เวลาที่หายไป - บทที่ 42


ทันทีที่มีเสียงประตูปิดซึ่งแสดงว่ามารดาของเธอกลับออกไปแล้ว ลลิตาก็ลืมตาขึ้นมองคริส ที่เดินเข้ามานั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียงที่เธอนอนอยู่ เขาเอื้อมมือมากุมมือเธอเอาไว้ หน้าของเขาซีดขาว ทั้งเศร้าหมองและกังวล

“ลิตา เป็นยังไงบ้าง? ดีขึ้นแล้วใช่ไหม? หมอว่ายังไงบ้าง?”

“ไม่เป็นอะไรแล้วละค่ะ อีกวันสองวันคงกลับบ้านได้” เธอตอบอ่อยๆ รู้สึกใจชื้นขึ้นมาบ้าง เมื่อเห็นว่าเขาเป็นห่วงเป็นใยเธอจากใจจริง

“ลิตา พี่เสียใจมากกับเรื่องที่เกิดขึ้น ต่อไปอย่าทำแบบนี้อีกนะ พี่คงเสียใจที่สุดในชีวิตถ้าลิตาเป็นอะไรไป”

“ ลิตาไม่ได้กินยาเพื่อฆ่าตัวตายหรอกนะคะ ลิตาเพียงแต่อยากนอนให้หลับเท่านั้น ไม่นึกว่ามันจะเป็นยังงี้”

“ต่อไปก็อย่ากินยาพวกนี้อีกเลยนะ ถ้ากินมากเกินไปก็อาจเป็นอันตรายได้” หยุดชั่งใจอยู่แว่บหนึ่ง เขาก็พูดต่อว่า “ลิตา..พี่อยากให้ลิตาเลิกคิดมากเรื่องนั้น ให้อภัยพี่ แล้วลืมมันเสียให้หมดได้ไหม ถ้าลิตาอภัยให้พี่ได้ เราก็จะเริ่มต้นกันใหม่”

หญิงสาวพยายามยิ้มให้เขา ทั้งๆที่น้ำตากำลังคลออยู่ในดวงตาเมื่อตอบ  

“ ก็อย่างที่ลิตาบอกพี่เมื่อคืน ถ้าพี่สัญญาว่าจะลืมผู้หญิงคนนั้นให้หมด ไม่มีเงาของเขาอยู่ในหัวใจพี่อีกต่อไป ลิตาก็จะอภัยให้พี่ จะช่วยพี่ลบความทรงจำของพี่ที่เคยมีต่อเขาให้หมดสิ้นไป เหมือนไม่เคยเกิดขึ้น ช่วงเวลาที่พี่หายตัวไปก็จะถูกลบทิ้งไปด้วย เหมือนเราไม่เคยจากกัน”

ชายหนุ่มจับมือที่อยู่ในมือเขาขึ้นแตะริมฝีปาก 

“ขอบใจมากนะลิตาที่เข้าใจพี่ พี่สัญญาว่าจะพยายามลืมเขาให้ได้” 

เขาตั้งใจอย่างนั้นจริงๆ ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนถูกต้อนด้วยสถานการณ์ต่างๆให้ต้องจนมุม เขาไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากเดินไปตามทางนั้น

“พี่คริส ความจริงลิตาก็ไม่อยากจะรื้อฟื้นอะไรอีกแล้ว แต่ไหนๆเราก็พูดถึงมันขึ้นมา ลิตาก็อยากจะบอกพี่ว่าลิตารู้สึกยังไง เมื่อพี่บอกว่าพี่รักผู้หญิงคนนั้นเหมือนกัน พี่รู้ไหมว่าลิตาเสียใจมากแค่ไหน ที่อยู่ๆก็ต้องกลายมาเป็นตัวเลือกหนึ่งในสองของพี่ ทั้งๆที่พี่เองก็รู้ดีว่าลิตาไม่จำเป็นต้องเป็นตัวเลือกของใคร โดยเฉพาะพี่ที่เคยรักลิตาแต่เพียงคนเดียวมาตลอด”

ลลิตาหยุดสังเกตสีหน้าของคริส เห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความสงสารและสำนึกผิดของเขา อย่างที่เธอต้องการจะเห็น แต่หญิงสาวก็ยังพูดต่อไปด้วยเสียงที่เจือสะอื้น เธอต้องการความมั่นใจมากกว่านั้น

“มันเจ็บปวดมากนะคะพี่คริส ที่จู่ๆคนที่เคยเป็นหนึ่งเดียวในหัวใจพี่ กลับถูกลดระดับความสำคัญลงไปเป็นเพียงตัวเลือกหนึ่งในสอง มันเกิดอะไรขึ้น? ลิตามีทุกสิ่งทุกอย่างที่ลิตาภูมิใจ สามารถอยู่ได้โดยไม่มีพี่ แต่..แต่..ลิตาก็พูดไม่ได้เต็มปากว่าจะไม่เจ็บปวด ชีวิตที่ปราศจากคนที่ลิตารักและรักลิตามานานถึงสิบปี คงจะเป็นชีวิตที่ว่างเปล่า เจ็บปวดทุกข์ทรมานจนสุดจะทน”

“โธ่..ลิตา ! พี่เสียใจที่ทำให้ลิตาต้องรู้สึกอย่างนั้น” คริสรู้ว่าเขาหมายความตามนั้นจริงๆ ไม่ได้พูดเพียงเพื่อเอาใจเธอ “อภัยให้พี่ ให้โอกาสพี่ได้แก้ตัวสักครั้งเถิดนะ ลิตา”

“ค่ะ  ลิตาตัดสินใจแล้วว่าจะให้โอกาสพี่ อภัยให้พี่ เพราะลิตายังหวังอยู่ลึกๆว่าความรักที่ยาวนานของเรา เหมือนต้นไม้ใหญ่ที่หยั่งรากลึกลงไปในดิน มันอาจจะสั่นคลอนไปบ้างเป็นครั้งคราวจากลมพายุที่พัดกระหน่ำ แต่มันก็จะไม่ล้มครืนลงไปง่ายๆ ถ้าเราจะจับมือกัน ยืนหยัดต่อสู้พายุไปด้วยกัน”

หญิงสาวบีบมือของเขาที่ยังประสานอยู่กับมือเธอเบาๆ ยิ้มให้เขาอย่างเศร้าสร้อยเมื่อพูดต่อไปว่า “แต่ลิตาอยากเล่าให้พี่ฟังว่าเมื่อคืนนี้ลิตานอนไม่หลับเลย คิดหนักมากจนต้องลุกขึ้นมาหายากินจนเกิดเรื่องขึ้นมา ใจหนึ่งก็คิดจะเสียสละหลีกทางให้พี่กับเขา เพราะพี่บอกเองว่าพี่ก็รักเขาด้วย...” เธอพูดช้าๆ คอยสังเกตสีหน้าแววตาของเขาไปด้วย

ลลิตาพูดยังไม่ทันจบ ชายหนุ่มก็พูดขัดขึ้นอย่างร้อนรนว่า “ลิตาไม่จำเป็นต้องทำอะไรแบบนั้นเลย เมื่อคืนนี้พี่ก็บอกแล้วไม่ใช่หรือว่าเราจะแต่งงานกัน แล้วถ้าลิตาอยากเลื่อนให้เร็วขึ้นพี่ก็ไม่ขัดข้อง”

“พี่ฟังลิตาก่อน ลิตากำลังจะบอกพี่ว่าถึงแม้จะอยากเสียสละ หลีกทางให้พี่ไปหาเขา แต่คิดไปคิดมาแล้วลิตาก็ทำใจไม่ได้ เพราะลิตารักพี่มาก ขาดพี่ไม่ได้ พี่เองก็เคยบอกลิตาว่าขาดลิตาไม่ได้ จำได้ไหมคะ? เรากลายเป็นชีวิตส่วนหนึ่งของกันและกันไปตั้งนานแล้ว ลิตาจึงอยากบอกพี่เสียเลยตอนนี้ แล้วก็อยากฝากบอกไปถึงผู้หญิงคนนั้นด้วยว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ลิตาจะไม่เป็นฝ่ายเสียสละเดินจากพี่ไปเสียเอง โดยไม่ทันได้ทดสอบหัวใจพี่ ลิตาไม่ได้เป็นคนดีขนาดนั้น”

หญิงสาวหยุดพูดเมื่อเห็นดวงตาที่แดงก่ำของคริส หน้าของเขาหม่นหมอง เห็นหน้าตาที่เต็มไปด้วยความสำนึกผิดของเขาแล้ว ลลิตาก็นึกสงสารจนอยากจบคำพูดลงเพียงแค่นั้น แต่ยังหรอก เธอจะต้องพูดต่อไปอีกหน่อย เธอยังมีบางอย่างที่เป็นเหมือนไม้สุดท้ายของเกมวิ่งผลัด ที่เขาจะต้องเป็นฝ่ายรับไปแล้วพามันวิ่งเข้าสู่เส้นชัยที่มีเธอยืนรออยู่แล้ว เธอจะไม่ยอมเป็นคนถือไม้วิ่งไปหาเขาอีกต่อไป

“เมื่อคืนนี้ลิตานอนคิดถึงเรื่องการแต่งงานของเรา แล้วก็รู้สึกว่าที่ผ่านมาพ่อแม่ของลิตาเป็นฝ่ายเร่งรัดมากกว่าทางฝ่ายพี่ ท่านคงเป็นห่วงไม่อยากให้ลูกสาวถูกคนนินทาว่าร้ายว่าทำไมยังไม่แต่งงานเสียที ทั้งๆที่ทุกอย่างก็พร้อมแล้ว พร้อมมานานแล้วด้วย ตอนแรกลิตาก็ไม่ได้คิดอะไรมาก แต่หลังจากเมื่อวานนี้ที่รู้ว่าพี่มีคนอื่น ลิตาก็จำเป็นต้องคิดใหม่”

คริสซึ่งนิ่งอั้นตาตกลงมองพื้น ฟังคำพูดของลลิตาอยู่เงียบๆ เงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวเหมือนสงสัยว่าเธอหมายความว่าอย่างไร

“พี่คริส ลิตาไม่อยากจะทำเหมือนยัดเยียดตัวเองให้พี่ ต่อไปนี้ลิตาจะอยู่เฉยๆไม่ทำอะไรเลย พี่จะต้องเป็นฝ่ายตัดสินใจด้วยตัวพี่เองแล้วมาบอกลิตาหรือคุณป้าก็ได้ ลิตาจะอยู่ตรงที่ที่เคยอยู่ จะรอพี่เหมือนที่เคยรอ ส่วนการตัดสินใจว่าจะแต่งงานกับลิตาหรือไม่ จะแต่งเมื่อไรหรือแม้แต่จะเลื่อนต่อไปอีกเรื่อยๆ โดยไม่มีกำหนดเป็นของพี่ นี่คือการทดสอบหัวใจของพี่ที่แม้ลิตาจะต้องเป็นฝ่ายเสี่ยง แต่ลิตาก็พร้อมที่จะเสี่ยง โดยมีหัวใจของพี่เป็นเดิมพัน”

พูดจบหญิงสาวก็ชำเลืองดูผลจากคำพูดของเธอจากสีหน้าเขา ได้เห็นความละอายใจและสำนึกผิดอย่างยิ่งอย่างที่เธอต้องการ แต่ลลิตายังไม่ยอมจบเพียงแค่นั้น

“การตัดสินใจครั้งนี้อาจจะทำให้พี่เจ็บปวดมาก แต่พี่ก็ต้องทำ อย่าทำเหมือนผู้ชายบางคนที่รักพี่เสียดายน้อง จนพยายามที่จะเก็บผู้หญิงสองคนไว้ มันไม่ยุติธรรม พี่ต้องไม่เห็นแก่ตัว พี่ต้องปล่อยเราคนใดคนหนึ่งไป ลิตาเชื่อว่าชีวิตเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ แม้ตอนนี้เราอาจจะคิดว่าเป็นไปไม่ได้ แต่เมื่อเวลานั้นมาถึง เราก็จะรู้ว่ามันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้เสมอ แล้วเราก็จะหายเจ็บปวด แผลที่เกิดขึ้นก็จะตกสะเก็ดกลายเป็นแผลเป็น ที่ถ้าไม่มองเราก็อาจจะลืมไปแล้วว่ามันอยู่ตรงนั้น แล้วเราก็จะใช้ชีวิตของเราได้ต่อไป”

ลลิตากำลังคิดว่าตอนนี้คริสเหมือนม้าพยศ ที่เจ้าของคอกเผอเรอ ชะล่าใจ ปล่อยให้หลุดออกไป มันได้รับอิสรภาพที่ไม่ค่อยจะเคยมี มันอาจจะคึกคะนองวิ่งหนีไปเรื่อยๆ ไม่ยอมกลับเข้าคอก ถ้าเธอเป็นเจ้าของม้าตัวนั้นแล้วใช้แซ่กระหน่ำไล่ตีมัน โดยหวังว่าจะทำให้มันจำนนยอมกลับเข้าคอกแต่โดยดี มันก็อาจจะยิ่งเตลิด สิ่งที่เธอควรทำก็คือเอาหญ้าไปยื่นล่อให้มัน ค่อยๆตบแผงคอของมันอย่างปลอบประโลมและให้อภัย ในที่สุดมันก็จะยอมเดินกลับเข้าคอกเอง แล้วเธอก็ยิ้มเศร้าๆที่ทำให้หัวใจของชายหนุ่มแทบแตกสลาย ด้วยความสงสารและเห็นใจ จนลืมนึกถึงหัวใจของตัวเองไปเสียสนิท

เมื่อลลิตาพ้นขีดอันตรายและหมออนุญาตให้กลับบ้านได้แล้ว คุณลักษณาก็มารับบุตรสาวด้วยตัวเอง ลลิตาตกลงใจจะอยู่พักฟื้นทั้งร่างกายและจิตใจที่บอบช้ำ ที่เมืองไทยต่อไปอีกระยะหนึ่ง ส่วนคริสจะเดินทางกลับไปก่อน เพราะต้องกลับไปทำงาน 

เมื่อคริสซึ่งตามมาส่งถึงบ้านและนั่งพูดคุยเอาอกเอาใจเธออยู่พักหนึ่งกลับไปแล้ว ลลิตาก็ตั้งคำถามสำคัญกับมารดาทันที

“แม่มีวีดีโองานหมั้นของลิตาใช่ไหมคะ?”

คุณลักษณาซึ่งยังไม่เข้าใจเจตนาของบุตรสาว พยักหน้ารับ

“ งั้นแม่ช่วยหาให้ลิตาหน่อยได้ไหมคะ ลิตาอยากดูอะไรหน่อย”

สองแม่ลูกนั่งดูวีดีโองานหมั้นด้วยกัน ตอนแรกคุณลักษณาคิดว่าบุตรสาวของเธอคงจะอยากดู เพื่อนึกถึงความสุขความสมหวังของเธอในวันนั้น ในขณะที่ลลิตาเกิดความสงสัยขึ้นมาอย่างปัจจุบันทันด่วน ว่าอาจจะได้เบาะแสอะไรบางอย่างจากวีดีโอม้วนนั้น

เธอจำได้ว่าแวบแรกที่เห็นผู้หญิงคนนั้น ที่บ้านพักตากอากาศของคุณธัญญา เธอรู้สึกเหมือนว่าเคยเห็นหรือเคยพบเจ้าหล่อนมาก่อน แต่ก็นึกไม่ออกว่าที่ไหนอย่างไร แล้วก็เลิกสนใจเพียงเท่านั้น แต่ตอนนอนอยู่ที่โรงพยาบาล มีเวลาคิดทบทวนเหตุการณํต่างๆและเกิดความคิดว่า จะต้องทำอะไรบางอย่างกับเรื่องที่เกิดขึ้น เมื่อรู้แน่ชัดแล้วว่ามีคู่แข่งซึ่งเป็นคู่แข่งที่น่ากลัว เพราะคริสหลุดปากสารภาพออกมาแล้วว่ารักผู้หญิงคนนั้นด้วย แม้จะอ้างว่ายังรักและจะแต่งงานกับเธออยู่เหมือนเดิมก็ตาม

และแล้วลลิตาก็ได้เห็นผู้หญิงคนนั้นในชุดราตรียาวสวยหรู หน้าตาอย่างนั้นรูปร่างอย่างนั้นจะเป็นใครอื่นไปไม่ได้เลย ผู้หญิงที่คริสบอกอย่างไม่เต็มใจนักว่าชื่อทิพย์สุรางค์ กำลังเดินอยู่ในห้องด้านหน้าเพื่อผ่านเข้าไปในห้องจัดงานด้านใน หลังจากนั้นอีกพักใหญ่ก็เห็นเจ้าหล่อนกำลังเดินแกมวิ่ง ผ่านบริเวณจัดงานออกไป โดยมีผู้ชายคนหนึ่งซึ่งเห็นหน้าไม่ชัด เพราะแสงไฟไม่สว่างพอวิ่งตามไปด้วย

เพียงแค่นี้ลลิตาก็รู้แล้วว่าผู้หญิงคนนั้นอยู่ที่อเมริกาเหมือนกัน แล้วที่เธอเห็นที่พัทยาเล่าหมายความว่าอย่างไร หรือผู้หญิงคนนี้อยู่ที่เมืองไทย เมื่อรู้ว่าคริสกำลังจะหมั้นก็เลยตามไป เพื่อพบปะตกลงกับเขาหรืออย่างไร ถ้าเช่นนั้นเขาพูดจาตกลงอะไรกัน 

คุณลักษณาก็เห็นภาพเดียวกันในวีดีโอม้วนนั้นและเข้าใจคล้ายกับบุตรสาวของเธอ แต่สามารถจะโยงเรื่องได้ชัดเจนกว่าลลิตา ความจริงเธอไม่คิดจะเล่าเรื่องที่พบเห็นที่หน้าลิฟต์ในคืนนั้น และแม้แต่เรื่องที่เธอไปพบเพื่อเจรจาความกับหญิงสาวคนนั้น ให้ลลิตาฟังเลย คิดว่าเรื่องระหว่างคริสกับผู้หญิงคนนั้นคงจะจบไปแล้ว เพราะเขาคงเกรงใจเธอ ส่วนผู้หญิงคนนั้นเมื่อเจอฤทธิ์เดชของเธอเข้า ก็คงไม่กล้ามาวุ่นวายกับคริสอีกต่อไป

นอกจากนี้ที่ไม่กล้าบอกลลิตา ก็เพราะบุตรสาวของเธอไม่ค่อยจะฟังเธอ บางครั้งยังแสดงความไม่พอใจออกมา เวลาที่เธอเข้าไปวุ่นวายกับเรื่องที่ลลิตาเห็นว่าเป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างเธอกับคริส

แต่ลลิตาซึ่งจิตใจกำลังอ่อนแอต้องการใครสักคนหนึ่ง ที่สามารถจะระบายความในใจให้ฟังได้โดยไม่ต้องรู้สึกเสียหน้า นั่งหลับตา น้ำตาค่อยๆไหลรินออกมา เธอคิดว่าเดาไม่ผิดว่าผู้ชายที่วิ่งตามผู้หญิงคนนั้นไปคือคริส นี่ขนาดอยู่ในงานประกาศหมั้นของตัวเอง ต่อหน้าต่อตาพ่อแม่ทั้งของเขาและของเธอ รวมทั้งแขกเหรื่ออีกมากมาย ควรหรือที่เขาซึ่งเพิ่งสวมแหวนหมั้น วงที่เป็นทางการให้เธอจะทำเช่นนั้น เขาคงรักและแคร์ผู้หญิงคนนั้นมาก มากเสียจนไม่สนใจสายตาของใครในที่นั้นเลยหรือ?

คุณลักษณาลืมความตั้งใจเดิมไปทันที เมื่อเห็นน้ำตาและสีหน้าที่เจ็บปวดของลูก เธอทนนิ่งเงียบอยู่ไม่ได้อีกต่อไป 

“ลิตาเห็นผู้หญิงคนนั้นแล้วใช่ไหม ? คนที่ลูกกดวีดีโอให้ค้างไว้น่ะ ความจริงแม่มีเรื่องอยากจะบอกลูกตั้งแต่คืนนั้นแล้ว แต่แม่ยังไม่แน่ใจเลยยังเงียบอยู่ อีกอย่าง..แม่ก็ไม่อยากให้ลูกกับคริสมีปัญหากันด้วย แม่สงสัยตั้งแต่ตอนที่ลูกขอดูวีดีโอนี่แล้วละว่าคงจะต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่”

หญิงสาวลืมตาขึ้นมองมารดาอย่างแปลกใจ “มีอะไรหรือคะ?”

“คืนนั้นตอนที่แม่ขึ้นไปหยิบผ้าพันคอที่ห้องชุด ขากลับลงมาแม่เห็นคริสอยู่กับผู้หญิงคนนั้นที่หน้าลิฟต์” เธอหยุดคิดว่าควรจะพูดต่อไปหรือไม่ แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจ “แม่เห็นเขากำลังยื้อยุดฉุดมือกันอยู่ คริสน่ะ..ทำหน้าเหมือนวิงวอนขอร้องอะไรสักอย่างจากเขา ส่วนแม่คนนั้นก็กำลังพูดกับเขา แต่แม่ไม่ทันฟัง พอเห็นแม่เขาก็สะบัดหลุดจากคริสวิ่งเข้าลิฟต์ไป”

แล้วเธอก็เสริมความเห็นของตัวเองต่ออีกหน่อยว่า “ถ้าแม่ไม่ได้อยู่ตรงนั้น คริสคงวิ่งตามแม่คนนั้นไปแล้ว”

“แม่น่าจะบอกลิตาตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว” ลลิตาตัดพ้อ

คุณลักษณาซึ่งไวในการจับแพะชนแกะ ถามทันทีอย่างร้อนใจว่า “นี่แปลว่าคริสกับลูกมีปากมีเสียงกันจนถึงขั้นลูกกินยาฆ่าตัวตาย ก็เพราะเรื่องผู้หญิงคนนี้ใช่ไหม?”

“โธ่! แม่คะ ลิตาก็บอกแล้วว่าไม่ได้คิดจะฆ่าตัวตาย ลิตากินยาเพื่อให้หลับเท่านั้น แต่อาจจะกินมากไปหน่อยจนเกิดเรื่อง”

“นั่นแหละ..นั่นแหละ มันก็ต้องมีสาเหตุที่ทำให้นอนไม่หลับใช่ไหมล่ะ? จู่ๆลูกจะลุกขึ้นมากินยากล่อมประสาทให้หลับทำไม ถ้าไม่มีเรื่องที่ทำให้เครียดจนนอนไม่หลับ” 

เธอออกความเห็นอย่างผู้ชำนาญเพราะมีประสบการณ์มาก่อน

คุณลักษณาค่อยๆตะล่อมถามว่า “แปลว่าคริสยังติดต่อกับผู้หญิงคนนั้นอยู่ใช่ไหมเท่าที่แม่รู้ แม่คนนั้นยังเป็นนักเรียนอยู่เลย”

คราวนี้ลลิตามองมารดาเขม็งอย่างสงสัย “แม่รู้ได้ยังไงคะ? หรือจ้างนักสืบ?”

ที่หญิงสาวถามอย่างนั้นก็เพราะรู้ว่ามารดาของเธอ เคยว่าจ้างนักสืบเอกชนให้คอยติดตามพฤติกรรมของบิดา และบางครั้งก็ของผู้หญิงที่เธอได้ข่าวว่าคุณปราโมชเข้าไปพัวพันด้วย

คุณลักษณาหน้าเจื่อน อ้อมแอ้มแก้ตัวว่า “เปล่า ไม่ใช่ยังงั้นหรอกน่า ทำไมแม่จะต้องลงทุนถึงขนาดนั้นด้วยเล่า”

แต่ลลิตาไม่ยอมปล่อยให้ผ่านไปง่ายๆ คาดคั้นถามว่า “งั้นทำไมแม่รู้ว่าเขายังเรียนหนังสืออยู่?”

เมื่อเลี่ยงไม่ได้แล้ว คุณลักษณาก็จำใจต้องเล่าให้บุตรสาวฟังโดยละเอียด เรื่องที่เธอไปพบและเจรจากับผู้หญิงคนนั้น ฟังจบแล้วลลิตาก็ยิ้มนิดๆ อย่างเยาะหยันความโง่เขลาของตัวเอง และยังคิดต่อไปด้วยว่าแม้แต่มารดาผู้ฉลาดปราดเปรื่องกับเรื่องแบบนี้ของเธอ ยังถูกหลอกได้เลย

“แม่รู้ไหมคะว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร มีความสัมพันธ์อะไรกับพี่คริส ลิตาเองก็เพิ่งรู้เมื่อไม่กี่วันมานี้เอง ว่าเขาก็คือคนที่เคยช่วยชีวิตพี่คริส ตอนที่พี่เขาหายตัวไปเกือบหนึ่งปีนั่นน่ะ”

“ฮ้า?” คุณลักษณาร้องออกมาอย่างตกใจ ไม่เชื่อหูตัวเอง “ลูกรู้ได้ยังไง? ใครเป็นคนบอก?”

หญิงสาวยิ้มฝืนๆ “ลิตาได้ยินจากปากพี่คริสนั่นแหละค่ะ แล้วเขายังสารภาพอีกด้วยว่าเขารักผู้หญิงคนนั้นเหมือนกัน อาจจะไม่น้อยไปกว่าที่รักลิตาก็ได้”

คุณลักษณาทั้งๆที่กำลังตกใจกับเรื่องที่ได้ยิน ก็ยังไม่วายลอบสังเกตสีหน้าของบุตรสาว ได้เห็นแววตาที่เจ็บปวดรวดร้าวและคั่งแค้นของเธอ 

“เขากล้าพูดอย่างนั้นเลยหรือ? แม่ไม่นึกไม่ฝันเลยนะ ว่าคริสจะทำกับลูกได้ขนาดนี้”

เธอรู้สึกโกรธแค้นชายหนุ่มที่เธอเห็นมาแต่อ้อนแต่ออก ผวาไปที่เครื่องโทรศัพท์ซึ่งอยู่ใกล้มือ 

“ไม่ได้แล้ว แม่ทนนิ่งอีกต่อไปไม่ไหวแล้ว แม่ต้องคุยกับธัญญาให้รู้เรื่องเดี๋ยวนี้”

ลลิตาจับมือของมารดาที่กำลังยกหูโทรศัพท์ “อย่าค่ะ อย่าให้คุณป้ารู้เรื่องนี้เป็นอันขาด”

คุณลักษณาไม่เข้าใจ “ทำไม? เขาทำขนาดนี้แล้วยังจะให้แม่นั่งเฉย ไม่ทำอะไรเลยงั้นรึ?”

“แม่คะ แม่ก็รู้นี่คะว่าคุณป้าเป็นยังไง ท่านไม่กล้าเสียงแข็งกับพี่คริสหรอกค่ะ บางครั้งพี่คริสก็ไม่ฟังใครเลยแม้แต่คุณป้า ลิตารู้จักเขาดี ว่าเวลาที่เขาดื้อขึ้นมาใครก็เอาไม่อยู่ ลิตาไม่อยากให้คนอื่นแม้แต่คุณพ่อรู้เรื่องนี้ ลิตาอาย คนเขาจะคิดว่าลิตาไม่มีน้ำยาเอาพี่คริสไว้ไม่อยู่ ขนาดหมั้นกันจนคนรู้ไปทั่วแล้ว”

เมื่อเข้าใจเหตุผลของบุตรสาว คุณลักษณาก็ยอมวางโทรศัพท์ลงโดยดี นั่งทอดถอนใจด้วยความกลัดกลุ้ม สมองของเธอทำงานอย่างหนัก คิดหาวิธีว่าจะช่วยลูกได้อย่างไร เธอรู้ว่าลลิตารักคริสมาก ไม่เคยมีผู้ชายคนอื่นในชีวิต แม้จะมีผู้ชายอีกหลายคน ทั้งคนไทยและต่างชาติที่สนใจเธอ

“อ้อ! ลิตายังไม่ได้เล่าให้แม่ฟังเลยเรื่องทะเลาะกับคริสน่ะ แม่เข้าใจไม่ผิดใช่ไหมว่าเพราะเรื่องผู้หญิงคนนั้น” ในที่สุดคุณลักษณาก็นึกได้แล้ววกกลับมาที่เรื่องเดิม

ความจริงลลิตาไม่ได้คิดจะเล่าเรื่องที่พัทยาให้ใครฟัง แต่เนื่องจากเธอกำลังสับสนวุ่นวายใจ ต้องการคนที่จะช่วยเธอคิดว่าจะทำอย่างไรต่อไป ประกอบกับการที่คุณลักษณาเป็นมารดาของเธอ ซึ่งต้องรักและหวังดีต่อเธอมากที่สุดอยู่แล้ว จึงน่าจะเป็นที่พึ่งช่วยคิดอ่านได้ และไหนๆคุณลักษณาก็รู้เรื่องมามากพอควรแล้ว หญิงสาวจึงตัดสินใจเล่าเรื่องทั้งหมดให้มารดาฟัง แต่แน่นอน..ที่เธอไม่ได้แย้มพรายถึงเหตุการณ์ในห้องนอนของคริส

พอฟังจบคุณลักษณาก็กล่าวว่า “ถ้าผู้หญิงคนนี้เป็นคนที่ช่วยชีวิตคริสจริง เป็นลูกสาวเจ้าของบ้านที่เขาไปอยู่ด้วยตั้งเกือบปี แล้วก็ดูจากพฤติกรรมที่เราเห็น ลูกไม่คิดบ้างหรือว่าเขาอาจจะมีอะไรกัน ลึกซึ้งกว่าที่มองเห็น”

เธอไม่ได้คิดแบบจะหาเรื่องให้ผู้หญิงคนนั้นเสื่อมเสียหรอก แต่เธอคิดแบบผู้มีประสบการณ์และผ่านโลกมายาวนานเท่านั้น

ลลิตานิ่งคิดแล้วตอบมารดาอย่างพยายามปกป้องคู่หมั้นของเธอ เพื่อกันไม่ให้มารดามองเขาแย่ยิ่งกว่าเก่าว่า 

“ความจริงลิตาก็เคยคิดเหมือนกัน แต่เท่าที่รู้จักพี่คริสมา เขาไม่ใช่คนเจ้าชู้แล้วก็ไม่ใช่คนมักง่าย ทำให้ลิตาไม่ค่อยเชื่อเท่าไรว่าเขาจะทำแบบนั้นได้”

แต่มารดาของเธอผ่านโลกมานานและฉลาดกว่าที่เธอคิด 

“ทำไมจะไม่ได้ อย่าลืมสิว่าตอนนั้นคริสจำเรื่องเก่าๆไม่ได้เลย คงจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่ามีลูกและรักอยู่กับลูก เมื่อเขาเจอผู้หญิงคนนี้ สนิทสนมกัน อยู่บ้านเดียวกัน ถ้าเขาเองก็คิดว่าหัวใจยังว่างอยู่ เขาก็อาจจะเผลอใจไปรักไปมีอะไรกันก็ได้นี่ พูดก็พูดเถอะนะ เขาเองก็สวยเสียขนาดนั้น”

สีหน้าที่เจ็บปวดของลูกสาว ทำให้คุณลักษณาต้องรีบพูดต่ออย่างรวดเร็วว่า “ถึงจะสวยสู้ลูกไม่ได้ก็เถิด” 

“ถ้าเขาเคยมีอะไรกันจริง ลิตาควรจะทำยังไงคะ แม่ ?”

“ไม่เห็นจะต้องทำอะไรเลยนี่ ถ้าเขาจะเคยมีอะไรกันจริง ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่ลูกจะต้องเอามาเป็นอารมณ์ ถ้าผู้หญิงมันตื๊อจะให้เสียอย่าง ผู้ชายคนไหนมันจะไม่เอาล่ะ ไม่ต้องคิดเรื่องนี้เลยนะลิตา ถ้าจะคิดก็ควรคิดเหมือนเขาไปเที่ยวผู้หญิงสักคน เสียเงินแล้วก็หมดเรื่องกันไป ลูกต้องทำเฉยๆ ไม่ต้องไปซักไซ้ไล่เลียงคริส ทางที่ดีลูกต้องรีบแต่งงานกับเขาโดยเร็ว ผู้ชายน่ะพอแต่งงานมีลูกมีเมียแล้วก็ลืมผู้หญิงที่เคยผ่านๆมาได้ แค่ระวังอย่าให้แอบไปมีคนใหม่ก็พอแล้ว เชื่อแม่เถิดนะลิตา”

คุณลักษณาพยายามใช้วาทศิลป์กล่อม เพื่อให้บุตรสาวของเธอสบายใจขึ้น เธอบอกให้ลลิตาอยู่เฉยๆไม่ต้องทำอะไร ก็เพราะสมองที่ฉับไวของเธอ กำลังวางแผนพิชิตศึกกับผู้หญิงคนนั้นแทน โดยไม่ให้ลลิตารู้

“แม่ว่าถ้าลิตาไม่เป็นอะไรมากมายแล้ว ก็น่าจะเดินทางกลับไปพร้อมกับคริส งานแต่งงานก็เหมือนกัน ถ้าเป็นไปได้ก็น่าจะเลื่อนให้เร็วขึ้น พอเราสองคนแต่งงานกันปัญหาต่างๆมันก็จะจบ แล้วก็เชื่อแม่นะ อย่าแยกกันอยู่เป็นอันขาด”

“เรื่องแต่งงานคงเลื่อนให้เร็วขึ้นไม่ได้หรอกค่ะแม่ ลิตาไม่อยากต้องคิดหาเหตุผลมาอ้าง ที่สำคัญ..เราเป็นฝ่ายหญิง ไปขอเลื่อนแบบนี้มันน่าอาย ลิตาทำไม่ได้หรอก แม่เองก็ห้ามพูดเรื่องนี้กับคุณป้านะคะ”

ลลิตาคิดว่าเธอไม่จำเป็นต้องเล่าให้มารดาฟัง ว่าเธอพูดอะไรกับคริสบ้างตอนที่นอนอยู่ในโรงพยาบาล แต่เธอรู้ว่ามันจะได้ผลเพราะเขาไม่ใช่คนเลว เขาเป็นคนขี้สงสารและเห็นอกเห็นใจคนอื่น ต่อไปนี้เขาจะต้องเป็นฝ่ายอ้อนวอนขอร้องให้เธอให้อภัยเขา ให้แต่งงานกับเขา

“ตกลงจ้ะ” คุณลักษณารีบตกปากรับคำ "งั้นลูกกลับไปพร้อมกับคริสเลยนะ อย่าปล่อยเขากลับไปคนเดียวเลย”

หลังจากเกลี้ยกล่อมจนลลิตายินยอมที่จะเดินทางกลับสหรัฐฯพร้อมคริสแล้ว คุณลักษณาก็เข้าไปในห้องนอนส่วนตัวของเธอ โทรศัพท์ติดต่อไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง พูดคุยรายละเอียดกันอยู่พักใหญ่ก็วางโทรศัพท์ นิ่งคิดอยู่สักครู่ก็หยิบอัลบั้มเล่มหนึ่งมาเปิดหารูป เมื่อได้แล้วก็ใช้กรรไกรตัดเอาเฉพาะรูปของคนที่เธอต้องการ นำไปใส่ลงในซองจดหมาย พร้อมเศษกระดาษเล็กๆที่มีข้อความบางอย่าง เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้วก็เดินออกจากห้อง สั่งคนขับรถซึ่งเป็นคนสนิทที่เธอไว้วางใจ ให้นำซองเอกสารใบนั้นไปส่งให้คนๆหนึ่งภายในวันนั้น



 



Create Date : 23 กรกฎาคม 2567
Last Update : 23 กรกฎาคม 2567 14:15:57 น.
Counter : 651 Pageviews.

1 comments
๏ ... ตามแต่พี่อ้าย ฉะบายใจทำ ... ๏ นกโก๊ก
(10 เม.ย. 2568 20:21:31 น.)
เปลว กนก Sleepless Sea
(7 เม.ย. 2568 06:19:19 น.)
๏ ... ฉันเล่น ไม่เป็นท่า ... ๏ นกโก๊ก
(6 เม.ย. 2568 01:39:31 น.)
บินบ่อยๆ มีวิธีจองตั๋วเที่ยวบินให้ได้ราคาคุ้มๆ ถูกๆ อย่างไร สมาชิกหมายเลข 1008458
(6 เม.ย. 2568 00:56:03 น.)

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณThe Kop Civil, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณปัญญา Dh, คุณปรศุราม, คุณสองแผ่นดิน, คุณหอมกร, คุณpeaceplay, คุณฟ้าใสทะเลคราม, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณ**mp5**, คุณeternalyrs, คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณแมวเซาผู้น่าสงสาร, คุณSweet_pills, คุณไวน์กับสายน้ำ

  
สรุปว่าคงพังเพราะแม่จุ้นค่ะงานนี้คุณตุ้ย 555


โดย: หอมกร วันที่: 23 กรกฎาคม 2567 เวลา:14:50:44 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Monhinlai.BlogGang.com

ดอยสะเก็ด
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 57 คน [?]

บทความทั้งหมด