เมื่อพวกเราได้กลับมาเจอกันอีก
ในช่วงงานเทศกาลลาดัก ที่จัดขึ้นในเลห์เมื่อปี 2019
จากที่เคยเขียนลงในเอนทรี่ย์ : วันงานเทศกาลผ่านมา -- Ladakh Festival 2019เราข้ามเรื่องหนึ่งไปเพราะไม่รู้จะหาโอกาสมาเล่าตอนไหนดี
เป็นความบังเอิญที่นึกไม่ถึงว่าจะได้กลับมาเจอกับคนรู้จักอีก
ในแบบที่ไม่ได้นัดหมายเลยด้วยซ้ำ
เมื่อย้อนกลับไปในเวลาเช้าตรู่ของวันดังกล่าว
เราเดินออกจากที่พักเพื่อไปหากาแฟดื่มแถว ๆ ย่านถนนคนเดิน
ซึ่งกำลังมีการจัดแสดงภาพถ่ายของกลุ่ม Wildlife Conservation
and Birds Club of Ladakh ตั้งอยู่บริเวณหน้าจามามัสยิดด้วย
และเราก็ได้ใช้เวลายืนดูการจัดเรียงรูปอยู่สักพักหนึ่ง
ก่อนจะเดินจากตรงนั้นไป ได้เห็นพระใส่แว่นหน้าคุ้น ๆ
แต่เครื่องแต่งกายไม่คุ้น เดินปะปนกับผู้คนบนทางเดินตามลำพัง
ถึงสมองจะประมวลผลว่าดูเหมือนคนรู้จักใน Bön Monastery ก็ตาม
แต่สิ่งที่คิดในใจมันก็คัดค้านอยู่เต็มเหนี่ยวถึงความเป็นไปไม่ได้ 99 %
เมื่อผู้ที่เอ่ยถึงเริ่มก้าวฝีเท้าใกล้มาเรื่อย ๆ และกำลังเดินผ่านเลยไป
มือของเรารีบยกขึ้นโบกเรียกแบบอัตโนมัติ พร้อมเรียกชื่อที่นึกออก
"คุนชก!"
ใช่ค่ะ วันนั้นเราได้เจอกับคนรู้จักที่ใจกลางเมืองเลห์โดยบังเอิญ
ถึงพระคุนชกจะจำไม่ได้แบบทันทีว่าคนที่เรียกนั่นเป็นใครกัน
แต่ก็เลี้ยวกลับเข้ามาพูดคุยด้วยก่อนจะเริ่มนึกออกภายหลัง
คุนชกกับกลุ่มที่มาด้วยกันเพิ่งนั่งรถมาถึงที่นี่หมาด ๆ เมื่อเช้านี้เอง
โดยแยกตัวออกมาจับจ่ายซื้อหาข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นสำหรับ
เดินทางไปยัง Nubra Valley ที่อยู่ทางตอนเหนือ
เรียงจากซ้ายไปขวา-- ทินเล่, เซวัง และ คุนชก เมื่อใกล้ถึงเวลานัดหมาย พระอีกสองรูปที่มาด้วยกัน
มายืนรออยู่แถวนั้นซึ่งเป็นจุดนัดหมายพอดี
แน่นอน เราจำพระร่างสูงชาว Kinnaur ที่ชื่อทินเล่ได้
จึงได้ทักทายไปตามประสาคนคุ้นหน้า
แต่อีกรูปนี่สิ ที่จริงก็รู้จักนะ...แต่ก็นึกชื่อไม่ออกสักที
แล้วประโยคเดิม ๆ ที่คุ้นเคยนั่นก็ย้อนกลับมาอีก
"นี่ฉันจำเธอได้นะ แต่ทำไมถึงไม่เคยจำชื่อฉันได้สักที"
นี่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เรายังคงเสมอต้นเสมอปลายเช่นเคย
แม้จะผ่านไปนานถึงสี่ปีแล้วก็ตาม
อ้างอิงจาก : เมื่อข้าพเจ้าไปเป็นเด็กวัดที่ Bön Monastery(4)แล้วในท้ายที่สุด โลกก็เหวี่ยงมาให้พวกเราได้เจอกันอีกจนได้ในลาดัก