ที่มาของ "ชุดนักเรียน" ในประเทศไทย ต้นกำเนิด ชุดนักเรียนไทย ที่หลายคนอาจยังไม่รู้ ทราบกันไหมว่า เครื่องแบบนักเรียนที่เราสวมใส่กันทุกคนนั้น มีที่มาที่น่าสนใจทางประวัติศาสตร์มากๆ โดยประเทศไทยได้เริ่มมีชุดนักเรียนขึ้นเป็นครั้งแรก ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๕ พุทธศักราช ๒๔๒๘ และได้มีการแบ่งเป็นชุดนักเรียนชาย นักเรียนหญิง ดังนี้ ชุดนักเรียนชาย เครื่องแบบประกอบด้วย หมวกฟาง มีผ้าพันหมวกสีตามสีประจำโรงเรียน ติดอักษรย่อนามโรงเรียนที่หน้าหมวก เสื้อราชปะแตนสีขาว ดุมทอง กางเกงไทย (กางเกงขาสั้นอย่างที่นักเรียนใช้อยู่ในปัจจุบัน ส่วนที่เรียกว่า กางเกงขาสั้นในสมัยก่อน คือ กางเกงรูเซีย เป็นกางเกงทรงกระบอกยาวถึงใต้เข่ารวบชายรัดไว้ใต้เข่า) สีดำ ถุงเท้าขาว หรือดำ รองเท้าดำ ถุงเท้า รองเท้า เป็นของราคาแพง จึงไม่จำเป็นที่จะต้องมีทุกคน ส่วนใหญ่ไม่มีใช้ ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ ๖ กำหนดให้นักเรียนในหัวเมืองใช้เสือราชปะแตนสีเทา แทนเสื้อขาวได้ด้วย (เสื้อเทาเป็นเครื่องแบบสำหรับเดินป่า ข้าราชการในกรุงเมื่อออกไปหัวเมืองให้ใช้เสื้อเดินป่าสีเทา แทนเสื้อขาว เพราะรักษาความสะอาดง่ายกว่า ปัจจุบันยังคงมีข้าราชการสำนักพระราชวังและสำนักราชเลขาธิการที่ยังคงรักษาธรรมเนียมนี้อยู่ เมื่อต้องไปปฏิบัติราชการต่างจังหวัดจะเปลี่ยนเสื้อเป็นสีกากีทั้งหมด)ต่อมาในสมัยเปลี่ยนแปลงการปกครอง มีการจัดตั้งยุวชนทหาร และกำหนดให้นักเรียนตั้งแต่ชั้นมัธยมปีที่ ๔ (เทียบกับปัจจุบันคือ ชั้น ม.๒ ขึ้นไป) ต้องเป็นยุวชนทหาร นักเรียนตั้งแต่ชั้นม.๔ ขึ้นไปจึงแต่งเครื่องแบบยุวชนทหารแทนเครื่องแบบนักเรียน คือ หมวกทรงหม้อตาลสีกากีแกมเขียว หน้าหมวกเป็นโลหะมีอุณาโลมอยู่กลาง มีตัวอักษรว่า รักชาติยิ่งชีพ เสื้อเชิ้ตสีกากีแกมเขียว กางเกงขาสั้นสีกากีแกมเขียว ถุงเท้าดำ รองเท้าดำภายหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ผ้าขาดแคลน มีการเปลี่ยนแปลงเครื่องแบบนักเรียนเป็น หมวกกะโล่สีขาว เสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาว ปักอักษรย่อนามจังหวัดพร้อมหมายเลขประจำโรงเรียนด้วยไหมสีน้ำเงิน โรงเรียนราษฎร์หรือสมัยนี้เรียกว่า โรงเรียนเอกชนปักสีแดง เช่น โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย ใช้ ช.ม.๑ (ขึ้นต้นเลขที่ ๑ คือ โรงเรียนชายประจำจังหวัด แล้วต่อด้วยเลข ๒ โรงเรียนสตรีประจำจังหวัด แล้วจึงต่อด้วยเลข ๓ โรงเรียนประจำอำเภอ ต่อด้วยโรงเรียนประชาบาลไปจนครบทั้งจังหวัด) กางเกงขาสั้นสีกากี เข็มขัดหนังสีน้ำตาล ถุงเท้าน้ำตาล รองเท้าน้ำตาล มีก็ได้ไม่มีก็ได้ มีบางโรงเรียนที่มีเครื่องแบบพิเศษ เช่นโรงเรียนในพระบรมราชูปถัมภ์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว คือ โรงเรียนมหาดเล็กหลวง (ปัจจุบันคือ วชิราวุธวิทยาลัย) โรงเรียนราชวิทยาลัย (ปัจจุบันคือ โรงเรียน -.ป.ร.ราชวิทยาลัย) โรงเรียนมหาดเล็กหลวงเชียงใหม่ โรงเรียนพรานหลวง ใช้เครื่องแต่งกายซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้าราชการพลเรือนในพระราชสำนัก ร.ศ. ๑๒๙ ประกอบด้วย หมวกหนีบสักหลาดสีน้ำเงินแก่ ติดตราพระมหามงกุฎเงินที่ขวาหมวก กับมีดุมพระมหามงกุฎเงินที่หน้าหมวก ๒ ดุม เสื้อราชปะแตนสีขาว ดุมพระมหามงกุฎเงิน ติดแผ่นคอพื้นน้ำเงินแก่มีแถบไหมเงินพาดกลาง กับมีอักษรย่อนามโรงเรียนทำด้วยเงิน ม.(มหาดเล็กหลวง) ร. (ราชวิทยาลัย) ช. (มหาดเล็กหลวงเชียงใหม่) และ พ. (พรานหลวง) ทับกึ่งกลางแผ่นคอทั้งสองข้าง กางเกงไทยสีน่ำเงินแก่ ถุงเท้าดำ รองเท้าดำ เวลาเล่าเรียนปกติในโรงเรียนสวมเสื้อคอกลมผ้าป่านสีขาว ที่เรียกว่าเสื้อชั้นใน สวมกางเกงขาสั้นเนื่องจากในช่วงแรกที่เริ่มวางรากฐานการศึกษาชาตินั้น มุ่งเน้นจัดการศึกษาสำหรับเด็กชาย การศึกษาสตรีจึงมาเริ่มเอาตอนปลายรัชกาลที่ ๕ แต่ก็ค่อยๆ เริ่มจัด จนถึงปี พ.ศ. ๒๔๕๖ จึงมีการจัดหลักสูตรสำหรับสตรีขึ้นเป็นการเฉพาะ และได้เริ่มมีการจัดตั้งโรงเรียนสำหรับสตรีขึ้น จึงเริ่มมีเครื่องแบบนักเรียนหญิง แต่ต้องขอประทานที่จำรูปแบบเสื้อไม่ได้ นุ่งผ้าซิ่นสีพื้น และต่อมามีกำหนดให้ติดเข็มอักษรย่อนามโรงเรียน เช่น โรงเรียนสตรีวัฒโนทัยพายัพ ติดเข็มอักษร ว พ ในวงกลม ภายหลังสงครามโลกครั้งที่สองจึงปรับเปลี่ยนมาใช้ดังที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันเครื่องแบบนักเรียนเป็นเครื่องแบบสำหรับนักเรียน ใช้ในสถาบันการศึกษา ใช้กันมากในระดับประถมศึกษาและระดับมัธยมศึกษา โดยการแต่งเครื่องแบบนักเรียนมีพื้นฐานมาจากการแต่งตัวให้เข้ากับกาลเทศะของโรงเรียนหรือสถาบันการศึกษา เครื่องแบบของนักเรียนชายส่วนใหญ่ประกอบไปด้วย กางเกงขาสั้นหรือขายาวสีดำและเสื้อเชิ้ตสีขาวและอาจมีเนคไทด้วย ส่วนเครื่องแบบของนักเรียนหญิงนั้นแตกต่างกันไป ส่วนใหญ่แล้วประกอบไปด้วย เสื้อครึ่งตัวของหญิงหรือกระโปรงชุดใส่พร้อมด้วยกระโปรงหรือกางเกงหรือเสื้อไม่มีแขนใช้ใส่ทับเสื้อเสื้อตัวใน ในบางประเทศอนุญาตให้นักเรียนหญิงใส่กางเกงขายาว การใช้เสื้อสามารถหรือเสื้อสูทเหมือนเสื้อแจ็กเกตทั้งนักเรียนหญิงและนักเรียนชายนั้นถือเป็นเรื่องปกติโดยเฉพาะในประเทศที่อากาศหนาว ในขณะที่บางประเทศมีเครื่องแบบนักเรียนที่เป็นมาตรฐานให้ใช้สำหรับทุกโรงเรียน และบางประเทศมีเครื่องแบบนักเรียนแตกต่างกันไปในแต่ละโรงเรียน ในหลายโรงเรียนก็มีการจัดทำเข็มหรือตราสัญลักษณ์ติดหน้าอกด้วยปัจจุบันเครื่องแบบนักเรียนไทย มีรูปแบบการแต่งกายของผู้เข้าศึกษาในระดับอนุบาล ประถมศึกษา และมัธยมศึกษา ในสถานศึกษาที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช ๒๕๔๒ ที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติเครื่องแบบนักเรียน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ประกอบกับระเบียบปฏิบัติของโรงเรียนต่าง ๆ เอง ขอขอบคุณที่มา ::: ::: ชมรมคนรักประวัติศาสตร์ไทย//variety.teenee.com/foodforbrain/69761.html Create Date :17 มิถุนายน 2558 Last Update :17 มิถุนายน 2558 8:50:31 น. Counter : 4630 Pageviews. Comments :0 twitter google Comment * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก