Group Blog
All Blog
|
ทนายอ้วนชวนเที่ยวเมืองรถม้า - วิหารเจ้าแม่จามเทวี วัดปงยางคก ห้างฉัตร ลำปาง สถานที่ท่องเที่ยว : วิหารเจ้าแม่จามเทวี วัดปงยางคก ห้างฉัตร ลำปาง, ลำปาง Thailand พิกัด GPS : 18° 16' 50.09" N 99° 23' 3.24" E ในทริปเชียงใหม่ที่ไปมาล่าสุดเราได้ใช้เวลา 1 วัน ในการเดินทางไปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่จังหวัดลำปางและลำพูน ก็เลยแวะเที่ยววัดเก่าสวยๆมา 2-3 ที่ด้วยครับ พระวิหารเจ้าแม่จามเทวี วัดปงยางคก อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง พระวิหารเจ้าแม่จามเทวี ตั้งอยู่ที่วัดปงยางคก (ทิพย์ช้างอนุสรณ์) ตำบลปงยางคก อำเภอห้างฉัตร จังหวัดลำปาง วัดปงยางคกอยู่บนเส้นทาง เกาะคา - ห้างฉัตร ทางเดียวกับวัดพระธาตุลำปางหลวง แต่วัดปงยางคกจะถึงก่อน โดยแยกออกมาจากเส้นซุปเปอร์ไฮเวย์ ( เชียงใหม่ - ลำปาง ) ราว 5 กม. ติดๆกับ อบต.ปงยางคก เลยครับ วัดนี้อยู่ห่างออกมาจากเส้นทางหลักที่ไปวัดพระธาตุลำปางหลวงก็เลยมีนักท่องเที่ยวมาแวะชมน้อยครับ คนไม่ค่อยพลุกพล่าน ข้อเสียของการที่มีคนน้อยคือเหล่า “เจ้าถิ่น” ก็กระจายตัวอยู่ทั่วไป แถมหวงที่ซะด้วยครับ เจ้าของบล็อกจะเดินไปถ่ายรูปทางด้านหลังของพระวิหารซะหน่อยไม่รู้ว่าไปพาพวกมาจากไหนกัน เป้นฝูงเชียวครับ เจ้าของบล็อกเลยไม่ได้ไปถ่ายรูปทางด้านหลังพระวิหารเลยครับ จะขอเล่า .... ไม่ใช่เล่าครับ ไปแอบก๊อบมาจากในเนท .... …….. ประมาณ พ.ศ. 1243 พระนางจามเทวีซึ่งครองนครหริภุญไชย (ลำพูน) ได้เสด็จออกจากนครหริภุญไชยเพื่อเสด็จมาเยี่ยมเจ้าอนันตยศ ราชบุตรองค์ที่สอง ณ เขลางค์นคร (ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของจังหวัดลำปาง) เมื่อได้เดินทางมาถึง ณ ฝั่งแม่น้ำแห่งหนึ่งเห็นเป็นที่ที่เหมาะแก่การยั้ง (หยุด) ขบวนเสด็จจึงสร้างเมืองลำลอง แล้วพัก ณ ที่แห่งนั้น ต่อมาได้ชื่อว่า "เวียงรมณีย์" (เมืองตาล) (ปัจจุบันนี้เป็นเมืองร้าง มีแต่คูดินตั้งอยู่ระหว่างดอยขุนตาลไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของที่ว่าการอำเภอ ห้างฉัตร ประมาณ 2 ก.ม.) ขณะที่พักอยู่ที่เวียงมณีย์นั้นก็ได้สร้างฉัตรทองคำสำหรับจะไปบูชาพระธาตุลำปางหลวง (ที่ใช้ช่างสร้างฉัตร ในเวลาต่อมาเรียกว่า บ้านห้างฉัตร อันเป็นนามของอำเภอห้างฉัตรในปัจจุบันนี้) เมื่อสร้างฉัตรทองคำเสร็จแล้ว ก็ทรงช้างพระที่นั่งเดินไปตามเส้นทางเพื่อไปนมัสการพระธาตุลำปางหลวง พอไปถึง ณ ที่แห่งหนึ่งปรากฏอัศจรรย์ ช้างพระที่นั่งทรุดเข่าลงหมอบคู้ชูงวงในท่าคารวะ พระแม่เจ้าเห็นเป็นอัศจรรย์จึงพักรี้พล ณ ที่นั้น ตกกลางคืนจึงอธิฐานว่าถ้าที่นี้มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็ขอให้ปรากฏปาฏิหาริย์ขึ้น ขาดคำพระดำรัสของพระแม่เจ้าก็ปรากฏแสงฉัพพรรณรังสีแห่งพระบรมสารีริกธาตุพวยพุ่งขึ้น ณ ที่จอมปลวกแห่งหนึ่ง จึงทรงให้ปลูกวิหารจามเทวีรอบจอมปลวกไว้ด้วยมณฑปปราสาทตลอดจนสร้างรูปจ๊างนบ ไว้หน้าวิหาร เป็นรูปช้างทรุดเข่าลงหมอบคู้ชูงวงขึ้นเหนือหัวในท่าคารวะและปลูกไม้ศรีมหาโพธิ์ ซึ่งได้พันธุ์มาจากลังกาทวีปไว้พร้อมสรรพ ต่อมา ณ ที่แห่งนี้จึงเรียกว่า "บ้านปงจ๊างนบ" ต่อมาหลายร้อยปี นามนี้ก็ได้เพี้ยนไป เป็น "ปงยางคก"…… จากในอินเตอร์เนทผู้รู้บางท่านก็บอกว่าพระวิหารเจ้าแม่จามเทวีหลังแรกไม่น่าจะอยู่แล้ว เพราะเป็นวิหารไม้ที่เปิดโล่ง การดูแลรักษาก็จะทำยากกว่าวิหารไม้แบบปิดทึบ ระยะเวลานับตั้งแต่พระนางจามเทวีก็ตั้งพันกว่าปีมาแล้ว หลังที่อยู่ในปัจจุบันน่าจะสร้างขึ้นในช่วงปลายสมัยอยุธยา พระวิหารเจ้าแม่จามเทวี สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 1253 เป็นวิหารพื้นเมืองล้านนาขนาดเล็ก มีความสวยงามมากเป็นแบบฉบับของลักษณะสถาปัตยกรรมภาคเหนือยุคหริภุญไชยสกุลช่างเขลางค์ มีขนาดกว้าง 8 เมตร ยาว 15 เมตร เดิมมุงด้วยแป้นไม้เกล็ด แต่ในปัจจุบันนี้มุงด้วยดินขอเกล็ด เนื่องจากแป้นไม้เกล็ดได้ผุกร่อนไปตามกาลเวลา ลักษณะทั่วไปของวิหารไม่เหมือนกับวิหารในสมัยปัจจุบัน หลังคาพระวิหารลดด้านหน้าสามชั้น ด้านหลังสองชั้น ผืนหลังคา 2 ตับ ช่อฟ้า ป้านลม หน้าบัน คำช่างล้านนาเรียก “หน้าแหนบ” เป็นแบบล้านนาดั้งเดิม มุงกระเบื้องดินขอ (เดิมคงเป็นแป้นไม้เกล็ดแต่ได้ผุกร่อนไปจึงได้เปลี่ยนมามุงด้วยดินขอ) ไม่มีฝ้าเพดาน คันทวย คำช่างล้านนาเรียก นาคตัน แกะสลัก ฉลุโปร่ง เป็นรูปนาค แต่ละชิ้นมีลวดลายที่ไม่เหมือนกันเลย. พระวิหารเจ้าแม่จามเทวีมีการประดับตกแต่งภายในด้วยลวดลายลงรักปิดทอง ซึ่งภาษาถิ่นของล้านนาจะเรียกว่า “ลายคำ” ลวดลายลงรักปิดทองบนพื้นสีแดง (ชาด) อยู่ในพื้นที่สำคัญต่างๆ ของวิหาร เช่น ในบริเวณตัวไม้โครงสร้างเครื่องบนของวิหาร หรือที่เรียกว่า “ขื่อม้าตั่งไหม” เสาวิหารตลอดจนผนังภายในวิหารและแผงไม้คอสอง ตกแต่งด้วยลายคำเต็มพื้นที่ มีทั้งภาพอดีตพุทธเจ้า และลายเลียนแบบธรรมชาติ อาทิ พรรณพฤกษา นก และอื่นๆ ภาพที่มีชื่อเสียงในความประณีตอ่อนช้อย ปรากฏทางซ้ายในภาพ บนแผงไม้ระหว่างเสา คือ ลายหม้อดอก หม้อดอก เรียกอีกอย่างว่า “หม้อปูรณฆฏะ” มีต้นกำเนิดในประเทศอินเดีย หมายถึงหม้อน้ำอันมีน้ำเต็มบริบูรณ์ ไม้เลื้อยสื่อความหมายถึงความเจริญงอกงามและความร่มเย็น ลวดลายหม้อน้ำคล้ายแจกัน บรรจุกอบัว มีก้าน ใบ และดอก สูงพ้นปากหม้อลดหลั่นกันเป็นพุ่ม แสดงการสักการะพระพุทธเจ้า หรือพระประธาน ภาพอดีตพระพุทธเจ้า ตามคติทางศาสนา เคยมีพระพุทธเจ้าบังเกิดในโลกมากมายประหนึ่งเม็ดทรายในมหาสมุทร ก่อนที่จะมีพระศากยโคดม พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน ตัววิหารเป็นอาหารโถง (โล่ง) สร้างด้วยไม้ ฐานพระวิหารอยู่ต่ำกว่าพื้นดินประมาณหนึ่งฟุต (เดิมคงสูงประมาณสามศอกเศษ) ตอนล่างเปิดโล่งตลอดไม่มีประตูและหน้าต่าง ตอนสุดท้ายในสุดของพระวิหารมีผนังก่ออิฐฉาบปูนทึบสามด้าน ล้อม “กู่พระเจ้า” หรือ “โขงพระเจ้า” (คือซุ้มปราสาทเรือนยอดก่อนอิฐก๋วม (สวม) พระประธานเอาไว้) ท้ายวิหารก่อผนังทึบ ห้องที่สามและห้องที่สี่ก่อผนังเจาะช่องแสงเพื่อกันฝนสาด เป็นที่ตั้งของมณฑปทรงปราสาทประดิษฐานพระประธาน คำช่างล้านนาเรียกว่า “โขงพระเจ้า” ก่อด้วยอิฐ ฐานซุ้มทำลายปูนปั้นย่อมุมไม้สิบสอง และในซุ้มประดิษฐานพระประธานปางสมาธิเพชร ผนังด้านซ้ายมือของมณฑปก่อสร้างเป็นซุ้มลายปูนปั้น ภายในซุ้มยังประดิษฐานรูปปั้นพระพุทธรูปปางประทานพรอยู่ภายใน ภาพเขียนบนผนังด้านหลังพระประธานซึ่งเป็นภาพต้นศรีมหาโพธิ์สามต้น มีเทวดาถือฉัตรและช่อดอกไม้ประดับทั้งสองข้างของพระประธาน ผนังด้านยาวเป็น “ฝาย้อย” คือ ทำด้วยไม้เข้าเดือยเป็นแผงปิดลงมาประมาณครึ่งเสา ฝาด้านในเขียนภาพและลวดลายตกแต่งเต็มพื้นที่ทั้ง 2 ข้าง ถ้าเดินไปทางด้านขวาของพระวิหารจะเห็นรอยถากที่ฝาผนังด้านนอกของพระวิหาร ว่ากันว่าเป็นรอยดาบของการรบระหว่างหนานทิพย์ช้างกับท้าวมหายศ (หนานติ๊บจ้าง หรือ หนานทิพย์ช้าง ภายหลังได้อวยยศเป็น เจ้าพระยาสุรวฤาชัยสงคราม วีรบุรุษแห่งเขลางค์นคร ผู้กู้อิสรภาพจากพม่า เล่ากันว่าก่อนที่เจ้าหนานติ๊บจ๊างจะได้ปราบดาภิเษกเป็นเจ้าพระยาสุรวฤาชัยสงคราม ขึ้นปกครองเขลางค์นครลำปางพระองค์ก็ได้เคยศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัย และบวชเป็นพระภิกษุ ณ วัดปงยางคกนี้มาก่อน วิหารเจ้าแม่จามเทวี แห่งวัดปงยางคก เป็นสถานที่ที่น่าแวะชมเป็นอย่างมาก ถ้าแวะมาลำปางอย่าลืมเผื่อเวลามาเที่ยวชมด้วยนะครับ ปลายปีว่าจะไปไหว้พระธาตุลำปางหลวง
จะได้แวะกราบค่ะ วัดนี้เก่าแก่งดงามมากขริงๆ โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 22 กันยายน 2562 เวลา:10:51:15 น.
เอารั้วไปกั้น หมดสวยไปเยอะเลยค่ะ
แต่คงต้องกันหมูหมากาไก่ โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 22 กันยายน 2562 เวลา:11:02:38 น.
สวยงามมากค่ะ บ่งบอกกาลเวลาย้อนอดีต
ยังไม่เคยไปเลย มีโอกาสคงได้ตามรอยค่ะ ขอบคุณค่ะ โดย: Tui Laksi วันที่: 22 กันยายน 2562 เวลา:19:40:00 น.
วิจิตรตระการตา
และแต่ละที่ก็มีประวัติความเป็นมา ที่น่าสนใจด้วยค่ะ โดย: Rananrin วันที่: 22 กันยายน 2562 เวลา:20:27:47 น.
วัดนี้ชื่อแปลกๆนะครับ วัดปงยางคก ที่ลำปางนี้นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะไม่ค่อยแวะเที่ยวกัน มุ่งหน้าไปกันแต่เชียงใหม่ นอกจากคนตั้งใจไปเที่ยวลำปางโดยเฉพาะเท่านั้น
น่าสนใจนะครับวัดนี้ที่ลำปาง ไม่ควรมองข้ามครับ โดย: พายุสุริยะ วันที่: 22 กันยายน 2562 เวลา:21:16:19 น.
วิหารพื้นเมืองล้านนาขนาดเล็กเก่าแก่งดงามมากค่ะคุณบอล
ต๋ายังไม่เคยไปวัดนี้ ขอบคุณคุณบอลที่พาชมนะคะ ภาพสวยมากค่ะ โดย: Sweet_pills วันที่: 23 กันยายน 2562 เวลา:23:33:35 น.
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้ ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต Tui Laksi Travel Blog ดู Blog กะว่าก๋า Dharma Blog ดู Blog Rananrin Technology Blog ดู Blog Sweet_pills Food Blog ดู Blog JinnyTent Diarist ดู Blog The Kop Civil Sports Blog ดู Blog ทนายอ้วน Travel Blog ดู Blog สวยมากเลยจ้า ตามมาไหว้กับน้องบอลด้วยคนจ๊ะ โดย: อุ้มสี วันที่: 24 กันยายน 2562 เวลา:7:41:16 น.
แวะมาโหวตค่ะ ไม่เคยได้ไปสักทีลำปาง ส่วนใหญ่จะผ่านตลอดอยากไปๆค่ะ
โดย: life for eat and travel วันที่: 26 กันยายน 2562 เวลา:9:34:52 น.
มาเที่ยว ไหว้พระด้วยครับ คุณบอล
วิหารงามมากๆครับ โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 26 กันยายน 2562 เวลา:23:12:54 น.
|
ทนายอ้วน
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 157 คน [?] Friends Blog
|
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ทนายอ้วน Travel Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น