จิบชาชมดอกไม้ไปพลาง คุยกันเบาๆ ที่สวน..เจ้าแก้ว กังไส





Group Blog
 
 
พฤษภาคม 2554
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
19 พฤษภาคม 2554
 
All Blogs
 

ละครทีวีบนนิยาย(ไม่เอาได้ไหมคะ?)

ช่อง 7 สี..ทีวีเพื่อคู๊ณณณณ..ณ
เป็นสโลแกนที่ได้ยินมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กตัวจ้อย
เมื่อก่อนชอบละครช่อง 7 สมัยที่ยังสร้างด้วยความเคารพ
บทประพันธ์อยู่ ดาราที่คัดมาเล่นก็เหมาะสม มีเรื่องที่ชอบ
หลายเรื่อง อย่าง คือ หัตถาครองพิภพ สองฝั่งคลอง ด้วยแรงอธิษฐานฯลฯ
เยอะแยะตาแป๊ะไก๋ค่ะ


ช่วงหลังๆ ไม่ค่อยได้ดูที ไม่ใช่เพราะช่อง 7 เลวลง
แต่เพราะโตขึ้น หันไปติดอย่างอื่นแทน ทั้งเน็ต ทั้งการ์ตูน
แม้กระทั่งติดโทรศัพท์ ช่วงวัยรุ่นนี่โทรๆๆ จนบางเดือน
ค่าโทรศัพท์(บ้าน-ติดห้องนอนใช้คนเดียว) สูงถึง 2 พันบาท
ไม่รู้โทรอะไรนักหนา ตั้งแต่ 2 ทุ่มถึงตี 5 ยังไม่เลิกคุยก็มีมาแล้ว
ในขณะที่ปัจจุบัน ใช้มือถือแค่เดือนละ 500 บาท เผลอๆ บางที
วางมือถือไว้ไหนแล้วจำไม่ได้ จะหาเจอต่อเมื่อจะใช้ หรือมันดังเท่านั้น
วันเวลาช่างเปลี่ยนคนจริงๆ


เริ่มจากนินทาตัวเองไปแล้ว เราก็มานินทาอย่างอื่นรอบๆ ตัวบ้างดีกว่า
สิ่งที่เจ้าแก้วอยากเม้าท์คือ "นิยาย" ค่ะ เมื่อตอนอายุยังน้อยไม่ค่อยได้อ่าน
เพราะมีความรู้สึกว่า นิยายคือเรื่องของคนอื่นที่เราไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
แต่นิยายจะเล่าชีวิตของพวกเขา(คนในนิยาย) โดยมีคนอ่านเป็นไทยมุง
ซึ่งมุงแล้วก็ติด อ่านจบแล้วก็เกิดอาการ..ป๊อง..เพิ่งสำนึกได้ว่าเกี่ยวอะไร
กับเราฟร้า...


อาจจะเป็นเพราะตอนนั้นเจ้าแก้วอายุไม่ถึง 10 ขวบด้วยมั้งคะ เริ่มอ่าน
นิยายจากการนั่งรอคุณแม่ที่ร้านทำผม แล้วอ่านนิตยสารแม่บ้าน
อย่างขวัญเรือนกุลสตรี สตรีสาร ฯลฯ เรื่องแรกที่อ่านคือ "บ้านแก้วเรือนขวัญ"
ของโสภาค สุวรรณ อ่านแล้วก็ติดค่ะ...พยายามดั้นด้นอ่านต่อไปเรื่อยๆ
จบเป็นตอนก็คุ้ยเล่มอื่นมาอ่านต่อ แต่พออ่านจบรู้สึกหนักๆ เครียดๆ
และรู้สึกว่า...มันไม่ใช่เรื่องที่เรามีส่วนเกี่ยวข้องนี่ มันเป็นโลกที่ห่างไกล
จากตัวเราเหลือเกิน



ตอนนั้นทำไมถึงคิดแบบนี้ก็ไม่รู้นะคะ แล้วเจ้าแก้วก็เรียกนิยายพวกนั้นว่า
"นิยายป้า" เพราะมีแต่ป้าๆ อ่าน จริงๆ แล้วควรจะเรียกว่านิยายสะท้อนชีวิต
สะท้อนสังคมอะไรพวกนั้นมากกว่า จริงๆ แล้วในขณะนั้นเจ้าแก้วอาจจะ
คิดอยากอ่านนิยายที่คนอ่านมีส่วนสัมผัสได้ มีสิ่งใกล้ตัวบ้างมั้งคะ
แต่ด้วยความที่เป็นเด็ก ก็ยังไม่เข้าใจสิ่งที่ตัวเองคิดอย่างชัดเจน


เจ้าแก้วในวัยเด็กก็เกิดความรู้สึกว่า นิยายคือ...เรื่องชีวิตของคนอื่น
ที่ไม่ใช่ของเราไปซะงั้น ก็เลยไม่ค่อยได้อ่าน ไปติดการ์ตูนตามวัยแทน
พอโตขึ้นโดนคุณป้าให้อ่านนิยายที่เป็นละครทีวี แล้วมาย่อให้ฟัง(สมัยนั้น
ไม่มีเรื่องย่อละครขายอย่างทุกวันนี้) ก็เริ่มรู้สึกว่ามันเริ่มต่างจากนิยายป้าแล้ว


ช่วงนั้นจะเป็นช่วงที่กิ่งฉัตรเริ่มมีผลงานใหม่ๆ ค่ะ ก็เริ่มรู้สึกว่านิยายมีสีสัน
มากกว่า มีเรื่องที่เราสามารถพบเจอได้ในชีวิตประจำวันบ้าง ไม่ใช่มีแต่
เรื่องของคนร๊วย..รวย กับ คนจ๊น..จน แต่ไร้ซึ่งคนชั้นกลาง นิยายเกี่ยวกับ
อาชีพเป็นเรื่องที่สนใจในตอนนั้น จำได้ว่าชอบมายาตะวัน เพราะนางเอก
เป็นนักข่าว ชอบนวลนางข้างเขียง เพราะนางเอกเป็นแม่ค้าขายหมู ไม่ใช่
มีแต่ตัวละครทำอาชีพก็ไม่รู้จำได้แต่ว่ารวกับจนแค่นั้น แต่จนแล้วจนรอด
ก็ไม่ค่อยมีคนเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับอาชีพอีก มาจนบัดนี้ก็ยังคงเหมือนเดิม


นิยายเกี่ยวกับอาชีพ..หรือศิลปวัฒนธรรมไทย เรื่องที่ชอบคือ "ทิพยดุริยางค์"
ของโบตั๋นค่ะ หลังจากชอบเรื่องนี้ไป ก็ตะลุยอ่านโบตั๋นจนหมดห้องสมุด
(ตอนนั้นอยู่'มหาลัยแล้ว) แล้วก็อิ่มตัวกับพล็อตลูกสาวคนจีนที่พ่อแม่ไม่ค่อยรัก
รักลูกชายมากกว่าแต่ลูกชายเป็นคนไม่ดี พล็อตเดิมแต่เปลี่ยนฉากและเนื้อเรื่อง
แล้ว..โบตั๋นก็ไม่เขียนเรื่องรำไทย เรื่องโขน เรื่องเปียโนอีกเลย


ว่าแล้วก็เลยหันไปอ่านคนอื่นบ้าง คนที่ชอบในตอนนั้นคือ "ตรี อภิรุม"
ตะลุยอ่านอีกเช่นกัน สิ่งที่ชอบที่สุดของตรี อภิรุม คือ ไอเดีย กล่าวคือ
ชอบทั้งแนวลึกลับและไอเดียของเรื่อง ซึ่งแต่ละเรื่องไม่ซ้ำกันเลย
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของพญานกฟีนิกซ์ เรื่องฝาแฝดคนกับมนุษย์ลิง
แวมไพร์ ศพ ผีอื่นๆ ไอเดียร์เจ๋งจนป่านนี้ก็ยังรู้สึกอย่างนี้อยู่ค่ะ
ตอนนั้นอ่านแล้วเพลิดเพลินสนุกมาก เรื่องที่ชอบที่สุดคือ
เทพบุตรสุดเวหา


แต่พอผ่านมาอีกหลายปี...กลับมาอ่านตรี อภิรุม ก็ยังคงชอบไอเดียอยู่
แต่ว่า..มันไม่สนุกเท่าเดิม เพราะเริ่มจับผิดตอนอ่าน บางฉากบางตอน
มันมาไงฟร้า? บางทีตัวละครก็สุดแสนจะงี่เง่า อย่างเช่น แก้วขนเหล็ก
ตอนเด็กๆ จำได้ว่าน่ากลัวมาก อ่านตอนโต..ไอ้ผีงี่เง่าเอ้ย! ตายซ้ำเสียเถิดแก!!
เป็นอย่างนั้นไปเสียแล้ว...


จากนั้นพอเริ่มเขียนนิยาย ก็มีปัญหาตรงที่ว่าไม่ค่อยเก่งทางด้านการใช้ภาษา
ภาษาไม่สละสลวย ก็ได้รับคำแนะนำว่า...ภาษาสวยต้องป้าทมสิจ๊ะ
ทว่า..อ่านทมยันตีแล้ว...กรี๊ด นั่นเป็นความสามารถเฉพาะตัว ไม่สามารถ
ใช้ศึกษาได้ ในความคิดเจ้าแก้ว ป้าทมเป็นคนเอาแต่ใจในการเขียนมากๆ เลย
ไม่ได้มีแพทเทิร์นที่แน่นอน ถ้าป้าอยากอธิบายป้าก็บรรยายเยอะมาก
ป้าไม่อยากอธิบายป้าก็ไม่อธิบายซะงั้น อ่านๆ ไปเรื่อยๆ เถอะ ตามป้ามา
เดี๋ยวก็รู้เรื่องเองแหละ ถึงบอกว่านี่เป็นความสามารถพิเศษของทมยันตี
เลียนแบบไม่ได้


นิยายป้าทม..เป็นไอดอลของนักเขียนจำนวนมาก ด้วยภาษาสวย
ตัวละครมีเสน่ห์ และความเด่นประการนี้เอง ซึ่งนักเขียนหลายๆคน
ชื่นชอบป้าแล้วสลัดป้าออกไม่พ้นงานตัวเอง ลักษณะเฉพาะตัว
ของผู้เขียนเลยถูกกลบกลิ่นไปด้วยไอดอลที่ตนเองชื่นชม
แล้วบางก็...มองไม่ทะลุเปลือก ว่าทำไมใครๆ ถึงรักงานป้าทม


หลายคนจับได้แค่ความสละสลวยของภาษา ความทรนงของนางเอก
พอเขียนออกมาแม้จะพยายามทำให้งานมีลักษณะทมยันตี 2
แต่...มันเป็นแค่เปลือกอันฉาบฉวยไม่สนุกเท่าตัวจริง เผลอๆ
ยังสร้างความรำคาญให้อ่าน ด้วยการเวิ่นเว้อทางภาษา การพยายาม
อัพเกรทตัวเองด้วยภาษาสวยๆ แต่พื้นฐานภาษาไม่แข็งแรง
การเป็นใช้ผิดความหมาย(เรื่องเลยฮาแทนที่จะซึ้ง)


จากป้าทม...ก็ไปหยิบแก้วเก้า คุณพี่เจ้าของหนังสือก็ว่า เล่าเรื่องสนุก
แต่ภาษาไม่ได้สวยมากนะคะ ก็ยืนยันว่าจะเอาเพราะว่าชอบแนวลึกลับ
แล้วแก้วเก้านี่ล่ะค่ะ...สมแล้วที่ท่านเป็นอาจารย์ ช่างเป็นคนที่เล่าเรื่อง
ได้ตามลำดับ ไม่ชวนงง และเห็นภาพมากๆ ชัดเจน แม้กระทั่งนิสัยตัวละคร
เป็นประเภทอย่าฝันจะงงเลยนะคะคนอ่าน ความสนุกของเรื่องราว
ทำให้ เนื้อหาอันเข้มข้นทำให้ลืมเรื่องการใช้ภาษาไป เพราะแก้วเก้า
ใช้ภาษาธรรมดา ที่สื่อสารอย่างตรงไปตรงมาชัดเจน ไม่ต้องใช้ความพยายาม
ในการอ่าน เลยรับสารที่ผู้เขียนส่งมาได้ง่าย


แต่...พอเอาเข้าจริงๆ แล้ว ครูคนหลักที่ทำให้ภาษานักเขียนพัฒนาขึ้น
กลายเป็น...พจนานุกรมภาษาไทยค่ะ



การอ่านมากก็ช่วยได้ประการหนึ่ง อ่านนักเขียนที่มีฝีมือมากๆ ก็ทำให้ได้เห็น
ศัพท์แปลกๆ การใช้ภาษาที่พลิ้วไหวงดงามแต่กลมกลืนในเวลาที่อ่าน
จนไม่ทันรู้สึกตัวนี่เป็นตัวอย่างของนักเขียนเก่ง(สวยกลมกลืนนี่ยกให้
พนมเทียนค่ะ )


เจ้าแก้วขอเล่าให้ย้อนนิดหนึ่งนะคะ ว่าเพราะเหตุใด ทำไมรู้สึกว่าภาษา
ตัวเองไม่ค่อยดีๆ คือภาษาไทยไม่ใช่ภาษาที่หนึ่งในชีวิตเจ้าแก้ว เนื่องจาก
ที่บ้านมีภาษาประจำบ้านตามเชื้อชาติเดิม ก็กลัวลูกหลานจะลืม ดังนั้น
จึงหัดภาษาดั้งเดิมก่อนภาษาไทย ก็ดีค่ะ..อยู่ในวัฒนธรรมดี


แต่มีปัญหาเพราะว่าลิ้นมันแข็งออกเสียงภาษาไทยได้ไม่ชัดเจนในคำ
เหมือนคนลิ้นคับปากตอนเด็กๆ ก็จะโดนล้อ เลยทำให้หน้าตาบู้บี้พาลไม่พูด
จนคนนึกว่าพูดไทยไม่ได้ไปเลยก็มี แต่พอโตมาเพื่อนเยอะ...บวกกับเป็น
คนช่างเม้าท์น้ำไหลไฟดับน้ำท่วมโลกก็หยุดการเม้าท์ของเจ้าแก้วไม่ได้


ก็ไม่มีปัญหาอะไรในชีวิตประจำวัน พูด-อ่าน-เขียน ภาษาไทยได้ในระดับปกติ
จนกระทั่งมาเริ่มเขียนนิยายถึงได้รู้ตัวว่า...ภาษาไทยของตนเองง่อยถึงขั้น
ไม่ง่อยธรรมดานะคะ...สะกดผิดเยอะมาก จนป่านนี้ก็ยังสะกดผิดอยู่ ไม่ใช่ว่า
ภาษาวิบัติแต่...ไม่รู้ว่ามันผิดจึงเขียนผิดๆ อยู่นั่นแหละ เช่น คำว่า พึ่ง-เพิ่ง
แยกไม่ออกว่ามันต่างกันอย่างไร แต่คำยากๆ กลัวผิดก็จะเปิดพจนานุกรม
เลยไม่ค่อยผิด เพื่อนๆ ก็เลยตั้งฉายให้ว่า "เจ้าแก้วตายน้ำตื้น" คำง่ายๆ ผิด
ประจำแหละ...


หลังจากนั้นก็รู้สึกเก็บกด...เรื่องเขียนยังไงก็ไม่สวย เซ็ง ทุกๆ คืนก่อนนอน
ก็จะเม้าท์กับน้องไป เปิดพจนานุกรมไปด้วย ไม่ได้ซีเรียสนะคะ เปิดชิลๆ
หาศัพท์ กะว่าอยากได้นามปากกาใหม่สักอัน(แต่จนป่านนี้ก็ยังหาที่ถูกใจไม่ได้)
เวลาผ่านไปสักปีหนึ่ง โลกของเดี๊ยน(ทำท่านางงาม)...ก็เปลี่ยนไป
เออ..การใช้ภาษาไทยให้สวยได้นี่ไม่ยากแล้ว เย้ๆๆ มันเป็นไปเองได้โดยอัตโนมัติ
ซาบซึ้งในพระคุณพจนานุกรมยิ่งนัก สรุปแล้ว...พจนานุกรมนี่แหละค่ะ ครูตัวจริง
แต่มีข้อแม้ว่าคุณต้องเปิดนะ เปิดดูจริงๆ มันก็สนองเราเองค่ะ


เขียนหนังสือได้ก็ยังไม่ได้เลิกอ่านนิยาย..แต่ดันอ่านได้น้อยลง คิดว่าหลายคน
น่าจะเป็นแบบนี้นะคะ(หรือว่าไม่เป็นหว่า) เมื่อเรามองหาขั้นตอนที่จะพัฒนา
ตัวเอง ระหว่างอ่านเราก็จะเผลอมองขั้นตอนของคนอื่นไปด้วย (ความบันเทิงล่ะ?)
ไอ้เรื่องเผลอจับผิดจุ๊กจิ๊กๆ มันจะมีขึ้นมาโดยอัตโนมัติ...บางทีมันก็ทำให้
อ่านไม่สนุกนะคะ แต่นิสัยเสียไปแล้วแก้ยากนะนี่..


งั้นข้าม...ไม่พูดถึงเรื่องจุดจุ๊กจิ๊ก แต่ช่วงนี้รู้สึกว่ามีแฟชันใหม่ในการเขียน
ซึ่งเจ้าแก้วไม่ชินสักที เจ้าแก้วชอบละครนะคะ แต่ไม่ชอบนิยายที่ให้ความรู้สึก
เหมือนดูละครโทรทัศน์อยู่ตลอดเวลา พออ่านๆ ไปมันจะซาร์วแทรกด์ขึ้นมา
ประกอบการอ่าน...ช่อง 7 สี ทีวีเพื่อคู๊ณณณณ...ณ เอิ่ม...



นักเขียนหลายคนติดการดูละครโทรทัศน์ จนถ่ายทอดลงมาในงานเขียน
วิธีเล่าเรื่องจะโทรทัศน์มากๆ มันจะต้องมีฉากยอดฮิตที่บังคับว่าควรจะมี
อยู่เต็มไปหมด เช่น ฉากไปยืนด่าพระเอกตอนเจอกันครั้งแรก ด้วยมาดเท่
ประหนึ่งอังศุมาลินด่าโกโบริ ต้องพ่อแง่แม่งอนจนบางทีเกินงาม
นางร้ายต้องอึ๋มแต่งหน้าเข้ม มาไล่จับพระเอก พระเอกต้องพะคำว่าเพลย์บอย
เอาไว้...พล็อตบังคับเหล่านี้ อ่านไปเยอะๆ ก็เริ่มทำใจได้และชินขึ้น


แต่...อธิบายไม่ถูกว่าจะเรียกว่าอะไรดี จะว่าวิธีการเล่า หรือการตัดฉาก
หรือพล็อตบังคับ หรือ...หรือ หรือ อะไรก็แล้วแต่ช่างเถอะค่ะ รวมๆ กันแล้ว
ผู้เขียนทำให้เจ้าแก้วรู้สึกตลอดเวลาว่า ดูละครทีวีอยู่น่ะ...


แรกๆ ก็จะเป็นกับนักเขียนเด็กๆ ที่ไม่รู้จะเริ่มต้นงานเขียนอย่างไร
และอาศัยการดูละครมากกว่าการอ่าน แต่หลังๆ มาเจองานเขียน
คนวัยทำงานแล้วก็ยังเป็นแบบนี้ แม้ว่าพื้นฐานภาษาอาจจะดีกว่า
เล่าเรื่องด้วยวิธีที่ราบรื่นกว่า แต่ก็ยังทำให้รู้สึกว่าดูละครทีวีอยู่ดี
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร?


ส่วนตัวเจ้าแก้วไม่ชอบ...ไม่ชอบทั้งนิยายที่ให้อารมณ์ดูทีวีตลอดเวลา
และนิยายที่ทำให้เหมือนอ่านการ์ตูนแต่ไม่มีภาพด้วย เมื่อแรกเริ่ม
เหมือนนิยายที่บรรยายได้การ์ตู๊น..การ์ตูน วงการถึงขั้นเรียนว่า Junk
แต่เมื่อนานเข้าเราก็ชินว่าเป็นนิยายฉบับวัยเรียน แต่ตอนนี้มันลาม
มาถึงผู้ใหญ่แล้ว เรียกว่าอะไรดี..ดราม่าทีวีฉบับนิยายดีไหม?


นั่นแหละค่ะทีวีฉบับนิยาย...ส่วนตัวแล้วไม่ชอบ เพราะว่าอยากอ่านนิยาย
ที่ให้ความรู้สึกของนิยายมากกว่า จะรู้สึกเป็นอย่างอื่น..หรือว่าเจ้าแก้ว
เริ่มป้าไปเสียแล้ว รู้สึกปรับตัวไม่ได้...อยากได้มู๊ดเดิมๆ การอ่านนิยาย
มากกว่าน่ะค่ะ แต่เดี๋ยวนี้จะเลือกเชื่อใน สนพ.อย่างเมื่อก่อนไม่ค่อยได้แล้ว
ล่าสุด...เจอ ณ บ้านวรรณกรรม ก็เป็นอยู่บางเรื่องเหมือนกัน


เจ้าแก้วว่านิยายมันก็สนุกแบบนิยาย เวลาเอาไปสร้างละครก็จะสนุกไปอีกแบบ
มันคนละเวอร์ชัน ถ้าเขียนชนิดพร้อมเอาทำบทได้เลย ฟิลมันจะใกล้เคียงกัน
มากเกินไป มันทำลายความเป็นนิยายเหมือนกันนะคะ เพราะมันเหนือจริง
และมีฉากบังคับ แบบที่คนธรรมดานอกจอไม่ทำกันก็เยอะ


แล้วทีวีออนนิยายเหล่านี้ เกิดจับผลัดจับผลูได้สร้างเป็นละครจริงๆ ขึ้นมา
เรื่องไหนเรื่องนั้น...ละครเวอร์ชันจริงกลับสนุกกว่า อาจจะเป็นเพราะว่า
ละครมันเห็นภาพมั้งคะแล้วมันดูไม่เวอร์เท่า รวมไปถึงดัดแปลงสมเหตุสมผล
กว่าฉบับนิยายอีก...ก๊าก


มีเพื่อนนักเขียนคนหนึ่งบอกว่า บางคนไม่ได้ติดละครแล้วจำลองมาเขียนหรอก
แต่เขาเขียนแบบนั้น เพื่อให้เข้าตาค่ายละคร อยากเป็นละครทีวีน่ะ ว่างั้น...


อืม...อย่างนั้นเหรอ? ..เอ่อ..อืม ช่างเถอะเรื่องของเขา
แต่เอาเป็นว่าในฐานะนักอ่าน อยากอ่านนิยายที่เป็นนิยายน่ะค่ะ
ไม่ใช่ทีวีออนนิยาย (ยืนยันอย่างจริงจัง ) รู้สึกว่านิยายแบบนี้มันหยาบอ่ะ
มันไม่ละเอียดอ่อนเหมือนนิยายที่เป็นนิยาย



...เฮ้อ นานๆ จะอัพบล็อก เขียนซะยาว เก็บกดอีกแล้ว








 

Create Date : 19 พฤษภาคม 2554
9 comments
Last Update : 19 พฤษภาคม 2554 16:59:54 น.
Counter : 2963 Pageviews.

 

นักเขียนบนๆทั้งหลายพลอยไม่ค่อยจะเชี่ยวชาญนัก
เพราะที่จริงก็เริ่มอ่านนิยายไทยมาได้ไม่กี่ปีค่ะ
แต่เรื่องทีวีออนนิยายนี่โดนค่ะ 555+

 

โดย: Emotion-P 19 พฤษภาคม 2554 17:13:14 น.  

 

นิยายแบบนั้นสร้อยไม่ค่อยหยิบ ไม่ค่อยถูกจริต แต่ก็คิดว่าที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะโลกมันเปลี่ยนแปลงไป

อืม ตอนอ่านก็เคยคิดว่านางเอกที่ถูกชนนิดชนหน่อยแล้วไปยืนด่าพระเอกปาวๆแบบนั้น สร้อยคิดว่าเดี๋ยวนี้ผู้หญิงที่เป็น 'นางเอก' ต้องขี้โวยวายถึงขนาดนี้เลยหรือ บางทีคิดว่าพระเอกชนของหล่น ถ้าไม่เสียหายก็เก็บขึ้นมาสิยะ จะหาเรื่องทะเลาะกับคนทำไม

ตอนนี้กำลังคิดว่าสร้อยอ่อนเกินไปหรือเปล่าก็ไม่รู้ ที่คิดอย่างนี้

ปล..ไม่ถูกจริตกับทมยันตี (ขออนุญาตไม่ร่ายเหตุผล กลัวแฟนคลับรุมตื๊บ)

ปล2. ภาษาสวย สร้อยยกให้ปิยะพร ศักดิ์เกษม อีกคนเป็นคนจีนคือจางอ้ายหลิง ไม่เคยอ่านภาษาจีนนะคะ อ่านแปลภาษาไทยกับอังกฤษ แต่ชอบการบรรยายของเขามากๆ

 

โดย: สร้อยดอกหมาก IP: 110.49.135.50 19 พฤษภาคม 2554 18:52:40 น.  

 

ที่สร้อยว่าพี่คิดว่านางเอกไม่มีมารยาทค่ะ
เอะอะก็แรงเข้าว่า แต่แรงไม่ดูกาลเทศะ
ความอ่อนหวานหายหมด เหลือแต่ความจ๊าดง่าวที่แสดงออกมา

 

โดย: แก้วกังไส 19 พฤษภาคม 2554 20:05:39 น.  

 

ชอบจังเล้ย โดนใจมาก ใช่เลยค่ะ นิยายทุกวันนี้เหมือนละครเข้าไปทุกวัน บางเรื่องหยิบไปทำละครนี่ลอกไปได้เลย ไม่ต้องเขียนบทใหม่ เช่นเรื่องของ โสภี พรรณรายเป็นต้น มีแต่บทพูดๆๆ

หันมามองตัวเอง เอ๊ะ เราก็เป็นอย่างนั้นหรือเปล่านะ เวลาเขียนพยายามนึกภาพเป็นละคร ให้ตัวร้ายเหมือนในละคร

ไม่ชอบละครเวทีบนนิยายและไม่ชอบนิยายบนละครเวทีที่ไปแปลงบทซะจำของเดิมไม่ได้ ถ้างั้นน่าจะเขียนบทใหม่เองเลยดีกว่า จะมาอาศัยชื่อเรื่องเขาแต่เหลือแค่โครงเรื่องทำไม

 

โดย: นางใจ IP: 115.67.138.57 19 พฤษภาคม 2554 21:15:53 น.  

 

อ่า ขออภัย รีบเขียนไปหน่อย ขอแก้ "ละครเวที" เป็น "ละครทีวี" ค่ะ กร๊ากกกกกกก

ติดใจข้อเขียนของคุณแก้วกังไสซะแล้ว คงต้องแอบเข้ามาเยี่ยมบ่อยๆ แล้วค่ะ ชอบลีลาการเขียนและความคิดมากค่ะ

 

โดย: นางใจ IP: 115.67.138.57 19 พฤษภาคม 2554 21:25:52 น.  

 

เมื่อก่อนทมยันตีเป็นขวัญใจเลยล่ะค่ะ
แต่ช่วงหลังๆ เรารู้สึกอิ่มตัวกับงานของเขา ก็เลยหันไปอ่านงานของนักเขียนรุ่นใหม่ๆ มากขึ้น

มีอยู่ช่วงหนึ่งสนใจงานของ ว. วินิจฉัยกุล แก้วเก้า กิ่งฉัตร ดวงตะวัน ฯลฯ แต่ยังตามอ่านได้ไม่เท่าไหร่ ซื้อมาดองไว้ นับๆ ดูแล้วเกือบร้อยเล่ม

ซึ่งก็เห็นด้วยว่า ตั้งแต่เริ่มเขียนนิยาย ตัวเองก็อ่านหนังสือน้อยลง (แต่ก็ยังอ่านอยู่นะจ๊ะ)

ละครนี่แทบไม่ได้ดูเลย แต่ก็พอจะเห็นนิยายที่ดำเนินเรื่องคล้ายๆ บทโทรทัศน์อยู่บ้างเหมือนกัน

เรื่องพระเอกนางเอกไม่ถูกชะตากันตั้งแต่แรกพบ เราคิดว่าธรรมดานะ ในชีวิตจริงก็มี แต่จุดที่ไม่ชอบก็คือ นางเอกโวยวายเกินเหตุ ทำประหนึ่งว่าแค้นเคืองกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อน เอ... หรือตอนหลังมันอาจจะกลายเป็นนิยายประเภทระลึกชาติก็ได้ อันนี้ไม่รู้แฮะ

ไปเล่นเกมต่อดีกว่า

 

โดย: Friday Story 20 พฤษภาคม 2554 9:16:34 น.  

 

คุณแก้วกังไสพูดได้ใจจริงๆ ค่ะ

 

โดย: เหมียวโก้ IP: 49.229.193.231 20 พฤษภาคม 2554 9:18:14 น.  

 

เขียนได้ตรงใจมากกกกก...^^

ตอนนี้เด็ก ๆ แถวบ้านกำลังโต(หลาน ๆ ) เขาก็สืบทอดสายเลือดนักอ่านจากน้า ๆ ป้า ๆ แต่หนังสือที่เขาอ่านก็ออกแนวละครออนนิยายแบบที่คุณเจ้าแก้วว่ามานั่นเลยค่ะ ไอ้เราก็พลอยหยิบมาพลิก ๆ อ่านกะเขามั่ง ก็มีอินมั่งไม่อินมั่ง

แต่เข้าใจและเห็นใจนัก(อยาก)เขียนเด็ก ๆ นะคะ เพราะเราคิดว่านิยายรุ่นเก่า ๆ ของนักเขียนชั้นครูทั้งหลายที่ผลงานเขาออกมาดีเป็นเพราะภูมิหลังในเรื่องประสบการณ์ชีวิตและโลกของเขาแน่นหนาและแม่นยำ...การถ่ายทอดอารมณ์และความรู้สึกจึงออกมาจากประสบการณ์ตรงไม่ใช่รับผ่านสื่ออื่นใด

ไว้พวกเขา(นักเขียนเด็ก ๆ )โตขึ้นอีกหน่อย หวนกลับมาอ่านงานของตัวเอง เขาอาจจะแอบเขินและขำเองก็เป็นได้

 

โดย: แม่ไก่ IP: 118.174.210.214 20 พฤษภาคม 2554 10:29:51 น.  

 

เจ้าแก้วช่างบ่นได้น่าเพลินดี เนื่องจากไม่ค่อยอ่านนิยายรุ่นใหม่สักเท่าไร เพราะส่วนตัวชอบนิยายแปลแนวสืบสวนมากกว่าเลยขอไม่เม้นท์ในเรื่องนิยายออนทีวี...

 

โดย: สายลมที่พริ้วไหว IP: 115.87.96.182 20 พฤษภาคม 2554 10:43:34 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


แก้วกังไส
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 54 คน [?]







ผลงานเขียนที่ผ่านมาค่ะ

รักนี้(แค้น)ต้องชำระ


Amethyst Sonata
เพลงรัก..ลิขิตหัวใจ



บาปปาริชาต

Friends' blogs
[Add แก้วกังไส's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.