bloggang.com mainmenu search
"บิ๊กเล็ก" เล่าเรื่องขนหัวลุกเมื่อน้องสาวคุยกับผีน้ำอ้อย-น้องสาวของผมเป็นคนขี้ลืม ตัวฉกาจ ทั้งๆ ที่อายุเพิ่ง 25 ปี จะว่าเป็นเพราะอาชีพการงาน เป็น ผู้ช่วยฝ่ายบัญชีของห้างสรรพสินค้าใหญ่ก็ไม่น่าจะใช่ ไอ้นิสัยขี้หลงขี้ลืมนี่เป็นมาตั้งแต่เด็กๆ แล้วครับ

ค่ำวัน หนึ่ง เธอเลิกงานตอนสี่ทุ่มตามปกติ นั่งรถตู้ที่ทำงานมาลงหน้าปากซอยเช่นเคย จากนั้นก็ย่ำต๊อกเข้าบ้านซึ่งอยู่ไม่ไกลและไม่เปลี่ยวด้วย

ถึง จะเป็นสี่ทุ่มก็ยังมีคนทำงานเลิกดึกๆ มากินข้าวที่รถเข็นกันหนาตา บางโต๊ะมีเหล้าเบียร์ด้วย แต่ไม่เคยเห็นมีคนเมาทะเลาะวิวาทกันเลยครับ อยู่แถวศรีย่านนี่ดีจริงๆ

คืนนั้น น้องน้ำอ้อยเกิดอยากกินส้มตำปูปลาร้ากับไก่ย่าง ก็เลยยืนซื้อเจ้าประจำ...กำลังยืนๆ อยู่ก็เห็น ป้าชุ่ม-คนในซอยเดินผ่านมา น้ำอ้อยเล่าให้ผมฟังว่าป้าชุ่มยิ้มให้ ก็เลยปักหลักคุยกันในเงามืดขณะรอส้มตำไก่ย่าง

พอได้อาหารตามที่สั่ง น้ำอ้อยกับป้าชุ่มก็เดินกลับด้วยกัน ป้าชุ่มอยู่ถัดไป 5-6 หลัง แกจึงส่งน้ำอ้อยเข้าบ้านก่อน...ยังไม่ถอดรองเท้าเธอก็ส่งเสียงใส

"เจอป้าชุ่มล่ะ แกเดินมาส่งด้วย!"

พวก เรา คือผม พ่อ แม่กับเจ้าออดน้องชาย หันขวับไปมองทันที แม่ตั้งสติได้ก็โพล่งว่า "ปากไม่ดี ใครเขาเอาคนตายมาพูดเล่นแบบนี้! เดี๋ยวเหอะ...เดี๋ยวแกมาจริงๆ หรอก"

น้ำอ้อยนั่งแผละ ตาค้าง หน้าซีด เราเลยรู้ว่าเธอไม่ได้ตอแหล แต่โดนผีหลอกมาสดๆ ป้าชุ่มน่ะแกตายไปแล้วเกือบสองปีได้มั้ง?

ทำ ไงได้ล่ะครับ พวกเราได้แต่ทราบข่าว ไม่ได้ไปเห็นแกตอนนอนแบ็บอยู่โรงพยาบาล ไม่ได้ไปงานศพ ด้วยซ้ำเพราะไม่สนิทกัน เจ้าภาพก็ไม่ได้บอกด้วย...ป้าชุ่มเป็นมะเร็งปอดเพราะแกชอบสูบบุหรี่เลยตาย เร็ว อายุแค่หกสิบต้นๆ เรารู้ข่าวตอนญาติเผาศพไปแล้ว

ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นไปได้ว่าจู่ๆ น้ำอ้อยก็ลืมซะสนิท แถมเดินคุยกะหนุงกะหนิงมากับผีป้าชุ่มอย่างสบายอก สบายใจกลางดึกกลางดื่น!

คืน นั้น น้ำอ้อยไม่ยอมอยู่คนเดียว เวลาอาบน้ำหรือเข้าส้วมก็จะเปิดประตูโล่งไว้คอยเรียกพวกเราให้ขานรับทุกๆ 5 วินาที-จะบ้า! ไอ้ผมก็ง่วงจะตายแถมหวาดๆ ยังไงพิกล

ที่ร้ายสุดๆ คือป้าชุ่มแกเกิดมีนัดกับน้ำอ้อยว่าคืนพรุ่งนี้ จะเจอกัน!

จริงๆ แล้วผีไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มนัด แต่ยัยน้ำอ้อยตัวดีนี่แหละเกิดอารมณ์ดีเกินเหตุไปชวนแกว่าพรุ่งนี้เลิกงาน เร็ว แค่ทุ่มเดียวเอง ป้าชุ่มมารอตรงนี้นะจะได้กินข้าวกัน ...อ้อยเลี้ยงเอง! ที่ชวนเพราะเห็นสารรูปป้าชุ่มผอมแห้ง ท่าทางจะหิวโหย แกยิ่งจนๆ อยู่ด้วยเลยสงสารแก

ทีนี้ต้องเดือดร้อนแม่ต้องลุกแต่เช้า มืด หุงข้าว ทำกับข้าว ใส่บาตรกรวดน้ำให้ป้าชุ่มไป แต่น้ำอ้อยยังไม่หายหวาดกลัว เลยสั่งให้ผมไปคอยรับที่ปากซอย

ผมไปถึง ที่นั่นก่อนทุ่มด้วยซ้ำ เพราะเป็นห่วงน้องสาวคนเดียว ระหว่างคอยผมก็ชวน พี่ผ่อง คนขายส้มตำคุยว่า เมื่อคืนเห็นน้ำอ้อยพูดกับใครมั้ย? พี่ผ่องบอกว่าเห็นเหมือนกัน...น้ำอ้อยพูดคนเดียว นึกว่าคุยกับมือถือน่ะซีครับ

พี่ผ่องทำสากหลุดมือทันที สากกลิ้งไปใต้รถเข็น เธอจึงไม่เห็นสิ่งที่ผมเห็น และสิ่งนั้นทำให้ผมร้องว่า "นังเวร!" พี่ผ่องผงกหัวขึ้นมาทำตาขุ่น...สากหล่นแค่เนี่ย?

ผม บอกว่าไม่ได้ด่าพี่ผ่อง...เธอเลยหันไปเห็นพร้อมผมว่า ยายน้ำอ้อยซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์รับจ้าง นั่งหน้าเชิดเป็นสง่าเลี้ยวเข้าซอยไปลิ่ว ไม่มีโยนหางตามามองผมเลย

ใช่ครับ...เจ้าหล่อนลืมว่าสั่งให้ผมมายืนรับหน้าปากซอย!

ตกลง เป็นอันว่าผมยืนเสียวสันหลังวาบๆ นี่มันทุ่มหนึ่ง แล้วนะ...มองไปรอบๆ ผู้คนกำลังมาสั่งอาหารแล้วนั่งกินกันสบายอารมณ์ ใครจะรู้ล่ะครับ ว่าบรรยากาศแบบนี้น่ะยังมีผีหลอกได้ลงคอ? แถมกำลังมีคนกลัวผียืนสั่นอยู่ตรงนี้...ผมไง!

บอกตรงๆ ว่าหวาดระแวงไปหมด โดยเฉพาะสุภาพสตรีที่นุ่งผ้าลาย ใส่เสื้อคอกระเช้า สวมรองเท้าแตะ ตัวเล็กๆ ผอมๆ เห็นทีเย็นหลังที

แหม! สุภาพสตรีประเภทนี้แถวซอยบ้านผมมีเยอะเสียด้วยซี

ทำ ไงได้ล่ะครับ ผมน่ะลูกผู้ชาย จะชวนใครเดินไปเป็นเพื่อนก็เสียเกียรติ จำต้องกัดฟันก้มหน้าเดินกลับบ้านตามลำพัง ไม่กล้าเงยหน้า...กลัวจ๊ะเอ๋ป้าชุ่ม!

โล่งใจเมื่อกลับถึงบ้าน หน็อย...ยัยน้ำอ้อยยังแซวซะอีกว่าไปไหนมา ไม่กลัวผีป้าชุ่มเหรอ? ผมเงื้อมะเหงก กะจะเขกกะโหลกหล่อนให้ยุบ ดูเถอะครับความขี้ลืมของน้องสาวผม

เฮ้อ...ป่าน นี้พวกเรายังไม่เลิกกลัวป้าชุ่มเลยครับ ทั้งๆ ที่ตอนมีชีวิตอยู่แกก็ดูน่ารักดี แต่พอตายทำไมเฮี้ยนนักก็ไม่รู้ แกคงขำน้ำอ้อยน่าดู...คนอะไร ลืมกระทั่งว่ากำลังคุยกับผีที่ตายไปนานแล้ว?!

Create Date :06 มิถุนายน 2554 Last Update :6 มิถุนายน 2554 8:23:13 น. Counter : Pageviews. Comments :0