ผีตกบันได " มหาสอน" เล่าเรื่องขนหัวลุกเมื่อหามศพลงบันไดบ้านสมัยเด็กผมอยู่บ้านหมี่ ลพบุรี ชาวบ้านส่วนมากยังเชื่อถือผีสางนางไม้ การทรงเจ้าเข้าผี รวมทั้งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ที่สืบทอดกันมาหลายชั่วคนแล้ว ถ้าพูดถึงกรมอุตุฯ คงไม่มีใครรู้จักแน่ ต้องเรียกว่าเป็นปัญญาท้องถิ่นตั้งแต่สมัยโบราณแล้วนั่นคือการสังเกตแสงฟ้าแลบเป็นสิ่งสำคัญ แล้วทำนายทายทักปรากฏการณ์ทางธรรมชาติในช่วงเทศ กาล "กำฟ้า" ว่าจะเป็นสัญญาณบอกเหตุดี-ร้ายอะไรบ้าง เช่น..ถ้าฟ้าแลบทางทิศตะวันออก บ้านเมืองจะมีความสงบสุข พื้นดินอุดมสมบูรณ์ แต่ถ้าฟ้าแลบทางทิศตะวันตก บ้านเมืองจะขัดสน ผู้คนอดอยากส่วนการทำนายว่าฝนจะตกหรือไม่ก็ให้ดูแสงตะวัน ถ้าเป็นสีเหลืองแล้ว วันนั้นอากาศจะร้อนมาก แต่ถ้าแสงตะวันเป็นสีแสด ก็จะมีฝนตกลงมามากมายจนชุ่มฉ่ำถ้าปีไหนสภาพอากาศแปรปรวน ฝนฟ้าไม่ตกต้องตามฤดูกาล เกิดความแห้งแล้ง พืชพันธุ์ธัญญาหารเสียหาย ผู้คนพลอยเดือดร้อนเพราะขาดน้ำกินน้ำใช้ ชาวบ้านก็จะจัดการแห่นางแมวเพื่อขอฝน คล้ายกับจังหวัดอื่นทั่วไปพิธีกรรมแห่นางแมวจะต้องมีการร้องเพลงขอฝนด้วย เท่าที่ผมจำได้มีดังนี้ครับ"นางแมวเอย ขอฟ้าขอฝนขอน้ำมนต์รดหัวแมวเม้า ได้ค่าจ้างค่ามาหามแมวถ้าไม่ให้ข้าวข้าวจะตายฝอย ไม่ให้กลอยกลอยจะตายนิ้วแม่พึงเอยอย่าเฝ้าขายลูก ข้าวจะถูกลูกน้อยจะแพงตาแดงๆ ฝนเทลงมา ฝนเทลงมา"ต้องยอมรับนะครับว่ามีทั้งได้ผลและไม่ได้ผล บางทีแมวโดนแห่ โดนน้ำสาดแทบตายแต่ฝนไม่ยักตก แต่บางทีกำลังแห่อยู่ดีๆ ฟ้าสว่างจ้ากลับมืดครึ้ม แล้วสายฝนก็ซัดจักๆ แทบลืมหูลืมตาไม่ขึ้น ขบวนแห่นางแมวแตกกระเจิงก็มีประเพณีหรือความเชื่อถือบางอย่างก็ทำให้น่าขนหัวลุกเช่นกัน!เช่น ในพิธีงานศพ เมื่อมีการตายผิดปกติ คือ โดนฆ่า โดนงูกัด รวมทั้งฆ่าตัวตายเรียกว่าตายโหง ทางบ้านผมจะต้องฝังศพไว้ก่อน 3 ปี จากนั้นจึงขุดขึ้นมาเผา เพราะเชื่อกันว่าภายใน 3 ปีนั้นผู้ตายย่อมไปเกิดใหม่แล้วถ้าขุดศพขึ้นมาเผาก่อน วิญญาณอาจจะยังไมไปผุดไปเกิด อาจมาคร่าวิญญาณของญาติมิตรไปสู่ปรโลกด้วยก็เป็นได้การตายถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ ถ้าเจ็บไข้ได้ป่วยตาย เพื่อนบ้านจะมาช่วยกันคนละไม้ละมือ ตั้งแต่การเหลาไม้ทำโลง ช่วยกันแบกหามโลงศพไปวัด...มีเคล็ดว่าเมื่อศพพ้นบ้านแล้วเจ้าบ้านต้องยกบันไดขึ้นทันที เพื่อไม่ให้ผีกลับขึ้นบ้านได้เด็ดขาด!บันไดพาดไว้ที่นอกชานนะครับ เคลื่อนย้ายได้สะดวก ตกค่ำก็ยกบันไดขึ้นบ้านแทบทั้งนั้น ป้องกันขโมยขโจรกับสัตว์ร้ายขึ้นบ้านได้ง่ายๆผู้คนในหมู่บ้านจะมาช่วยงานศพกันอย่างพร้อมเพรียง แถมไม่ได้มาตัวเปล่า แต่จะนำอาหารและผลไม้ต่างๆ ติดมือมาด้วย หลายๆ คนก็มานอนเฝ้าศพกันเต็มศาลา เรียกว่า "เป็นเพื่อนผี" หรือ "เฝ้าผี"จนกระทั่งวันเผา ชาวบ้านก็จะถือไม้กันคนละท่อนมาช่วยก่อกองไฟ เรียกกันว่า "ไปเผาผี...." (เอ่ยชื่อผู้ตาย) ต่อมาผมเคยเห็นคล้ายๆ กันที่ อ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม เชื่อว่าคงมีประเพณีเช่นนี้อีกหลายๆ จังหวัดเคล็ดขัดยอกเรื่องหามศพลงจากบ้านนี่แหละครับ สำคัญที่สุด!ท่านว่า ห้ามวางโลงกับพื้นก่อนถึงจุดหมายเด็ดขาด แม้จะเปลี่ยนคนหามก็ห้ามวางโลงกับพื้นก่อน เพราะเชื่อว่าถ้าหยุดลงเช่นนั้นจะทำให้ผีมีกำลัง แล้วไม่ไปไหน อาจจะสิงสู่คอยหลอกหลอนให้เดือดร้อนกันทั้งหมู่บ้านก็เป็นได้สั่งสอนกันนักหนาว่า "อย่าพาผีเซา" หรือ "อย่าพา ผีหยุด" นั่นเองผู้เฒ่าผู้แก่เล่าให้ฟังว่า สมัยก่อนเคยมีเพื่อนบ้านไปช่วยหามศพ "ตาม้วน" ลงจากบ้านแล้วพลัดตกบันได เดชะบุญที่โลงไม่แตก แต่ทำให้โลงผีกระทบพื้นไปแล้ว...ไม่ว่าใครๆ ที่มองเห็นล้วนแต่หน้าตาซีดเซียว หวาดกลัวไปทั้งหมู่บ้านตอนค่ำๆ มีชาวบ้านหลายคนเห็นตาม้วนนั่งกอดเข่าสูบยาแดงวาบๆ ที่เชิงบันได เล่นเอาวิ่งกระเจิงไปหมด... ผมว่าแกคงขุ่นเคืองคนหามศพซุ่มซ่ามมากกว่า แต่ก็ทำให้ขนหัวลุกไปตามๆ กันละครับ! บรื๋อออ... Create Date :07 กรกฎาคม 2554 Last Update :7 กรกฎาคม 2554 7:17:24 น. Counter : Pageviews. Comments :1 twitter google Comment *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก ไม่มีต่อหรือครับ กำลังสนุก โดย: erter 7 กรกฎาคม 2554 11:23:04 น.
โดย: erter 7 กรกฎาคม 2554 11:23:04 น.