bloggang.com mainmenu search




คอลัมภ์ ขนหัวลุก
หนังสือพิมพ์ ข่าวสด

"นพมาศ" เล่าเรื่องขนหัวลุกจากผาเสด็จ

เมื่อครั้งเยาว์วัยที่ดงพญาเย็น ดิฉันอยู่ที่อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ทางบ้านมีอาชีพค้าขาย รับซื้อของป่า ชาวบ้านส่วนมากทำไร่ทำสวนกันค่ะ เช่น ไร่พริก ไร่ละหุ่ง ไร่ข้าวโพด สวนกล้วย น้อยหน่า มะละกอ เป็นต้น

ย่าทวดดิฉันเป็นคนเก่าแก่ที่นั่น เรียกว่า "คนพื้นนั้น" มีเรื่องเก่าๆ มากมายเล่าให้พวกเราพี่น้องฟัง เรื่องผีๆ สางๆ มากเป็นพิเศษค่ะ

เรื่องของผีโขมดในดงพญาไฟ (ในอดีต) ว่าสิงสู่อยู่ตามป่าเขา ทั้งในถ้ำ หุบเหวและต้นไม้ คอยจ้องจะเอาชีวิตมนุษย์เป็นเครื่องสังเวย คนที่เข้าป่าล่าสัตว์ต้องล้มตายเพราะโดนงูฉก เสือกัดมานับไม่ถ้วน...ย่าทวดเรียกว่า "เสือขบหัว" ค่ะ ชาวบ้านที่ออกไปทำไร่ทำสวนมักจะโดนผีป่าเล่นงาน สิงสู่จนจับไข้นอนซม หนาวสั่นครางฮือๆ น่ากลัว แต่พอรุ่งขึ้นก็หายดี วันต่อมาก็จับไข้อีก จนตัวเหลืองหน้าเหลืองไปตามๆ กัน กว่าจะรู้ว่าเป็นไข้จับสั่นเพราะโดนยุงกัดก็ล้มตายไปนับร้อยๆ คนแล้วค่ะ ยิ่งตอนเกิดสงครามยาควินินหายากก็ยิ่งตายกันเป็นใบไม้ร่วง

ย่าทวดบอกว่าในดงพญาเย็นมีภูตผีสารพัดสิงสู่ ยิ่งอยู่ในถ้ำหรือยอดเขาก็เป็นผีระดับเจ้าพ่อ มีอิทธิฤทธิ์ร้ายกาจน่าเกรงขาม โดยยกตัวอย่างน่าขนหัวลุกที่ภูเขาผาเสด็จให้พวกเราฟัง

เมื่อครั้งรัชกาลที่ 5 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างทางรถไฟจากกรุงเทพฯ ไปโคราชระยะทางราว 260 ก.ม. เริ่มต้นจากหัวลำโพงไปบ้านภาชี 90 ก.ม. และสร้างต่อไปจนถึงโคราชอีก 173 ก.ม. ครั้นเริ่มสร้างทางรถไฟสายนี้เมื่อประมาณปี 2434-2439 ช่วงสระบุรี-โคราช ค่อนข้างทุรกันดารนัก เพราะต้องตัดผ่านภูเขาหลายต่อหลายลูกเต็มที นายช่างต้องสั่งให้ระเบิดภูเขาบ้าง เจาะภูเขาบ้าง บางแห่งต้องใช้วิธีวางรางลัดเลาะภูเขาไป...ใกล้ถึงตำบลมวกเหล็ก (ขณะนั้น) ทุกที ถึงผาเสด็จพอดี!

ตอนนั้นยังไม่มีชื่อหรอกค่ะ แต่เป็นภูเขาลักษณะประหลาด มีหินใหญ่สูงตระหง่านชะโงกง้ำยื่นออกมาดูน่าสะพรึงกลัว บรรดานายช่างก็ปรึกษากันว่าสมควรระเบิดหินใหญ่นั้นทิ้งเพื่อวางรางรถไฟรุดหน้าไปสู่เป้าหมาย

อัศจรรย์นัก ด้วยจุดชนวนระเบิดหลายครั้ง ชะโงกผานั้นก็หาได้สะทกสะท้านไม่!

บรรดาคนงานได้ยินเสียงหัวเราะเกรียวกราวมาตามหลังเสียงระเบิด กึกก้อง สะท้อนสะท้านไปมาตามหุบเขา ล้วนแต่กลัว หน้าซีดตัวสั่น เกิดความงันงกตกประหม่า อกสั่นขวัญหายทุกคนไป หัวหน้าคนงานก็เล่าแจ้งเรื่องนี้ให้พวกนายช่างฟัง! บางคนหัวเราะเยาะ แต่บางคนก็เชื่อถือ ตกลงตั้งศาลเพียงตามีเหล้าไห-ไก่ขวดเป็นเครื่องเซ่น จุดธูปเทียนบวงสรวงต่อเจ้าป่าเจ้าเขา ขอให้กระทำการต่อไปจนสำเร็จลุล่วงด้วยเถิด...

จากนั้นก็ให้จุดชนวนระเบิดอีกครั้ง แต่ชะโงกผาน่าครั่นคร้ามนั้นก็หาได้ระเบิดสมใจไม่...นายช่างน้อยใหญ่ล้วนแต่หวาดหวั่นพรั่นพรึงไปจนหมดสิ้น!

ในตำนานระบุว่า เมื่อเหตุอัศจรรย์นี้ทรงทราบถึงพระเจ้าอยู่หัว พระองค์จึงเสด็จขึ้นทอดพระเนตร ทรงพระกรุณาโปรดให้นำตราแผ่นดินไปปักไว้ตรงหินชะโงกนั้น แล้วทรงรับสั่งให้นายช่างจุดชนวนระเบิดทันใด สิ้นเสียงสนั่นหวั่นไหว...หินชะโงกนั้นก็ยังโดดเด่นอยู่ตามเดิมไม่แปรผัน

พระพุทธเจ้าหลวงทรงอัศจรรย์พระทัยนัก ตรัสว่าคงมีเทพารักษ์สถิตรักษาอยู่แน่แท้ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างศาลพระภูมิที่บริเวณนั้นเป็นการสักการะขึ้นหลังหนึ่ง จากนั้นจึงจารึกอักษรพระปรมาภิไธยของพระองค์ไว้ที่หินชะโงกอาถรรพณ์นั้นว่า "จ.ป.ร." กับอักษรพระนามาภิไธย "ส.ผ." โดยถือว่าเป็นภูผาศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่งอีกด้วย

ชาวบ้านร้านช่องทั้งปวงจึงพากันเรียกว่า "ผาเสด็จ" ตั้งแต่นั้นมา! ไม่ช้า ทางการรถไฟฯ ก็ได้สร้างสถานีรถไฟขึ้น ณ บริเวณใกล้เคียงนั้น ตั้งชื่อว่า "สถานีผาเสด็จ" มาจนถึงทุกวันนี้

ย่าทวดเล่าว่า บนภูเขาแห่งนั้นมีต้นไม้ใหญ่น้อย รวมทั้งหลืบหินและเถื่อนถ้ำซับซ้อนชอบกลนัก มีพระธุดงค์ขึ้นไปปักกลดเสาะหาความสงบวิเวก ภิกษุอีกหลายรูปก็ไปจำศีลภาวนา นั่งสมาธิอยู่ตามโคนไม้และในโพรงถ้ำเป็นนิจศีล แม่ชีชราหลายคนก็มาถือศีลบำเพ็ญธรรม ท่ามกลางบรรยากาศร่มรื่นเยือกเย็น...บางคนก็สังขารแตกดับอยู่บนผาเสด็จนั่นเอง

ดิฉันเคยนั่งรถไฟไปกับพ่อแม่พี่น้อง ผ่านสถานีผาเสด็จก็นึกถึงเรื่องราวที่ย่าทวดเล่าว่า เคยเห็นร่างของแม่ชีลอยวนเวียนอยู่บนหน้าผา ผ้าขาวๆ ปลิวลมไสวจนใครๆ ยกมือไหว้ทุกคนไป ดิฉันไม่เคยเห็นเลยสักครั้ง แต่นึกแล้วขนลุกทุก ครั้งค่ะ!


//variety.thaiza.com/
Create Date :05 กันยายน 2556 Last Update :5 กันยายน 2556 8:16:24 น. Counter : 2004 Pageviews. Comments :0