bloggang.com mainmenu search

"ดาริน" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากงานศพ


ที่จริงดิฉันไม่เคยรังเกียจรังงอนการไปงานศพมาก่อน ตรงกันข้าม กลับถือว่าเป็นงานสำคัญที่จำเป็นยิ่งกว่างานวันเกิดวันเงย หรืองานแต่งงานเสียด้วยซ้ำ เพราะถือว่าเป็นการไปอโหสิกรรมต่อกัน ล่ำลากันตามประสาญาติสนิทมิตรสหายเป็นครั้งสุดท้าย

แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์อย่างหนึ่ง เรียกว่าชวนให้ขนลุกขนพองสุดขีดก็แล้วกันค่ะ ที่ทำให้ดิฉันไม่กล้าย่างกรายเข้าไปในงานศพใดๆ อีกเลย นับเวลาได้ราวสิบปีเศษมาแล้ว

งานศพของเพื่อนรุ่นน้องบริษัทเดียวกัน พ่อแม่จัดพิธีบำเพ็ญกุศลสวดอภิธรรมขึ้นที่วัดหัวลำโพงนี่เอง ถือว่าเป็นวัดกลางใจเมือง ตอนนั้นรถราก็ยังไม่ติดขัดนักหรอกค่ะ ถ้าเลยชั่วโมงเร่งด่วนไปแล้ว และวัดทั่วๆ ไปก็ไม่รีบร้อนสวดศพกันตั้งแต่หัววันเหมือนอย่างปัจจุบัน

พงษ์เทพอายุ 35 ปี หน้าตาไม่ขี้ริ้ว มนุษยสัมพันธ์ดีมาก มีอารมณ์ขันและช่างพูด ช่างคุย ทำให้เพื่อนฝูงได้หัวเราะกันเป็นประจำ ใครมีปัญหาชีวิตจนหน้านิ่วคิ้วขมวด พอได้ฟังพงษ์เทพพูดคุยก็หายเครียดได้พะเรอ

ทั้งๆ ที่ไม่มีวี่แววว่าจะเป็นคนที่มีรสนิยมเพศเดียวกัน แต่พงษ์เทพก็ยังไม่มีแฟนซักที ถ้ามีใครถามก็ยิ้มฟันขาว พูดติดปากอยู่สองคำ

"เนื้อคู่ยังไม่เกิด" กับ "พี่ช่วยหาแฟนให้ผมซักคนซีฮะ"

ต่อมาไม่นาน พวกเราก็ต้องยอมรับว่าเป็นโชคดีทั้งของพงษ์เทพ กับผู้หญิงที่จะมาเป็นคนรัก... เป็นภรรยาในอนาคต เพราะพงษ์เทพเสียชีวิตด้วยรถยนต์เมื่อเพื่อนชวนไปดูที่ดินเพื่อซื้อ-ขายเก็งกำไรที่ชลบุรี ในยุคที่ฟองสบู่กำลังเฟื่องฟู

ถ้าพงษ์เทพแต่งงานแล้ว คิดว่าวิญญาณเขาคงนอนตาไม่หลับแน่เพราะห่วงบุตร ภรรยา และฝ่ายหญิงที่อาจจะเพิ่งตั้งครรภ์ ต้องประสบกับความวิปโยคโศกเศร้าปานใด?

แต่เมื่อไม่มีเรื่องเศร้าซ้ำสอง งานศพของพงษ์เทพก็ทำให้เกิดเรื่องสยอง น่าขนหัวลุกโดยไม่มีใครนึกฝัน!

ดิฉันกับเพื่อนๆ ไปฟังสวดอภิธรรมทุกคืน พ่อแม่ของผู้ตายใจแข็งเหลือเกิน ทั้งๆ ที่มีลูกชายคนเดียว นั่งพนมมือฟังพระด้วยท่วงท่าสงบนิ่ง พวกเราเข้าไปยกมือไหว้ก็ฝืนยิ้มรับไหว้ขอบอกขอบใจที่อุตส่าห์มากันทุกคืน...อรสากับเพ็ญพรถึงกับหันมาซับน้ำตากับดิฉัน พึมพำเสียงเครือว่า...ถ้าเป็นเราคงจะขาดใจตายตามลูกไปแล้ว

คืนแรก พี่แหม่ม-หัวหน้าเราที่ออกมาจากบริษัทที่รัชดาฯมางานพร้อมๆ กันก็เจอดีเข้าอย่างจัง

พวกเราจุดธูปไหว้ศพแล้วออกมานั่งที่เต็นต์หน้าศาลา พี่แหม่มนั่งคู่กับพ่อแม่พงษ์เทพ...แต่พอสวดเสร็จจบแรก พี่เขาก็ขอตัวมานั่งสมทบกับพวกเรา มีการเสิร์ฟเกี๊ยวน้ำถ้วยเล็กๆ ดิฉันกับเพื่อนๆ กำลังถือถ้วยตักเกี๊ยวใส่ปาก ส่วน พี่แหม่มขอแต่น้ำเย็น...เอียงหน้าเข้ามาบอกว่า

"นั่งในศาลาไม่ไหว...พงษ์เทพในรูปยิ้มให้พี่ตั้งหลายครั้ง!

ดิฉันหวิดสำลัก เพ็ญพรกับอรสาร้องวี้ดว้ายเบาๆ แถมปล่อยถ้วยปล่อยช้อนร่วงลงพื้นซีเมนต์เพล้งๆ จนคนอื่นๆ หันมามอง ต่างคนต่างเหลียวซ้ายแลขวาเลิ่กลั่ก บรรยากาศแสนจะเยือกเย็นชวนให้วังเวงใจอย่างบอกไม่ถูก

คืนต่อมามีคุณป้าหกสิบเศษ รูปร่างอวบอ้วน ผิวขาว แต่งตัวเนี้ยบ เครื่องประดับวูบวาบ มาดคุณหญิงของแท้...มีลูกๆ หลานๆ คอยตามประคับประคอง พ่อแม่พงษ์เทพออกมายกมือไหว้นอบน้อม...เชื้อเชิญให้เข้าไปไหว้พระ แต่คุณป้าชะงักเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้

"ลูกชายเมื่อตะกี้หายไปไหนแล้วล่ะ?"

พ่อแม่พงษ์เทพมองหน้ากัน ก่อนจะเรียนคุณป้า ว่ามีลูกชายคนเดียว แต่ท่านยืนยันว่าพอลงจากรถมา ถึงหน้าศาลาก็มีหนุ่มหน้าตาดีออกไปยกมือไหว้ต้อนรับ

"พี่ไม่ได้ตาฝาดนะ...หน้าตาเหมือนพ่อพงษ์เทพเป็นพิมพ์เดียวกัน หรือว่า..."

เสียงคุณป้าขาดหายไปเหมือนเพิ่งจะนึกอะไรขึ้นมาได้ ที่ว่าจะเข้าไปไหว้พระเป็นอันว่าล้มเลิก แต่นั่งแปะที่เก้าอี้ในเต็นต์ หน้าตาขาวซีด ลูกๆ หลานๆ รีบคว้ายาหอมยาดมมาให้จ้าละหวั่น... ท่านจะเป็นลมน่ะซีคะ!

คืนสุดท้าย คุณลุงคนหนึ่งลุกจากศาลาอย่างรีบร้อนเมื่อพระสวดจบที่สอง ใครถามว่าจะไปห้องน้ำใช่ไหม? แต่คุณลุงกลืนน้ำลายบอกว่าเปล่า...จะกลับบ้านต่างหากล่ะ! ไม่รอให้พระสวดจบแล้ว...สาเหตุเพราะพงษ์เทพในรูปถ่ายหน้าโลงน้ำตาไหลพรากจนท่านทนดูไม่ไหว

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อค่ะ...ตอนที่เราออกจากงานศพมาขึ้นรถไล่ๆ กับแขกคนอื่นๆ ดิฉันกำลังสตาร์ตเครื่อง เพ็ญพรกับอรสาที่มาเบียดกันอยู่ข้างหน้าพูดเสียงสั่นเครือเหมือนจะร้องไห้ว่าพี่ดาคะ พงษ์เทพมาส่งเราค่ะ...

ดิฉันหันขวับ...แม้ว่าเป็นภาพเลือนๆ ก่อนจะจางหายไป แต่ก็ยังจำได้ว่านั่นคือพงษ์เทพแน่นอน...แล้วใครจะกล้าไปงานศพอีกล่ะคะ? โธ่...
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด
Create Date :04 พฤศจิกายน 2555 Last Update :4 พฤศจิกายน 2555 11:09:29 น. Counter : 1840 Pageviews. Comments :0