มาปลูกผักที่บ้าน แบบใช้น้ำ ไม่ใช้ดินกันค่ะ - ปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ ( Hydroponics) มาปลูกผักที่บ้าน แบบไม่ใช้ดินกันค่ะ จะว่าไปแล้ว เมืองไทยโชคดีมาก ที่อยู่ในเขตโซนร้อนชื้น ไม่มีฤดูหนาว ที่หนาวเหน็บอันยาวนาน ข้อดีอย่างหนึ่งคือ สามารถปลูกผักได้ทั้ง 3 ฤดู และไม่ต้องย้ายกระถางเข้ามาเก็บชั้นใต้ดินเหมือนคนอยู่โซนอื่นๆที่มีหิมะ ปกคลุมในฤดูหนาว .. ผักก็ราคาถูก หาง่าย เดินไปตลาด จ่าย 5-10 บาท ก็ได้ผักมา 1 กำแล้ว สะดวกหน่อยก็เข้าห้าง/ซุปเปอร์ แต่จริงๆ เราก็ไม่รู้เลยว่า ผัก 1 กำนั้น ผ่านอะไร โดนใส่สารอะไร มาบ้าง ผักบางชนิด มันก็ต้องซื้อแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ .. ถ้าเราปลูกผักเอง เราดูแลมากับมือ ควบคุมทุกอย่างด้วยตัวเอง เฝ้าดูการเจริญเติบโต มันก็เป็นเรื่องดีเนอะ ปลอดภัยต่อสุขภาพ และการลงทุนปลูกผักเอง ไม่แพงอย่างที่คิดค่ะ ไฮโดรโปนิกส์ (hydroponics) การปลูกพืชในน้ำ/ปลูกพืชแบบไร้ดิน เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ .. มือคืออะไรกัน?? ไฮโดรโปนิกส์เป็นคำศัพท์ที่มีรากมาจากภาษากรีก แบ่งเป็น 2 คำ 1 คือ Hydros ที่แปลว่า *น้ำ* และ 2 Ponos ที่แปลว่า *แรงงาน* ไฮโดรโปนิกส์ มันดีอย่างไร มันเหมาะสำหรับคนที่มีพื้นที่น้อยๆ ปลูกที่บ้านหรือคอนโดก็ได้ (เพียงแต่พืชต้องได้รับแสงแดดเพียงพอ เพื่อจะได้ปรุงอาหารได้ ) ไม่ต้องแบกดินเป็นกระสอบๆ สามารถควบคุมโรคที่เกิดจากดินได้.. ค่าอุปกรณ์ก็ไม่แพงเลย (ถ้ารู้จักหาวัสดุเหลือใช้ที่มีอยู่แล้วมาดัดแปลง) อยากลองปลูกบ้าง ต้องมีอะไร ![]() หน้านี้ เราจะใช้อุปกรณ์แบบบ้านๆค่ะ หาได้ง่ายๆ ราคาถูก เพราะเราปลูกผัก เพื่อทานเองในครอบครัว ไม่ได้ทำขาย ถ้าทำจนชำนาญแล้ว และใครต้องการความสวยงาม อาจจะลองหาซื้อระบบรางปลูกที่เค้าทำ สำเร็จรูป 2000-6000 กว่าบาท หรือทำโครงจากท่อน้ำ PVC ก็ตามแต่ใจค่ะ แต่เราอยู่คอนโด ไม่มีพื้นที่ตรงระเบียงพอที่จะวางระบบรางปลูกแบบนั้นได้ (จริงๆอยากได้นะ 555) แผ่นฟีเจอร์บอร์ด / พลาสติกลูกฟูก ( Feature board / Corrugated plastic ) ค่ะ 2 คัทเตอร์คมๆ เอาไว้กรีดแผ่นโฟม/ฟีเจอร์บอร์ด 3 กาละมัง อ่าง อะไรก็ได้ที่ใส่น้ำแล้วน้ำไม่ซึมออกมา เราใช้กาละมัง แก้วเก่าๆ กระป๋องเบียร์ ขวดน้ำอัดลม เดี๋ยวนี้เจออะไรที่ใส่น้ำได้ เราเก็บเอาไว้ปลูกพืช 4 ฟองน้ำ ซื้อมาจากโฮมเวิร์ค แต่เชื่อว่า ร้านก่อสร้างแทบทุกร้านน่าจะมีขาย แผ่นละประมาณ 5-10 บาท (แล้วแต่ความหนา) ด้วย 5 เมล็ดพืชที่ต้องการจะปลูก เปิดซองแล้วต้องปิดให้แน่น และถ้าเก็บไม่ดี โอกาสที่ จะงอก จะมีเปอร์เซนต์งอกน้อยค่ะ 6 ปุ๋ย A และ ปุ๋ย B .. มีทั้งแบบน้ำ และแบบผง (ที่ต้องเอามาผสมน้ำเอาเองตามปริมาณ ที่ผู้ขายเค้ากำหนด) .. ร้านขายต้นไม้แถวบ้านเราไม่มีปุ๋ยน้ำ เลยต้องสั่งปุ๋ยผงมาจาก ทางเนต ชนิดอัตราส่วน 1:200 ซึ่งเมื่อผสมแล้ว จะได้ *แม่ปุ๋ย* อย่างละ 1 ลิตร คือ A 1 ลิตรและ B 1 ลิตร ซึ่งแม่ปุ๋ย 1 ลิตร เอาไปเจือจางได้ถึง 200 ลิตร .. อ่านถึงตรงนี้ อย่าพึ่งท้อค่ะ การผสมปุ๋ย ไม่ยากอย่างที่คิด ทำเรื่อยๆแล้วจะคล่องไปเอง ^^ ![]() ![]() ใครอยากลองปลูกอะไร ก็เลือกเอาค่ะ ![]() เราทำการเพาะเมล็ดพืชกันก่อน สามารถเลือกวิธีเพาะบน ผ้าเปียกๆ หรือกระดาษทิชชู่ แนะนำให้เพาะบน กระดาษเช็ดปาก (Napkin) หรือกระดาษเอนกประสงค์ (ทิชชูแบบหนาๆ ความสูง 23 ซ.ม) ค่ะ [ที่ 7-11 ก็มีขาย] จริงๆไม่แนะนำให้ใช้ กระดาษชำระ เพราะเวลาเปียก กระดาษมันจะเปื่อยและยุ่ย มันจะติดเมล็ดไปด้วย แต่ที่โอเคที่สุดเท่าที่เคยทดลองมา คือเพาะบนผ้าที่ชุ่มด้วยน้ำ หาฝามาปิด เพื่อคงความชื้น ผักบางชนิด ^^ งอกไวมาก 1-3 วันก็จะเห็นการงอกแล้วค่ะ บางคน เริ่มต้นด้วยการวางเมล็ดบนฟองน้ำที่เปียกชื้นเลย เพื่อให้รากแทงลงไปบนฟองน้ำตอนที่เมล็ดเริ่มงอก .. ก็แล้วแต่คนสะดวกทำนะ เราสะดวกเพาะบนทิชชู่ก่อน เพราะเมล็ดพืชบางชนิด เล่นตัว มันไม่ยอมแทงรากบนฟองน้ำ ![]() เมล็ดผักสลัด งอกไวมาก 1-2 วัน รากยาว ดูขนฟูๆนุ่ม น่ากัด ![]() อย่างรูปนี้ เมล็ดมะเขือเทศค่ะ รากงอกแล้วก็เสียบลงกากบาทเลย แล้วก็วางลงไปในบ่ออนุบาล ^^ ![]() เมื่อเตรียมเรื่องเมล็ดเสร็จแล้ว เราก็มาดูอุปกรณ์ตัวอื่นกันบ้าง ตัดแผ่นโฟมหรือฟีเจอร์บอร์ด / พลาสติกลูกฟูก (feature board / corrugated plastic) ให้พอใส่ลงไปในกาละมังได้ บางคนวางแผ่นใหญ่ๆบนกาละมังเลย แล้วแต่จะทำนะคะ บางกระถางเราตัดให้ใส่ลงไปในกาละมังได้ เพราะเวลาน้ำลด แผ่นโฟมมันจะได้ลดต่ำลงตามน้ำ บางกระถาง ก็ตัดให้มันใหญ่เกินขอบ แล้วแต่ชนิดต้นไม้ ![]() ในรูปซ้าย-บน เราตัดโฟมให้ใส่ลงไปในแก้วพลาสติกได้ ส่วนตรงกลาง เจาะรูแบบสี่เหลี่ยมพอให้ฟองน้ำยัดลงไปได้ (ถ้าเราตัดฟองน้ำขนาด 1x1 นิ้ว ขนาดโฟมที่เจาะ *ต้องเล็ก* กว่าฟองน้ำ ไม่งั้นเวลายัดฟองน้ำลงไป มันจะหลุด ลอยตุ๊บป่องลงน้ำไป กะระยะให้ถูกนะคะ ^^ ในรูปขวา-บน แผ่นโฟมหรือฟีเจอร์บอร์ด ใส่ในกาละมังได้ พอดี (กางมุ้งให้ลูกน้อยด้วย) แมลงจะได้ไม่มารบกวนเยอะ ^^ ตอนนั้นเราไม่มีมุ้ง เลยเอาเศษผ้าลูกไม้มาใช้ไปก่อน ![]() นี่ ฟองน้ำหลากสี 5555 ตัดให้เป็นก้อนสี่เหลี่ยมลูกเต๋า ขนาด 1x1 นิ้ว ![]() แบบเป็นก้อนใหญ่ๆก็มี แต่ต้องตัดให้มันงามๆ มีดต้องคม ![]() เอามีดคมๆ กรีดหน้าฟองน้ำเบาๆ บากให้เป็นเครื่องหมายบวก ![]() เมื่อเมล็ดเริ่มมีรากงอกแล้ว เราก็เอามาใส่ในฟองน้ำ เอาฟองน้ำมาบีบๆขยำๆในน้ำให้มันอมค่ะ ถ้ายังลอย บีบต่อไปค่ะ ![]() เอาลูกๆมาวางใน ทัพเพอร์แวร์ ที่ใส่*น้ำเปล่า* สูงประมาณ 1 ซ.ม. พอให้ฟองน้ำดูดซับน้ำได้ รอให้กล้าแข็งแรง มี *ใบจริง* 2 ใบจึงย้ายลงกาละมังค่ะ (แฟนเราชอบล้อ เรื่องใบจริง แล้วนั่นมันใบปลอมเหรอ) เมื่อมีใบจริง เราถึงย้ายผัก ลงในกาละมังที่ผสมน้ำปุ๋ยค่ะ .. ![]() สมัยที่เราลองปลูกใหม่ๆ ก็หัดเพาะลง กระป๋องเล็กๆอย่างนี้แหละ ช่วงแรกๆที่ต้นกล้ายังคอพับคออ่อน อย่าให้น้องๆเค้าโดน แดดจัดค่ะ ไม่งั้นเค้าจะเฉา ถึงขั้นสลบและตายได้ สัปดาห์แรก ให้เค้ารับแสงวันละ 4-6 ชั่วโมง เมื่อปรับตัวได้ ก็โดนแดด 5-8 ชั่วโมง หมั่นสังเกตดูปฏิกิริยาเค้าค่ะ ว่ากล้ารับแดดได้ไหม ถ้าแดดแรงไป หาอะไรมาพรางแสง แต่ถ้าไม่โดนแดดเลย ต้นกล้าจะพยายามยืดตัว เพื่อหาแสงมาปรุงใบ เมื่อต้นยืด จะลีบ สูงโปร่ง ไม่แข็งแรงค่ะ ![]() ฟองน้ำ กับแผ่นโฟม และผักสลัด รูปขวามือ ฟองน้ำยื่นออกมาใต้แผ่นโฟม เพื่อที่ฟองน้ำจะได้สัมผัสกับน้ำ ดูดซับสารอาหารส่งไปยังราก ระดับน้ำที่สัมผัส ควรเป็นประมาณ1/3 ของก้อนค่ะ เราเอากะบะมาโดนแดด ตะไคร่มันเลยเกาะรากและฟองน้ำ ![]() ขวดน้ำดื่ม ก็เอามาทำกระถางได้ค่ะ ตัดขวดเป็น 2 ท่อน คว่ำด้านที่เป็นฝาขวดลง เทน้ำปุ๋ยให้อยู่ในระดับที่ฟองน้ำ สามารถดูดน้ำถึง เป็นการเอาขยะมารียูสให้เกิดประโยชน์ ^^ แต่ใช้แค่ช่วงอนุบาลช่วงแรกๆเท่านั้นนะ ยังไม่เอาออกแดด ไม่งั้นจะโดนตะไคร่เล่นงานเอาค่ะ ![]() ขวดบงขวดเบียร์ ขวดนม กล่องน้ำผลไม้ กระปุกโยเกิร์ต อิฉันเก็บหมด อิอิ อ้อ ควรหลีกเลี่ยงกระป๋องนม หรือกระป๋องผลไม้เชื่อมที่เป็น โลหะนะคะ เพราะน้ำปุ๋ย มันจะกัดเอา ![]() Italian Basil คือว่า เพาะเมล็ดวันเดียวกัน การปลูกแบบไร้ดิน ใบใหญ่ โตเร็วกว่าการปลูกแบบใช้ดินมากๆ เทียบกับขนาดนิ้วมืออันป้อมๆได้ค่ะ การปลูกด้วยกล่องโฟม ![]() คลิกลิงค์นี้ดูได้ค่ะ การปลูกด้วยกระถางแบบยาว ![]() กระถาง (กะบะ) นี่เอาไว้ปลูกต้นมะเขือเทศ วางไว้นอกระเบียงค่ะ ข้อเสีย ของกระถางพลาสติกคือ ถ้าอากาศร้อนจัด กระถางจะอมความร้อน น้ำจะร้อน ทำให้ต้นไม้รู้สึกไม่สบายได้ ต่างจากกล่องโฟม ซึ่งเป็นฉนวนความร้อนค่ะ ![]() ตะกร้าใส่ปุ๋ย - คือซื้อมาเยอะแล้วเหลือเก็บ เลยเอา มาดัดแปลง งัดแงะตัดแต่ง เพื่อให้ใส่ฟองน้ำลงไปได้ จริงๆแล้ว การปลูกไฮโดร มันก็มีถ้วยปลูกของมันค่ะ แต่เราดัดแปลง ใช้วัสดุเหลือใช้ให้หมดไป ^^ โดยคว่ำก้นตะกร้า แล้วตัดหางออก กะขนาดพอให้ใส่ฟองน้ำได้ไม่แน่น ไม่หลวมเกินไป ฟองน้ำต้องไม่ร่วงหล่นน้ำได้ง่ายๆ เสร็จแล้วก็เอาตะกร้า ใส่ในรูที่เราตัดเอาไว้ค่ะ (ตะกร้าใส่ปุ๋ย เราซื้อมาจากร้าน True Value 6 ชิ้นราคา 35 บาท ตกชิ้นละ 6 บาท และเชื่อว่าตามจตุจักร หรือร้านขาย ต้นไม้ทั่วๆไปน่าจะ ราคาถูกกว่านี้เยอะ เอาตามแต่ละคนจะสะดวกค่ะ ^^ ) ![]() หน้าตาเป็นแบบนี้ค่ะ ใช้ตะกร้าใส่ปุ๋ย มาใส่ฟองน้ำแทน ^^ ![]() เมื่อตะกร้าใส่ปุ๋ยใช้ไปจนหมดเกลี้ยง ก็ได้วาระเปลี่ยนวัสดุปลูก เจ้ากระถางจิ๋ว ก้นรั่ว นี่คือ กระถางกล้วยไม้ขนาด 1 นิ้วค่ะ แต่เราไม่ได้ซื้อมาปลูกกล้วยไม้ เราเอาฟองน้ำวางได้อย่างดีเลยค่ะ รากก็งอกง่ายไม่มีปัญหา ซื้อเยอะๆก็ได้ราคาส่ง กระถางละไม่ถึง 1 บาท ![]() ถ้ากระถางกล้วยไม้ขนาด 1 นิ้ว หายากไป กระถางจิ๋วแบบนี้ก็ได้ค่ะ กว้าง 2-3 นิ้ว เพียงแต่ตรงก้นกระถาง มันมีแค่ 1 รูเล็กๆ เราต้อง เอาหัวแร้ง มาเจาะๆๆๆ รูเพิ่มค่ะ รากจะได้ลงน้ำได้ง่ายไม่อุดตัน อิอิ ![]() ใครไม่ชอบตัดโฟม เพราะอาจรำคาญเมล็ดโฟมที่หลุดร่วง ลอยไปตามลม เวลาตัด ก็ใช้แผ่น ฟีเจอร์บอร์ด / พลาสติกลูกฟูก (feature board / corrugated plastic) แทนแผ่นโฟม ราคาแพงหน่อย แต่ก็ใช้ได้นาน ใช้ คัทเตอร์วงเวียน ตัดให้เป็นวงกลมค่ะ ง่าย สะดวกกว่าใช้มีดตัดโฟม เรื่องของปุ๋ย อย่างที่เกริ่นเอาไว้ว่า ปุ๋ย A ปุ๋ย B .. มีทั้งแบบน้ำ และแบบผง แล้วแถวบ้านเราไม่มีปุ๋ยน้ำขาย เลยต้องสั่งปุ๋ยผงมาจากทางเนต เราต้องเอามาผสมน้ำเอาเองตามปริมาณที่ร้านกำหนด เพื่อทำ *แม่ปุ๋ย* อย่างละ 1 ลิตร มาดูวิธีผสมปุ๋ยชนิดแห้งกันค่ะ ![]() หน้าตามันเป็นเยี่ยงนี้ มันไม่ได้เป็นผงละเอียดซะทีเดียว ซองนึง ผสมน้ำได้อย่างละขวด ขวดใครขวดมัน เมื่อผสมแล้วจะได้ แม่ปุ๋ย A 1 ลิตร..และ B 1 ลิตร ![]() วิธีทำคือ - หาขวดน้ำมา 2 ขวดค่ะ ขวดน้ำเปล่า หรือน้ำอัดลมก็ได้ ขนาด 1.5 ลิตร หรือ 2 ลิตร ก็ได้ แต่ขอให้ปริมาตรมากกว่า 1 ลิตรค่ะ ถ้าใช้ขวดน้ำอัดลม ก็นำขวดมาล้างให้สะอาดซะก่อน เอาปากกาชนิดกันน้ำ (ถาวร) เขียนระบุเลยค่ะ กันลืม ว่าขวดไหน สูตรไหน เอใส่เอ - บีใส่บี ![]() หาเหยือกน้ำ หรือขวดน้ำอะไรก็ได้ ที่มีปริมาตร *1 ลิตร* มาตวงน้ำ แล้วเทใส่ขวดเปล่าที่ เราเขียนชื่อเอาไว้ เทให้หมดเลยค่ะ ระดับน้ำขนาด 1 ลิตรอยู่ตรงไหน เราเอาปากกาขีด ระบุตำแหน่งเอาไว้ ทำแบบนี้ทั้ง 2 ขวดเลยค่ะ ![]() ทีนี้เทน้ำออกซักครึ่งนึงของที่เราขีดเอาไว้ ตามรูป ที่วงเอาไว้ คือระดับน้ำ 1 ลิตรค่ะ และที่เป็นเส้นสีเขียว คือระดับที่เราเหลือเอาไว้ในขวด .. ทีนี้ เริ่มจากสูตร A ก่อน เราค่อยๆ เทปุ๋ยแห้ง ชนิด A **อย่างเดียว** ลงในขวดน้ำค่ะ ใจเย็นๆ ระวังหกตกหล่น เสียของ อิอิ น้ำเริ่มกลายเป็นแม่ปุ๋ยสีแดงๆ แล้วค่ะ (เขียนระบุให้คนในบ้านรู้ก็ได้นะคะ ว่าห้ามดื่ม) ![]() เมื่อเทปุ๋ยจนหมดซองแล้ว เราจะเทน้ำตามค่ะ เทน้ำจนกระทั่งระดับน้ำสูงถึงรอยที่เราขีด เอาไว้เมื่อซักครู่ค่ะ เราจะได้แม่ปุ๋ยชนิดน้ำ ที่มีปริมาณ 1 ลิตร ถ้วน.. ผสม A เสร็จก็ผสม B ต่อเลยค่ะ จะได้น้ำสีเขียวๆ มรกตอ่อนๆ (ร้านแต่ละร้าน อาจจะได้สีแม่ปุ๋ยไม่เหมือนกันนะ) ทำเสร็จ ควรติดฉลากนะ ลูกเล็กเด็กแดงจะได้ไม่เข้าใจผิด ผสมน้ำอย่างไร เท่าไหน เมื่อไหร่ เมื่อต้นไม้มีใบจริง 2 ใบ เราย้ายผักลงในกาละมังที่ผสมน้ำปุ๋ยได้เลยค่ะ แม่ปุ๋ยที่เราผสมเอาไว้มีความเข้มข้นสูง เราต้องเอามาเจือจาง อัตราส่วน 1:200 ค่ะ ลอง Google ดูค่ะ ว่าผักที่เราอยากจะปลูก ต้องผสมปุ๋ยลงไปมากน้อยแค่ไหน อย่างผักสลัด ช่วงสัปดาห์แรกที่เอาลงกาละมัง เราผสมน้ำ 1 ลิตร ปุ๋ยอย่างละ 2ml. สัปดาห์ต่อมา ลดลงเหลือ 1.5 ml. ต่อมาใส่ปุ๋ยแค่ 1 ml. สัปดาห์สุดท้าย เติมแต่น้ำเปล่าค่ะ .. แต่ Google ดูก่อนนะว่า ผักไหนใส่แค่ไหน แต่ละเจ้า เค้าก็ทำสูตรปุ๋ยออกมาไม่เหมือนกันด้วย เช่นใส่ A ลงไปแล้ว ควรทิ้งระยะห่างประมาณ 4 ชั่วโมง จึงใส่ B ![]() และใครที่อยากจะปลูกแบบจริงๆจังๆ ควรหาซื้อเครื่องมือวัดค่ากรดด่าง ( p.H.) และค่า EC ด้วยค่ะ ใครผสมด้วย น้ำประปา สามารถใช้น้ำยาpH Down เพื่อปรับค่า pH ให้อยู่ที่ 5.0-5.5 ค่ะ ส่วนมือใหม่ปลูกเล่นๆ ยังไม่ต้องเครียดเน้อ ^^ . . . . . . ปัญหาปลูกแล้วไม่รอด - รากเน่า ![]() รากที่สมบูรณ์ ควรจะเป็นสีขาวเหมือนเส้นหมี่ค่ะ ขาวอมเหลืองนิดๆ ใครที่เจอปัญหารากเน่า รากกลายเป็นสีดำ อาจจะเป็นเพราะ น้ำในกระถางร้อนจัดช่วงกลางวัน ลวกรากซะเละ หรือฤดูฝน ฝนตกหนัก พัดเอาสิ่งสกปรก เชื้อรงเชื้อรามาในกระถาง ทำให้ ใบเหลือง ร่วง น้ำเน่า ต้นออกอาการใกล้ตาย แนะนำให้ใช้ ตัวช่วยอย่าง เชื้อราไตรโคเดอร์ม่า ของที่เราใช้ จะเป็น เชื้อราไตรโคเดอร์ม่ารูปแบบน้ำ ค่ะ สอยมา 1 ลิตร ของ ม.เกษตรศาสตร์กำแพงแสน .. แบบหัวเชื้อก็มีนะแต่ขี้เกียจ มาเพาะเชื้อเอง แหะๆ แบบน้ำ ง่ายดี เปิดฝามาใช้ได้เลย ปริมาณการใช้ก็ตามฉลาก ใช้แบบพืชที่ปลูกใช้ดินหรือแบบ ไฮโดรโปนิกส์ก็ได้ ใช้ปริมาณนิดเดียว ป้องกันและควบคุม โรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่นโคนเน่า รากเน่า โรคเหี่ยว กล้าเน่า ใบไหม้ ลำต้นไหม้ โรคใบจุด สารพัดเนอะ น่ากลัว อ้อ ใครมีไว้ ในครอบครอง ควรเก็บในตู้เย็นนะคะ ยืดอายุเชื้อได้นานขึ้น |
บทความทั้งหมด
|