"กชวรรณ" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากวิญญาณที่ยังห่วงใย
ดิฉันเคยพบกับเรื่องแปลกประหลาด ที่มีทั้งน่ากลัวและน่าเศร้าพร้อมๆ กันเลยค่ะ!
เรื่องนี้มีสาเหตุมาจากพี่ต้อยซึ่งสามีของนุช เพื่อนสนิทของดิฉันเอง เขาเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งลำไส้เมื่อสามเดือนก่อน ตอนต้นปีใหม่พอดี
ในช่วงสุดท้ายของชีวิตที่เขาต้องไปนอนโรงพยาบาลนั้น ดิฉันไปอยู่เป็นเพื่อนด้วยเกือบตลอดเพราะเห็นแก่เพื่อน...นุชทำใจไม่ได้เลย เธอโศกเศร้าแทบจะตายตามสามีไปจริงๆ
ถ้าไม่คิดว่ายังมีลูกสาวสองขวบตาดำๆ อยู่ทั้งคน ดิฉันว่านุชคงมีชีวิตอยู่ไม่ได้แน่...คนคู่นี้รักกันมาก พี่ต้อยเองก็เป็นคนดีมากด้วย
โลกเราก็เป็นอย่างนี้ คนดีๆ มักจะถูกสวรรค์เอาตัวไปเร็วเหลือเกิน! นึกแล้วก็ใจหายดิฉันรู้เห็นการตายของพี่ต้อยตลอด ตั้งแต่อาการทรุด ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ จนถึงเข้าขั้นโคม่า ญาติพี่น้องทั้งพ่อแม่ของพี่โทร.ตามกันมาดูใจพี่ต้อยจนแน่นห้อง บางคนออกไปร้องไห้ริมทางเดิน ดิฉันอยู่กับนุชที่เป็นลมแล้วเป็นลมอีก
ขนาดรู้ทั้งรู้ว่าต้องจบแบบนี้ เธอยังไม่ยอมทำใจ...หรือทำใจไม่ได้เลย!นุชนั่งกุมมือที่เขียวคล้ำและเย็นชืดของสามี อีกมือก็ลูบไล้ศีรษะ เวียนจูบใบหน้าที่เคยหล่อเหลา แต่มรณะเข้าครอบงำจนดวงตาที่เบิกโพลงนั้นดูดำปี๋เพราะม่านตาขยายเต็มที่ ริมฝีปากเป็นสีม่วงเข้ม หอบหายใจเฮือก...เฮือก...แบบที่เขาเรียกว่า แอร์ ฮังเกอร์
...และแล้ว ทุกๆ อย่างที่ค่อยสงบนิ่ง พี่ต้อยหายใจ เบาลงๆ จนหยุดสนิท ดวงตาปิดเหมือนคนนอนหลับ หลังจากต่อสู้จนสายใยชีวิตขาดผล็อย...
ตั้งแต่เกิดมาก็เพิ่งเคยเห็นกระบวนการของความตายคราวนี้แหละค่ะ ภาพก็เลยติดตา แต่ดิฉันไม่กลัวผีพี่ต้อยนะคะ ยังคงไปช่วยงานที่วัดจนเผาและเก็บกระดูกเรียบร้อย
เรื่องแปลกๆ และน่าขนลุกเกิดขึ้นตอนเรานำอังคารไปลอยที่หัวหินค่ะ!หลังจากเสร็จพิธีลอยอังคารแล้ว ดิฉัน นุชและญาติๆ ร่วมสิบคนก็มาพักโรงแรม ตอนเย็นเรานั่งกินข้าวกันที่โต๊ะริมทะเลในเวลาพลบค่ำ ยังมีแสงสนธยาเรืองๆ เราเห็นใครคนหนึ่ง เดินลุยน้ำขึ้นมาจากทะเล
พวกเราหยุดคุยกันฉับพลัน จ้องมองร่างนั้นด้วยใจระทึก!
ชายคนนั้นอยู่ในวัยสามสิบเศษๆ เช่นเดียวกับพี่ต้อย ทรงผมและโครงร่าง ทั้งส่วนสูง กล้ามเนื้อ...ทุกอย่างรวมแล้วละม้ายคล้ายคลึงกับพี่ต้อยจนน่าใจหาย
...ร่างนั้นใกล้เข้ามาพร้อมกับอมยิ้มให้เรานิดๆ ขณะที่เขาอยู่ห่างจากเราไปราวสิบเมตร ดิฉันสาบานได้ว่าร่างนั้นคือพี่ต้อย แต่เมื่อเขาเดินใกล้เข้ามาอีกเพียง 3-4 ก้าวเราก็รู้ว่าตาฝาดไปเอง
นึกอีกทีก็น่าแปลกจนขนลุกค่ะ จะว่าตาฝาดทำไมเป็นแบบเดียวกันทั้งโต๊ะล่ะคะ? แม่ของพี่ต้อยถึงกับออกปากว่า...ใจหายเลย นึกว่าต้อยขึ้นมาจากทะเล!ผู้ชายคนนั้นเป็นฝรั่งค่ะ เขาคงเป็นอิตาเลียนหรือเยอรมันเพราะผมดำ ตาสีเข้ม...มองไม่ออกเลยว่าเป็นสีอะไรแน่เพราะมันเป็นตอนโพล้เพล้
ตั้งแต่นั้นมา ไม่ว่าจะไปไหน ดิฉันกับนุชมักจะเห็นพี่ต้อยแฝงอยู่ในหมู่คน อย่างตอนที่ไปเดินตลาดนัดจตุจักรหรือตามห้าง บางทีนุชจะทำท่าเหมือนเห็นใครบางคน และเธอจะรีบเดินตามไป...ส่วนมากใครคนนั้นมักจะหายตัวไปกลางฝูงชน
นุชเล่าว่า เวลาพาลูกสาวไปเนิร์สเซอรี่ก็เหมือนกัน เธอจะเห็นแวบๆ ว่าพี่ต้อยยืนอยู่ตรงพุ่มไม้บ้าง ตรงลานจอดรถบ้าง พอหันไปมองตรงๆ ก็กลายเป็นคนอื่นค่ะ!คุณแม่ของพี่ต้อยยังเล่าว่า วันก่อนผ่านไปทางตึกที่พี่ต้อยเคยทำงาน เห็นลูกชายขับรถเลี้ยวเข้าอาคารนั้นต่อหน้าต่อตา เขายังหันมายิ้มให้...พอกะพริบตา อ้าว? กลายเป็นหนุ่มอื่นไปเสียแล้ว
พวกเราเชื่อว่า วิญญาณของพี่ต้อยยังวนเวียนอยู่ด้วยความผูกพันและห่วงใยตลอดเวลา เพราะเราเห็น "เขา" บ่อยจนไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นการ "ตาฝาด" หรือบังเอิญ เขาแฝงมาในร่างคนอื่นให้เรารู้ว่าเขาอยู่ใกล้ๆ คอยดูแลอยู่เสมอ...นี่ละค่ะ นิสัยของพี่ต้อย!
เขาชอบเล่นบทผู้พิทักษ์ ทุกวันนี้เลยกลายเป็นเทพบุตร...เอ๊ะ! เว่อร์ไปหรือเปล่าเนี่ย?อย่างไรก็ตาม เราถือว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้เป็นเรื่องดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับนุช เธอดูมีกำลังใจขึ้นมาก เศร้าน้อยลง และชอบ "เกม" ที่เวลาไปไหนมีคนแน่นๆ เธอจะสอดส่ายตามองหา "พี่ต้อย" ของเธอเป็นประจำ และมักจะไม่ผิดหวัง
นุชบอกว่าไม่แน่นะ สักวันหนึ่ง...พี่ต้อยจะไม่หายกลายเป็นคนอื่น แต่เมื่อเธอตรงเข้าไปจับตัวเขาได้ และจะต้องเป็นพี่ต้อยคนเดิม...เหมือนเดิม...ดิฉันบอกนุชว่าวันนั้นต้องมีจริงแน่นอน แต่ต้องรอไปก่อนนะ...อาจจะหลายปีหรือหลายสิบปี เพราะวันนั้นที่นุชพูดน่ะ หมายถึงวันที่นุชต้องจากโลกนี้ไปและไปอยู่โลกหน้ากับพี่ต้อย
ทุกคนล้วนแต่มีบางสิ่งบางอย่างที่รอคอยด้วยกันทั้งนั้นแหละค่ะ! จนกว่าจะถึงวันนั้น... ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด