การค้นหาคุณยายบัวคลี่เริ่มต้นกันอย่างรีบเร่ง ทุกวันหลังเลิกเรียนเราจะนั่งค้นข้อมูลกันอย่างเต็มที่...ค้นเข้าไปในกูเกิ้ล คำว่าบัวคลี่ปรากฎขึ้นทันที หากพบว่าเป็นบัวคลี่ในเรื่องขุนช้างขุนแผน มีรูปประกอบพร้อมเสร็จสรรพมากมายทีเดียว...
"ครุก้องต้องไปตามหาขุนแผนก่อนนะครับจึงจะได้พบกับบัวคลี่" ครูอ๊าฟค้นหาไปหัวเราะไป ครูเบียร์กับครูอ้อพยายามหาแหล่งอื่นๆ เช่นจากรายชื่อสมุดโทรศัพท์หน้าเหลือง ข้อมูลจากโทรศัพท์เอกชน ค้นไปอีกหน่อยพบว่าชื่อบัวคลี่เป็นร้านหมูกระทะ อีกเวบไซต์บอกว่าบัวคลี่มีความหมายถึงดอกบัวที่คลี่กลีบ คลายกลีบ กลายเป็นเรียนวิชาภาษาไทยไปเสียกระนั้น หากันเพียงใดก็ไม่พบบัวคลี่ในจังหวัดพัทลุงเลยแม้คนเดียว พบชื่อนี้ที่จังหวัดพะเยาแต่อายุยังน้อย
แต่มีคนที่นามสกุลบัวคลี่มากมายหลายคนนี่ก็ดูจะไม่ใช่อยู่ดี เพราะเป็นนามสกุล มิใช่ชื่อ
ขณะกำลังสืบค้นกัน ครูพรเพ็ญเดินเข้ามาในห้องพักครูเอ่ยบอกว่างานพิธีไหว้ครูที่มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทาปีนี้ ก้องจะพาเด็กนักเรียนไปเข้าพิธีครอบครูกันมั้ย? เพราะก้องเป็นศิษย์เก่าและเคยเป็นอาจารย์อยู่ที่นั่น ผมกับครูจารุนันท์สบตากันแล้วมองไปที่ครูพรเพ็ญ บอกว่าพี่ช่างมาในเวลาที่เหมาะสมที่สุด เพราะอรวรรณไม่ได้เข้าร่วมพิธีเมื่อปีก่อนเพียงคนเดียวเนื่องจากป่วยเป็นอีสุกอีใส และดีที่สุดที่อรวรรณจะได้เข้าพิธีครอบครู
วันนั้นเรานั่งค้นหาข้อมูลของคุณยายบัวคลี่กันจนเลยเวลา6โมงเย็น....ซึ่งใกลค่ำแล้ว ขณะทำงานกัน ครูอ้อมีอาการแปลกๆ เงยหน้าออกไปนอกประตูห้องซึ่งเป็นกระจก เห็นผู้หญิงสวมผ้าถุงเดินผ่านหน้าห้องไปแว็บหนึ่ง ครูอ้อวางมือจากแป้นพิมพ์ ลุกขึ้นยืนมองไปยังประตูกระจกใสบานนั้น จ้องตาไม่กระพริบ เมื่อเห็นว่าไม่มีใคร ทุกอย่างเงียบ ครูอ้อจึงนั่งลงพิมพ์ค้นหาข้อมูลคุณยายบัวคลี่ต่อไปโดยไม่พูดอะไร
อีกครู่หนึ่ง ครูเบียร์ก้มๆเงยๆ ลุกขึ้นมองไปที่ประตูกระจกใสบานนั้นเหมือนครูอ้อเห็นใครมาเดินผ่านหน้าห้องเราแว๊บๆเช่นกัน ครูเบียร์รีบลุกขึ้นจ้องไปที่ประตูทันที
"..เห็นผู้หญิงใส่ผ้าถุงรึเปล่า?..." ครูอ้อถามครูเบียร์
"ใช่ครับพี่อ้อ..ผู้หญิงใส่ผ้าถุง" ครูเบียร์หน้าแหย
แต่ครูอ้อหน้าแหยเป็น 2 เท่า ครูจารุนันทร์และครูอ๊าฟก็มีสีหน้าตื่นตระหนก ส่วนผมอึ้ง ใจหายวูบบบพูดอะไรไม่ออก อาจารย์จารุนันท์รีบลุกขึ้นไปอุ้มพระพุทธรูปที่วางบนหิ้งมาไว้ในมือ พวกเราค่อยๆเดินย่องออกไปที่ประตูหน้าห้องพักครู ครูจารุนันท์นำหน้าผมกับครูน้องๆเกาะแขนกันเป็นหนึ่งเดียว ไม่กล้าแม้จะก้าวขาออกนอกวงกลมเกินรัศมีหนึ่งไม้บรรทัด
มันบอกไม่ถูกว่ารู้สึกยังไง แต่ถ้าคุณเคยกลัวผีจนขนหัวลุกแล้วล่ะก็ อารมณ์ประมาณนั้นครับ ผมรู้เพียงว่ามือผมจับและดึงเสื้อครุจารุนันท์เสียแทบขาด
ส่วนครูอ๊าฟที่อยู่หลังผมจับแขนผมแน่น เล็บจิกแขนผมจนห้อเลือด!!!!!!!!
ครูเบียร์กับครูอ้อขอเป็นปราการด่านสุดท้าย คืออยู่หลังสุด
ถึงหน้าประตู แสงตะวันพลบค่ำส่องผ่านกระจกเข้ามาในห้องพักครูที่เรากำลังทำงานกันอยู่ ข้างนอกเริ่มมืด...ฟ้าเริ่มสลัว...เห็นภายนอกเพียงลางๆ
ถึงหน้าประตู...ไม่มีใครกล้ายื่นมือไปบิดลูกบิดเพื่อเปิดออกไป
"ครูก้องครับ...งานนี้ครูก้องเป็นเจ้าภาพ...ครูก้องรับงานมา...ขอความกรุณาช่วยรับผิดชอบต่อเถอะครับ" ครูเบียร์พูดแทงใจดำผมแปลบเข้าอย่างจัง!!!!!!!
สถานการณ์ย่อมสร้างวีระบุรุษ...ผมจำเป็นต้องทำอย่างนั้นครับ ค่อยๆเอื้อมมือไปแตะลูกบิด น้องๆคงสังเกตเห็นมือผมที่สั่นราวเปลื้องผ้าอยู่ท่ามกลางหิมะที่ขั้วโลกเหนือ
"นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต, อะระหะโต, สัมมาสัมพุทธัสสะ..." ครูจารุนันท์สวดมนต์เบาๆ เบากว่าที่ผมเคยได้ยินจากที่ไหนมาก่อน ต้องบอกว่ากระซิบมนต์จึงจะถูกเสียมากกว่า พอเสียงลูกบิดดังคลิก
!....แล้วตามด้วยเสียงค่อยๆเปิดประตูดังแอ๊ดดดดด" ความเงียบยิ่งแพร่กระจาย ผมดันครุจารุนันท์ไปข้างหน้า...ครูอ้อหรี่ตา...ครูอ๊าฟรัดผมแน่น ส่วนครูเบียร์จ้องที่หน้าห้องตาเขม็ง
ผู้หญิงคนนึงสวมผ้าถุง...ในมือถือไม้ม๊อบ...
เธอค่อยๆโน้มตัวขึ้นลง...ค่อยๆถูพื้นไปมาอย่างช้าๆที่ระเบียงหน้าห้อง.....!!!!!
เมื่อเสียงประตูเปิดออกดังแอ๊ดดดดด......
เธอค่อยๆหันมาหาพวกเรา....!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
"อาจารย์ยังไม่กลับกันเหรอคะ? " เสียงยานและเย็นจับใจ ป้ามาลี แม่บ้านทำความสะอาดประจำชั้น 9 ที่เราอยู่กันนี่เอง เธอกำลังถูพื้นระเบียงอยู่!!! โอ้ววให้ตายเถอะพระพุทธเจ้าาาา!!!!!! เสียงตะโกนต่อว่าป้ามาลีลั่นห้องพร้อมๆกับเสียงถอนหายใจดังเฮือกใหญ่ๆพร้อมกัน ผมเข่าอ่อน ครูเบียร์หัวเราะลั่น ครุจารุนันท์แทบทิ้งพระพุทธรูปในมือ ครูอ้อส่ายหน้า ส่วนครูอ๊าฟลงไปนั่งพิงประตู ถอนหายใจยาว
เราต่างก็นึกว่าจะได้เจอกับอมรศรีเพื่อนรักของอรวรรณในชาติที่แล้วเสียแล้วสินั่น
ป้ามาลีนะป้ามาลี....มาทำงานแล้วเล่นไม่เปิดไฟ ทำเอาหัวใจแทบวาย
"ป้าทำแป๊บเดียวก็เสร็จคะ เดี๋ยวจะกลับแล้ว ก็เลยไม่อยากเปิดไฟ มันเปลืองค่ะ"
คุณป้าช่วยโรงเรียนประหยัดไฟดีแท้ๆ เราทั้งหมดรีบกลับเข้าห้องพักครู...ปิดเครื่องคอมฯ เก็บของทุกอย่าง ปิดไฟรีบพากันเดินออกจากห้องพักครูอย่างรวดเร็วก่อนออกจากห้องต่างก็หันไปไหว้เศียรพ่อแก่ และแน่นอน ใต้หิ้งพ่อแก่ มีกล่องไม้ที่เก็บสร้อยข้อมือของเอมอรและอมรศรีไว้ด้วยกัน วางไว้ตรงนั้นล่ะ อย่าเอากลับบ้านเชียวนะ
ระหว่างกดลิฟท์ ทุกคนเงียบสงบ ท้องฟ้าใกล้มืดเต็มที ลิฟท์วันนี้ทำไมถึงขึ้นมาช้าเหลือเกิน มองไปสุดระเบียง ป้ามาลีถูพื้นใกล้เสร็จแล้ว แกหันมามองเราอีกครั้งก่อนลิฟท์เปิด พวกเรารีบก้าวเท้าเข้าลิฟท์ปานฟ้าแลบ
"เฮ่อ...นี่ถ้านักเรียนมาเห็นพวกเราเป็นแบบนี้ จะอายกันไปถึงไหนเนี่ย?" ครุจารุนันท์เอ่ย
"ก็จนกว่าไอ้เจ้าเด็กม.1มันจะจบม.6 นั่นล่ะครับ" ครูเบียร์เสริมหัวเราะกันคิกคัก
ส่วนผมได้แต่ยืนเงียบ
"ดีนะที่ครุพรเพ็ญกลับบ้านตั้งแต่โรงเรียนเลิก นี่ถ้าครูพรเพ็ญอยู่ด้วย หนูว่าต้องเรียกรถพยาบาลมาแน่ๆเลย" ครูอ้อพูดติดขำ แล้วทุกคนก็หัวเราะกลบเกลื่อนความกลัวกันลั่นลิฟท์ ออกมาแยกย้ายกันกลับบ้านโดยฉับพลัน
รุ่งเช้า ป้ามาลีมาเก็บขยะในห้องพักครูหลังเด็กนักเรียนเข้าแถว...พวกเรากำลังเตรียมตัวเข้าสอน ป้ามาลีถามขึ้นว่า
" ครุจารุนันท์คะ...เมื่อวานตอนที่พวกคุณครูเข้าลิฟท์กำลังจะกลับบ้านกัน ลูกสาวของครูรึเปล่าคะ ที่เดินตามเข้าลิฟท์ไปเป็นคนสุดท้าย ป้าเห็นแกใส่ผ้าถุงอ่ะคะแปลกดีที่อาจารย์สอนลูกให้นุ่งผ้าถุง ป้าชอบค่ะ...น่ารักดี????????????
พวกเราทุกคนหันหน้ามามองป้ามาลีเป็นจุดเดียว...คือจุดศูนย์รวมความช็อค!!!!!!!
มีเพียงครูพรเพ็ญเท่านั้นที่ทำหน้างงๆ แล้วพูดว่า
"อ้าว...เมื่อวานน้องติ๊กพาลูกมาโรงเรียนในตอนเย็นเหรอ?
......................จบตอน 9 ................