bloggang.com mainmenu search



จากคอลัมภ์ ขนหัวลุก หนังสือพิมพ์ข่าวสด

"พงษ์อมร" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากหลังขนส่งทางบก

ผมอาศัยอยู่แถวตลาดหมอชิตสะพานควายมายี่สิบกว่าปีแล้ว พวกผู้ใหญ่เล่าให้ฟังตรงกันว่า สมัยก่อนแถวนี้เป็นทุ่งนาทั้งนั้น มีถนนพหลโยธิแคบๆ กับต้นก้ามปูเรียงรายสองข้างทาง รถเมล์จากสระบุรี ลพบุรี มักจะแล่นผ่านไปจอดที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิให้คนลงแล้ววิ่งรวดเดียวไปสุดทางที่ตรอกถั่วงอก วงเวียน 22 กรกฎาโน่น รถรางจากสถานีรถไฟบางซื่อมาถึงสะพานแดงยังไม่ยอมเลี้ยวซ้ายมาเลยครับ แต่เลี้ยวขวาไปเกียกกาย ซ้ายอีกทีไปสุดทางที่ศาลานกกระจอก บางกระบือ

จนถึงกึ่งพุทธกาลย่านสะพานควายจึงเจริญรุ่งเรืองอย่างรวดเร็ว ยิ่งมีถนนตัดใหม่ชื่อซูเปอร์ไฮเวย์ มีซอยสุทธิสารแยกซ้ายขวา ตึกรามบ้านช่องหนาแน่น ผู้คนหลั่งไหลเข้ามาอยู่อาศัยและค้าขายมากมายเหลือเชื่อ มีตลาดศรีศุภราช ตลาดศรีไทย ตลาดศรีสวัสดิ์ โรงหนัง โรงแรมเปิดกันสะพรั่ง สะพานควายกลายเป็นชุมทางใหญ่ของกรุงเทพฯ พอๆ กับย่านบางลำพู ประตูน้ำ

มีรุ่งเรืองแล้วก็ร่วงโรยเป็นของคู่กัน!

ตลาดต่างๆ ว่างวายไปเมื่อถึงยุคห้างสรรพสินค้า โรงแรมใหญ่ๆ ก็ซบเซาเมื่อมีโรงแรมใหม่ๆ เกิดขึ้น โรงหนัง 4-5 แห่งเคยเฟื่องฟูสุดขีดก็ทยอยปิดฉากลงโรงไปเกือบหมดสิ้น เมื่อราว 6-7 ปีก่อน ห้างบิ๊กซีมาเปิดใหม่ใหญ่โตที่ตลาดศรีไทยเดิม สะพานควายที่เคยเงียบเหงามาเกือบสิบปีก็กลับคึกคักขึ้นมาอีกครั้ง

ผมมีประสบการณ์น่าขนหัวลุกจากซอยสุทธิสาร ในย่านสะพานควายมาเล่าสู่กันฟัง!

บ้านผมอยู่หลังกรมขนส่งทางบก เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนมีบ้านช่องตึกรามแน่นหนา แต่แล้วตึกแถวด้านซ้ายมือก็ค่อยๆ รกร้างไปทีละห้องสองห้อง ไม่รู้ว่าสาเหตุมาจากอะไรกันแน่?

คนที่มาอยู่ตั้งแต่เป็นตึกสร้างใหม่ ค่อยๆ ล้มตายไปบ้าง มีอันเป็นไปต่างๆ นานาบ้าง คนที่มาอยู่ใหม่ก็ประสบแต่โชคร้าย เกิดเคราะห์กรรมต่างๆ ไม่ว่างเว้น เช่น โดนฆาตกรรมบ้าง เกิดอุบัติเหตุบ้าง ทำธุรกิจขาดทุนย่อยยับบ้าง จนต้องอพยพหลบหน้าไปอยู่ที่อื่นทีละรายสองราย ไม่ว่าใครมาอยู่ก็เหมือนโดนอาถรรพณ์ ถูกสาปแช่ง จนมีคนย้ายออกไปมากกว่ามาใหม่

พวกผู้ใหญ่พูดกันว่าเจ้าที่แรงครับ คิดดูแล้วก็น่าจะจริง ตึกแถวที่เป็นล็อกแรกจากหลังกรมขนส่งฯ ไปทางตลาดหมอชิต ก็กลายเป็นตึกร้างไปหมดสิ้น

ประตูหน้าต่างถูกงัด หลังคาโหว่ ผนังผุพัง มีคนมา รื้อถอนระยะหนึ่งแล้วก็หยุดไปดื้อๆ ได้ข่าวว่าคนงาน โดนผี หลอกกลางวันแสกๆ คนหนึ่งตกลงมาหลังหัก คนหนึ่งกำลังทุบตึกอยู่เหยงๆ ก็โดนผีเข้า การรื้อถอนเลยหยุดไปกลางคัน ต่อมามีช่างชุดใหม่มาทำงาน ก็เจออาถรรพณ์สารพัดจนต้องเลิกไปอีกราย! เจ้าของคงถอดใจ ปล่อยทิ้งไว้จนสภาพที่เหลือดูเปล่าเปลี่ยว ชวนให้วังเวงใจชอบกล แม้ว่าจะเป็นกลางวันแสกๆ ก็ตาม ยิ่งตอนกลางคืนยิ่งน่าขนหัวลุกหนักขึ้นไปอีก

ลองนึกถึงภาพซากตึกแถวผุๆ พังๆ ซีครับ! มีก้อนอิฐเป็นกองๆ บางช่วงดูคล้ายกองขยะ แต่ข้างๆ มีผนังตึกสูงราวเมตรกว่าๆ กำบังตา ท่ามกลางต้นไม้ล้มลุก พงหญ้ารกครึ้ม ต้นกล้วยกับตะขบเตี้ยๆ กระจายกันอยู่ที่ซากตึกร้างริมถนนนั่นเอง ถัดไปเป็นตึกแถวเรียงราย มีร้านค้า มีคนอยู่อาศัยเป็นปกติเหมือนตึกแถวทั่วๆ ไป มีศาลพระภูมิสองหลังตั้งเด่นอยู่ใกล้ๆ กันราวเมตรเศษๆ หลังแรกอยู่ในเขตซากตึกร้าง หลังที่สองอยู่หน้าตึกแถวห้องแรกที่เป็นปกตินั่นแหละครับ...สะดุดตาตรงที่เป็นศาลพระภูมิแบบเดียวกัน แถมใกล้ชิดกันมากๆ อีกต่างหาก

คนแถวนั้นเรียกกันเล่นๆ ว่า "ศาลคู่"

ดูเผินๆ ก็ไม่น่าผิดแปลกอะไร ศาลแรกเคยตั้งอยู่ในเขตของตึกแถวเก่า ต่อมาตัวตึกกลายเป็นซากกองอยู่บนดินแต่ศาลพระภูมิยังอยู่ และอยู่ใกล้ๆ กับข้างตึกที่มีศาลพระภูมิอยู่ด้านหน้า

ผมต้องขับรถกลับบ้านตอนค่ำ ผ่านซากตึกนั่นทุกคืน แต่ความเคยชินก็ทำให้ไม่คิดอะไรมาก...จนกระทั่งถึงคืนเกิดเหตุ!

หลังปีใหม่ไม่กี่วัน ผมขับรถเข้าซอย 15 มาถึงซากตึก ไม่รู้นึกยังไงถึงหันไปมองทางซ้ายมือ เห็นร่าง ตะคุ่มๆ นั่งเอนหลังพิงผนังตึกพังๆ นั่น...ดูเหมือนจะผงกหัวขึ้นมองผมด้วยซ้ำ คงเป็นคนจรจัดหรือขี้เมาน่ะ...ผมนึก เพราะตอนนี้ก็สี่ทุ่มเศษแล้ว...ชะลอรถผ่านช้าๆ จนถึงศาลคู่ก็หันไปมองอีกครั้ง คราวนี้ขนหัวลุกเกรียวทันใด

ชายที่นั่งอยู่ไกลๆ กลับมายืนพิงศาลแรก หันหน้ามาจ้องผมเขม็ง เล่นเอาม่านตาพร่าพราย ผมรีบเหยียบเบรกแล้วเพ่งมองให้แน่ใจ...แต่ไม่เห็นมีใครอยู่นั่นเลยซักคน!

อาจจะตาฝาดเพราะฤทธิ์เหล้าก็ได้...แต่วันรุ่งขึ้นก็ได้ข่าวว่ามีคนพบศพชายแปลกหน้าถูกแทงยับเยิน นอนตายอยู่บนผนังตึกพังๆ นั่นเอง...ขนหัวลุกซีครับ! บรื๋อออ....




//variety.thaiza.com/
Create Date :24 สิงหาคม 2556 Last Update :24 สิงหาคม 2556 18:35:20 น. Counter : 2105 Pageviews. Comments :0