มันมาแล้ว!!!...เอ้ย....ยินดีต้อนรับ "Su-30 MKM" สุดยอดเครื่องบินรบในอาเซียนของ "ทอ.มาเลเซีย" แม้อาเซียนกำลังจะตั้งชุมชนอาเซียน รวมเป็นตลาดเดียวแต่เป็นฐานการผลิตร่วม รวมไปถึงการร่างกฏบัตรอาเซียน แต่การแข่งขันสะสมอาวุธในภูมิภาพนี้ดูแล้วจะยังไม่จบเอาง่าย ๆ ซึ่งเคราะห์แล้ว เป็นผลดีต่อความมั่นคงโดยรวมของภูมิภาคนี้มากที่เดียว ผู้เล่นสำคัญในเกมส์นี้อย่างมาเลเซียและสิงคโปร์ ต่างก็มีการจัดหาอาวุธสมัยใหม่กันอย่างคึกคัก และในปีที่ผ่านมา อินโดนิเซียก็เข้าร่วมชิงชัยในสังเวียนนี้ด้วย หนึ่งในอาวุธที่ชาวอาเซียนต่างพูดถึงกันมาเป็นแรมปีนั้นก็คือ "Su-30 MKM" ของกองทัพอากาศมาเลเซีย จำนวน 18 เครื่อง ซึ่งยังไม่เคยมีใครเห็นหน้าค่าตามาก่อนเลย จะมีก็แต่ภาพ prototype ที่หลุดออกมาเท่านั้น แต่มาวันนี้ ก็ถึงเวลาที่มาเลเซียจะเปิดตัวสุดยอดเครื่องบินรบแบบหนึ่งของโลกออกสู่สายตาดำ ๆ ของชาวอาเซียน ซึ่งจากภาพที่ได้รับการเปิดเผยนั้น ทำให้เห็นอะไรหลาย ๆ อย่างในตัวเครื่องบินลำนี้ได้เป็นอย่างดี มาวันนี้ ผมจึงขอนำทุกท่านไปทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ของเรา Su-30 MKM กันครับ From Mohd Haikal Mohd Isa IRKUTSK (Russia), May 24 (Bernama) -- Royal Malaysian Air Force (RMAF) Chief Jen Datuk Seri Azizan Ariffin said the Sukhoi Su-30MKM multi-role fighter jet is a tactical and strategic asset to RMAF as its ability to cover long distances puts it on par with the air forces of neighbouring states. "The Su-30MKM will act as a deterrent to parties that try to threaten the sovereignty of Malaysia," said Azizan when signing an early acceptance certificate for the delivery of two Su-30MKMs (M52-01 and M52-02) from representatives of Russian state corporation Rosoboronexport and the Irkut Aircraft Corporation here today. The RMAF Chief arrived in this eastern Siberian city yesterday piloting a C-130 Hercules transport aircraft. "Today is a historical day for the RMAF as the Su-30MKMs delivered are the most sophisticated multi-role aircraft in Southeast Asia," he told reporters at the Irkut Aircraft Corporation's runway with temperatures dipping to -10 degrees Celcius. The two Su-30MKM jets are the first of 18 ordered by RMAF in May 2003 at a cost of RM3.42 billion (USD900 million). The Malaysian delegation comprising senior RMAF officers and the media were treated to a 10-minute aerobatics show by a squadron of Su-30MKM jets. Azizan said the two Sukhoi planes would be delivered in June using the Antonov AN-124 transport aircraft to the RMAF base in Gong Kedak, Kelantan. The sixteen others will be delivered in stages between the end of the year and mid-2008. Azizan said the fighters will be equipped with sophisticated air-to-air RVV-AE missiles. RVV-AE is the Russian acronym for Advanced Medium-Range Air-to-Air Missile or AMRAAMski in defence circles and is said to be as good if not better than the United States-made AMRAAMs. Other than Malaysia, Singapore is believed to have equipped its F-16C Fighting Falcon aircraft with AMRAAMs. The Su-30MKMs can fly for 4.5 hours with a range of 3,000km on a normal fuel tank, but with inflight refuelling, the time and distance can be extended to 10 hours and 8,000 km. They are also equipped with high-powered radars to detect targets from afar enabling them to double up as early warning aircraft. Meanwhile, the deputy general director of Rosoboronexport, Victor Komardin, said the RMAF's Su-30MKMs were the most versatile and modern multi-role combat aircraft (MRCA) aircraft in the world. "They have the most modern engine, avionics and weapons systems," he said. -- BERNAMA มาเลเซียเป็นประเทศที่มีปัญหาข้อพิพาษทางชายแดนและพื้นที่กับทุกประเทศที่อยู่ติดกัน ทั้งเรื่องการแย่งสิทธิเหนือหมู่เกาะกับอินโดนิเซีย การอ้างสิทธิเหนือหมู่เกาะสแปรดลี่ย์ อีกทั้งยังมีที่ตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก นั่นคือช่องแคบมะละกา ซ้ำร้ายยังมีความสัมพันธ์ที่ไม่ราบรื่นนักกับประเทศสิงคโปร์ นโยบายด้านความมั่นคงของมาเลเซียจึงจำเป็นต้องตอบสนองทุก ๆ ข้อขัดแย้งดังที่กล่าวมาข้างต้น มาเลเซียถือว่าการมีอาวุธไม่ใช่เพื่อรบ แต่เพื่อป้องกันการรบไม่ให้เกิดขึ้น ซึ่งถือเป็นแนวคิดที่กำลังได้รับความนิยมในขณะนี้ พิจารณาจากสภาพทางภูมิศาสตร์ของมาเลเซียซึ่งมีแผ่นดินอยู่สองแห่งแล้ว จึงพบว่าหลักการใช้กำลังทางอากาศของมาเลเซียจำเป็นต้องเน้นไปที่เครื่องบินที่มีขนาดใหญ่ ปฏิบัติการได้ไกล และมีสองเครื่องยนต์เพื่อความปลอดภัย ดังจะเห็นได้จากเครื่องบินที่ประจำการอยู่ทั้ง MiG-29N, F-18D, Hawk 208 เป็นต้น โครงการการจัดซื้อเครื่องบินขับไล่แบบใหม่จึงเกิดขึ้นเพื่อตอบสนองโจทย์นี้ โดย Su-30 MKM นั้นเป็นเพียงแบบเดียวที่สามารถตอบโจทย์ได้ทั้งทางยุทธวิธี ยุทธศาสตร์ และการเมือง จึงทำให้ในปี 2003 มาเลเซียประกาศเลือกแบบแผน Su-30 MKM ให้ได้รับสัญญาสร้างจำนวน 18 ลำ ในโครงการมูลค่า 900 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่ง 1 ใน 3 ของมูลค่าสัญญา (300 ล้านเหรียญ) มาเลเซียจ่ายเป็นน้ำมันปาล์ม และมีเงื่อนไขในการส่งมนุษย์อวกาศไปกับยานโซยุสอีกด้วย แม้ว่าจะเกิดข้อครหาในการทุจริตในโครงการที่มีการกินค่าคอมมิสชั่นกันเกือบ 10% และความล่าช้าในการผลิตและส่งมอบ แต่ในที่สุด Su-30 MKM สองเครื่องแรกก็ได้ทำพิธีส่งมอบให้กับกองทัพอากาศมาเลเซียในเดือนนี้ มีหลายอย่างที่ดูจะผิดแผกไปจากการวิเคราะห์ของแหล่งข่าวทางทหารเมื่อทุกคนได้เห็น Su-30 MKM เป็นครั้งแรก นั้นคือตัวมันติดปีกคาร์นาร์ด (ปีกเล็ก ๆ ด้านหน้า) และมีเครื่องยนต์ปรับทิศทางได้ ซึ่งดูอย่างนี้ก็ยิ่งยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าเครื่องบินรุ่นนี้ได้รับแบบแผนจาก Su-30 MKI ของกองทัพอากาศอินเดียเป็นแน่แท้ ![]() ลองมาดูกันจะ ๆ ในแต่ละส่วนกันครับ ในภาพนี้ จะเห็นสามส่วนหลัก ๆ ก็คือ ห้องนักบินที่ด้านหน้าจะเป็นห้องคนขับ (Pilot) และด้านหลังจะเป็นห้องของนายทหารอาวุธ (Weapon System Officer) ที่มีหน้าที่จัดการกับระบบอาวุธทั้งหมด ตามแบบแผนของ Su-30 ทั่วไป ทั้งนี้เพื่อลดภาระ (Work Load) ของนักบิน ด้านซ้ายจะเห็นปืนกลอากาศ ส่วนด้านขวาที่เห็นมีผ้าคลุมสีแดงนั้นเป็นระบบ IRST (Infra-red search and track) ซึ่งใช้ตรวจจับเป้าหมายด้วยรังสีอินฟราเรด ตามแบบแผนของเครื่องบินรบยุคใหม่ ลักษณะจะเป็นลูกบอลแก้วที่สามารถตรวจจับเป้าหมายได้จากรังสีอิฟาเรดที่แผ่ออกมาครับ ![]() ข้ามเข้ามาดูในห้องนักบินกันดีกว่าครับ ภาพนี้คือห้องนักบินด้านหน้าครับ แม้ว่าจะดูยังไงก็ยังไม่สวยบาดใจเท่าห้องนักบินของตะวันตก แต่โดยรวมแล้วถือว่ารัสเซียพัฒนาการออกแบบห้องนักบินได้ดีขึ้นทุกวัน มีความเป็นมิตรต่อผู้ใช้มากขึ้นครับ จอสี่จอเป็นจอ LCD สีสำหรับแสดงข้อมูลทางการบินเช่นระบบอาวุธ แผนที่ เรด้าร์ ระบบแจ้งเตือนต่าง ๆ ซึ่งดูแล้วนักบินจะสามารถสั่งการได้จากคันบังคับเลย ไม่จำเป็นต้องละมือจากคันบังคับ ![]() ส่วนภาพนี้เป็นห้องนักบินหลังครับ ดูแล้วค่อนข้างน่าประทับใจเหมือนห้องนักบินด้านหน้าทีเดียว ![]() ถัดมาด้านข้าง จะพบกับปืนกลอากาศซึ่งน่าจะเป็นรุ่น GSh-301 ขนาด 30 ม.ม. บรรจุกระสุน 150 นัด มองข้ามมาดูที่เนื้องาน ก็พบว่าเนื้องานเรียบร้อยมาก ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีของรัสเซียพัฒนาไปมากแล้วครับ ![]() มามองด้านหลัง ก็จะพบกันเครื่องยนต์ซึ่งผมไม่ทราบว่าเป็น AL-31FL หรือไม่ แต่ที่แน่ ๆ คือเครื่องยนต์รุ่นนี้สามารถปรับท่อไอพ่นได้ ซึ่งช่วยเพิ่มความคล่องตัวให้กับเครื่องมากที่เดียว แต่ก็มีข้อเสียก็คือ เครื่องยนต์รุ่นนี้มีอายุการใช้งานสั้น คือแค่ประมาณ 500 ชม. เท่านั้น และราคาต่อเครื่องก็น่าจะอยู่ที่ 1 - 2 ล้านเหรียญ ทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการดูแลมากทีเดียวครับ ![]() หันมาดูอาวุธกันบ้างครับ งานนี้บอกอะไรได้หลายอย่างทีเดียว ภาพนี้เป็นอาวุธพิสัยกลางซึ่งน่าจะเป็น R-27AE รุ่นที่ใช้ระบบ Active Rader แบบ AIM-120 AMRAAM ซึ่งนักบินไม่จำเป็นต้องล็อกเป้าหมายไว้ตลอดเวลา แต่สามารถสั่งยิงและทำภารกิจอื่นได้เลย แต่ถ้าตัวนี้เป็น R-27ER ก็จะเป็นเพียงแต่ Semi-Active Rader เท่านั้น ซึ่งเทียบเท่ากับ AIM-7 Sparrow อันนี้มันอยู่บนพื้นฐานของการที่ผมแยกสองรุ่นนี้ไม่ออกครับ แต่โดยส่วนตัวชื่อว่าน่าจะเป็น R-27AE มากกว่า ซึ่งการปรากฏตัวของ R-27 ก็ทำให้ข่าวลือที่ว่ามาเลเซียมี R-77 รุ่นที่ใหม่กว่าไว้ประจำการนั้นไม่น่าจะจริง หรืออาจจะเป็นจริงแต่ยังเก็บไว้เป็นความลับอยู่ อย่างไรก็ตาม R-27 มีระยะยิงประมาณ 130 กม. ![]() หันมาดู R-73 กันบ้างครับ อาวุธแบบนี้ถือเป็นอาวุธนำวิถีพิสัยใกล้ที่โดดเด่นมากในโลกการบินทางทหาร ตัวอาวุธใช้คู่กับหมวกบินติดศูนย์เล็งซึ่งนักบินเพียงแค่มองไปที่เป้าหมาย แล้วสั่งยิง อาวุธจะวิ่งเข้าหาเป้าหมายเอง ซึ่งตัวอาวุธมีความคล่องตัวสูงมาก และมีพิสัยยิงที่ค่อนข้างไกลทีเดียว น่าเสียดายที่งานเปิดตัวนี้ ทางการมาเลเซียไม่ได้เปิดเผยถึงแบบของอาวุธโจมตีภาคพื้นดินที่จะติดตั้งกับ Su-30 MKM นี้ ซึ่งยังไม่อยากวิเคราะห์อะไรมากครับ แต่ก็สามารถพูดได้ว่าอาวุธแต่ละอย่างล้วนเป็นหมัดหนักและยิงไกลทั้งสิ้น ยิ่งถ้าทางการมาเลเซียบรรลุข้อตกลงในการจัดซื้อขีปนาวุธโจมตีเรือบรามอสจากอินเดียด้วยแล้วล่ะก็ ก็จะเป็นภัยคุกคามอย่างใหญ่หลวงต่อเรือรบในภูมิภาคนี้ ที่ส่วนมากไม่มีความสามารถในการป้องกันภัยจากอาวุธปล่อยความเร็วเหนือเสียงครับ ![]() ดูเครื่องแล้วน่าประทับใจมากทีเดียวครับ เห็นอย่างนี้ ก็ต้องยกตำแหน่งสุดยอดเครื่องบินในภูมิภาคอาเซียนนี้ให้ Su-30 MKM ได้เลยอย่างไม่ต้องสงสัย และคู่ต่อกรที่สมน้ำสมเนื้อที่สุด ก็คงหนีไม่พ้น F-15SG ของกองทัพอากาศสิงคโปร์ที่มีความทันสมัยไม่แพ้กัน เพียงแต่ว่า F-15SG ยังไม่ได้ทำการสร้าง อยู่ในขั้นเตรียมการสร้างเท่านั้น ซึ่งการจัดซื้อจัดหาเครื่องบินรบในช่วง 5 ปีหลังของอาเซียน ทั้งการจัดซื้อ Su-30 MKM ของมาเลเซีย, F-15SG ของสิงคโปร์, Su-27/30 ของเวียดนาม, Su-30 ของอินโดนิเซีย ล้วนทำให้ภูมิภาคนี้เข้าสู่ยุคเครื่องบินขับไล่โจมตีทางลึกขนาดใหญ่ทั้งสิ้น ทั้งนี้ เนื่องมาจากยุทธศาสตร์ใหม่ ๆ อย่าง "การตั้งรับเชิงรุก" หรือ "การทำสงครามนอกบ้าน" ที่มีเป้าหมายที่จะทำลายประสิทธิภาพของอาวุธและเป้าหมายทางยุทธศาสตร์ตั้งแต่อยู่ในบ้านของข้าศึก เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายในประเทศของตน ทำให้การโครงการบ.ข. 20 ของไทยเป็นที่น่าจับตาว่าจะจัดหาเครื่องบินแบบใด และถ้าเป็นแบบเล็กอย่าง JAS-39 หรือ F-16 ก็ต้องดูถึงระบบอาวุธและอิเล็กทรอนิกต์ที่จะตามมาว่า มีอะไรที่จะรับมือกับยุทธศาสตร์แบบใหม่นี้ แต่ ณ ปัจจุบันนี้ สามารถพูดได้เลยว่า Su-30 MKM มีโอกาสที่จะเอาชนะเครื่องบินของประเทศอาเซียนได้ทุกประเทศทีเดียวครับ ![]() บทสรุป แม้ภูมิภาคเราอาจจะไม่เดือดปุด ๆ อย่างตะวันออกกลางและตะวันออกไกล แต่การจัดซื้ออาวุธของประเทศในภูมิภาคนี้ก็มีความคึกคักตามอัตภาพของแต่ละประเทศอยู่มากทีเดียวครับ ในปี 2008 มาเลเซียจะได้รับเครื่องบินครบตามจำนวน ซึ่งมาเลเซียเตรียมพร้อมฝึกนักบินและนายทหารอาวุธไว้ 72 คน ซึ่งผมคาดว่ามาเลเซียน่าจะประกาศความพร้อมรบของ Su-30 MKM ได้ในปี 2009-2010 นี้ได้แน่นอน อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องติดตามกันก็คือ ปัญหาด้านความพร้อมรบของทอ.มาเลเซียที่ประสบกับเครื่องบินแทบทุกแบบนั้น จะเกิดขึ้นกับ Su-30 MKM หรือไม่ เวลาเท่านั้นครับที่จะให้คำตอบ และผู้บัญชาการทางทหารของมาเลเซียยังได้ยุติข่าวที่ออกมาก่อนหน้านี้ โดยกล่าวว่ามาเลเซียจะไม่หยุดปฏิบัติการด้วย MiG-29N ตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด โดยจะยังทำการบินกับ MiG-29N ไปจนถึงปี 2010 ครับ รายละเอียดของ MKM ที่ผมเคยเขียนเอาไว้ ท่านสามารถคลิ๊กเข้าไปได้ที่นี่ครับ "บทวิเคราะห์ Su-30 MKM ของมาเลเซีย" //www.bloggang.com/mainblog.php?id=skyman&month=14-01-2007&group=1&gblog=29 "รู้จักกับกองทัพอากาศมาเลเซีย" //www.bloggang.com/mainblog.php?id=skyman&month=18-03-2006&group=3&gblog=26 "ความพร้อมรบของทอ.มาเลเซีย: ปัญหาที่ยังแก้ไม่ตก และบทเรียนสำหรับกองทัพอากาศไทย" //www.bloggang.com/mainblog.php?id=skyman&month=13-09-2006&group=3&gblog=43 ภาพการรับมอบ Su-30 MKM ที่มากกว่านี้ สามารถชมได้ที่ //pilot.strizhi.info/2007/05/26/3705#more-3705 สำหรับวันนี้ จบเพียงเท่านี้ ขอบคุณทุกท่าน สวัสดีครับ ![]() F-16ไม่ไหวแน่ต้องjas-39หรือf/a18เท่านั้นจริงป่าว ช่วยตอบด้วย
![]() โดย: bomb IP: 202.143.185.97 วันที่: 29 พฤษภาคม 2550 เวลา:12:40:46 น.
เท่าที่ผมสืบดู รู้สึกว่าทางยุโรปกำลัง พัฒนา เมทีออร์ แบบใหม่ กับจรวดพิสัยไกล้ IRIS-T อยู่ ผมคิดว่า Gripen น่าจะรับมือกับ Su ได้นะครับ โดยเฉพาะ Gripen รุ่นใหม่ ถ้าติดเมทีออร์ ล่ะก็น่าจะรับมือกับ Su ได้แน่นอน โดยเฉพาะ อาวุธร่อน Kepd-350 ถ้าเราเลือก Gripen ผมว่าเราสู้กับ Su ได้แน่นอนครับ
โดย: Aircraft IP: 203.114.127.173 วันที่: 29 พฤษภาคม 2550 เวลา:17:13:14 น.
ครับ ถ้าดูจากอาวุธที่ Gripen ติดก็ถือว่าสู้กันได้สูสีครับ
โดย: Skyman (Analayo
![]() เหอๆ แล้วอย่างนั้นมาเลย์จะซื้อ SU-30 ไปทำไมล่ะครับเนี่ย ผมคิดเหมือนกันครับ gripen น่าจะทันสมัยกว่า
ตอนนี้ ท.อ.มาเลย์ถังแตกแล้วใช่ไหมครับเนี่ย หมดเงินไปกับ SU ซะแล้ว แล้วถ้าเราได้ AWAC ที่แถมมากับ gripen เราจะปิดมันเป็นความลับเหมือนกับ ARAVA กับ Learjet หรือเปล่าครับ โดย: aaaa/x IP: 203.188.32.60 วันที่: 30 พฤษภาคม 2550 เวลา:16:49:55 น.
พี่ไทยเอา F-22 ไปเลย 2 ฝูง F-35 อีก 4ฝูง ทร.เอาไปอีก 2 ฝูง พร้อมเรือบรรทุกเครื่องบินไปอีกลำ
ง่ะ........ฝันครับพึ่งตื่น โดย: natty IP: 203.188.28.153 วันที่: 31 พฤษภาคม 2550 เวลา:17:45:55 น.
Su-30 เหมาะสมกับเค้าแล้วล่ะครับ เพราะประเทศเค้าเป็นเกาะ ต้องบินข้ามทะเล เครื่องบินที่มีสองเครื่องยนต์จะปลอดภัยกว่า (เพราะถ้าเครื่องหนึ่งเสีย อีกเครื่องก็จะพากลับได้) อีกอย่าง สิงคโปร์เค้าซื้อ F-15SG แล้ว จะได้ฟัดกันสนุกครับ
อาวุธของ Gripen อาจจะสูสี แต่เรด้าร์นั้นแพ้ MKM ครับ โดย: Skyman (Analayo
![]() ต่อโมมาหลายแบบต้องยอมรับบ.ขับไล่อเมริกันกับตะวันตกอกกแบบได้สมดุลและปราณีตกว่าของรัสเซีย
โดย: ต้อม IP: 124.121.172.119 วันที่: 1 มิถุนายน 2550 เวลา:13:34:52 น.
หวังว่าทอ.จะตัดสินใจถูกที่ไม่เลือก Su30 และฝูงบินใหม่จะเพิ่มศักยภาพในการรบให้เทียบเคียงกับประเทศเพื่อนบ้านที่มีบินตระกูลนี่
โดย: a IP: 203.209.28.140 วันที่: 4 มิถุนายน 2550 เวลา:21:11:49 น.
ขอคาระวะ จิงๆเป็น blog ที่ทำให้ผม ที่อยากรู้และชอบเรื่องนี้มานาน
ด้ายเปิดกะลาซะที (หลังจากที่จมอยู่กะ ww2 มานาน) ไม่อยากเชื่อว่าเกิด จากการ search google เพือหา รูป F-22 กลับด้ายมาเจอ blog ที่สุดยอดขนาดนี้ และผม เป็น 1 คนที่อ่านทั้งหมดของ blog (แม้จะย้อนหลัง) เป็นกำลังใจให้นะคับ "ความสุขยามว่างของคุณมีค่ามากสำหรับคน" ึคอบคุณคับ...... โดย: สุดยอดคับ IP: 124.120.18.95 วันที่: 7 มิถุนายน 2550 เวลา:3:21:25 น.
ทำไมไม่มีใครคิดถึง rafale บ้างนะถ้า ทอ.ไทย ได้ไอ้หมอนี่มาซักฝูง ในภูมิภาคนี้คงสนุกแน่ล่ะ!
โดย: moopaa IP: 203.113.35.10 วันที่: 22 มิถุนายน 2550 เวลา:19:50:49 น.
สำหรับ Rafale นั้น ทอ.ประเมินแล้วครับ แต่เราไม่มีเงินครับ
โดย: Skyman (Analayo
![]() การรบทางอากาศ จะแพ้หรือชนะไม่ได้อยู่ที่ตัวเครื่องบินว่า
ใหญ่หรือเล็ก(ไม่ใช่การชกมวยตัวใหญ่กว่าถึงจะได้เปรียบ) แต่ขึ้นอยู่กับ 1 ประสิทธิภาพของเครื่องบินรบ(ระบบตรวจจับของเรดาร์, ระบบต่อต้านสงครามอิเล็กทรอนิกส์,ระบบต่อต้านอาวุธ นำวิถี (ระบบ JAM) ) 2 ประสิทธิภาพของระบบอาวุธที่ติดตั้ง 3 ประสิทธิภาพของตัวนักบิน จากความรู้ที่ติดตามระบบอาวุธ ต่าง ๆ มา บอกได้เลยว่า เครื่องบินขับไล่ที่ ทอ.ไทย ควรจะซื้อที่สุด ณ เวลานี้คือ JAS-39 gripen ของสวีเดนครับ และเครื่องบินขับไล่ตัวนี้ ก็สามารถต่อสู้กับ SU-30 MKM ของ ทอ.มาเลเซีย ได้ อย่างสบาย เพราะอะไร 1 ประสิทธิภาพของตัวเครื่องบิน เครื่องบินตัวนี้มีความ ทันสมัย และประสิทธิภาพสู้เครื่องบิน SU-30 MKM ได้สบาย 2 JAS-39 gripen สามารถติดตั้งจรวดนำวิถีอากาศ-สู่- อากาศ พิสัยกลางและไกลรุ่นก้าวหน้าของโลกได้ 3 แบบ (มี 4 แบบ)(ประเภทยิงแล้วลืม)(4 แบบมีอะไร บ้าง 1.จรวดเมเทเออร์ รุ่นล่าสุดของยุโรป (ถ้าจำไม่ผิด เป็นของสวีเดน) 2.จรวดไมก้า ของฝรั่งเศส 3.จรวด แอมแรม ของสหรัฐอเมริกา 4.จรวด AA-12 แอดเดอร์ ของรัสเซีย)(JAS-39 gripen ติดตั้งได้ 3 แบบข้างต้น) 3 ประสิทธิภาพของนักบินไทยไม่เป็นรองนักบินอาเซียน เหตุผลทั้งหมดนี้คือสิ่งที่กล้ายืนยันได้ว่า ถ้า ทอ.ไทย ซื้อ JAS-39 gripen ของสวีเดนมาใช้งานสามารถสู้ SU-30 MKM ได้สบายครับ โดย: ชัยวัฒน์ IP: 203.150.192.71 วันที่: 29 มิถุนายน 2550 เวลา:20:20:25 น.
การรบทางอากาศ จะแพ้หรือชนะไม่ได้อยู่ที่ตัวเครื่องบินว่า
ใหญ่หรือเล็ก(ไม่ใช่การชกมวยตัวใหญ่กว่าถึงจะได้เปรียบ) แต่ขึ้นอยู่กับ 1 ประสิทธิภาพของเครื่องบินรบ(ระบบตรวจจับของเรดาร์, ระบบต่อต้านสงครามอิเล็กทรอนิกส์,ระบบต่อต้านอาวุธ นำวิถี (ระบบ JAM) ) 2 ประสิทธิภาพของระบบอาวุธที่ติดตั้ง 3 ประสิทธิภาพของตัวนักบิน จากความรู้ที่ติดตามระบบอาวุธ ต่าง ๆ มา บอกได้เลยว่า เครื่องบินขับไล่ที่ ทอ.ไทย ควรจะซื้อที่สุด ณ เวลานี้คือ JAS-39 gripen ของสวีเดนครับ และเครื่องบินขับไล่ตัวนี้ ก็สามารถต่อสู้กับ SU-30 MKM ของ ทอ.มาเลเซีย ได้ อย่างสบาย เพราะอะไร 1 ประสิทธิภาพของตัวเครื่องบิน เครื่องบินตัวนี้มีความ ทันสมัย และประสิทธิภาพสู้เครื่องบิน SU-30 MKM ได้สบาย 2 JAS-39 gripen สามารถติดตั้งจรวดนำวิถีอากาศ-สู่- อากาศ พิสัยกลางและไกลรุ่นก้าวหน้าของโลกได้ 3 แบบ (มี 4 แบบ)(ประเภทยิงแล้วลืม)(4 แบบมีอะไร บ้าง 1.จรวดเมเทเออร์ รุ่นล่าสุดของยุโรป (ถ้าจำไม่ผิด เป็นของสวีเดน) 2.จรวดไมก้า ของฝรั่งเศส 3.จรวด แอมแรม ของสหรัฐอเมริกา 4.จรวด AA-12 แอดเดอร์ ของรัสเซีย)(JAS-39 gripen ติดตั้งได้ 3 แบบข้างต้น) 3 ประสิทธิภาพของนักบินไทยไม่เป็นรองนักบินอาเซียน เหตุผลทั้งหมดนี้คือสิ่งที่กล้ายืนยันได้ว่า ถ้า ทอ.ไทย ซื้อ JAS-39 gripen ของสวีเดนมาใช้งานสามารถสู้ SU-30 MKM ได้สบายครับ โดย: ชัยวัฒน์ IP: 203.150.192.71 วันที่: 29 มิถุนายน 2550 เวลา:20:21:16 น.
โดย: ชัยวัฒน์ เจ้าหน้าที่ราชทัณ IP: 203.150.192.71 วันที่: 29 มิถุนายน 2550 เวลา:20:36:16 น.
จรวดนำวิถีอากาศ-สู่-อากาศ พิสัยใกล้รุ่นก้าวหน้าของโลก ณ เวลานี้มี
1 จรวด R-73 ของรัสเซีย 2 จรวด IRIST ของยุโรป 3 จรวด AIM-9 X ของสหรัฐอเมริกา 4 จรวด ไพธอน 4 ของอิสราเอล 5 จรวด แอสแรม ของยุโรป จรวดนำวิถีอากาศ-สู่-อากาศ พิสัยปานกลางรุ่นก้าวหน้า ของโลก ประเภทยิงแล้วลืม ณ เวลานี้มี 3 ประเภท (ประเภทยิงแล้วลืม คือยิงแล้วจรวดนำวิถีจะล็อกเป้าหมายแล้วนำวิถีเข้าหาเป้าหมายด้วยตนเอง โดยไม่ต้องให้เครื่องบินรบที่ยิงจรวดมาคอยนำวิถีให้) 1 จรวดแบบไมก้า ของฝรั่งเศส มีระยะยิง 50 กิโลเมตร 2 จรวด AIM-120 แอมแรม ของสหรัฐอเมริกา มีระยะยิง 75 กิโลเมตร 3 จรวด AA-12 แอดเดอร์ ของรัสเซีย มีระยะยิง 90 กิโลเมตร จรวดนำวิถีอากาศ-สู่-อากาศ พิสัยไกล รุ่นก้าวหน้าของ โลก ประเภทยิงแล้วลืม ณ เวลานี้มี 1 แบบ คือ 1 จรวดเมเธเออร์ ของยุโรป (ถ้าจำไม่ผิดเป็นของสวีเดน) มีระยะยิง 130-150 กิโลเมตร ที่บอกว่า ทอ.ไทย ควรซื้อ JAS-39 gripen ที่สุด ณ เวลานี้ เพราะว่า JAS-39 gripen ของสวีเดนตัวนี้สามารถติดตั้งและใช้งานจรวดนำวิถี ประเภทยิงแล้วลืมดังกล่าวข้างต้น ได้ถึง 4 แบบ คือ 1 จรวดแบบไมก้า ของฝรั่งเศส ระยะยิง 50 km. 2 จรวดแบบ AIM-120 แอมแรม ของอเมริกา ระยะยิง 75 km. 3 จรวดแบบเมเธเออร์ (ถ้าจำไม่ผิดเป็นของสวีเดน) ระยะยิง 130-150 km. 4 จรวดแบบ IRIST (มีประสิทธิภาพเทียบเท่า จรวดแบบ AIM-9 X ของสหรัฐอเมริกา) (เครื่องบินแบบใดที่สามารถติดตั้งจรวดนำวิถีประเภทยิง แล้วลืมได้จะได้เปรียบกว่าเครื่องบินที่ติดตั้งจรวดประเภทนี้ไม่ได้ เพราะเครื่องบินที่ติดตั้งจรวดนำวิถีประเภทยิงแล้วลืมได้ สามารถยิงซันโวต่อเครื่องบินข้าศึกที่มีจำนวนมากได้ แล้วบินหนี) โดย: ผู้ชนะสิบทิศ:ชัยวัฒน์ IP: 203.150.192.71 วันที่: 29 มิถุนายน 2550 เวลา:21:10:15 น.
1.J-10 ฟัด กับ MKM ไหม? (หรือโดนฟัดซะเอง)
2.F16 ADF ของเราจะร่วงหมดไหม ถ้าเกิดเหตุปะทะกันจริงทั้งฝูง? 3.กรณีเรือจักรีฯโดนเจ้า MKM ถล่ม AV8 และหมู่เรือคุ้มกัน เราจะเน่าหมดไหม? 4.แล้ว PT90 จะบด M60 เราย่อยยับไหม? ตอบผมหน่อยเถอะ ..... สาธุ โพสมาหลายห้องแล้ว ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() โดย: วัยรุ่นเซ็ง IP: 124.121.19.140 วันที่: 5 กรกฎาคม 2550 เวลา:21:15:14 น.
1.คงโดนฟัดอ่ะคับ เทคโนโลยีกับสมรรถนะ มันคนละอย่าง
2.ไม่แน่ 3.ถ้าโดนหมด ก็เน่า แต่ยากอ่ะ 4.ไม่บดหรอก M60ออกจะดี ยังทันสมัยอยู่เลย โดย: S.A.S. IP: 203.144.135.18 วันที่: 14 กรกฎาคม 2550 เวลา:20:21:48 น.
เราน่าจะมีเครื่องบิน su-27หรือ su-30 ไว้ชักรุ่น้พราะ จะได้คานอำนาจทางทหารไว้เพราะ ข้างบ้านไม่เคยแกล้งใจเราเลย หากทุนน้อยผมว่า เราควรจัดชื้อระบบป้องกันภัยทางอากาศหรือระบบต่อสุ้อากาศยานดีๆไว้เพราะ อย่าลืมว่าหากมีการป้องกันภัยทางอากาศดีๆแล้วการครองอากาศก็นับว่ายาก ดังตัวอย่างในสงครามยิว-อาหรับ ทุกคนรู้ดีว่า ยิวไม่สามารถครองอากาศได้ในสงครามครั้งแรกเพราะ การป้องกันภัยทางอากาศที่ดี การป้องกันภัยทางอากาศก็สามารถชื้อได้ในราคาที่คิดว่าไม่น่าจะแพงว่าราคาเครื่องบิน จริงหรือเปล่า และขอข้อคิดเห็นว่าใครคิดแบบเดียวหรือให้ความเห็นที่เป็นอย่างไรบ้าง
โดย: นาย ธนัท IP: 203.149.12.234 วันที่: 17 สิงหาคม 2550 เวลา:15:02:33 น.
น่าอิจฉาข้างบ้านเราเนาะที่การเมืองเขาเข็มแข็งกองทัพเลยเข็มเข็งตามไปด้วยแต่พี่ไทยเราการเมืองไม่เป็นสัปปะรดเลยพับผ่าเถอะทั้งทะเลาะกันทั้งโกงกินสารพัดมันก็โกงด้วยกันทั้งนั้นแหละอย่าว่าใครเขาเลยเหตุนี้กองทัพเราเลยอ่อนแอตามการเมืองไปด้วยพูดแล้วมันเศร้าวะ
โดย: ttr IP: 61.7.160.250 วันที่: 18 สิงหาคม 2550 เวลา:21:54:26 น.
วงในเขาว่ากองทัพอากาศเลือก JAS -39 แล้ว ผมว่าเลือกถูกต้องแล้วเพราะพอสู้กับ SU 30 ของมาเลเซียได้แน่นอนและที่สำคัญจรวด A120ของ F16/ADF กับ JAS -39 นั้นใช้กันได้ครับและสำคัญที่สุดประเทศเราไม่มีบ่อนำมันเหมือนมาเลเซียๆมันเลยใช้ซู30ได้ แต่ไม่เป็นไรถ้าเกิดสงครามจริงไม่มีอาวุธใดจะสู้ความสามัคคีของคนได้
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() โดย: F16 IP: 58.8.156.227 วันที่: 23 กันยายน 2550 เวลา:0:50:49 น.
ผมเคยบ้าเครื่องบินรบสุดๆ เลยครับ อยากให้ไทยมี F-18 อยากให้ไทยมี F-16 C/D อยากให้เรามีนั่นมีนี่ วันนี้ไม่แล้วครับ ผมนั่งถามตัวเองใหม่ตั้งแต่เห็นข่าว 3 จ.ภาคใต้ ทุกวันๆ คำถามที่ผมคิดคือ "เรามีเครื่องบินรบ ไว้ทำไม" ต่อรองทางการเมืองเหรอ อืม เราก็แพ้สงครามบ้านร่มเกล้าทั้งๆ ที่ตอนนั้นเรามี F-5 หรือตอนนี้ขู่เขมรเรื่องก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยเค้าก็ไม่เห็นกลัว
ตอนนี้ผมเลยได้คำตอบกับชีวิตผม เราเอางบน้ำมันไปให้ ฮ.บินลาดตระเวนในภาคใต้ดีกว่าไม๊ พอมีอะไรจะได้เข้าไปในพื้นที่ได้ทันที เงินที่จะซื้อเครื่องบินรบ เอาไปซื้อ ฮ. กันชิพ ฮ.พยาบาลดีกว่า ครับมีประโยชน์กับชีวิตจริง มากกว่า เขียนอย่างนี้ไม่ได้ว่าใครที่ชอบเครื่องบินรบนะครับ ผมก็ยังรักอยู่แต่อาจเป็นเพราะชีวิตมันแก่ขึ้นเลยมองโลกเปลี่ยนไปจากมุมเดิม โดย: ติ๊ก IP: 222.123.230.71 วันที่: 5 ตุลาคม 2550 เวลา:18:17:56 น.
su- มันสวยจิง ๆอ่ะ
เหมือนฟีนิกส์เลย ![]() โดย: ว๊อดก๊า IP: 203.151.240.74 วันที่: 20 ตุลาคม 2550 เวลา:15:41:39 น.
เห็นด้วยครับ อิจฉามากๆ ที่เค้าเข้มเเข็ง
ผมว่าถ้าเราไม่ทุจริตกัน ซื้อกันเเบบตามราคาจริงๆ F-15ก็F-15เถอะ ซื้อเป็นโหลได้เลย ![]() โดย: SkyGod IP: 124.121.125.88 วันที่: 22 ตุลาคม 2550 เวลา:22:06:19 น.
คุณสกายแมนครับผมขอร้องละครับเปิดให้ประชาชนทั่วไปโพสเถอะครับ สาเหตุที่ต้องป่วนเพราะไม่ค่อยได้เห็นคุณสกายแมน ก็เลยเรียกร้องความสนใจให้เห็นแก่หัวอกพวกเรามั้งไม่ใช่ให้ สมาชิกโพสเท่านั้น ขอความกรุณาด้วยครับ ไม่ใช่คําขอร้องแล้วปรับเป็น บูธนี้โพสได้เฉพาะสมาชิก (มันโหดเกินไปปิดกั้นพวกเรา)ขอกราบเท้าคุณสกายแมนด้วยครับ คราวหน้าจะไม่โพสด้วยวาจาที่ไม่สุภาพ คุณสกายแมนหายหน้านานหน่อยก็คอย กรุณากรุณาให้ประชาชนทั่วไปโพสด้วย
![]() ![]() ![]() โดย: f-16 IP: 203.113.76.71 วันที่: 23 ตุลาคม 2550 เวลา:11:12:10 น.
เกาะบอเนียว มีอยู่หย่อมหนึ่งที่เป็นของมาเลเซีย
แต่อยู่ที่ แหล่งเศรษฐกิจในสองทะเล และการพยายาม ครอบครองช่องแคบมะละกา ด้วยกำลังทหาร(เป็นหัวตอในการตั้งกำลังผสม ต่อต้านโจรสลัด) ที่สำคัญ มันไม่เคยเห็นประเทศไทย เป็นประเทศเพื่อนบ้าน แต่เป็น แผ่นดินที่มันต้องการแบ่งแยกเพื่อเข้าครอบครอง ... ปัญหา 3 จชต. ไม่ใช่มีส่วนร่วมในฐานะมุสลิมด้วยหรอกหรือ เสียดายนายทหารบ้านเรามีอำนาจ มีบารมีทางศาสนา แต่ไม่ใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อแผ่นดิน เอาแต่ห่วงอำนาจทางการเมือง ยุ่งวุ่นวาย ล้าหลัง เพื่อนบ้าน ถ่างออกไปทุกที ดูเวียดนามเป็นตัวอย่าง อีกหน่อยคงต้องตามลาว ร้อก โดย: เดรัจฉาน IP: 124.121.102.86 วันที่: 25 ตุลาคม 2550 เวลา:19:36:57 น.
ซื้อเทอะครับสร้างเองไม่ได้.....พวกที่บอกว่าจะซื้อไปรบกับใคร...ประเทศเราไม่ได้รุกรบกับใครก่อนอยู่แล้วตามนิสัยคนไทยแต่ข้างบ้านเขาจะมีไว้ข่มเรามันจะเหมือนต้อนเป็นเด็กโดนรุ่นพี่ตบหัวแล้วขอขนมกิน
โดย: เบียร์แดนชล (beerhob
![]() เขียนบล็อกได้ดีมากเลยครับ
instant personal loan approval โดย: lavenderbreeze999
![]() |
บทความทั้งหมด
|