หลอนสุดขีด แป้ง" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกเมื่อไปงานศพใครจะหาว่าเป็นคนหัวโบราณ มีความเชื่องมงายในเรื่องภูตผีก็ตามใจ แต่ดิฉันยอมรับอย่างหน้าชื่นตาบานว่ากลัวผีมากค่ะ ตั้งแต่ยังเด็กจนอายุขึ้นเลขสามแล้วก็ยังรู้สึกหวาดเสียวเรื่องผีๆ สางๆ ไม่เคยเปลี่ยนแปลงพวกเพื่อนๆ ที่เคยกลัวผีสมัยเด็กๆ แต่พอเติบโตเป็นผู้ใหญ่ส่วนมากก็หายกลัวเลิกกลัวกันแทบทุกคน ไม่เหมือน ดิฉัน..ก็มันกลัวจริงๆ นี่คะ ไม่รู้จะทำยังไง?แม้ไม่เคยถูกผีหลอกจังๆ สักครั้ง นอกจากเห็นวอบๆ แวบๆ ก็ทำให้ใจเต้นตูมๆ เหมือนพระย่ำกลองเพลแล้วค่ะ ตอนหลังมาคิดอีกที..เอ! เราคงไม่ได้โดนผีหลอกแฮะ แต่ว่านึกคิดไปเอง เกิดจินตนาการไปเอง อย่างที่เขาพูดกันแน่ๆ เลยค่ะ"คนเรามักจะเชื่อในสิ่งที่นัยน์ตามองเห็น!"ไปไหนก็จะรู้สึกว่ามีผู้ร่างกายแวดล้อมอยู่รอบๆ ตัว หรือไม่ก็จ้องมองอย่างเยาะเย้ย มุ่งร้ายหมายขวัญ จนทำให้ขนอุยที่ต้นคอลุกชันเวลาเดินเข้าซอยบ้านตอนเย็นๆ หรือใกล้ค่ำ ทั้งๆ ที่มีคนเดินคึ่กๆ ด้วยซ้ำ แต่ก็คิดเป็นตุเป็นตะไปเองว่า คนที่ล้มตายเพราะอุบัติเหตุต่างๆ วิญญาณคงจะสิงสู่อยู่ที่นั่นแน่ๆคนในซอยเขาก็ลือกันว่าผีดุ เดี๋ยวคนนั้นเห็น เดี๋ยวคนนี้โดนหลอกเป็นประจำ!ล่าสุดมี "ยายก้อย" เด็กข้างบ้านอายุราว 7 ขวบ เล่าว่าเห็นคนรู้จักที่ตายไปแล้วเดินไปเดินมาในซอย บ้างก็เดินเล่น บ้างก็เดินเข้า-ออกบ้านเหมือนตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ไม่มีผิดหลายๆ คนหาว่ายายก้อยโกหก หรือไม่ก็ช่างคิดช่างฝันตามประสาเด็ก แต่ดิฉันไม่รู้เป็นไง...เชื่อว่าแกเห็นจริงๆ ค่ะเรื่องน่าขนหัวลุกมาเกิดขึ้นเมื่อตอนปลายปีที่แล้วนี่เอง!"ตุ่ม" เป็นเพื่อนรุ่นพี่ที่ทำงานแถวมักกะสัน รูปร่างเธอตุ้ยนุ้ยสมชื่อ แก้มขาวเป็นพวงเชียว อารมณ์ดีชอบหัวเราะพุงกระเพื่อมเป็นประจำ..ระยะหลังๆ ตุ่มดูซีดเซียวตาลอย เพื่อนแซวกันว่าสงสัยจะคิดถึงแฟน! หรือไม่ก็อกหัก? ทั้งๆ ที่รู้อยู่ว่าตุ่มยังไม่มีแฟนเลยสักคนตุ่มเป็นเพื่อนสนิทของดิฉันด้วย ที่เหมือนกันมากคือเรากลัวผีจับอกจับใจเลยค่ะวันหนึ่งตุ่มก็จากพวกเราไปโดยไม่มีวันกลับเธอหัวใจวายตายในลิฟต์เพียงเดียวดาย เพิ่งจะรู้สาเหตุกันตอนนั้นเองว่าตุ่มอยากลดน้ำหนักทางลัดเลยซื้อยามากิน..และเพราะยาลดความอ้วนนั่นเองค่ะที่ทำให้เพื่อนของดิฉันสิ้นใจตายก่อนเวลาอันควรวันรุ่งขึ้น พวกเพื่อนๆ ก็นัดกันแต่งดำไปงานสวดศพตุ่มที่วัดตะพาน บรรยากาศเศร้าโศกจนน่าสลดหดหู่มากเลยค่ะ แม่เธอที่เป็นม่ายร้องไห้เหมือนจะขาดใจตายตามลูกสาวไปบอกตรงๆ ว่าดิฉันอึดอัด กระสับกระส่าย ไม่สบายใจเลย อยากเร่งเวลาให้ผ่านไปเร็วๆ เพราะความที่ไม่ชอบงานศพ..กลัวค่ะ! หลบได้เป็นหลบ ไม่ว่าจะเป็นวันสวดหรือวันเผา! แต่งานนี้หลบไม่ได้จริงๆ ตั้งใจว่าจะขอมาคืนเดียวเท่านั้น จะมาอีกทีก็วันเผาเลย!ระหว่างนั้น ดิฉันพยายามไม่หันไปมองภาพถ่ายของตุ่มที่ตั้งเด่นอยู่หน้าโลงแทบจะท่วมดอกไม้..กลัวว่าเธอจะยิ้มหรือกลิ่วตาให้ดิฉันน่ะซีคะอ้อ! ทางโลงศพก็ไม่อยากมองตรงๆ กลัวว่าจะเห็นภาพขนหัวลุกค่ะโชคดีอย่างที่สมัยนี้สวดศพเร็ว ราวทุ่มเศษก็เสร็จแล้ว ดิฉันรีบลุกไปลาแม่ของตุ่ม เพื่อนเข้ามาถามว่าจะกลับละหรือ? ดิฉันพยักหน้า แต่เพื่อนจอมแสบกลับเอียงหน้ามากระซิบ"ไม่ต้องกลัวนะจ๊ะ ฉันบอกตุ่มไว้แล้วว่าเธอกลัวผีมากๆ ใครๆ ก็รู้..ขอให้ตุ่มช่วยไปส่งเธอที่บ้านด้วยละกัน"แหม! ถ้าไม่เกรงใจญาติๆ ของตุ่ม ดิฉันคงจะด่าเพื่อนให้แสบ..ป.ม.ที่สุด!แม้จะเป็นฤดูหนาวค่ำเร็ว จากวัดมาถึงซอยบ้านที่ดินแดงก็ไม่ไกลกันนัก..ตลอดทางรู้สึกเสียวสังหรณ์ยังไงไม่ทราบว่าตุ่มเกิดบ้าจี้ ตามมาส่งดิฉันจริงๆ เพราะแรงยุของเพื่อนปากปีจอ..ได้แต่นึกในใจว่าไปที่ชอบๆ เถอะตุ่มจ๋า ไม่ต้องมาส่งฉันหรอก! โธ่...ทุ่มครึ่งกว่าๆ เดินเข้าซอยบ้าน ผู้คนเข้าออกกันหนาตา ดิฉันยังรู้สึกปากคอแห้งผากชอบกล รู้สึกเหมือนได้กลิ่นน้ำอบไทยหอมกรุ่น เสียงใครถอนใจเบาๆ อยู่ข้างหู... ดิฉันใจเต้นระทึก ใครจะว่าขี้ขลาดตาขาว กลัวไม่เข้าเรื่องเข้าราวก็ยอมละ!จนกระทั่งใกล้จะถึงบ้านอยู่แล้วยิ่งจ้ำอ้าว..ยายก้อย... เด็กข้างบ้านที่เคยบอกว่าเคยเห็นคนตายแล้วบ่อยๆ ก็โผล่หน้าออกมาทักทาย"น้าๆ รีบเดินไปไหนกันคะ?" แกทักทายเสียงใส "ทำไมไม่รอเพื่อนน้าด้วยล่ะ"ดิฉันหันขวับ ถามเสียงแหบแห้งว่าเพื่อนที่ไหน? ยายก้อยก็ชี้มือไปข้างหลังดิฉันบอกว่า..นั่นไงคะ! เขายิ่งอ้วนๆ อยู่ด้วยก็เดินตามน้าไม่ทันน่ะซีหันขวับไปมองข้างหลังก็ไม่เห็นตุ่มหรอก แต่ดิฉันกลัวจนขนหัวลุกจริงๆ ค่ะ!!ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด Create Date :16 กุมภาพันธ์ 2555 Last Update :16 กุมภาพันธ์ 2555 8:38:56 น. Counter : Pageviews. Comments :0 twitter google Comment * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก