ล้าง ตกแต่งราก เปลี่ยนกระถางต้นกระบองเพชร และสูตรดินแบบง่ายๆ ดินอุ้มน้ำมาก รากรำคาญความชื้นแฉะก็พาลทำให้รากเน่า หรือเกิดราสนิม บางต้น เมื่อยกกระถางดูที่ก้น ก็เจอผงขาวๆ และเพลี้ยแป้งหล่นลงมา สารพัด ปัญหานู่นนี่ เลยจับกระบองเพชรมาล้างราก แต่งราก และเปลี่ยนดินซะเลย สูตรดินไม่มีตายตัวค่ะ คนขายต้นไม้ชอบบอกว่าใช้ดินที่ปลูกต้นไม้นี่แหละ เพราะมันใส่ปุ๋ยมาให้แล้ว ซื้อไหม 2 ถุง?? บางร้านก็มีดินกระบองเพชรขาย ก็แล้วแต่ความสะดวกของคนเนอะ เราชอบแบบผสมเอาเอง เพราะบางต้น บางพันธุ์ก็ชอบวัสดุปลูกที่ไม่เหมือนกัน ต้นนั้นชอบทรายมากหน่อย ต้นนี้ ดินโปร่งนิดๆ ฯลฯ แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าต้นไหนต้องผสมดินยังไง คำตอบ คือประสบการณ์และการสังเกตการเจริญเติบโตค่ะ ลักษณะดินที่จะปลูกต้นกระบองเพชรให้งาม ต้องโปร่ง ไม่อัดแน่นจนรากชอนไชไปดูดหาอาหารไม่ได้ สูตรดินปลูกกระบองเพชรที่เราผสม เป็นแบบง่ายๆ สัดส่วนประมาณนี้ บางทีก็เพิ่มนั่นนู่นนี่ตามพันธุ์ของกระบองเพชรค่ะ ที่สำคัญคือต้อง โปร่ง น้ำไหลผ่านถึงรากได้ทั่วถึงและน้ำไม่ขัง (*) ขุยมะพร้าว 1/2 - 1 ส่วน (ระวังค่ะ ถ้าใส่เยอะไปดินจะชื้นเกิน) (*) ทรายหยาบ 1 ส่วน **ร่อนและล้าง เขี่ยเศษผงออกไป ตากแดดจัดๆจนแห้ง (*) แกลบดำ 1 ส่วน (*) อิฐแดง (อิฐก่อสร้าง) ทุบเป็นก้อนเล็กๆ 1/2 ส่วน **ทุบแล้วร่อน ทิ้งผงไปเพราะ ถ้าผสมผงลงไปด้วย เวลารดน้ำแล้วดินจะจับตัวกันแน่น ดินไม่โปร่งรากจะเดินยาก (*) เวอร์มิคูไลท์ (หาไม่ได้ก็ไม่ต้องใส่) (*) เพอร์ไรท์ (หาไม่ได้ก็ไม่ต้องใส่) (*) หินภูเขาไฟ (หาไม่ได้ก็ไม่ต้องใส่) (*) ปุ๋ยละลายช้า (ออสโมคอท) ประมาณ 3-5 เม็ด (*) สตาร์เกิ้ลจี ป้องกันแมลง โรยก้นกระถาง (*) ถ่านไม้ ทุบเป็นก้อนเล็กๆ เอาไว้รองก้นกระถาง แค่นี้ก็เอาอยู่ เค้าก็อยู่ได้ เพราะเค้าเป็นต้นไม้ที่อึด ใส่ปุ่ยเป็นครั้งคราว เดี๋ยวเค้า ก็ออกดอกให้เชยชม น้ำพอเหมาะ แดดกำลังดี ได้อาหารเสริม แค่นี้ก็โตเอาๆค่ะ และถ้าบริเวณที่ปลูก มีแมลงที่เป็นอันตรายต่อต้นกระบองเพชร เช่นมดจะนำ เพลี้ยแป้งมาดูดราก/ต้นกระบองเพชร ก็รองก้นหลุมด้วยยาป้องกันแมลงซะก่อน ![]() ลูกเล็กเด็กแดงสมัยก่อนๆ ปลูกแบบทิ้งๆขว้างๆ เค้าก็ยังอยู่รอดมาได้ ฮ่าๆๆ ![]() อิฐแดง (อิฐก่อสร้าง) ทุบเป็นก้อนเล็กๆ ทุบง่ายค่ะ มันไม่แข็งมาก ![]() ถ่านไม้ (ถ่านหุงข้าว) ทุบเป็นก้อนเล็กๆ เอาไว้รองก้นกระถาง ทำให้ด้านล่างโปร่ง ก้อนถ่านเล็กๆยังช่วยซับน้ำด้วย ไม่เอาถ่านแบบแกลบอัดนะคะ เพราะโดนน้ำแล้วละลาย ![]() ดินที่ผสมแล้ว (ต้นไหนไม่แพงจะไม่ใช้หินภูเขาไฟ เพราะเปลือง) 555 ![]() ต้นนี้มีปัญหา ยกกระถางดูที่ก้นจึงรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เพลี้ยแป้งเข้าไปทำรัง นังมดตัวดี เอาเพลี้ยแป้งมาลงแล้วรอดูดน้ำหวานจากเพลี้ยแป้ง เอาต้นมา จุ่มน้ำ หึ สีขาวๆลอยตุ๊บป่องเต็มผิวน้ำไปหมด ว่ายน้ำดุ๊กดิ๊ก เจ้าพวกนี้แหละ โตไปทำลายราก ดูดกินน้ำเลี้ยง ต้นไม้ชะงักการเจริญเติบโต หงิก เหี่ยว สร้างปัญหาให้กับต้นไม้ ไอ้ที่เกาะเหนือดิน อาศัยตามฐานตุ่มหนาม โคนต้น นี่ยังเขี่ยและกำจัดได้ แต่ที่อาศัยในดินนี่สิตัวปัญหาจริงๆ ต้องรื้อกระถางเท่านั้น ![]() ต้นไหนที่มีรากยาวๆ รากเก่าที่เดินและดูดซึมสารได้ไม่ดี ก็ทำการตัดตกแต่งราก ตัดรากแขนงออกไป ไม่ต้องกลัวเค้าตายค่ะ เค้ามีวิธีทำตัวเองให้ต่อสู้อยู่รอด ตัดเสร็จผึ่งแผลให้แห้ง วางในที่อากาศถ่ายเทประมาณ 5-6 วัน ห้ามโดนน้ำ ห้ามโดนแดดจัดไม่งั้นช็อคตาย อิอิ เสร็จแล้วก็ล่อราก หลักเบื้องต้นของการ ล่อรากก็คือหลอกให้ต้นไม้สัมผัสความชื้น (ไม่ใช่สัมผัสน้ำ) ต้นก็จะทำให้รากงอก ออกมา เมื่อนำลงดินก็ปลูกง่าย เพราะรากเดินแล้ว พอต้นไม้ตั้งตัวก็จะเจริญ เติบโตไว ถามว่าเมื่อตกแต่งรากแล้วผึ่งลมให้แผลแห้ง ไม่ต้องล่อราก แต่เอาไป ลงปลูกเลยได้ไหม คำตอบคือ ก็ได้ค่ะ ไม่มีปัญหาเหมือนกัน แต่อาจจะช้ากว่า ![]() วิธีล่อลาก หาแก้วพลาสติกมาหนึ่งใบ เจาะรูที่ก้น รูเล็กๆพอให้น้ำซึมเข้าไปได้ นำหินภูเขาไฟที่ล้างแล้วมาใส่ในแก้ว (ถ้าหาไม่ได้ก็เอาทราย หรืออิฐทุบแทนก็ได้ แต่เท่าที่ลองมา หินภูเขาไฟล่อรากได้ไวกว่าและรากไม่เน่า) เอากระบองเพชรใส่ ลงไปในแก้ว นำแก้วลงใส่ในชาม รินน้ำลงชามโดยที่ระดับน้ำต้องไม่ชนกับราก น้ำไม่มาก ใส่พอให้หินดูดน้ำส่งความชื้นต่อไปยังราก แล้วก็วางในที่ร่มมีอากาศ ถ่ายเท รอไป 4-7 วันก็จะเห็นปุยขาวๆ รากที่มีขน ค่อยๆยาวขึ้นยาวขึ้นค่ะ ![]() ใบเสมา ใบเดียว เอามาล่อราก แป๊บๆก็ออกปุยขาวๆ แล้วรากก็ยาวขึ้นเรื่อยๆ ![]() แล้วเค้าก็จะแตกตัวไปเรื่อยๆ ![]() 4 วันผ่านไป ปุยขาวๆ สวยเชียว (ไม่ใช่เชื้อราเด้อ) ![]() ต้นนี้จุ่มน้ำยาเร่งราก ก่อนนำไปล่อราก แป๊บๆรากก็ออกมาใหม่ ปุยขาวๆ น่ากิน ![]() เจ้าหางกระรอก ตอนย้ายห้อง ทำเค้าหล่นแล้วหางขาด ต่อมาเค้าก็ออกลูกเล็กเด็กแดง เราก็กลัวต้นแม่จะไม่รอด ก็เอานิ้วเด็ดลูกๆมาล่อราก รากก็ออกค่ะ ตอนนี้กำลังโตไวเลย ![]() เมื่อได้รากแล้ว ก็เอาลงปลูกต่อไป ใครที่อยากลุ้นว่ารากจะเดินดีไหม ก็หาแก้ว พลาสติกแบบใสมาเป็นกระถางชั่วคราวก่อนก็ได้ค่ะ เจาะรูที่ก้น โดยเอาตะปู มาลนไฟให้ร้อน แล้วกดลงก้นแก้วเบาๆ ใบไหนบางๆมันจะแตกง่าย ใช้สว่าน เจาะใบที่แก้วหนาๆได้ แก้วใสๆของ IKEA ก็หนาพอประมาณค่ะ ขนาดกำลังดี ![]() ต้นที่ล่อรากแล้ว ผ่านไปอาทิตย์นึง ก็จะเห็นว่ารากเดินไปทั่วกระถางเลย ดีใจ 555 ![]() ลูกๆหางกระรอก (ล่อรากเสร็จก็เอาลงกระถาง ตาย 1 รอด 2 เห้อ ก็ยังดี) ข้างๆหางกระรอก คือกุหลาบหิน และแก้วมังกรค่ะ ![]() ครึ่งปีผ่านไป กุหลาบหินก็โตขึ้น แล้วก็ออกดอกค่ะ ต้นนี้ชอบแดด ไม่ชอบน้ำ เลยเอามาวางข้างๆกระบองเพชร ![]() ไม่น่าเชื่อ ว่าหนูน้อยตัวนี้ สมัยแบเบาะ ตัวเล็ก-ลีบ ขนาดเท่าตะปูในรูปหน่ะค่ะ แต่พอเจอปุ๋ยและแดด โตเอา พองเอา สูงใหญ่แล้วตอนนี้ ^^ ![]() โผล่มาอีกตุ้มแล้ว สดๆใหม่ๆ ![]() หูกระต่าย ใส่ถุงมือแล้วดึงหูออกมา ล่อราก 1 อาทิตย์ แล้วปักลงดิน เค้าก็แตกหน่อเรื่อยๆค่ะ ![]() ผลิลูกผลิหลาน ส่วนที่แตกออกมานี่ เมื่อโตเต็มที่ เราก็เด็ดมาล่อราก หรือปักลงดินได้เลย เป็นการขยายพันธุ์ ที่ง่ายที่สุด แป๊บๆ เค้าก็จะโตเต็มบ้านไปหมด ![]() กระจุกนี้พร้อมที่จะโดนเด็ดหัว แล้วเอาไปปักลงดินแล้ว แก่เต็มที่ รากงอก อิอิ ![]() ที่วงๆสีขาวๆเอาไว้ เห็นไหมคะ งอกออกมากแล้ว อยากจะไปมีครอบครัวใหม่ซะเหลือเกิน รากพร้อม รอการสะกิดแล้วเอาไปลงกระถางใหม่ { Mammillaria Balsasoides } ![]() ต้นไหนอยู่ในช่วงอนุบาล ก็หาแก้วแบบทึบมาใส่ทับอีกทีก็ได้ค่ะ เพราะดินที่ ชื้นๆ บวกกับแสงแดด อาจจะเกิดตะไคร่เขียวๆเกาะตามแก้ว มันไม่งาม ส่วนตัวแล้วไม่ชอบโรยหินประดับหน้า เพราะสะดวกต่อการเอาไม้จิ้มวัด ระดับความชื้นของดิน และสะดวกในการกำจัดวัชพืช (ยกเว้นบางต้นที่หวงๆ) ![]() เปลี่ยนดินกระบองเพชรเสร็จ เปลี่ยนของโฮย่าด้วยเลย ![]() วัสดุปลูก ใช้ขุยมะพร้าว (พีทมอสแพงเกิน 55) ผสมเม็ดดินเผา (ไฮโดรตรอน) ที่ ซื้อมาจาก Homework มีหลายขนาด ไฮโดรตรอน ทำหน้าที่รักษาความชื้น ทำให้ วัสดุปลูกมีความโปร่ง ไม่แฉะ น้ำหนักเบา ใส่ปุ๋ยละลายช้าลงไปนิดหน่อย ก็เสร็จแล้วค่ะ เก็บไว้ในที่รำไรซัก 3-5 วัน ก่อนน้ำแต่ละต้นออกไปตั้งในที่ที่มีแดด แต่ละต้นชอบ แดดไม่เท่ากัน ลอง Google ดูค่ะ ว่าต้นไหนชอบแสงอย่างไร ต้องหาอะไรบังไหม ![]() ซื้อปุ๋ยละลายช้ามาโรยค่ะ ซื้อมาตุนแบบ 1 กิโลเลย ^^ ออสโมโค้ท Osmocote ของ โซตัส ![]() เมื่อฤดูฝนมาเยือน ก็ย้ายลูกๆค่ะ หรือไม่ก็หาที่กำบัง ไม่งั้นสำลักน้ำตาย ![]() ง่ายๆ ถูกๆ เราใช้ขวดน้ำขนาด 6 ลิตรมาผ่าครึ่งค่ะ เอาเชือกมัด เพื่อกันลมปลิว ลูกๆจะได้ไม่โดนฝนสาด ![]() เอาน้ำสะอาดๆค่ะ ไม่เอาน้ำประปา รอให้คลอรีนระเหยไปก่อนซัก 2-3 วันค่ะ ![]() ต้นสมอง Mammillaria elongata crest น่ารักอ่ะ เห็นแล้วสอยเลย ![]() ขดไปขดมา ![]() ยิมโนหัวเหลือง ![]() ยิมโนหัวเหลือง ![]() Aloe ![]() ตอนเริ่มเลี้ยง มีแค่กระจุกเล็กๆ เลี้ยงไปเลี้ยงมา นางแตกหน่อแตกกอค่ะ ว่างๆก็ต้องเปลี่ยนกระถาง ให้พวกนางอีก แตกกอไวมากอ่ะ ลูกเอ๋ย ตอนนี้สูงเกินคืบละ ![]() คนละต้นกับด้านบน กระถางนี้ ว่านหางจระเข้ ค่ะ ตัดเอามาพอกหน้า ![]() { Mammillaria Balsasoides } ต้นนี้ฉลาดมาก มีหนามที่โค้งเป็นตะขอ เอามือจิ้มกี่ครั้งๆ ไม่เคยรอด โดนเกี่ยวเสมอ ( เจ็บแล้วไม่จำ??) 555 ![]() ปราสาทนางฟ้าหัวยิมโนสีแดง ![]() กระถางต่างชนิดกัน ความถี่ในการรดน้ำก็ต่างกันค่ะ พลาสติกเก็บความชื้นในดินได้ดีกว่า รองลงมาก็เซรามิค แล้วก็กระถางดินเผา น้ำระเหิดระเหยไวม๊ากกกก ยิ่งลมแรงดินยิ่งแห้ง ![]() เปลี่ยนดิน เปลี่ยนกระถางประจำปี เห้อ กว่าจะเสร็จ พระอาทิตย์ตกดินพอดี 5555 ![]() เปลี่ยนกระถางเปลี่ยนดินประจำปีค่ะ ลูกๆ ยาวเฟื้อย โตเร็วไปนะ หงึๆๆ ![]() ดอก ม้าลาย Haworthia Fasciata ![]() ดอกม้าลาย Haworthia Fasciata ![]() Huernia Humilis (หรือเปล่าหว่า) บานบ่อยมากๆ บานนาน บานถี่ ดอกเค้า หน้าตาเหมือนกล้วยไม้ดีค่ะ.. ในรูป มีทั้งดอกตูมดอกบาน 6-7 ดอกได้ แม่เจ้า |
บทความทั้งหมด
|