|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 |
|
|
|
|
|
|
|
ลำนำหกพิภพ By พงศ์ศรณ์ ภูมิวัฒน์
ลำนำหกพิภพ เขียนโดย พงศ์ศรณ์ ภูมิวัฒน์
ลำนำหกพิภพเล่มนี้เป็นนิยายแฟนตาซีฉบับไทยแลนด์ หรือพูดง่ายๆ ก็คือรามเกียรติ์ภาคประยุกต์นั่นเองค่ะ ปกติเจ้าแก้วไม่ค่อยได้อ่านแฟนตาซีไทยสักเท่าไร บอกตามตรงว่าอ่านแล้วผิดหวังเป็นส่วนมาก เจ้าแก้ว อยากอ่านจินตนาการจากคนเขียน ไม่ใช่อยากเล่มเกม ผ่านตัวหนังสือ หรืออาจจะเป็นด้วยว่าเจ้าแก้วไม่ใช่ คนเล่นเกมอยู่แล้ว เลยไม่รู้สึกสนุกตามไปด้วยก็ได้มั้งคะ นิยายแฟนตาซีไทยเจ้าแก้วมีนักเขียนขาประจำอยู่คนหนึ่ง ที่ตามซื้อตามเก็บอยู่คนเดียวคือ พัณณิดา ภูมิวัฒน์ นักเขียนในดวงใจของใครหลายคนค่ะ
แต่มาเล่มนี้ถูกบอกต่อกันมาว่าซื้อนะสนุก เจ้าแก้ว พยักหน้าหงึ่กๆ แล้วเดินไปซื้อมาจากงานหนังสือค่ะ แต่เพิ่งอ่านจบเนื่องจากเล่มหนาเท่าสมุดโทรศัพท์ บวกกับมีคิวอ่านสมุดโทรศัพท์ เอ้ย นิยายเล่มหนา ของนักเขียนท่านอื่นๆ อีกหลายเล่ม ต้องของบอกก่อน ว่านิยายเล่มนี้หาซื้อยากมากกกกกก...ก
ตามร้านทั่วๆ ไปก็ไม่ค่อยจะเห็น และด้วยเล่มหนามั่กๆๆ กับราคา 395 บาท เป็นอุปสรรคให้คนซื้อต้องตัดสินใจ นานสักหน่อย แม้ว่าจะมีรางวัลดีเด่นจากนานมีอวอร์ด รับประกันก็ตามที(ก็หนังสือได้รางวัลกับหนังสือที่ชอบ ไม่จำเป็นต้องเป็นเล่มเดียวกันเสมอไปนี่คะ) ส่วนเจ้าแก้ว ซื้อในงานหนังสือเลยได้ลดเปอร์เซ็นต์โชคดีไป
จากเมื่อแรกเห็นชื่อเรื่องแล้วทำให้จินตนาการไปว่า จะเป็น แฟนตาซีสู้กันแบบที่เด็กผู้ชายนักเล่มเกมนิยม หรือแนว พันธมิตรหลายดินแดนตามหาแหวนคุณพระ เนื่องจาก เจ้าแก้วไม่ได้มีข้อมูลอันใดกับนิยายเรื่องนี้มาก่อนเลย... ทั้งที่เรื่องนี้มีชื่อเสียงในเน็ตพอสมควร แต่ด้วยความที่ ไม่ชอบอ่านนิยายหน้าคอม และไม่ได้ตามอ่านนิยายในเน็ต จึงไม่เคยทดลองอ่านมาก่อน แต่ซื้อจากคำบอกว่าเล่าของฟูจัง ที่ซื้อไปแล้วว่าสนุก ฟูจังเป็นคนที่มีรสนิยมในการอ่านขั้นดี และช่วยให้คำแนะนำเวลาเจ้าแก้วเขียนนิยายด้วยค่ะ เมื่อคุณเพื่อนบอกว่าสมควรซื้อเก็บ เจ้าแก้วก็สนใจในทันที แล้วก็พบว่าผิดคาดและดีกว่าความคาดหมาย เพราะไม่ได้ คาดหวังอะไรเลย นอกจากลุ้นเล็กๆ จากนามสกุลคนเขียน ว่าตระกูลนี้เป็นลูกอีช่างเขียน
หลังอ่านเรื่องนี้จบแล้วเจ้าแก้วก็คิดว่า...นี่คงจะเป็นรีวิว ที่ยาวที่สุดเท่าที่เคยเขียนมา แน่ๆ เลยค่ะ เพราะเรื่องนี้ มีจุดให้กล่าวถึงเยอะเกินไป ทนๆ อ่านกันหน่อยนะคะ
ลำนำหกพิภพ ชื่อเรื่องก็คือที่มาของเรื่องนั่นแหละค่ะ เป็นเรื่องเล่าและตำนานจาก 6 พิภพ โดยแบ่งเป็น ภพมนุษย์ ภพสวรรค์ ภพอสูร ภพนรก ภพเปต(ร) ภพสัตว์ต่างๆ เรื่องดำเนินไปตามตำนานเทพพราหมณ์ฮินดูที่เราเคยได้ยิน ได้ฟังมาบ้าง ที่เจนๆ หูก็เรื่องของรามเกียรติ์ แต่เรื่องนี้ เจาะลึกลงไปกว่านั้น ย้อนหลังกลับไปยังสมัยที่ยังไม่มีสวรรค์ และดำเนินเรื่องไปเรื่อยๆ เรียกว่าบรรพบุรุษของรามเกียรติ์ อีกทีค่ะ เพราะเรื่องนี้เป็นประวัติศาสตร์ยุคก่อนที่พระราม จะตามหานางสีดา ในเรื่องทศกัณฐ์เพิ่งเกิดด้วยค่ะ แต่ก็ไม่ได้มีบทบาทอะไรในเรื่องนี้นอกจากถูกกล่าวถึง ด้วยความที่เป็นนิยายประวัติศาสตร์ชนชาติในวรรณคดี รามเกียรติ์ จึงถูกแบ่งออกเป็นภาคต่างๆ ตัวละครจึง มีเป็นจำนวนมาก และแบ่งกันเด่นในภาคของใครของมัน...
ช่างเป็นเรื่องที่อธิบายให้ฟังยากจริงๆ เอาเป็นว่า ใครที่ ชอบอ่านวรรณกรรมโบราณ แนวตำนานเทพปกรณัม ทั้งไทยและเทศน่าจะชอบเล่มนี้เอามากๆ เพราะมีวิธีการ เล่าที่มากกว่าตำนาน คือให้อ่านง่ายและลึกเหมือนพร้อม ละครประกอบการเล่าน่ะค่ะ จึงไม่ใช่แค่เรื่องเล่า เพราะ ตัวละครในเรื่องนั้นมีความนึกคิดเป็นของตนเอง ทำให้ คนอ่านแม้จะเคยอ่านตำนานมาบ้างแล้วก็ตาม ก็อดลุ้น ไปกับพวกเขาเหล่านั้นไม่ได้
นอกจากตำนานที่เคยรู้กันแบบดาษดื่นแล้ว ผู้เขียนยัง เจาะลึกลงไปกว่านั้น หลายเรื่องก็ไม่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อน อ่านแล้วก็อดทึ่งไม่ได้คนเขียนนี่ไปขุดหาข้อมูลมาจากไหน ได้ตั้งมากมายและละเอียดขนาดนี้กันเนี่ย? ขุดได้ลึกและ ละเอียดลออมากจริงๆ นะคะ อย่างกะทำวิทยานิพนธ์ ส่งอาจารย์ก็ไม่ปาน ลำนำหกพิภพจึงถือเป็นหนังสือ ว่าด้วยตำนานเทพปกรณัมฉบับไม่อิงวิชาการ แต่ไม่เบา ในเรื่องของสาระ และหนักแน่นจนคนอ่านอินตาม รวมทั้งน้ำหนักของหนังสือก็มากด้วย...แบกไปแบกมาหนัก พอสมควร คำเตือนสักนิดเล่มนี้ไม่ใช่หนังสือประเภทที่ อ่านข้ามๆ อ่านเร็วๆ ได้ เพราะมันจะประกอบด้วย ความนึกคิดที่คนเขียนบรรจงสร้าง รวมทั้งกลวิธีต่างๆ ในเรื่องที่มีเหตุผลสมจริงและซับซ้อน จนยากที่จะรัก หรือเกลียดตัวละครตัวใดตัวหนึ่ง เพราะทุกตัวมี ความเป็นมนุษย์สูง คือมีทั้งด้านดีและเลว ไม่ใช่ว่า ตูเกิดมาเพื่อกู้โลกแบกชะตากรรมไว้ไปเป็นผู้กล้า ดีกว่า..ลัลล้า
ตัวละครจึงต้องแบกความกดดันของตนเองที่มาพร้อมกับ ภาระบนบ่า(เช่น นายสน) บางครั้งก็ย่อท้อ บางครั้งก็ เหิมเกริม แล้วบางคนก็หลุดจากอุดมคติที่ตั้งไว้ทีแรก (เช่น พระจันทร์) เมื่อมีอำนาจในมือมากเกินไปทำให้ บางคนก็เสวยอำนาจจนเปลี่ยนนิสัยจากคนหนึ่งไปเป็น อีกคนหนึ่ง(เช่น อีตาพระอินทร์) บางคนฉลาดเกินไป(อย่าง พระวรุณ) บางคนคิดซับซ้อนหลายตลบยากแก่ความเข้าใจ ของคนอื่น และกลายเป็นความน่ากลัวอันโอหังที่คิดจะ ฝืนธรรมชาติ บางคนทั้งเก่งทั้งหล่อมาแต่เกิดจนขาดความ บ้านๆ อย่างมนุษย์มนา(อย่าง พระพุธ) บางคนก็มี ประสบการณ์เลวร้ายทำให้ต่อต้านสังคม(อาโปตะไล) หรือมี ความฝันฝังใจกับฮีโร่วัยเด็กจึงพยายามสร้างฝันให้เป็นจริง (พระยาบริกาศ) หรืออัจฉริยะที่มาพร้อมความบ้า(พี่หม่ำ.. เอ้ย พระเจ้าจักรทัต)
บางคนนั้นตรงกันข้ามเขาผ่านจุดสูงสุดของชีวิตจนถึงขั้นปลง ในโลกทั้งมวล(ท้าวมหาพลี) บางคนก็พยายามทำตัวเป็นเด็กดี จนเก็บเอาความรู้สึกที่แท้จริงไว้มากเกินไป (อย่างหนูคีตา) หรือบางคนแม้จะดูติงต๊องหาเหตุผลไม่ได้ แถมชอบทำตัว เป็นตัวตลก แต่ก็มีความสุขในอุดมคติตามแบบฉบับ ของตนเอง แถมตัวตลกคนนี้ยังมีปรัชญาลึกซึ้งจนไม่อาจ มองข้ามได้(คนธรรพ์) หรือจะเป็นสาวน้อยช่างฝันผู้ไม่เคย เห็นโลกภายนอก(เมขลา) ตรงกันข้ามกับคนเจ้าเล่ห์แสนกล แต่สูงด้วยอุดมคติ(พญาสาย) และอีกมาก บลาๆๆ ฯลฯ โอ้ย..จาระไนไม่หมดค่ะ
แต่เมื่อตัวละครที่หลากหลายอารมณ์ หลายนิสัย มารวมกัน อยู่ในเรื่องเดียวกัน จึงเกิดเป็นสังคมใหญ่ ซึ่งไม่ใช่มีแค่คน กลุ่มเดียว แต่เป็นคนหลายกลุ่ม หลายเชื้อชาติ มีพื้นฐาน ความนึกคิดสืบต่อกันมาหลายชั่วอายุคน จึงเกิดเป็นนิสัย อันหยั่งรากลึกของชนชาตินั้น จึงทำให้เกิดสงครามขึ้น เหมือนดังโลกนอกหนังสือแบบเดียวกันนั้นเลย อารมณ์ ของเรื่องจึงถูกพัดพาไปเรื่อยๆ แล้วแต่ตัวละครไหน จะเป็นผู้นำพา เราก็จะได้เห็นมุมมองของเขาเหล่านั้น ทั้งมุมที่เจ็บปวด ทั้งมุมที่สวยงาม ทั้งมุมที่น่ากลัวยิ่งนัก ส่งผลให้คนอ่านจะหลงรักตัวละครได้อย่างไม่ยากเย็น ในเรื่องเจ้าแก้วหลงรักไปหลายตัวค่ะ คนที่เจ้าแก้วชอบมาก ที่สุดเห็นจะเป็น...
ทวิช จันทรวงศ์ หรือพระจันทร์นั่นเองค่ะ พระจันทร์คนนี้ ต่างจากตำนานที่เคยได้ยิน ตำนานที่เราคุ้นเคย คือเรื่องที่ พระจันทร์มีเมีย 27 คน และรักนางโรหิณี เมียคนสุดท้อง มากที่สุด ทำให้พี่สาวอีก 26 คนซึ่งเป็นชายาพระจันทร์เช่นกัน ไปฟ้องพ่อจนพระจันทร์โดนสาปให้มีข้างขึ้นข้างแรม แต่ พระจันทร์ในเรื่องนี้เป็นตำนานที่ต่างบทกันออกไป ไม่ใช่ พระจันทร์คนที่มีเมีย 27 คน แต่มีเมียแค่คนเดียวเป็น รักแท้เพียงครั้งเดียว เจ้าแก้วชอบเขาเพราะว่าพระจันทร์นั้น มีแง่มุมของคนที่มีเลือดเนื้อจริงๆ มีผิดพลาด มีล้มลุก คลุกคลาน มีความขลาดกลัว มีความหลงมัวเมาอำนาจ ที่พูดมานี่ส่วนแย่ๆ ทั้งนั้นเลยนี่หว่า...
แต่พระจันทร์มีเนื้อแท้ที่ดี เขามีความพยายามแม้ว่าหลายครั้ง จะท้อแท้ หวาดกลัว ไม่แน่ใจว่าตนเองกำลังทำอะไรอยู่ก็ตาม เขามักจะสับสนในตนเองแต่ในที่สุดแล้ว พระจันทร์ก็เลือกสิ่ง ที่ดีที่สุดให้ตนเองและผู้อื่น โดยไม่ถอยกลับไปเหยียบทางเก่า อันเลวร้ายซ้ำอีก เป็นคนที่มีจิตสำนึกน่ะค่ะ พลาดได้และ สำนึกเป็น เจ้าแก้วชอบเขาตรงนี้ จึงรู้สึกว่าเขามีเสน่ห์จาก การรู้จักผิดพลาดแล้วรู้จักแก้ไขนี่แหละค่ะ
พระจันทร์นั้นเริ่มชีวิตเหมือนคุณคาวี เอ้ย ไม่ใช่...พระจันทร์ เกิดมาในครอบครัวไฮโซ มีหน้ามีตาในสังคม อีกทั้งยัง เป็นหนุ่มที่หล่อที่สุดในสามภพ เขาจึงหลงตนเอง และใช้ชีวิต เสเพลไปเรื่อยเปื่อย ไม่สนใจศีลธรรมสนใจแต่ทดสอบเสน่ห์ ตนเอง ด้วยการฟันสาวสะสมแต้มไปเรื่อยๆ แม้ว่าสาวคนนั้น จะมีสามีแล้วก็ตาม วันหนึ่งพระจันทร์ก็เกิดเบื่อหน่ายใน ชีวิตแบบนี้ และเมื่อคิดจะเริ่มชีวิตใหม่หายนะก็มาถึงตัว เสียแล้ว คำสาปมาเยือนส่งผลให้เขาทุกข์ทรมานจาก ผลกรรมของตนเอง หลายๆ คนคงจบสิ้นลงที่ตรงนี้ แต่พระจันทร์ยังมีบุญเก่าที่เคยก่อไว้โดยไม่ตั้งใจ ยังผลให้ ผู้หญิงอย่างโรหิณีผู้ต่ำต้อย และไม่เคยอยู่ในเมมโมรี่ของ พระจันทร์ด้วยซ้ำ เพราะหล่อนเป็นแค่พนักงานเสิร์ฟ แต่ โรหิณีเอาชีวิตของตนเข้าแลกชีวิตของพระจันทร์ ทำให้เขา ได้เริ่มต้นใหม่และเปลี่ยนตัวเองไปอย่างสิ้นเชิง
พระจันทร์ทิ้งหนทางชีวิตเก่าๆ ที่มัวเมาในกิเลส แต่ก็ไม่ใช่ ว่าเขาจะเปลี่ยนปุบปับได้ในทันที เขาต้องมีการเรียนรู้ และลองผิดลองถูกไปเรื่อย ประสบการณ์นั่นเองเป็นตัว สอนให้เขาเติบโต พระจันทร์กลับมาใช้ชีวิตอีกแบบที่ไม่ได้ อยู่ใต้เงาบิดาผู้ยิ่งใหญ่อย่างพระวรุณ ด้วยการทำตัว เหมือนนักศึกษา 18 ตุลา 2519 ลุกขึ้นต่อต้านระบบ และพบรักกับนักศึกษาสาวในป่า เอ้ย ไม่ใช่ แต่มันคล้ายๆ กันง่ะ กับมาริสาเจ้าหญิงแห่งเมืองรัม ที่ไม่ชอบอยู่ในวัง ทำตัวเป็นเจ้าหญิงสวยๆ ไปวันๆ แต่เธอเป็นเจ้าหญิงนักปฏิวัติ ทั้งคู่รักกันไปควบคู่กับการปฏิวัติแห่งยุคสมัย ที่มีพระจันทร์ เป็นหนึ่งในผู้นำ แต่ความรักกับความต้องการในอุดมคติ ของตนมันสวนทางกัน หนทางรักของทั้งคู่จึงมาถึงทางแยก ให้เลือกเดิน
ทำให้พระจันทร์เติบโตขึ้นอีกเป็นก้าวที่สอง และวังวน ของความเป็นอมตะทำให้เขาต้องเติบโตขึ้นอีกหลายครั้ง ผ่านความเจ็บปวดอีกมาก แต่สิ่งที่น่าชื่นชมที่สุดคือ พระจันทร์มิได้ทิ้งความภาคภูมิใจของตนเอง ลงไปใน กองกิเลส ชีวิตก็ยังดำเนินต่อไป แม้ว่าจะเป็นแค่ชีวิต ของคนๆ เดียว แต่มีส่วนสัมพันธ์กับชีวิตของคนอีกมาก เหมือนดังจิ๊กซอร์ตัวหนึ่งค่ะ เจ้าแก้วชอบแง่คิดอันดู สามัญธรรมดาว่าเราเป็นหนึ่งในคนจำนวนมากของโลก นั่นแหละค่ะ
นอกจากนั้นก็ชอบอารมณ์ขันของเรื่องอย่างตอนของเมขลา ซึ่งหลุดอารมณ์จริงจังในตอนแรกไปอย่างสิ้นเชิง หรือตอนที่ นายสนไปแข่งวาดรูปที่เมืองคนธรรพ์ ทำให้เจ้าแก้วขำหยุด หัวเราะไม่ได้เชียวล่ะค่ะ ว่าแล้วก็ซาบซึ้งกับประโยคที่ว่า อย่าไปเอาเหตุผลกับคนธรรพ์ ใครอยากรู้ว่าทำไมไปหามา อ่านเองนะคะ สปอยล์ไม่ได้จริงๆ ค่ะ
ข้อดีของเรื่องนี้มีหลายจุดตั้งแต่ตัวละครที่มีชีวิตจิตใจ มีมิติ ความเป็นคนมีเลือดมีเนื้อ อีกข้อที่ทำให้ทึ่งนั่นคือมุมมอง ที่เกินวัยของคนเขียนค่ะ ได้ยินมาว่าเขียนเรื่องนี้ตั้งแต่ยัง เรียนไม่จบเมื่อหลายปีมาแล้ว นิยายเรื่องนี้จึงน่าจะมีอายุ ประมาณ 3-4 ปี ในหนังสือบอกว่าผู้เขียน 25 แล้ว ถ้าอย่างนั้น งานชิ้นนี้คืองานของเด็กหนุ่มอายุ 21 ซึ่งมีความลึกซึ้งเกินวัย ตัวละครแต่แสดงออกสมกับช่วงวัยและอายุของเขา ซึ่งตรงนี้ ผู้เขียนหลายคนมักจะหลง หรือหลงกระทั่งเพศ เช่น นิยาย รักหวานแหวว ที่นักเขียนหญิงหลายคนเขียน ถึงพระเอก หรือผู้ชายสักคนในแบบที่ผู้หญิงนึกคิดไปเอง หรืออยากให้ ผู้ชายแสดงออกแบบนั้น ในขณะที่ผู้ชายจริงๆ ไม่ได้เป็น แบบนั้น หรือกรณีที่ผู้เขียนยังเป็นเยาวชนก็เขียนไปตามวัย ของตนเอง แล้วเขียนตัวละครที่อายุมากกว่าตัวคนเขียน แต่ก็ยังแสดงความนึกคิดแบบเด็กๆ เนื่องจากมันเป็นมุมมอง ที่ผู้เขียนเรียนรู้โลกมาแค่นั้น อันไม่ใช่ความผิดของคนเขียน แต่ทำให้เรื่องราวไม่สมจริง
ในขณะที่งานของพงศ์ศรณ์ไม่ได้เป็นแบบนั้น ตัวละครทุกตัว จึงดูมีชีวิตเป็นตัวของตัวเอง ที่ผู้เขียนสร้างโลกขึ้นมาสักใบ แล้วเอาตัวละครไปปล่อยเอาไว้ โดยตั้งโจทย์ให้พวกเขา แก้ปัญหาพร้อมๆ ทั้งเรียนรู้ชีวิตไปเรื่อยๆ ทั้งเรียนผิดเรียนถูก มีขั้นตอนการเจริญเติบโตทั้งทางร่างกายและจิตใจ ที่ผู้เขียน มอบความหมายของการเติบโตให้ทั้งตัวละครและผู้อ่านไป พร้อมๆ กันค่ะ
เจ้าแก้วคิดว่าคนที่สร้างโลกเสียละเอียดยิบย่อยขนาดนี้ ย่อมผูกพันและใส่ใจให้ความรัก กับนิยายเรื่องนั้นๆ มากๆ สิ่งเหล่านี้แสดงออกมาในงานของพงศ์ศรณ์ รายละเอียด บางตอนก็ทำให้ผู้อ่านหลงเชื่อไปว่าตำนานว่าอย่างนั้นจริงๆ แต่ดีที่คนเขียนทำเกร็ดยิบย่อยแจกแจงไว้ด้านหลัง เกี่ยวกับ เนื้อหาในนิยายและบอกไว้ว่าตรงไหนเป็นตำนานจริง ตรงไหนเป็นเรื่องแต่ง ซึ่งงานที่หาข้อมูลละเอียดแบบนี้ เสี่ยงต่อการโดนมนุษย์จำพวกมักง่ายและบกพร่องทางนิสัย หยิบยกไปทั้งกะปิเหลือเกิน เจ้าแก้วล่ะเสียวแทนค่ะ
นอกจากนั้นแล้วเจ้าแก้วยังเชื่อมาตลอดว่างานเขียนนั้น สะท้อนตัวตนของผู้เขียนลงไปในหนังสือ นิยายเรื่องนี้ ก็เช่นกันค่ะ มันสะท้อนออกมามาหลายจุดมาก เช่น โลกของตัวละคร อย่างที่บอกไว้ในพารากราฟก่อนว่า ผู้เขียนสร้างโลกขึ้นมา โลกของเขามันมีลำดับขั้น มีชนชั้น ในสังคม มีระบบระเบียบชัดเจนและซับซ้อน ตอนที่อ่าน คิดว่ามันเป็นหลักรัฐศาสตร์เลยปักใจว่าผู้เขียนน่าจะเรียน รัฐศาสตร์แล้วก็จริงดังคาด ประสบการณ์ถูกถ่ายทอด ลงมาโดยผ่านมุมมอง และชีวิตส่วนหนึ่งของผู้เขียนโดยที่ เจ้าตัวอาจจะไม่รู้ก็เป็นได้ ซึ่งผู้เขียนสร้างโครงไว้ใหญ่มาก เหมือนทำอุโมงค์ใต้ดิน แล้วต่อทางเชื่อมไปเรื่อยๆ จนมัน กลายเป็นนครที่อยู่ใต้ดินอย่างไรอย่างนั้น ความละเอียด ความซับซ้อนเพื่อสร้างมิติให้โลกของตัวละครก็จะถูกสร้าง เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เหมือนเป็นสังคมจำลองซึ่งผู้เขียนเป็นพระเจ้า แต่เจ้าแก้วก็แอบคิดนะคะว่าถ้าผู้เขียนสร้างโลกของนิยาย ให้ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ แล้วจะจบลงตรงไหน? เมื่อความละเอียด มีมากการเก็บเรื่องทุกอย่างภายในก็ต้องมากขึ้น ต้องคลี่คลาย ให้หมดไม่งั้นก็ถือว่าไม่สมบูรณ์ ความยาวของนิยายเรื่องนี้ น่ากลัวจะยาวมากหลายเล่มจบเป็นแน่แท้
ว่าแล้วก็อดคิดไม่ได้ว่าในหัวของพงศ์ศรณ์น่าจะเหมือน ตะเกียงของจินนี่ ที่มีข้าวของอยู่เต็มไปหมดแน่ๆ เลย มีของเยอะจนไม่รู้ว่าจะเอาชิ้นไหนมาอวดหรือจัดเรียง อย่างไรดี เพราะมีเยอะมากและตนเองก็แน่ใจว่าเป็น ของดีทุกชิ้น ซึ่งไม่จำเป็นต้องนำมาอัดในเรื่องเดียวกัน ทั้งหมด ก็ไม่ทำให้เนื้อเรื่องเปลี่ยนหรือด้อยค่าลงไป แต่อย่างใด การใส่ทุกอย่างที่มีในมิติสมองผู้เขียนลงไป ส่งผลให้เนื้อเรื่องบางตอนเรียงน้ำหนักของเรื่องเฉลี่ยไป ไม่ทั่วถึงกัน เช่น ในช่วงแรกนั้นเนื้อหาหนักจนเป็น ดราม่า แต่พอมาถึงบทของเมขลาก็กลายเป็นขำขัน และยิ่งไปที่สนความหนักลดลงมาก อาจจะด้วยบุคลิก ตัวละครที่เป็นคนไม่คิดมากก็ได้ค่ะ
แต่ว่าในส่วนของคนอ่านคิดว่าทาง สนพ.น่าจะแบ่งออก เป็นภาคละเล่มน่าจะดีกว่า หรือจะเป็นคนละเรื่องกันเลย ก็ยังได้ค่ะ เพราะอารมณ์มันคนละขั้วกัน เหมือนคนละเรื่อง เพียงแต่อยู่ในโลกหรือมิติเดียวกันเท่านั้นเอง เมื่ออ่านเรื่อง ของพระจันทร์ก็อยากจะอยู่ในอารมณ์แบบนั้นต่อไป แต่เมื่อ อยู่ในเล่มเดียวกันแล้วอ่านต่อกันเลย อารมณ์จึงไม่ค่อย ต่อเนื่องกันค่ะ และอย่างตอนของสนเหมือนมันไม่ได้จบ แค่ตรงนั้น แต่พร้อมจะมีภาคต่อไปอีกทว่าในหนังสือไม่ได้ แจ้งอะไรไว้เลยค่ะ อ่านแล้วรู้สึกอารมณ์ค้างชอบกล ถ้าเท่าที่มีในหนังสือห้วนๆ แบบนี้คงต้องถือว่าตกม้าตาย ตอนจบล่ะค่ะ ก็เลยคิดว่าน่าจะมีเล่มต่อไปออกตามมาอีกค่ะ และควรจะเขียนแจ้งไว้ว่าเล่มที่เท่าไร อย่างไรด้วยค่ะ จะได้ สะดวกในการซื้อหา
มีอีกส่วนหนึ่งที่มองเห็นจากนิยายเรื่องนี้ค่ะ นั่นคือความ เหมือนที่แตกต่างระหว่าง 2 พี่น้องนักเขียน อย่างพงศ์ศรณ์ กับ พัณณิดา ถ้าใครเคยอ่านนิยายเรื่อง Dragon delivery หรือร้านมังกรไปรษณีย์ และลำนำหกพิภพแล้ว อาจจะรู้สึก เหมือนเจ้าแก้ว ว่าตัวละครจากชื่อ สน และ โซลโท จาก ต่างเรื่องกลับมีนิสัยคล้ายๆ กัน มีแนวคิดเหมือนกันนั่นคือ การเป็นคนธรรมดานี่แหละดีที่สุด ไม่จำเป็นต้อง ยิ่งใหญ่ค้ำฟ้า แต่ก็มีความสุขและมีประโยชน์กับ คนรอบข้าง(ไม่ต้องกู้โลกก็เจ๋งได้) ตัวละครสองตัวนี้ ไม่ได้เหมือนกันเสียทีเดียวค่ะ แต่ความรู้สึกบางอย่างมี ร่วมกันอยู่ สิ่งที่ทำให้ตัวละครสองตัวนี้มีกลิ่นอายเดียวกัน คงจะเพราะว่าผู้สร้างสรรค์ตัวละครทั้งสอง ถูกเลี้ยงดูมาจาก ครอบครัวเดียวกัน ด้วยวิธีการแบบเดียวกันสิ่งนั้นจึงสะท้อน ออกมายังตัวละคร คือมีความสุขกับการเป็นคนธรรมดา ของตนเอง ไม่ต้องอวดเวอร์ขี้เท่อมากแต่เมื่อรับหน้าที่ใด หน้าที่หนึ่งแล้วจะทุ่มเทลงไปอย่างสุดความสามารถ พวกเขาเหล่านี้สะท้อนส่วนหนึ่งในตัวผู้เขียนออกมานี่เองค่ะ
แต่พงศ์ศรก็คือพงศ์ศรณ์พัณณิดาก็คือพัณณิดาอยู่ดีค่ะ แม้ทั้งคู่จะถูกสอนให้มีมุมมองของชีวิตคล้ายคลึงกัน ใช้สไตล์การเขียนด้วยเรื่องเล่าโดยใช้ภาษาง่ายๆ ไม่ได้ใช้ ถ้อยคำสวยหรูอย่างฟุ่มเฟือย ก็ยังมีเสน่ห์ชวนให้อ่านยิ่งนัก มากกว่าเรื่องที่ภาษาสวยๆ แต่แก่นเรื่องเหลวเปล๋ว แต่ด้วย เพศที่แตกต่างงานของพงศ์ศรณ์คนน้องจึงมีความทะยาน มีแรงกระแทกในเรื่องสูงกว่า มีการแสดงออกในด้านรุนแรง ออกมาให้เห็นมากกว่า ในด้านของบู๊แอคชันหรือสงคราม แต่ก็ยังไม่ลืมระบุสาเหตุไม่ได้เกิดขึ้นมาเพราะแค่ผู้เขียน อยากให้เกิดเท่านั้น (แต่ลำนำฯ นั้นมีโครงเรื่องที่มาจาก ตำนานอยู่ก่อนแล้ว ผู้เขียนจึงเปลี่ยนเป็นวิเคราะห์มุมมอง ของสงคราม หรือผู้นำในสภาวะนั้นในแง่ของจิตวิทยาและ รัฐศาสตร์ สังคม เพื่อให้ตัวเรื่องมีน้ำหนักสมจริงขึ้น) ส่วนงาน ของพัณณิดามุ่งเน้นไปที่จิตใจมากกว่าค่ะ เป็นการแสดงออก ที่ขับจากภายในมากกว่าจะแสดงความแรงในด้านการกระทำ ซึ่งจุดนี้เป็นเสน่ห์ของการดำเนินเรื่องในสไตล์ของนักเขียน ทั้งสองค่ะ
ดังนั้นงานเขียนประเภทชุ่ยๆ ตัวละครออกแบบมาไม่อยู่กับ ร่องกับรอย พฤติกรรมของตัวละครก็สะท้อนนิสัยผู้เขียนเอง ว่าเป็นคนที่มีมิติทางสมองเช่นไร มีพฤติกรรมอย่างไร ถูกเลี้ยงดูมาจากครอบครัวแบบไหน มันสะท้อนออกมาหมด ล่ะคะ เพราะฉะนั้นงานเขียนทุกชิ้นจึงควรให้เกียรติผลงาน ก็เท่ากับให้เกียรติตนเอง แม้ว่างานชิ้นนั้นไม่นิยายอิง ประวัติศาสตร์ อาจเป็นแค่งานเบาสมอง แต่งานใดที่เขียน ออกมาเหมือนสักแต่จะเขียน ไม่หาข้อมูล ออกมาสุกๆ ดิบๆ เน้นความเร็วในการเขียนเข้าว่า ใส่แต่ความต้องการของตนเอง ลงไปแบบละโมบทางความฝัน โดยไม่สนใจว่ามูลความจริง เป็นอย่างไร นั่นก็คือการไม่ให้เกียรติชิ้นงาน และถ้าถูก ผู้อ่านส่ายหน้าปฏิเสธและสับเละ ก็ไม่ควรจะโกรธในวิจารณ์ นั้นๆ เพราะถือว่าผู้เขียนไม่ให้เกียรติตนเองตั้งแต่ต้นค่ะ แล้วจะโทษใครได้เล่าคะ
ปล.1 จุดชวนสงสัย...เริ่มเรื่องทีแรกผู้เขียนพูดถึง 3 เทพ ตรีมูรติ แต่บอกว่าพระศิวะเป็นผู้ดูแล พระนารายณ์เป็น ผู้ทำลาย รู้สึกจะสลับกันนะคะ?
ปล.2 ได้หนังสือเล่มที่พิมพ์แล้วตัวอักษรทับกันอยู่ 2-3 หน้า ล่ะ..แง
Create Date : 16 พฤษภาคม 2551 |
Last Update : 16 พฤษภาคม 2551 5:59:15 น. |
|
20 comments
|
Counter : 5192 Pageviews. |
|
|
|
โดย: piccy วันที่: 16 พฤษภาคม 2551 เวลา:8:19:08 น. |
|
|
|
โดย: ยาคูลท์ IP: 58.9.148.123 วันที่: 16 พฤษภาคม 2551 เวลา:11:20:24 น. |
|
|
|
โดย: moji IP: 58.9.27.17 วันที่: 16 พฤษภาคม 2551 เวลา:11:21:16 น. |
|
|
|
โดย: หมูย้อมสี IP: 117.47.212.210 วันที่: 16 พฤษภาคม 2551 เวลา:14:16:15 น. |
|
|
|
โดย: whitelady วันที่: 16 พฤษภาคม 2551 เวลา:17:42:16 น. |
|
|
|
โดย: BoOKend วันที่: 16 พฤษภาคม 2551 เวลา:21:39:28 น. |
|
|
|
โดย: Boyne Byron วันที่: 16 พฤษภาคม 2551 เวลา:23:42:00 น. |
|
|
|
โดย: ฤศรณ์ IP: 58.9.204.32 วันที่: 17 พฤษภาคม 2551 เวลา:16:31:07 น. |
|
|
|
โดย: เชษฐา วันที่: 17 พฤษภาคม 2551 เวลา:17:08:27 น. |
|
|
|
โดย: เชษฐา วันที่: 17 พฤษภาคม 2551 เวลา:17:17:18 น. |
|
|
|
โดย: น้ำหวาน (Whan-famous ) วันที่: 20 พฤษภาคม 2551 เวลา:15:09:17 น. |
|
|
|
โดย: มณีมัญชุ์ วันที่: 20 พฤษภาคม 2551 เวลา:16:24:13 น. |
|
|
|
โดย: Ice(Argent) IP: 202.28.181.11 วันที่: 21 พฤษภาคม 2551 เวลา:19:13:41 น. |
|
|
|
โดย: Flora IP: 208.22.104.18 วันที่: 22 พฤษภาคม 2551 เวลา:8:15:18 น. |
|
|
|
โดย: แก้วกังไส วันที่: 23 พฤษภาคม 2551 เวลา:2:02:38 น. |
|
|
|
โดย: sitt666 IP: 58.10.167.252 วันที่: 10 มิถุนายน 2551 เวลา:20:55:37 น. |
|
|
|
โดย: sitt666 IP: 58.10.167.252 วันที่: 10 มิถุนายน 2551 เวลา:20:57:43 น. |
|
|
|
|
|
|
|
จากฟังเขาบอกต่อเหมือนกันค่ะ