไม่ใช่ลูกที่เกิดมาจากความรัก แต่เกิดเพราะบิดาอยากได้ลูกสาวจึงรับแม่ของเมขลามาเป็นภรรยาคนสุดท้องของเขา หล่อนไม่รู้จักความรัก ไม่เชื่อถือเรื่องความรัก เธอเปรี้ยวทำตัวเสมอชาย และหัวสมัยใหม่สุดๆ เธอชอบความสัมพันธ์ชั่วคราว ถ้าเมื่อไรที่คู่กิ๊กเกิดหึงหวงเธอก็ถอนตัวทันที 



              จริงๆ แล้วเธอเป็นคนที่ได้รับความรักอย่างท่วมท้นจึงไม่แคร์ความรู้สึกใคร พ่อเธอมีเธอตอนอายุ 80 ดังนั้นความรักทั้งหมดก็ถูกทุ่มให้ลูกสาวคนเล็กที่อยากมีมานาน พี่น้องคนอื่นก็อายุคราวพ่อ ดังนั้นเธอจึงถูกสปอลย์อย่างมากมาย มีเหลือล้นเห็นทุกอย่างเป็นเรื่องสนุก



              ถามว่าคู่นี้รักจริงๆ ไหม...ไม่แน่ใจค่ะ เพราะที่เด่นชัดคือ "ความลุ่มหลง" เมขลานั้นเผลอมีใจให้ชนะชลไปเมื่อไรเธอก็ไม่รู้ตัว อาจเป็นเพราะเขาชอบเรือนของเธอ เรือนซึ่งเป็นความรัก ความทรงจำ ของเธอ จึงต่างกับผู้ชายคนอื่น 


             แต่กับชนะชล..เจ้าแก้วคิดว่าเขามีความเครียดสะสมซ่อนแฝงในบุคลิกตั้งแต่เด็กมานานแล้ว ที่ผ่านมาเก็บอารมณ์ความรู้สึกและปรุงแต่งการวางตัวมาตลอด เพื่อปิดบังความลับบางอย่างที่อ่อนไหวกับความรู้สึกของเขาและคนรอบข้าง แต่เมื่อได้อยู่ในสถานที่ซึ่งสัมผัสความทรงจำอันเลือนลางจากจิตใต้สำนึกของเขาแล้ว...ที่เรือนริมน้ำนี่ ชนะชลสามารถเป็นตัวของตัวเองได้มากที่สุด เขาตามหาตัวตนในจิตใต้สำนึกเจอที่นี่นั่นเองค่ะ เจ้าแก้วคิดว่าเป็นอย่างนั้น..เหมือนกับเจอบ้านที่แท้จริง จึงเกิดความลุ่มหลงทั้งเรือนไทยหลังนี้และตัวเมขลาอย่างพุ่งพล่านมากล้น



              ตัวละครอีกตัวที่สำคัญคือ "ลุงทิม" ลุงทิมเป็นตัวแทนของคนที่เชื่อเรื่องบาปบุญคุณโทษ และศีลธรรม ลุงทิมเป็นคนเก่าแก่ในบ้าน จะว่าเป็นข้าในบ้านก็ว่าได้ ลุงทิมมองเห็นความเป็นมาของเรือนหลังนี้มาตลอด เห็นทั้งกิเลสตัณหาของเจ้าของบ้านและความเหี้ยมโหดของงู ลุงทิมเป็นคนคอยเตือนกระตุ้นให้บรรยากาศในเรื่องเกิดความลึกลับ และเป็นตัวบอกถึงพื้นเพของตัวละครอื่นๆ จะเรียกว่าแกเป็นตัวคลายปมก็ได้ และการคลี่เอาพื้นเพของตัวละครอื่นผ่านคำพูดของแก มันมีเพียงแค่ประโยคสั้นๆ แต่ทำให้รู้กำพืดตัวละครอื่นได้ เช่น



             "เมขลา เลือดพ่อเขาแรง" เอาเป็นอันว่าเรารู้ว่าเธอเจ้าชู้เหมือนพ่อของเธอ สั้นๆ ไม่ต้องสาธยาย รู้เรื่องเลย


             หรือ ตอนหนึ่งลุงทิมไปพูดกับงู...เป็นประโยคที่เจ้าแก้วฉุกคิดมาก งูเพิ่งฆ่าคนเลวไปสองคน เพื่อปกป้องเด็กหญิงคนหนึ่ง ลุงทิมบอกกับงูว่า..


              "คุณปกป้องเด็ก แต่คุณฆ่าคนไปแล้ว สักวันหนึ่งคนก็จะฆ่าคุณได้เหมือนกัน"



             ไม่รู้ว่าลุงทิมคิดอย่างไร ลุงทิมอาจจะเชื่อมั่นเรื่องบาปบุญคุณโทษ แต่สำหรับคนทั่วไปถ้ามีขโมยขึ้นบ้าน มีคนชั่วจะทำร้ายคนในบ้าน แล้วโดนงูกัดเราก็คงจะสมน้ำหน้ามันแล้วชมเชยงู ไม่รู้สึกว่างูทำอะไรผิดเลยเขาแค่ทำหน้าที่ของเขา อีกอย่างงูไม่มีมือ เขามีแค่ลำตัวอันแข็งแกร่งกับพิษอันรุนแรง เลยไม่อาจโทษงูได้ว่าทำเกินกว่าเหตุหรือไม่ หรือจะให้เขาทำอย่างไรให้ดีกว่านั้นในสถานการณ์อันตราย 



             แต่พอลุงทิมพูด...สิ่งที่สื่อออกมา มันคือการละเมิดศีลข้อแรกไปแล้ว กงเกวียนกรรมเกวียนก็เริ่มหมุนเช่นกัน เจ้าแก้วรู้สึกสะท้อนใจ..แม้ในใจจะลำเอียงเข้าข้างงูก็ตามที



             ทีนี้มาถึง "งู"  งูเป็นตัวเอกของเรื่อง เป็นตัวที่ขับเคลื่อนเรื่อง งูตัวนี้ไม่ใช่งูธรรม เขาเป็นงูเห่ายักษ์สีดำสนิท อายุมาก จนกลายเป็นงูเจ้า ผีสาง หรืออำนาจมืดใดก็แล้วแต่...แต่สำหรับคนอ่าน งู คือ สัญลักษณ์ หรือสัญญาณเตือนแห่งความละอาย บางครั้งบางคราเมขลาจึงเรียกว่าเป็นงูบรรพบุรุษ งูปรากฏตัวทุกครั้งที่เมขลาทำตัวไม่ดี เหมือนตักเตือนตอกย้ำ ถ้าเธอไม่ฟัง...จะมีคนตาย



             พ่อ แม่ ปู่ ย่า ผู้ใหญ่ทั้้งหลาย..วิญญาณของบรรพชนจึงมาในรูปแบบของงูซึ่งเป็นรูปธรรม มาปรากฏเป็นวาระแห่งการหักล้างทางจิตใจบ้าง หรือเป็นทางแยกของเนื้อหาที่ตัวละครจะต้องเลือกทางไปต่อ โดยสุดท้ายแล้ว..ใครที่ผิดศีลธรรม เล่นกับไฟ คนนั้นเผาตัวเองตาย...งูเป็นตัวแทนการบอกเล่าผ่านรูปแบบของสัญลักษณ์ แต่การปรากฏตัวแต่ละครั้งของงูมันกระตุ้นเอาความลึกลับ น่าหวาดหวั่น เข้ามาทั้งแก่ตัวละครและคนอ่าน



             สรุปแล้ว...แม่เบี้ย ไม่ได้มุ้งเน้นความอีโรติก ฉากอย่างว่า แต่จำลองความบิดเบี้ยวทางศีลธรรมของตัวละคร อันเกิดมาจากพื้นฐานในวัยเด็ก เป็นนิยายที่มีลีลาการเล่าได้เร้าใจ กระชับ การดำเนินเรื่องและตัวละครมีมิติมีที่มาที่ไปและแรงขับดันให้เรื่องวิ่ง



              นิยายเรื่องนี้ปลุกเร้าความคิดมากค่ะ  เอาพูดแบบบ้านๆ คือ โคตรเจ๋งค่ะ  สมแล้วที่เป็นนักเขียนมือทอง เป็นคนเขียนที่พรสวรรค์มาก จนน่าเสียดายที่ผู้เขียนได้จากไปแล้ว ขอคาราวะแด่ดวงวิญญาณคุณวาณิช จรุงกิจอนันต์ ด้วยความรู้สึกชื่นชมอย่างสุด อ่านเถอะนิยายดีๆ เชียร์ค่ะ Smiley





Create Date : 30 กันยายน 2558
Last Update : 30 กันยายน 2558 8:42:24 น. 5 comments
Counter : 7610 Pageviews.

 
โหวตค่ะ

เราชอบงานเขียนของคุณวาณิช ซอยเดียวกันนั่นเราก็ชอบ เรื่องนี้เราก็ชอบ และชอบการวางโครงเรื่อง จุดจบของตัวละคร ชอบลุงทิม

การใช้ภาษาของคุณวาณิชก็เรียกว่าเป็นนายภาษาเลยค่ะ ไม่มากไปไม่น้อยไป

หานักเขียนใช้ภาษาอย่างนี้ยากนะคะ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 30 กันยายน 2558 เวลา:10:45:10 น.  

 
รีวิวได้ปรุโปร่ง
.
.
จนอยากอ่านเลยค่ะ


โดย: Prophet_Doll วันที่: 30 กันยายน 2558 เวลา:13:11:48 น.  

 
เคยอ่านตอนเด็ก ๆ มากแล้วค่ะ
พอได้อ่านรีวิวนี้ อยากหามาอ่านอีกสักครั้งจัง


โดย: Serverlus วันที่: 2 ตุลาคม 2558 เวลา:14:01:25 น.  

 
ชอบสำนวนที่ใช้ในการเขียนรีวิวมากเลยค่ะ สละสลวย สื่ออารมณ์ อ่านแล้วเห็นภาพด้วยค่ะ อยากจะไปหาหนังสือมาอ่านกันเลยทีเดียว


โดย: Moonshiner วันที่: 4 ตุลาคม 2558 เวลา:22:42:49 น.  

 
อยากอ่านต้นฉบับบ้างจังเลยค่ะ จะหาซื้อได้ที่ไหนคะ


โดย: หมวยแว๊น วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2560 เวลา:21:21:59 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

แก้วกังไส
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 54 คน [?]







ผลงานเขียนที่ผ่านมาค่ะ

รักนี้(แค้น)ต้องชำระ


Amethyst Sonata
เพลงรัก..ลิขิตหัวใจ



บาปปาริชาต

Friends' blogs
[Add แก้วกังไส's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.