เวลาที่หายไป - บทที 51
คริสมองตามหลังทิพย์สุรางค์ไปอย่างงงงัน ไม่เข้าใจอารมณ์ของเธอเลย แม้จะเตรียมตัวมาพร้อมจากคำแนะนำทั้งของมารดาและวุฒิเลิศ ตอนแรกก็เห็นเธอนั่งฟังอยู่ดีดีนี่นา เขาไม่รู้ตัวว่าพลาดไปแล้ว ชายหนุ่มยกมือขึ้นกุมขมับ พยายามทบทวนคำพูดของตัวเองว่าตอนไหนที่ทำให้เธอโกรธ จนถึงกับพูดตัดขาดว่าจะไม่แต่งงานกับเขาและไล่เขาให้กลับไปหาลลิตา

คิดตั้งนานแล้วมานึกได้ว่าเธอสะบัดลุกหนีไปตอนที่เขาบอกเธอว่า ‘ แต่งก็เพราะมีลูก ‘ อ้าว..แล้วทำไมต้องโกรธ? เขาพูดผิดตรงไหน? ก็มีลูกด้วยกันจริงๆนี่นา เขารักลูก และเชื่อว่าเธอก็รักเด็กชายตัวน้อยคนนั้นพอๆกับเขาเหมือนกัน เขาไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่ทิพย์สุรางค์ต้องการได้ยินคือ เขาต้องการแต่งงานกับเธอเพราะเขารักเธอจนหมดหัวใจ ไม่สามารถจะอยู่ได้โดยไม่มีเธอ

คริสไม่เข้าใจถึงอารมณ์ที่ลึกซึ้งของผู้หญิงว่าลูกไม่เกี่ยว จะมีลูกหรือไม่มีก็ไม่ควรเป็นเหตุผลของการขอแต่งงาน ถึงจะเป็นความจริงก็เถิด ผู้หญิงทุกคนรักลูกด้วยกันทั้งนั้น ลูกเป็นคนสำคัญที่สุดอยู่แล้ว แต่คริสนึกไม่ถึงหรอกว่าผู้หญิงนั้น แม้จะเป็นแม่ของลูก แต่ในขณะเดียวกันเธอก็ยังคงเป็นผู้หญิงอยู่เต็มร้อย ผู้หญิงที่ต้องการความรักแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด จากพ่อของลูกหรือจากผู้ชายที่เธอรัก

ผู้หญิงสามารถแยกแยะได้อย่างชัดเจน ระหว่างความรักลูกและความรักต่อพ่อของลูก ในขณะที่ผู้ชายหลายคนอาจจะรักลูก แล้วเลยรักแม่ของลูกไปด้วยได้ ทั้งๆที่อาจจะไม่เคยนึกรักมาก่อน เขาไม่รู้ว่าผู้หญิงทุกคน ต้องการความรักแบบไม่มีเงื่อนไขด้วยกันทั้งนั้น ไม่ต้องการหรอก ความรักที่ต้องมีอุปกรณ์ช่วยเสริมน่ะ

แล้วคืนนั้นคริสก็ต้องกลับไปนอนก่ายหน้าผากอยู่ในโรงแรมในตัวเมือง คิดไปต่างๆนานาจนวุ่นวายสับสน ไม่รู้ว่าทิพย์สุรางค์จะเอาอย่างไรกับเขาอีก โน่นก็ไม่ได้นี่ก็ไม่ยอม แล้วเขาก็นึกถึงลลิตาขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ เธอผู้นั้นอ่อนหวานน่ารัก เอาอกเอาใจและตามใจเขาทุกอย่าง น้อยครั้งนักที่เธอจะขัดใจเขา ถ้ามีเรื่องขัดใจกันเธอก็จะเป็นฝ่ายง้องอนเขาเสมอ ถึงเธอจะไม่ใช่คนผิดก็ตาม

อารมณ์ที่ถูกทำให้หงุดหงิดโดยทิพย์สุรางค์ ชักพาให้ชายหนุ่มตั้งคำถามกับตัวเองว่า แล้วนี่เขาจะตั้งหน้าตั้งตาอ้อนวอนงอนง้อเธอไปถึงไหน? เธอรักเขาบ้างหรือเปล่า? ก็มารดาเขาบอกว่าเธอรักเขาไม่ใช่หรือ ? ถ้าเธอรักเขาแม้เพียงครึ่งเดียวที่ลลิตารักเขา เธอก็น่าจะพยายามเข้าใจบ้างสิว่าเขารักทั้งเธอและลูก แม้จะไม่มีเด็กชายสิงห์ เขาก็ยังรักและอยากแต่งงานกับเธออยู่ดี แม้บางครั้งเธอจะเจ้าอารมณ์ ทำเรื่องที่เขาเห็นว่าเป็นเพียงเรื่องเล็กๆให้เป็นเรื่องใหญ่ พูดอะไรก็ไม่ค่อยจะยอมฟัง ถือความเห็นตัวเองเป็นใหญ่อยู่บ่อยๆก็ตามที

แต่ถ้าคริสเป็นผู้ชายที่กะล่อน หรือเข้าใจผู้หญิงมากกว่านี้สักหน่อย เขาก็จะรู้ว่าที่ทิพย์สุรางค์ตะบึงตะบอนเอากับเขา โกรธโน่นโกรธนี่อยู่เป็นประจำ ตั้งแง่มันแทบทุกเรื่อง ไม่ว่าเขาจะพยายามเอาใจเธอมากเท่าไรก็ตาม ก็เพราะเธอยังไม่ได้ในสิ่งที่เธอต้องการเท่านั้นเอง เธอยังไม่มั่นใจในความรักของเขา

เขาไม่รู้ว่าความจริงเขาสามารถที่จะเปลี่ยนทิพย์สุรางค์ ให้กลายเป็นลูกแมวเชื่องๆที่น่ารักน่าเอ็นดู พร้อมที่จะเออออไปกับเขาได้ทุกเรื่อง ด้วยการยืนยันให้เธอมั่นใจอย่างน้อยก็ด้วยคำพูด ว่าเขารักเธอคนเดียว เธอเป็นหนึ่งเดียวเท่านั้นในหัวใจเขา ผู้หญิงที่ชื่อลลิตาไม่มีความหมายกับเขาอีกต่อไป ก็เท่านั้นเอง !!!

วันรุ่งขึ้นคริสตื่นแต่เช้า แต่ตั้งใจว่าจะแข็งข้อไม่เข้าไปที่เวียงพุกาม เขาเริ่มรู้สึกว่าทิพย์สุรางค์ทำกับเขาราวกับไม่มีเยื่อใยใดๆ เธออาจจะไม่ได้รักเขาเลยก็ได้ คุณธัญญาคงเข้าใจผิด เขาดื้อด้านตามง้อเธอมาไม่รู้กี่ครั้งกี่หนแล้ว ตั้งแต่อเมริกาจนถึงเมืองไทย เขาทำผิดอะไรนักหนาจนเธอไม่สามารถอภัยให้ได้งั้นหรือ ใจคอเธอคิดจะเลี้ยงลูกคนเดียวราวกับว่าเขาเป็นเด็กไม่มีพ่อหรือไง 

เขาเข้าใจเรื่องความเจ็บปวดของเธอและคิดว่าจะชดเชยให้เธออย่างเต็มที่ เขาสงสารและเห็นใจเธอ ที่ต้องทนอุ้มท้องและเลี้ยงลูกของเขาอยู่คนเดียว แต่เธอไม่คิดว่าทำเกินไปหน่อยหรอกหรือ ที่คอยแต่จะผลักไสไล่ส่งเขาอยู่ตลอดเวลา เขาก็มีหัวใจเหมือนกัน เจ็บปวดเป็นไม่น้อยไปกว่าเธอ แถมยังรู้สึกผิดทั้งต่อเธอและลูกอย่างมหันต์อีกด้วย

แต่แล้วคริสก็ทนอยู่ที่โรงแรมได้เพียงไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น พอถึงเวลาสิบนาฬิกาเขาก็รีบขับรถเข้าไปที่เวียงพุกาม หลังจากเดินพล่านอยู่คนเดียวคิดเรื่องความพยศต่างๆนานาของทิพย์สุรางค์ 


เมื่อขึ้นมาบนตึกเขาเห็นหญิงสาวนั่งอ่านนิตยสารอยู่ในห้องนั่งเล่น ระหว่างขับรถเข้ามาที่เวียงพุกาม ชายหนุ่มคิดว่าเขาจะต้องดัดนิสัยเสียๆเอาแต่ใจตัวเองของทิพย์สุรางค์เสียบ้าง เขาจึงทำเป็นไม่เห็นเธอเสียเฉยๆอย่างนั้นแหละ อยากรู้เหมือนกันว่าเธอจะทำอย่างไร

ส่วนทิพย์สุรางค์นั้น คืนที่ผ่านมาเธอนอนหลับๆตื่นๆทั้งคืน ทั้งเป็นห่วงและกังวล ที่เป็นห่วงก็เพราะตอนที่คริสหุนหันขับรถจากไปนั้นค่อนข้างดึกแล้ว เธอกลัวว่าเขาจะประสบอันตรายระหว่างทาง ซึ่งเปล่าเปลี่ยวปราศจากยวดยานสัญจรไปมา รถอาจจะเสียขึ้นมาโดยกระทันหัน อาจจะมีคนร้ายมาดักซุ่มเพื่อชิงทรัพย์เขา เธอคิดไปต่างต่างนานา แล้วยังกังวลอีกด้วยเพราะรู้ว่าเขาโกรธเธอ ที่บอกว่าไม่ต้องการจะแต่งงานกับเขา แล้วไล่เขาให้กลับไปหาผู้หญิงคนนั้น ตอนที่เขาออกมาจากห้องนั่งเล่น เดินผ่านเธอที่ยืนอยู่แถวๆโต๊ะอาหาร เขาไม่มองหน้าเธอเลย แต่เธอแอบชำเลืองมองเขา เห็นสีหน้าเขาเครียด นัยน์ตาก็ดุอย่างที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน

แล้ววันนี้เธอก็รีบตื่นแต่เช้า อาบน้ำแต่งตัวอย่างตั้งใจให้สวยงามเพื่อเขา ด้วยชุดอยู่กับบ้าน กระโปรงยาวสีเขียวเข้มและเสื้อผ้าป่านแขนกุดคอตั้งสีขาวเข้ารูป ปักดอกไม้ช่อเล็กๆหลากสีกระจายทั่วด้านหน้าตัวเสื้อ แม้แต่ผมที่ปกติเธอชอบรวบหรือมัดเป็นมวยหลวมๆไว้ตรงท้ายทอยอย่างไม่สนใจใยดี วันนี้เธอก็อุตส่าห์แปรงมันอยู่นานแล้วปล่อยให้ยาวสลวยลงมากลางหลัง

เสร็จเรียบร้อยแล้วก็ลงมาข้างล่าง เดินไปเดินมารอเขา คิดว่าคริสจะต้องรีบมาแต่เช้า แต่เปล่าเลย เธอรอแล้วรอเล่าเขาก็ยังไม่มา อาหารที่สั่งให้สาวใช้เตรียมไว้เผื่อเขาด้วย ก็ถูกทิ้งให้หมดรสชาติอยู่บนโต๊ะอาหาร ทิพย์สุรางค์เริ่มใจเสีย หรือเขาเข้าใจว่าที่เธอบอกว่าจะไม่แต่งงานด้วย แถมไล่เขากลับไปหาผู้หญิงคนนั้น เป็นสิ่งที่เธอต้องการจริงๆ

ถ้าเขาเกิดเชื่ออย่างนั้นขึ้นมาจริงๆ แล้วเดินทางออกจากตัวจังหวัดไปแล้วล่ะ เธอจะทำอย่างไรดี ถ้าเขาไม่กลับมาหาเธอและลูกอีกแล้ว เธอจะทำอย่างไรต่อไป ยิ่งคิดก็ยิ่งใจเสีย ทิพย์สุรางค์กระสับกระส่าย เดินวนเวียนไปมาขึ้นๆลงๆอยู่ระหว่างชั้นบนกับชั้นล่าง 


แล้วในที่สุดเขาก็มา เมื่อนาฬิกาบอกเวลาเที่ยงสิบห้านาที เธอเห็นเขาแล้วแต่แกล้งทำเป็นอ่านหนังสือเฉยอยู่ คิดว่าเดี๋ยวเขาก็คงเข้ามาตอแยเธอเหมือนเคย แต่เปล่าหรอก เขาเดินผ่านเธอไปตามหาสิงห์ โดยไม่แม้แต่จะชำเลืองมองเธอ

ชายหนุ่มเดินตามหาลูกชายตัวน้อยไปจนทั่วตึก ในที่สุดก็รู้ว่าเขาอยู่กับแสงดาว พี่เลี้ยงประจำตัวของเขาในห้องเล็กๆบนตึกชั้นล่าง ที่จัดไว้เป็นที่เล่นและเก็บของเล่นของเขาโดยเฉพาะ เมื่อเปิดประตูเข้าไป ทั้งเด็กรุ่นสาวที่เป็นพี่เลี้ยงและเด็กชายสิงห์ ซึ่งกำลังนั่งเล่นอะไรง่วนอยู่บนพื้นห้อง ก็เงยหน้าขึ้นมองเขาเป็นตาเดียวกัน พอเห็นคริส เด็กชายก็ผวาเข้าหาพี่เลี้ยงทันที หน้าตาของเขาเริ่มตื่นกลัวขึ้นมาอีก

คริสทำไม่รู้ไม่ชี้ มองไปรอบๆห้อง เมื่อเห็นกล่องแบนๆขนาดใหญ่ลักษณะเป็นกล่องของเล่น วางอยู่บนโต๊ะซึ่งตั้งอยู่ชิดผนังด้านหนึ่ง เขาก็เดินเข้าไปดู จำได้ทันทีว่ามันคือกล่องรถไฟจำลองซึ่งมีพร้อมตั้งแต่ราง ตัวโบกี้ สถานีรถไฟ ฯลฯ ที่เขาฝากกรมาให้สิงห์ ชายหนุ่มหยิบกล่องลงมาวางบนพื้น เทอุปกรณ์ทั้งหมดในกล่องออก ตาก็ชำเลืองดูเด็กชายซึ่งตอนนี้ แม้มือข้างหนึ่งจะเกาะแขนแสงดาวไว้แน่น แต่ตาสีน้ำตาลเข้มจ้องเป๋งมาที่ของที่กองอยู่ตรงหน้าคริสอย่างสนอกสนใจ

ชายหนุ่มเริ่มประกอบรางรถไฟเข้าด้วยกัน เป็นแท่งยาวแท่งโค้งตามลักษณะของมัน เมื่อเห็นสิงห์กำลังใจจรดใจจ่อดูว่าแท่งเหล่านั้นคืออะไร เขาก็แอบพยักเพยิดกับแม่พี่เลี้ยงสาวรุ่น เป็นทำนองให้ออกจากห้องไปเสีย 


ซึ่งเจ้าหล่อนก็ทำตามโดยดี โดยค่อยๆแกะมือเด็กชายออกจากแขน หลอกล่อเขาว่า “เดี๋ยวแสงดาวมานะคะคุณสิงห์” แล้วก็รีบรุดออกประตูไป

เด็กชายตัวน้อยเหลียวมองตามหลังพี่เลี้ยง แล้วเริ่มเบะปากทำท่าจะร้องไห้ ตั้งท่าจะตามเจ้าหล่อนออกไป แต่คริสรีบเรียกความสนใจของเขาให้กลับมาสู่ของเล่น ด้วยการหยิบตู้โบกี้ตู้หนึ่งเคาะลงกับพื้นห้องแล้วพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน

“ดูนี่สิ สิงห์ นี่รถไฟนะ มันวิ่งได้ด้วย” 


แล้วเขาก็วางมันลงบนพื้นห้องไสส่งไปให้สิงห์ ซึ่งตอนนั้นเริ่มหันกลับมามองใหม่อย่างสนใจ เลิกล้มที่จะตามพี่เลี้ยงออกไป ระหว่างนั้นชายหนุ่มก็รีบประกอบอุปกรณ์ต่างๆเข้าด้วยกันอย่างเร่งรีบ เพราะกลัวว่าเด็กชายจะหมดความสนใจ แล้วร้องไห้อาละวาดออกมาเสียก่อน

ระหว่างที่เขาสาละวนอยู่กับการประกอบรางรถไฟ เด็กชายซึ่งตอนแรกอยู่ห่างจากเขาพอสมควร ค่อยๆเดินเตาะแตะใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ดวงตากลมโตบ๊องแบ๊วจ้องเขม็งมาที่ของเล่น เมื่อคริสประกอบเสร็จ บรรจุแบตเตอรี่เข้าไปในที่ของมันเรียบร้อยและกดสวิทซ์เดินเครื่อง รถไฟขบวนยาวที่เขานำโบกี้แต่ละตู้มาต่อพ่วงเข้าด้วยกันก็แล่นช้าๆไปตามราง ตอนนี้เด็กชายซึ่งกำลังสนใจกับของเล่นชิ้นใหม่ ที่มารดาของเขาไม่เคยประกอบให้เล่น เข้ามาถึงตัวคริสแล้วและนั่งลงข้างๆเขา

พอรถไฟที่แล่นไปช้าๆในตอนแรกเริ่มเร่งความเร็วขึ้น เด็กชายสิงห์ก็ตบมือเปาะแปะหัวเราะชอบใจ หันมาพยักเพยิดกับคริส ทำให้ชายหนุ่มอดใจไม่ไหวต้องอุ้มเขาขึ้นมานั่งบนตัก แม้จะต้องเสี่ยงกับเสียงกรี้ดประท้วงก็เถิด แต่ผิดคาด คราวนี้สิงห์ยอมนั่งตักเขาโดยดี

เมื่อรถไฟขบวนนั้นแล่นไปเจอสะพาน มันก็พยายามไต่ขึ้นไปแล้วกลับไหลลงมา ก่อนจะหลุดจากรางกระเด็นตกลงไปที่พื้น เด็กชายทำหน้าตื่นตาโตอย่างตกใจแล้วร้อง “อู๊ อู๊” หันมามองหน้าคริส แล้วชี้มือไปที่รถไฟขบวนนั้น เหมือนจะบอกเขาให้ไปเก็บมันมาวิ่งใหม่

ชายหนุ่มก้มลงจูบแก้มขาวๆ ที่ตอนนี้ไม่มอมด้วยคราบน้ำตาเหมือนเมื่อวานนี้แล้ว แถมยังหอมกรุ่นด้วยแป้งเด็กซ้ำๆกันหลายที โดยที่เจ้าของแก้มไม่แผลงฤทธิ์ ซึ่งคงเป็นเพราะกำลังตื่นเต้นกับของเล่นชิ้นใหม่ อุ้มเขาขึ้นจากตักพาเดินไปที่รถไฟที่ตกรางอยู่ ย่อตัวลงแล้วจับมือน้อยๆของลูก ให้เอื้อมลงไปจับรถไฟขบวนนั้นขึ้นมา โดยมีมือของเขาช่วยประคองอีกที แล้วหลังจากนั้น เมื่อไหร่ก็ตามที่รถไฟขบวนนั้นวิ่งตกราง เด็กชายตัวน้อยก็รีบลุกขึ้นจากตักคริส เดินเตาะแตะไปลากมันมาส่งให้ชายหนุ่ม เพื่อทำให้วิ่งไปบนรางได้อีกครั้งหนึ่ง

ทั้งสองเล่นกันอยู่อย่างนั้นเป็นเวลานาน จนทิพย์สุรางค์ที่กระสับกระส่ายรอเขาอยู่ต้องตามมาดู หลังจากที่สั่งคำหล้าให้นำอาหารไปอุ่นแล้วจัดขึ้นโต๊ะใหม่ เธอตั้งใจจะมาเรียกคริสไปรับประทานอาหารกลางวัน หญิงสาวแง้มประตูห้อง ภาพพ่อลูกที่กำลังเล่นรถไฟอยู่ด้วยกัน โดยที่ลูกนั่งตักพ่อและพ่อก็ถือโอกาสจูบลูกซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างไม่เบื่อหน่าย ทำให้หญิงสาวต้องเบือนหน้าหนี น้ำตาไหลออกมาด้วยความตื้นตันใจ สงสารทั้งพ่อและลูกที่เพิ่งจะมีโอกาสได้พบและใกล้ชิดกันอย่างพ่อกับลูก

เมื่อทิพย์สุรางค์หันไปมองอีกครั้งหนึ่งก็เห็นคริส ซึ่งคงจะเมื่อยเพราะนั่งอยู่ในท่านั้นมานานแล้ว ล้มตัวลงนอนแผ่เหยียดยาวบนพื้นห้อง มีร่างของเด็กชายติดมือมาด้วย เขาใช้มือสองข้างจับร่างของสิงห์เอาไว้ ยกชูสูงขึ้นไปในอากาศจนสุดปลายแขน แล้วยกต่ำลงมาจนจรดอก ยกขึ้นยกลงอยู่อย่างนั้นหลายเที่ยว ทุกครั้งที่ถูกยกสูงขึ้นไปเด็กชายก็ส่งเสียงกรี้ดกร้าดชอบอกชอบใจ ตาของเขาเป็นประกายแวววับอย่างสนุกสนาน และเมื่อถูกยกลงมาเกยอยู่บนอกของคริสอย่างกระทันหัน เขาก็หัวเราะเอิ้กอ้ากจนน้ำลายไหลหยดย้อยลงบนอกเสื้อของชายหนุ่ม

“สิงห์ เด็กชายสิงห์ครับ เรียกพ่อหน่อยซิลูก” เขาอ้อนวอนหลายครั้ง แถมทำปากห่อออกเสียงคำว่า “พ่อ” ให้ดูด้วยแต่ไม่สำเร็จ 


พอเหลือบมาเห็นทิพย์สุรางค์ที่ประตู เด็กชายก็ร้องว่า “แม่ แม่” มองหน้าชายหนุ่มแล้วชี้ให้เขาดูเธอ 

หญิงสาวคิดว่าตอนนี้สิงห์คงเริ่มติดคริสแล้ว เพราะเขาไม่รีบวิ่งมาหาเธอเหมือนทุกครั้งที่เห็นเธอ เขายังเกาะติดอยู่กับคริสแม้แต่ตอนที่เธอเดินเข้ามาในห้อง

“ สิงห์ ไปทานนมนอนได้แล้ว” เธอบอกแล้วดึงลูกชายตัวน้อยจะให้ยืนขึ้น จากท่าที่นั่งอยู่บนหน้าอกของคริส แต่เด็กชายทำตาขุ่น ขืนตัวไว้แล้วร้องว่า “ไม่! ไม่!”

คริสได้ทีก็รีบลุกขึ้นนั่ง กอดลูกเอาไว้แน่น จูบผมหยิกหยักโศกของเขาเบาๆ 


“อ๋อ ยังไม่หิวแล้วก็ยังไม่ง่วงด้วยใช่ไหม อยากอยู่กับพ่อหรือลูก” แต่เขาก็ยังไม่ยอมมองเธออยู่ดี

ทิพย์สุรางค์เดินออกไปเรียกแสงดาวซึ่งนั่งอยู่แถวนั้น ให้เข้ามาเอาตัวสิงห์ไปอาบน้ำทานนมแล้วนอนกลางวัน ซึ่งกว่าแสงดาวจะเอาตัวเขาออกไปได้ก็เหนื่อย เพราะเด็กชายดิ้นรนทำฤทธิ์ไม่ยอมไปง่ายๆ เมื่อแสงดาวพาสิงห์ออกไปแล้ว ทิพย์สุรางค์เห็นคริสยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลา เธอใจหายวาบเมื่อคิดว่าหรือเขากำลังจะกลับเพราะยังโกรธเธออยู่ 


 “คุณคงยังไม่ได้ทานอาหารกลางวัน ฉันเตรียมไว้ให้แล้ว” เธอฝีนใจง้อเขา

ชายหนุ่มแกล้งทำหน้าเฉยไม่ตอบว่าอะไร แต่ยอมเดินตามเธอเข้าไปในห้องอาหาร เขาสังเกตเห็นว่าระหว่างนั่งรับประทานอาหารอยู่ด้วยกัน ทิพย์สุรางค์พยายามเอาอกเอาใจ ช่วยเลื่อนอาหารจานโน้นจานนี้ให้ใกล้มือเขา ตาก็คอยชำเลืองดูสีหน้าเขา คริสเห็นเธอทำหน้าจ๋อยไม่ทำฤทธิ์ทำเดชอย่างที่เคยทำ ก็ทั้งขำและสงสาร แต่ยังหรอก ต้องแกล้งแข็งข้อต่อไปอีกหน่อยทั้งๆที่ใจอ่อนยวบไปแล้ว

หลังอาหาร ทิพย์สุรางค์ชวนเขาเข้าไปในห้องนั่งเล่นแล้วเปิดเพลงเบาๆให้ฟัง คริสนั่งอยู่เพียงครู่เดียวก็เดินลงจากตึกหน้าตาเฉยโดยไม่บอกกล่าว ความจริงเขาออกไปสูบบุหรี่และอยากจะแกล้งเธออีกนิดหน่อยด้วย แต่ทิพย์สุรางค์ซึ่งกำลังน้อยใจจนน้ำตาจะหยดอยู่แล้ว ที่เขาแทบจะไม่พูดกับเธอสักคำ เข้าใจว่าเขาจะกลับแล้วโดยไม่แยแสเธอเลย แม้เธอจะลงทุนง้องอนเขาก็ตาม พอคริสเดินลงบันไดหน้าตึกลับตาไป หญิงสาวก็เดินแกมวิ่งออกจากห้องนั่งเล่น ขึ้นบันไดเข้าไปในห้องส่วนตัว ล็อคประตูแล้วลงนอนร้องไห้สะอื้นฮักๆ ด้วยความน้อยใจอยู่บนเตียง

หลังจากร้องไห้จนรู้สึกหายอัดอั้นไปมากแล้ว ทิพย์สุรางค์ก็ลุกขึ้นจากเตียงเดินไปส่องกระจก เมื่อเห็นหน้าที่หมดรอยแป้งและดวงตาที่บวมช้ำจากการร้องไห้อย่างหนัก เธอก็ล้างหน้าล้างตาเติมแป้งเสียใหม่ แต่ตาของเธอก็ยังบวมอยู่ เมื่อทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านั้นหญิสาวก็บอกตัวเองว่าช่างมันเถอะ ถึงแสงดาวหรือศรีวรรณจะสังเกตเห็นก็คงไม่รู้เรื่องอะไรหรอก แล้วเธอก็ลงบันไดไปข้างล่าง

ทิพย์สุรางค์มองนาฬิกาที่ผนังห้องนั่งเล่น ซึ่งบอกว่าขณะนั้นบ่ายสามโมงกว่าแล้ว เธอคิดว่าป่านนี้สิงห์คงใกล้จะตื่นนอนแล้วและแสงดาวคงอยู่กับเขา เธอพยายามทำใจให้สงบ หยิบแมกกาซีนฉบับหนึ่งขึ้นมาอ่าน แต่แล้วก็ต้องวางมันลงเพราะไม่มีสมาธิพอ ใจที่กังวลไม่ยอมให้เธอทำอย่างอื่น นอกจากทบทวนคิดถึงเรื่องระหว่างเธอกับคริส หญิงสาวเริ่มรู้สึกว่าบางครั้งเธอก็ทำกับเขาเกินไป และเขาก็สุดแสนจะอดทนกับฤทธิ์เดชของเธอ

คิดไปคิดมาแล้วทิพย์สุรางค์ก็ตั้งใจว่า ถ้าคริสยังอยู่ในตัวเมือง ยังไม่ได้ขึ้นเครื่องบินไปเชียงใหม่และกลับมาที่เวียงพุกามอีกครั้ง หรือโทรศัพท์มาหา เธอก็จะทำดีกับเขา จะพยายามโมโหให้น้อยที่สุด เขาพูดอะไรก็จะรับฟังแต่จะทำตามหรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

ความจริงเธอก็รู้ว่าผู้ชายส่วนใหญ่ ชอบผู้หญิงที่อ่อนหวานไม่เรื่องมาก และถ้าพูดกันจริงๆแล้วเธอก็ทำเป็นถ้าอยากจะทำ ถึงจะต้องฝืนธรรมชาติของตัวเองไปบ้าง ก็ไม่เห็นจะเสียหายอะไร หญิงสาวพยายามบอกตัวเองว่า ที่เธอจะทำดีกับเขาก็เพื่อลูกชายตัวน้อยของเธอเท่านั้น เพราะเธอเห็นแล้วว่าเขาติดพ่อของเขามาก ไม่เกี่ยวอะไรกับตัวเธอเลย

พอตัดสินใจได้แล้ว ทิพย์สุรางค์ก็เดินไปที่ห้องข้างล่าง ที่จัดไว้เป็นที่นอนกลางวันของเด็กชาย แต่พอเปิดประตูเข้าไป เธอก็เห็นคริสอยู่ในห้องนั้นกับสิงห์ซึ่งตื่นนอนแล้ว เขานอนอยู่บนตักคริส กำลังดูดนมจากขวดที่แสงดาวคงจัดการชงมาให้ เพราะปกติหลังจากนอนกลางวันเขาจะดูดนมอีกขวดหนึ่ง พอเห็นว่าคริสยังอยู่ ไม่ได้กลับไปที่โรงแรมในตัวเมืองอย่างที่คิด ใจของเธอก็วาบขึ้นมาด้วยความดีใจ แต่ด้วยมารยาหญิงเธอแกล้งทำหน้าเฉย ไม่สบตาเขาที่เงยหน้าขึ้นมองเมื่อได้ยินเสียงประตูเปิด

ทิพย์สุรางค์ทำเป็นถามลูกชายตัวจ้อย ที่เหลือบตาสีน้ำตาลเข้มใสแจ๋วของเขาขึ้นมองเธอ โดยที่ปากเล็กๆแดงแจ้ดด้วยสุขภาพที่สมบูรณ์นั้น ยังดูดขวดนมที่ใช้สองมือถืออยู่ต่อไปอย่างมีความสุข 


“ตื่นแล้วหรือลูก”

ส่วนคริสนั้นมองหน้าทิพย์สุรางค์แวบเดียวก็รู้แล้ว ว่าเธอแอบไปร้องไห้มา เขาเห็นดวงตาที่บวมแดงของเธอแล้วก็รู้สึกสงสาร คิดว่าได้ลงโทษความดื้อรั้นของเธอพอแล้ว ชายหนุ่มส่งยิ้มกว้างให้เธอและพูดเหมือนกับลืมไปแล้วว่าเมื่อไม่กี่ชั่วโมงมานี้ เขายังทำเฉยเมยมึนตึงไม่พูดไม่จากับเธออยู่เลย

“เขาตื่นได้สักพักแล้วละ ผมหาคุณหนูไม่เจอเลยเข้ามาหาสิงห์” แล้วเขาก็ดึงมือเธอให้นั่งลงข้างๆ

เด็กชายสิงห์ซึ่งดูดนมหมดขวดแล้ว เอาขวดนมออกจากปากยื่นส่งให้คริส แล้วตะกายลงจากตักเขาเข้าไปหาทิพย์สุรางค์ เมื่อเธอกอดร่างป้อมๆของเขาเอาไว้เขาก็กอดคอเธอ แหงนหน้าขึ้นใช้จมูกเล็กๆของเขาจูบแก้มเธอเสียงดังฟอดหลายทีติดๆกัน

คริสมองภาพแม่ลูกที่กอดจูบกันอยู่ตรงหน้าอย่างตื้นตันใจ นี่คือครอบครัวเล็กๆของเขา นี่คือชีวิตที่เขาต้องการและจะไม่ยอมเสียมันไป แม้ทิพย์สุรางค์จะทำเหมือนไม่แยแส ที่จะเป็นครอบครัวของเขาก็ตาม แล้วเขาก็หันไปพูดกับเด็กชาย 


“ วันนี้พ่อจะเล่นกับสิงห์ทั้งวันเลยนะ ถ้าพ่อเล่นด้วยแล้วคืนนี้สิงห์ให้พ่อนอนด้วยนะลูกนะ”

“ใครเชิญ?” หญิงสาวพยายามทำสีหน้าปึ่งชาทั้งๆที่หัวใจเริ่มอบอุ่น “ถ้าเล่นกับเขาเสร็จ ก็เชิญกลับไปได้เลย”

ชายหนุ่มอมยิ้ม “กลับไปไหน? ผมไม่ไปไหนหรอก คืนนี้ผมจะนอนที่นี่กับนายสิงห์ ผมเอาเสื้อผ้ามาด้วยแล้ว”

“แต่คุณจะอยู่หรือค้างที่นี่ไม่ได้” ทิพย์สุรางค์ทำเสียงแข็ง “ที่นี่ไม่ใช่บ้านใช่ช่องของคุณ”

“อ้าว แต่ก่อนที่นี่ก็ไม่ใช่บ้านใช่ช่องของผมสักหน่อย คุณหนูยังยอมให้ผมอยู่นี่นา จำไม่ได้หรือไง?” เขายั่ว

ทิพย์สุรางค์แสร้งทำหน้าบึ้งให้เขาเห็นว่า เธอไม่พอใจกับการต่อล้อต่อเถียงของเขา นึกในใจว่านายเคนนี่ก็กวนประสาทเป็นเหมือนกัน เห็นทำซื่อๆอย่างนั้นเถอะ

“ฉันหมายถึงบนตึกหลังนี้ แต่ก่อนคุณอยู่ที่นี่หรือไง? ถ้าคุณไม่กลับ ก็เชิญขนเสื้อผ้าของคุณไปนอนกับตาเป็งโน่น” เธอไล่ส่ง 


แต่แล้วเมื่อนึกขึ้นได้ถึงเหตุการณ์คืนนั้นที่กระท่อมตาเป็ง เธอก็หยุดพูดทันที หน้าของหญิงสาวแดงก่ำเลยไปถึงลำคอ

เมื่อเห็นเช่นนั้นชายหนุ่มซึ่งเข้าใจความรู้สึกของเธอดี ก็รีบเปลี่ยนเรื่อง 


“ไป สิงห์ ไปหาอะไรเล่นกันดีกว่า” ว่าแล้วเขาก็ลุกขึ้นยืน อุ้มสิงห์เดินตามทิพย์สุรางค์ออกไปจากห้อง

 



Create Date : 27 กันยายน 2567
Last Update : 27 กันยายน 2567 9:36:14 น.
Counter : 422 Pageviews.

6 comments
๏ ... เลือกแล้ว เลือกเลย ... ๏ นกโก๊ก
(14 เม.ย. 2568 11:09:48 น.)
๏ ...จะริยะทำ ... ๏ นกโก๊ก
(11 เม.ย. 2568 21:29:11 น.)
Oh!! my sassy boss ตอนที่ 39 หน้า 4 unitan
(9 เม.ย. 2568 16:34:07 น.)
"สงกรานต์ชองสัตว์รู" ดอยสะเก็ด
(8 เม.ย. 2568 07:47:07 น.)

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณปัญญา Dh, คุณหอมกร, คุณ**mp5**, คุณThe Kop Civil, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณmultiple, คุณปรศุราม, คุณสองแผ่นดิน, คุณhaiku, คุณอุ้มสี, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณอาจารย์สุวิมล, คุณSweet_pills, คุณแมวเซาผู้น่าสงสาร, คุณnewyorknurse, คุณร่มไม้เย็น

  
อ่า เริ่มปรับเข้าหากันแล้วค่ะคุณตุ้ย

โดย: หอมกร วันที่: 27 กันยายน 2567 เวลา:11:50:07 น.
  
แวะมาเยี่ยมและส่งกำลังใจครับ
โดย: **mp5** วันที่: 27 กันยายน 2567 เวลา:12:01:43 น.
  
ตามมาอ่านต่อค่ะ
โดย: อุ้มสี วันที่: 27 กันยายน 2567 เวลา:23:15:22 น.
  
สวัสดี จ้ะ น้องตุ้ย

ตามมาอ่าน จ้ะ เรื่องราวตอนนี้ ให้ข้อคิดว่า ผู้หญิงอย่าได้งอน
เกินงาม นะจ๊ะ อิอิ พระเอกเราก็ไม่ย่อย เริ่มแข็งข้อทำเป็นไม่สนใจ
ไปเล่นกับลูก ชะ เข้าทำนอง พ่อแง่แม่งอน จ้ะ
รออ่านต่อ จ้ะ

โหวดหมวด งานเขียนฯ
โดย: อาจารย์สุวิมล วันที่: 28 กันยายน 2567 เวลา:8:11:56 น.
  
ขอบคุณพี่ตุ้ยนะคะ
โดย: Sweet_pills วันที่: 1 ตุลาคม 2567 เวลา:0:13:40 น.
  
{🔴 [2.21] มนุษย์เอ๋ย จงเคารพภักดีพระผู้อภิบาลของสูเจ้า ผู้ทรงบังเกิดสูเจ้า และบรรดาก่อนหน้าสูเจ้า เพื่อสูเจ้าจะได้สำรวมตน จากความชั่ว

🔵 [2.22] ผู้ทรงทำแผ่นดิน ให้เป็นพื้นสำหรับสูเจ้า และชั้นฟ้าเป็นหลังคา และทรงส่งน้ำมาจากฟากฟ้า และทรงให้ผลไม้ต่าง ๆ งอกเงยออกมา เพราะเหตุนั้น เพื่อเป็นเครื่องยังชีพสำหรับสูเจ้า ดังนั้นเมื่อสูเจ้ารู้ดีอยู่แล้ว ก็จงอย่าตั้งสิ่งใดเคียงคู่กับอัลลอฮ์

🔴 [2.23] และถ้าหากสูเจ้า ยังคงคลางแคลงสงสัย ในสิ่งที่เราได้ส่งมาแก่บ่าวของเรา ก็ขอให้สูเจ้า จงแต่งขึ้นมาสักซูเราะฮ์หนึ่ง ที่เหมือนกับสิ่งนี้ สูเจ้าอาจจะเรียกใครอื่น นอกจากอัลลอฮ์มาช่วยเหลือสูเจ้าก็ได้ ถ้าหากสูเจ้าแน่จริง (ในความสงสัยก็จงทำ)

🔵 [2.24] แต่ถ้าหากสูเจ้าไม่ทำ และสูเจ้าก็ไม่มีทางที่จะทำได้ด้วย ดังนั้น จงระวังไฟ ที่ถูกเตรียมไว้สำหรับบรรดาผู้ปฏิเสธ ซึ่งจะมีมนุษย์และหินเป็นเชื้อเพลิง

🔴 [2.25] และ (มุฮัมมัด) จงแจ้งข่าวดี แก่บรรดาผู้ศรัทธา และประกอบการดีทั้งหลายว่า สำหรับพวกเขา คือสวนสวรรค์หลากหลาย ที่เบื้องล่าง มีลำน้ำหลายสายไหลผ่าน คราวใดที่พวกเขา ได้รับผลไม้จากที่นั่นเป็นปัจจัยยังชีพ พวกเขาจะกล่าวว่า นี่เป็นสิ่งที่เราได้ถูกประทานมาก่อน และพวกเขา จะถูกประทานให้เยี่ยงนั้น และจะมีคู่ครองที่บริสุทธิ์ สำหรับพวกเขาในนั้น และพวกเขาทั้งหลาย จะพักอยู่ในนั้นตลอดไป}

❤ ประโยชน์บางประการของศาสนาอิสลาม 💙


https://justpaste.it/b790p

โดย: ศาสนาอิสลาม IP: 104.194.11.90 วันที่: 3 ตุลาคม 2567 เวลา:16:34:40 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Monhinlai.BlogGang.com

ดอยสะเก็ด
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 57 คน [?]

บทความทั้งหมด