เกาะขอบเวที ดูรามายณะ ![]() หากพูดถึง "รามายณะ" แล้วก็คงจะนึกถึงเรื่องตำนานที่ยิ่งใหญ่ของแดนอินเดีย ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นเรื่องที่เล่าสืบทอดต่อ ๆ กันมาในพื้นที่ชมพูทวีปกว่า 2,400 ปี โดยผู้ที่รจนาเรื่องราวนี้ก็คือฤาษีวาลมิกิ ทั้งนี้รามายณะได้ถูกนำมาประพันธ์ไว้ เป็นบทร้อยกรองประเภทฉันท์ ซึ่งภาษาสันสฤตเรียกว่า โศลก เป็นจำนวน 24,000 โศลกด้วยกัน และแบ่งออกเป็น 7 ภาค ซึ่งเราคนไทยอาจจะมักจะคุ้นเคยกับ รามเกียรติ์ กันดี (ซึ่งดัดแปลงเนื้อหามา จากมหากาพย์รามายณะ) และหากไม่ใช่เรื่องที่ผ่านตาจากตำราหนังสือเรียน ก็ อาจจะเคยเห็นในรูปแบบการแสดงผ่านทางนาฏศิลป์โขนกันมาบ้างล่ะ แต่ทั้งนี้ มันก็ได้ถูกเกลาเรื่อง ให้กลืนเข้ากับวัฒนธรรมของไทยไปมากจนฉันนึกภาพตัว ละครอย่าง พระราม พระลักษมณ์ นางสีดา หนุมาน ทศกัณฐ์ นางมณโฑ ฯลฯ ในแบบดั้งเดิมแทบจะไม่ออก และบ่อยครั้งที่มีหนังอินเดียว่าด้วยเรื่องรามเกียรติ์ มาฉายทีไร ทำไมหนอเราถึงรู้สึกว่าตัวละครต่าง ๆ ดูไม่เห็นเหมือนกับในโขนหรือ เรื่องจากตำราไทยสักนิด ![]() แผ่นพับที่ได้รับแจกในงานหลังลงทะเบียน โดยจะมีตารางการจัดงานในวันต่าง ๆ แจ้งไว้ วันนี้เรามีโอกาสได้ไปชมการแสดงรามายณะในรูปแบบนาฎศิลป์อินเดียที่เรียกว่า "ภารตนาฏยัม" ที่เป็นเหมือนกับการได้ไปเห็นการเล่าเรื่องผ่านต้นฉบับดั้งเดิมก็ว่าได้ จากงานเทศกาลอินเดีย ซึ่งจัดโดยสถานเอกอัครราชทูตอินเดีย ประจำประ- เทศไทยและกระทรวงวัฒนธรรมของอินเดีย ที่ศาลาเฉลิมกรุง เมื่อ 25 มีนาคม (2014) ที่ผ่านมา ซึ่งครั้งนี้ก็ได้จัดแสดงเพียงรอบเดียวในกรุงเทพฯ เสียด้วย เราไปถึงก่อนเวลาเริ่มแสดงนานพอสมควร เพราะอยากได้ที่นั่งแถวด้านหน้า ด้วย จะได้ถ่ายภาพง่าย ๆ ซึ่งก็เป็นไปตามนั้นเราได้แถว B ตำแหน่งใกล้เวทีพอดี เยื้อง กับกลุ่มนักดนตรีด้วย (แต่น่าเสียดายที่มุมนั้นจะมีภาพปลั๊กไฟติดมาด้วยตลอด) ส่วนผู้ที่มาเข้าชมงานต่างก็มีทั้งชาวอินเดีย ชาวไทย และชาวต่างชาติบางส่วน หากมองโดยคร่าวแล้ว เรื่องของที่นั่งในงานก็คงเรียกได้ว่าเกือบเต็มโรง โดยก่อนจะเริ่มการแสดงอย่างเป็นทางการนั้น จะมีการยืนทำความเคารพในเพลง สรรเสริญพระบารมีตามธรรมเนียม(เหมือนกับตามโรงหนังทั่วไปนี่แหละ) ทุก ๆ คนต่างก็พากันยืนตรงและนั่งลงเมื่อเพลงจบ แต่แล้วจู่ ๆ ก็มีเสียงเพลงที่ร้องสด ดังขึ้นผ่านไมค์โดยไม่มีดนตรีประกอบ เราได้เห็นชาวอินเดียต่างพารีบลุกขึ้นยืน โดยไว เลยทำให้ต้องรีบลุกตามเขาด้วย ซึ่งเรามารู้ภายหลังว่านั่นคือเพลงชาติ อินเดียที่ชื่อว่า Jaya Gana Mana หลังจากนั้น ท่านเอกอัครราชทูตฯ นายหรรษ วรรธน ศฤงคลา (Harsh Vardhan Shringla) ก็ขึ้นมากล่าวเปิดการแสดง และต่อมาไฟบนเวทีก็เริ่มหรี่ดับลงจนมืด ![]() พื้นที่สำหรับนักดนตรีตรงมุมซ้ายของเวที จะทำการบรรเลงเพลงและร้องขับไปตลอดการแสดง เราเริ่มมองเห็นแสงไฟผ่านจอแสดงข้างเวทีที่มีติดไว้สองฟาก ฉายแสดงคำแปล ตามเสียงเพลงที่เริ่มขึ้น โดยเพลงแรกนั้นจะใช้กล่าวสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า (ตามคติของฮินดู) และถัดมาจึงเริ่มเล่าเรื่องตามคำร้องไปตามทำนองเพลงที่เป็น เอกลักษณ์เฉพาะ ต่อจากนั้นภาพเงาของนักแสดงที่ยืนตั้งท่ารอกันอยู่บนเวที ก็ปรากฏรูปร่างชัดขึ้น บนฉากสีฟ้า พวกเขาพาเล่นร่ายรำกันตามเพลงและบทบาทของแต่ละคน โดยจำ ได้ว่าตัวละครหลัก ๆ ในฉากแรกนั้นจะมี หนุมาน ชมพูพาน (เพิ่งรู้ว่าในต้นฉบับ ชมพูพานเป็น หมี!) สุครีพ พระราม และ พระลักษมณ์ และแม้ว่าการแสดงนี้จะไม่มีบทพูดโดยตรง แต่พวกเขาจำเป็นต้องใช้ท่าทางและ ส่งสีหน้าในการบอกความรู้สึกให้สอดคล้องไปกับคนร้องพากย์เล่าเรื่องด้วย ส่วน บางช่วงที่ต้องเต้นก็จะเน้นการย่ำเท้าคล้ายกับเต้นแท็ป เพื่อกระแทกเสียงกระพรวน ตรงข้อเท้าให้เคาะดังเป็นจังหวะตามเพลงไปด้วย ![]() เมื่อไฟบนเวทีเริ่มฉายสว่างขึ้นเรื่อย ๆ ร่างของนักแสดงที่ยืนตั้งท่าคอยอยู่ก็เริ่มปรากฏชัดขึ้น คณะนักแสดงทั้งหมดนี้มาจาก "มูลนิธิกาลักเชตรา" เมืองเจนไน พวกเขาได้หยิบยกเนื้อเรื่องบางส่วนของรามายณะมาแสดงกันในตอน Mahakumbabishekam : ขึ้นครองราชย์ ![]() ยักษ์พิเภก ได้ทำความเคารพต่อพระรามและขอเข้าร่วมเป็นฝ่ายเดียวกัน ![]() นักแสดงกำลังแสดงท่าทางเหมือนกับเทน้ำลงบนศีรษะของตัวละครที่เล่นในบทพิเภก คล้ายเป็นสัญลักษณ์การประกอบพิธีฯ เข้ารับพิเภกเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของฝ่ายตน ![]() หนึ่งในฉากการสู้รบ ที่หนุมานได้ขึ้นไปยืนต่อตัวบนร่างของสุครีพ ![]() ฉากคั่นรายการของเหล่านางฟ้าที่พากันออกมาพูดถึงการสู้รบของระหว่างฝ่ายความดีและความชั่ว ![]() ฤาษี (จำชื่อตัวละครไม่ได้) ได้ออกมาเปิดเผยให้พระรามทราบถึงผลของสงคราม ว่าจะจบลงอย่างไรเพื่อคลายความวิตกกังวล ![]() การสู้รบระหว่าง พระรามและทศกัณฑ์ เรื่องราวในตอนนี้เริ่มขึ้นจาก พิเภกผู้เป็นน้องชายของทศกัณฑ์ ได้ยอมศิโรราบ ต่อพระรามและเปลี่ยนข้างมาอยู่กับฝ่ายตรงข้ามแทน เพราะไม่สามารถหว่าน ล้อมทศกัณฑ์ให้เห็นผลร้ายของการลักพาตัวนางสีดาได้ ต่อมาพระรามพร้อมเหล่ากองทัพวานรก็ได้พากันสร้างสะพานข้ามมหาสมุทร และได้ต่อสู้กับทศกัณฑ์ ในวันแรกของการสู้รบพระลักษมณ์ได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ก็ปลอดภัยเพราะได้รับการรักษาจากสมุนไพรวิเศษ และหลังจากที่สู้รบกัน อย่างดุเดือด ...ในที่สุดทศกัณฑ์ก็ถูกฆ่าตาย ต่อมาเมื่อได้ตัวของนางสีดากลับคืน ก็เกิดเรื่องราวของความระแวงขึ้นว่า ระหว่างที่ถูกจับตัวมาอยู่กับทศกัณฑ์นั้น นางได้ปันใจให้กับอสูรร้ายหรือไม่ ดังนั้น นางสีดาจึงได้ประกาศพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเอง โดยการอธิษฐาน และเดินลุยเข้ากองไฟต่อหน้าพระราม และเมื่อเรื่องทุกอย่างได้ถูกคลี่คลาย และจบลงด้วยดี พวกเขาทั้งหลายก็ได้เดินทางกลับไปยังเมืองอโยธยากัน เพื่อขึ้นครองบัลลังก์ตามคำเชิญของพระภรตผู้เป็นน้องชาย หลังจากที่ออกไป รอนแรมในป่ากันนานถึง 14 ปี ตามท้องเรื่องอย่างที่ทราบกัน ![]() ถัดมาพระรามก็กำลังนั่งรอการปรากฏตัวของ "สีดา" ![]() สีดาออกมาปรากฏตัว ในขณะที่หนุมานได้ล้มตัวลงไปนอนกราบที่พื้น แต่ท่าทีของพระรามก็ยังคงนั่งนิ่งเฉยอยู่ ![]() เนื่องจากพระรามเกิดการเคลือบแคลงใจในตัวของสีดา ดังนั้นคนอื่น ๆ จึงพากันพูดโน้มน้าวให้ทั้งสองเข้าใจกัน แต่ถึงยังไงพระรามก็ยังไม่ยอมฟัง ![]() พระลักษมณ์ กำลังพยายามเกลี้ยกล่อมพระราม ![]() สีดาจึงร้องขอให้พระลักษมณ์ช่วยเตรียมกองไฟให้กับตน เพื่อทำการเดินไฟพิสูจน์ความจริง ![]() เมื่อสีดาได้ทำการเดินลุยไฟ 'เทวีลักษมี'ก็ได้ปรากฏกายซ้อนขึ้นเพื่อบอกถึงการอวตารลงมาของตน ![]() และในที่สุดสีดาก็ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าตัวเองนั้นเป็นผู้บริสุทธิ์ ทุกอย่างจึงจบลงด้วยดี ![]() พอทราบข่าวการกลับมายังอโยธยาของพระราม พระลักษมณ์ และนางสีดา แล้ว พระภรตจึงได้นำรองพระบาทของพระรามที่เคยมอบให้ ขึ้นมาทูนเอาไว้เหนือศีรษะ และเดินแห่ออกมาต้อนรับด้วยความดีใจ ![]() พระรามก็ได้ขึ้นเถลิงราชย์ครองบัลลังก์โดยมีนางสีดาประทับอยู่เคียงข้าง ![]() นักแสดง นักดนตรี ตลอดจน เอกอัครราชฑูต และคนอื่น ๆ มายืนถ่ายรูปพร้อมกันบนเวทีหลังจบการแสดง นี่เป็นครั้งแรกของเรา สำหรับการชมรามายณะผ่านรากเหง้าเดิมในระบบความคิด ของชาวอินเดีย ที่พวกเขาจะมองดูเรื่องราวนี้เพื่อปลุกวิญญาณของผู้ฟังให้หวนคืน สู่สัจจะธรรม ดังนั้นเราจึงรู้สึกว่าเรื่องราวของรามเกียรติ์ที่คุ้นเคยมาตลอด กับมหา- กาพย์รามายณะ จะมีความต่างกันพอสมควร การแสดงในวันนี้ค่อนข้างประทับใจและไม่เคยคิดเลยว่า "นาฏศิลป์ของอินเดีย" จะมีรูปแบบการเต้นและร่ายรำแบบนี้ด้วย นี่แสดงว่าที่ผ่านมานั้นเราเองก็รู้จักแต่ วัฒนธรรมอินเดียที่ส่งผ่านมาจากภาพยนตร์เพียงด้านเดียวล่ะสินะ "เจี๊ยก......พระรามหล่อ" หนุมานมิได้กล่าวไว้ อืมๆ
ต่างกับโขนรามเกียรติ์มากๆ นะคะ พี่คิดว่า โขนไทยเน้นเรื่องการออกลีลาท่าทาง และเครื่ิงทรงอันอลังการมากกว่าเรื่องราว (หรือเปล่า) แต่ที่แน่ๆ คือรามายณะอินเดีย และชาติอื่นๆ ล้วนแต่ทำเวทีและแสงสีได้ดีกว่าโขนไทยทั้งหมด แฮ่ โดย: secreate
![]() ขอบคุณที่แวะไปบลอกค่ะ ตอนจบของอินดี้ อินเดียมาแล้วนะคะ
โดย: Love At First Click
![]() ![]() น่าไปดูมากเลยนะคะ ขอบคุณที่นำภาพและเรื่องราวมาฝาก โดย: อุ้มสี
![]() ![]() ดูแล้วเหมือนได้ดุหนังอินเดียเลยค่ะ อิอิ
ลืมแบบโขนไปเลย จะว่าไปดูแบบนี้อาจจะเข้าใจได้ง่ายกว่าหรือเปล่าคะ จริงๆแล้วมีโอกาสอยากไปชมมากๆ ชอบค่ะ cardamon ภาษาไทยน่าจะเรียกว่า กระวานเทศนะคะ เป็นเครื่องเทศที่คนไทยอาจจะไม่คุ้นเคย แต่เพื่อนที่เป็นอิสลามบอกว่ามีติดบ้านไว้ตลอดเลยค่ะ กลิ่นเค้าหอมเฉพาะมากๆ เอามาชงชาก็หอม ^_^ โดย: AdrenalineRush
![]() สวัสดียามเช้าครับน้องฟ้า
ถ้าหมิงหมิงรู้ คงจะรบเร้าให้พาไปดู 555 พี่ก๋าไม่เคยอ่านรามเกียรติ์เลย จนต้องอ่านเพราะลูกอยากฟังนี่ล่ะครับ 5555 โดย: กะว่าก๋า
![]() ![]() มีลูกศิษย์คนหนึ่งชื่อพระรามค่ะ คือหล่อมาก นี่ก็ตำนาน หล่อเหมือนกันค่ะ
แม่โม โดย: mariabamboo IP: 110.171.186.163 วันที่: 28 มีนาคม 2557 เวลา:8:20:34 น.
tui/Laksi Sports Blog ดู Blog
อาจารย์สุวิมล Home & Garden Blog ดู Blog กาบริเอล Art Blog ดู Blog ![]() ![]() Morning..Friday ![]() ![]() โดย: เริงฤดีนะ
![]() ![]() แอบส่องว่าที่นักกีฬาทีมชาติในอนาคต ให้น้องซีออกกำลังกายเล่นกีฬาตั้งแต่เด็กนี่ดีมากๆเลยค่ะ เด็กๆเดี๋ยวนี้นั่งติดหน้าจอกันเยอะ
โดย : wachi (กาบริเอล มี๊เก๋หากิจกรรมให้น้องซีทำอยู่เสมอค่ะ ไม่ค่อยได้ให้อยู่หน้าจอเลยค่ะ สำหรับนาฎศิลป์อินเดีย ดีจังเลยนะคะที่ได้ไปดู จัดรอบเดียวเสียด้วย บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้ โดย: มี๊เก๋+ป๊าโอ๋=ซีทะเล (kae+aoe
![]() 555 อ่านมาอย่างอินเลย มาขำเอาตรงเสียง เจี๊ยก ที่หนุมานมิได้กล่าวไว้
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวและภาพที่ได้นำมาให้ดูชมนะครับ โดย: bite25
![]() พี่ก๋าไม่เคยอ่านรามเกียรติเลยนะ
จนมามีลูกนี่ล่ีะครับ น่าจะชอบมาจากเพื่อนๆที่โรงเรียนครับ ![]() โดย: กะว่าก๋า
![]() ![]() ไปเชียงรายทริปนี้
พี่ก๋าได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นสองวันซ้อนเลยครับ ![]() โดย: กะว่าก๋า
![]() ![]() ไม่เคยได้ดูสดๆ แบบนี้เลยค่ะ..
พระราม หล่องจิงๆ อ่ะค่า.. ![]() โดย: tifun
![]() 55555 กำลังอ่านซึ้งๆ มาสะดุดกับคำสุดท้ายน่ะ
หนุมานน่าจะกล่าวไว้ซะหน่อยเนาะ ไม่ได้ขับเลื่อนเหมือนกันค่ะ ใจไม่ถึง แหะๆ แถมต้องยกไม้ยกมือ เพราะตะโกนคงไม่ได้ยิน แต่จริงๆมันไม่น่ามีอะไรค่ะ ใจไม่ถึงเอง อิอิ ฝันดีค่าคุณฟ้า โดย: schnuggy
![]() ![]() น่าเอาเทเลไปซูมมากครับ ท้าทายอำนาจกล้องมากๆเลย
![]() โดย: เป็ดสวรรค์
![]() ![]() สวัสดียามเช้าครับน้องฟ้า
ย่ามของหลวงพี่น่าจะมีคนถวายให้ครับ และคนๆนั้นน่าจะเป็นแฟนอันเหนียวแน่นของแมนฯยูเลยครับ 555 ![]() โดย: กะว่าก๋า
![]() ![]() สวัสดีค่ะคุณน้องฟ้า..
เป็นเทศกาลที่น่าสนใจมากๆนะค่ะ เสียดายที่จบไปแล้ว.. มีความสุขมากๆนะค่ะ ![]() ![]() โดย: อ้อมแอ้ม (คนผ่านทางมาเจอ
![]() น่าดูชมมาก เครื่องแต่งกายเขาหรูสวยมากค่ะ
นึกย้อนไปตอนแม่ซองฯเด็กๆ ที่บ้านทำกิจการโรงหนัง ทางภาคใต้นิยมดูหนังอินเดียค่ะ และหนังอินเดียก็เข้าโรงบ่อยมากที่สุด แม่ซองฯเป็นเด็กดูหนังทุกคืน เพราะฉายแค่วันละเรื่อง ที่ได้ดูมากก็หนังอินเดียชุดรามเกียรติ์นี้ค่ะ ไม่ต้องอ่านหนังสือเลยมีหลายตอนมาก แถมดาราเขาทั้งสวยทั้งหล่อค่ะ หลงพระเอกอินเดียเลย อิอิ โดย: ซองขาวเบอร์ 9
![]() ต้องแตกต่างกันอยู่แล้ว แต่จะว่าไปประเทศไทยนี่ได้รับอิทธิพลทางวัฒนธรรมมาจากหลายๆ ประเทศแล้วก็ปรับจนแทบจะเรียกได้ว่ากลืนเป็นวัฒนธรรมของตัวเองเลยทีเดียว
ในรูป (น่าจะ) นางสีดา ชุดดูอลังการดีจริงๆ โดย: คุณต่อ (toor36
![]() ![]() ไหนไหน ใครกันกล่าวไว้ว่าพระรามหล่อ เจี๊ยกๆ นั่นเอง 5555 แหม่ แหม่ แหม่ แหม่ สาวๆนี่เป็นอย่างนี้ทุกราย แล้วใยนายน้ำฟ้าล่ะก็ชอบเผลอหลุดภาพเสือดาวโชว์นิสนุงเป็นกระษัยเน้อะ อิอิ กระษัยใครหว่า ^^
โดย: น้ำ-ฟ้า-ป่า-เขา
![]() ![]() |
บทความทั้งหมด
|
อยากดูๆ
อลังการณ์จังเลย ค่ะ