bloggang.com mainmenu search
"ธัญชิตา" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกของเหยื่อยมทูต

ถ้าดิฉันจะบอกว่าเสียงที่ตะเบ็งจากบ้านข้างๆ ตอนดึก "อย่าทิ้งฉันไป! ขอร้องเถอะ อย่าทิ้งฉันไปเลย.." เป็นเสียงของสามีภรรยาทะเลาะกัน ฝ่ายชายกำลังจะเก็บเสื้อผ้าข้าวของไปจากฝ่ายหญิง เหตุการณ์ที่ว่าคงจะไม่น่าสยดสยองสุดขีดมาถึงทุกวันนี้หรอกค่ะ!

"ชมนาด" ชื่ออันอ่อนหวานน่ารัก ทำให้นึกถึงภาพสาวสวยผู้อรชรอ้อนแอ้น แต่ของจริงก็คือหญิงชราที่เรียกกันว่า "ป้าชม" ของคนในซอยย่านทุ่งมหาเมฆในปัจจุบันนี่เอง

ป้าชมอาจจะเคยเป็นสาวสวย เอวบางร่างน้อย ผิวพรรณเต่งตึงขาวผ่อง นัยน์ตาดำขลับเต็มไปด้วยประกายของความหวังความฝันสดสวย ไม่แตกต่างกับคนอื่นๆ แต่แล้วกาลเวลาก็เรียกร้องความสดใสของวัยสาวคืนไป ยัดเยียดความแก่เฒ่าร่วงโรยไว้แทนที่..และนับวันก็ยิ่งเพิ่มพูนขึ้นทุกที

ผมบางๆ จนมองเห็นหนังศีรษะขาวโพลน หน้าตาเหี่ยวย่นด้วยความชราและริ้วรอยของความทุกข์สุข ที่ทับถมมากขึ้นตามกาลเวลาที่ล่วงเลยมายาวนานถึง 70 ปีเศษ ร่างอันผ่ายผอมหลังโกงนิดๆ กลายเป็นรังของโรคภัยไข้เจ็บหลากหลายที่จู่โจมเข้ายึดครอง ตั้งแต่ก่อนจะถึงวัยเกษียณเสียด้วยซ้ำไป

โรคหัวใจ เบาหวาน ความดันเลือดสูง ไขข้ออักเสบจนต้องใช้ไม้เท้าพยุงกาย!

สามีป้าชมเสียชีวิตด้วยโรคลมปัจจุบัน หรือนิยมเรียกกันว่าหัวใจวายมาหลายปีแล้ว ลูกเต้าก็แยกย้ายกันไปมีครอบครัว แต่ยังดีที่หมั่นมาเยี่ยมแม่บ่อยๆ ป้าชมได้ชื่นอกชื่นใจกับคลายเหงาเพราะหลานๆ หลายคนที่มาสนุกซุกซนกันตามประสา

ที่บ้านมีหญิงรับใช้เก่าแก่ชื่อป้าเนื่อง วัยหกสิบเศษ ป้าชมนอนห้องชั้นล่างเพื่อสะดวกในการเข้าห้องน้ำ โดยยกห้องว่างชั้นบนให้ป้าเนื่องอยู่แทน

ระยะหลังๆ เวลาลูกหลานมาเยี่ยม ป้าชมก็ดูเนือยๆ ไป นัยน์ตาที่สวมแว่นเป็นประจำมักเหม่อลอย ไร้ชีวิตชีวา ดูแห้งผาก สิ้นหวังระคนหวาดกลัวอะไรบาง อย่างอยู่ตลอด

"อย่าทิ้งฉันไปเลย..." เสียงคร่ำครวญโหยหวน วิงวอนน่าใจหาย ตอนแรกๆ พวกเพื่อนบ้านก็คิดว่าป้าเนื่องจะกลับบ้านนอกไปอยู่กับลูกหลาน เพราะชราไล่ๆ กับนายจ้าง แต่เมื่อพวกเราเปรยปรายกับแก ป้าเนื่องก็ยืนยันว่า แม้พวกหลานๆ จะชวนกลับ แต่แกไม่เคยคิดจะทิ้งเจ้านายเก่าแก่ไปไหนเลย!

"คงจะอยู่จนตายจากกันแหละคุณ ไม่ใช่ญาติก็เหมือนญาติ อยู่กันมาตั้งแต่สาวยันแก่...ตอนที่คุณชมแกร้องเสียงน่าขนลุกน่ะ ป้ายังนอนอยู่ในห้องด้วยซ้ำ เอ..หรือว่าจะ.."

แกพูดค้างไว้แค่นั้น พวกเราอดขนลุกไม่ได้เมื่อนึกถึงเรื่องผีๆ สางๆ ขึ้นมา!

หรือลุงสมพงษ์ - สามีป้าชมจะมาเยี่ยมเยียนด้วยความห่วงใย ป้าชมนาดคงจะทอดอาลัยในชีวิตแล้ว อยากติดตาม หรือให้สามีช่วยพาไปสู่ภพหน้าแต่ไม่สำเร็จ ก็เลยร่ำร้องเรียกหาแต่ว่า..อย่าทิ้งฉันไป! บาดลึกเข้าไปถึงหัวใจของทุกคนที่ได้ยิน

ดิฉันเองสนิทสนมกับป้าชมมาเกือบ 20 ปีแล้ว เข้านอกออกในได้เหมือนเป็นลูกหลานคนหนึ่ง ระยะหลังๆ ที่ป้าชมเจ็บป่วยก็เคยไปเยี่ยมทั้งที่บ้านและโรงพยาบาล แม้แต่ตอนที่ได้ยินเสียงร่ำร้องน่าขนลุกก็เคยไปเยี่ยมถึงในห้องที่อวลกรุ่นด้วยกลิ่นยา กลิ่นอับๆ จนเคยชินเสียแล้ว แต่ไม่กล้าถามเรื่องที่แกร้องร่ำว่า "อย่าทิ้งฉันไป" เป็นเพราะอะไรกันแน่?

แต่แล้วจู่ๆ วันหนึ่งป้าชมนาดก็เป็นฝ่ายเอ่ยปากขึ้นมาเอง!

ร่างบอบบางดูเล็กกระจิริดไม่ผิดกับเด็กสิบกว่าขวบ ริ้วรอยของความชราเพิ่มขึ้นจนน่าใจหาย เบ้าตาทั้งสองลึกแทบจะกลวง แก้มยุบจนคางยื่น นอนหงายห่มแพรเพลาะสีฟ้า แขนทั้งสองทอดอยู่ข้างตัวมีแต่หนังหุ้มกระดูก ปากซีดคล้ำดูแตกระแหงจนต้องรินน้ำให้ดื่มโดยใช้หลอดดูด...

นัยน์ตาสีน้ำข้าวดูฟ่าฟางมองหน้าดิฉันเหม่อๆ ก่อนพึมพำเสียงแหบแห้งเต็มที

"...ไม่ช้าป้าก็คงไม่ได้เห็นหน้าหนูอีกแล้ว เขาไม่ยอมอยู่กับป้า...ไม่ว่าป้าจะอ้อนวอนแค่ไหนก็ไม่ยอม.." น้ำตาเอ่อคลอก่อนจะรินไหลเงียบเชียบ "คนใจร้าย คนใจดำ.. ไม่นึกห่วงใย นึกเวทนาเรามั่งเลย"

ดิฉันกลืนน้ำลายเอื้อมไปกุมหลังมือเย็นเฉียบจนน่าใจหายของป้าชมเพื่อปลอบโยน ยังไม่ทันจะถามว่าหมายถึงใครกันแน่ หญิงชราก็ขยับปากเล่าต่อด้วยเสียงแหบเครือ

"เป็นใครก็นึกไม่ถึงใช่ไหม ว่าเพื่อนแท้ๆ ของเรา รักใคร่ผูกพันกันมาชั่วชีวิตจะทอดทิ้งเราไปอย่างไม่ไยดี..อ้างว่าเราหมดสภาพแล้ว ทำอะไรไม่ได้ มีแต่โรคร้ายเร้ารุมเต็มตัว ใครจะอยากมาร่วมเป็นร่วมตายด้วย..ลาก่อน! ฉันจะไปหาที่อยู่ใหม่ๆ ที่ไม่อ่อนแออย่างเธอ!"

ดิฉันขนลุกซ่าไปทั้งตัว เพิ่งเข้าใจเดี๋ยวนี้เองว่าป้าชมนาดร่ำร้อง อ้อนวอนชีวิตให้อยู่ด้วยกันก่อน..แต่เพื่อนเก่าแก่ก็กำลังจะผละหนีจากร่างทรุดโทรมอมโรคโดยไม่อาลัยไยดี!

Create Date :13 มิถุนายน 2554 Last Update :13 มิถุนายน 2554 8:25:17 น. Counter : Pageviews. Comments :0