เวลาทิหายไป - บททิ่ 48

ระหว่างเดินทางกลับบ้านที่กรุงนิวยอร์ค คุณธัญญาหยิบรูปเด็กชายตัวน้อย ซึ่งตอนนี้รู้แน่แล้วว่าเป็นหลานคนแรกและคนเดียวของเธอ ออกมาเพ่งพิศดูซ้ำแล้วซ้ำอีก ด้วยความตื่นเต้นดีใจและกังวลไปพร้อมๆกัน เธอรู้ว่าจะมีปัญหาอีกมากมายตามมา เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ที่เธอจะต้องปรึกษากับสามี ว่าจะทำอย่างไรต่อไป ถ้าเขาเป็นหลานของเธอ เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตระกูลเลย์ตันจริง เธอจะไม่รับรู้ ทำประหนึ่งว่าเขาไม่มีตัวตนได้หรือ

แล้วคุณธัญญาก็ทอดถอนใจอย่างหนักอก นิ่งคิดถึงคนสามคนที่เข้ามาเกี่ยวข้องกันจนกลายเป็นรักสามเส้า ตอนแรกเธอเคยคิดสงสัยว่าทำไมลูกชายของเธอจึงตัดสินใจไม่ได้ ว่าจะทำอย่างไรต่อไปกับผู้หญิงสองคนที่เกี่ยวข้องอยู่กับเขา เป็นไปได้หรือไม่ว่าเขาก็เหมือนผู้ชายทั่วไป ที่มีธรรมชาติวิสัยของมนุษย์ผู้ชายที่เข้าข้างตัวเอง ที่ทำให้คิดว่าทำไมการรักผู้หญิงสองคนพร้อมๆกันจึงจะเป็นความผิด ความรักมันห้ามกันได้หรือ? หัวใจของคนเราสามารถสั่งได้หรือว่าควรรักใครหรือไม่รักใคร?

และเมื่อเขารักผู้หญิงสองคน ทำไมเขาจึงจะไม่อยากเป็นเจ้าของ ครอบครองทั้งกายและใจของผู้หญิงสองคนนั้นเล่า? ฐานะอย่างเขาคงไม่ยากหรอกที่จะมีผู้หญิงมากกว่าหนึ่งคน ทำไมเขาจะต้องเลือกเพียงคนใดคนหนึ่ง เขาคิดเข้าข้างตัวเองแบบเห็นแก่ตัว ตามวิสัยผู้ชายที่มีแต่ทางได้เช่นนี้หรือเปล่า ที่อยากจะได้ไว้ทั้งสองคน?

แต่ตอนนี้หลังจากรู้เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นจากคริสแล้ว คุณธัญญาซึ่งเชื่อมั่นมาตลอดจากการอบรมเลี้ยงดูเขามาตั้งแต่เกิด ว่าลูกชายคนเดียวของเธอไม่ใช่คนเห็นแก่ตัว ไม่ใช่คนที่ไม่ให้เกียรติผู้หญิง เธอมั่นใจว่าในที่สุด มโนธรรมและศีลธรรมที่ได้รับการปลูกฝังมาตั้งแต่เยาว์วัย จะสะกิดเตือนเขาว่าเขาอาจจะรักผู้หญิงสองคนนั้นได้ แต่จะทำเหมือนรักพี่เสียดายน้องไม่ได้ สุดท้ายแล้วเขาต้องเลือกเพียงหนึ่งเดียว

ถ้าเขาจะเห็นแก่ตัวปล่อยเรื่องให้คาราคาซัง ไม่ยอมตัดสินใจให้เด็ดขาด ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลหรือข้อขัดข้องใดใดก็ตาม ก็เท่ากับสร้างกรรมยืดเยื้อที่ผู้รับกรรมคือผู้หญิงทั้งคู่ที่เขารัก ตอนนี้เหตุการณ์เดินมาถึงจุดที่คริสจะต้องตัดสินใจแล้ว ว่ารักและต้องการจะร่วมชีวิตกับใครมากกว่ากัน แน่นอนที่การตัดสินใจของเขา ย่อมต้องมีผู้หญิงคนหนึ่งผิดหวังและเจ็บปวด แต่บางครั้งมันก็หลีกเลี่ยงไม่ได้

คุณธัญญาคิดว่าลูกชายเธอคงอยากรับผิดชอบทิพย์สุรางค์กับลูก แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะหญิงสาวคนนั้นไม่ต้องการให้เขาเข้ามารับผิดชอบ คุณธัญญาถามตัวเองว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น ทำไมทิพย์สุรางค์จึงปฎิเสธเขา เธอต้องการอะไรกันแน่ เธอทำเหมือนใช้มือข้างหนึ่งผลักคริสออกไป ในขณะที่มืออีกข้างหนึ่งก็เหนี่ยวรั้งเขาเอาไว้ เพราะอะไร? หรือเพราะเธอไม่มั่นใจในความรักของเขา? อะไรทำให้ไม่มั่นใจ? เพราะเขายังมีลลิตาอยู่และกำลังจะแต่งงานกันหรือ? ทิพย์สุรางค์ต้องการให้คริสตัดขาดจากลลิตาให้ได้เสียก่อน ค่อยกลับไปหาเธออย่างนั้นหรือ? ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงคริสจะทำอย่างไรต่อไป? คุณธัญญาเชื่อว่าตราบใดที่ทิพย์สุรางค์ยังยืนกรานแข็งกร้าว ว่าไม่ต้องการให้เขามารับผิดชอบ คริสก็คงไม่อาจบุ่มบ่ามไปตัดรอนลลิตา ให้ต้องเสียใจไปอีกคนโดยไม่ได้อะไรขึ้นมา

คุณธัญญาเชื่อในคุณธรรมและจิตสำนึกความรับผิดชอบของลูกชายเธอ ไม่ว่าจะรักทิพย์สุรางค์หรือไม่ แต่เมื่อรู้ว่าเขามีลูกกับเธอ เขาก็คงต้องการรับผิดชอบเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาก่อนคนอื่น แม้แต่ลลิตาก็คงมายืนขวางอยู่ไม่ได้ แต่ติดอยู่ที่ทิพย์สุรางค์คนเดียว หรือว่าตัวปัญหาคือลลิตา คริสเองก็แก้ปัญหานี้ไม่ได้ คนเดียวที่จะทำให้ปัญหาที่ยืดเยื้อนี้จบลงได้คือลลิตา ใช่หรือไม่? ถ้าไม่ใช่แล้วควรจะเป็นใคร?

อย่างไรก็ตาม คุณธัญญาเชื่อมั่นง่าถ้าอยู่ในสถานการณ์ปกติ ที่ไม่มีเรื่องการเสียความจำของคริสเข้ามาเกี่ยวข้อง ถึงจะได้พบทิพย์สุรางค์และอาจจะรักเธอ แต่ลูกของเธอจะหยุดตัวเองอยู่เพียงแค่นั้น เขาจะไม่นำตัวเข้าไปพัวพันให้เกิดเรื่องขึ้นมา เขาจะยึดมั่นถือมั่นกับลลิตาต่อไป แม้ว่าเขาอาจจะรักเธอไม่ได้เท่าเก่าแล้ว แต่เขาก็จะตัดใจจากทิพย์สุรางค์ได้ โดยยึดความถูกต้องและคำมั่นสัญญาต่อลลิตาเป็นหลัก แต่การเสียความจำของเขาทำให้เกิดเรื่องขึ้นมาและทำให้ทิพย์สุรางค์เสียหาย และไม่ใช่แค่นั้น ยังมีหลานของเธอเข้ามาเกี่ยวข้องอีกด้วย มันอาจจะเป็นโชคชะตาของคริสกับทิพย์สุรางค์ก็ได้ ที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเช่นนี้ขึ้นมา

คุณธัญญาพยายามทบทวนเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้น เพื่อประมวลสถานการณ์ที่อาจจะช่วยให้เธอทำอะไรได้บ้าง เพื่อให้เรื่องทั้งหมดจบลงได้อย่างดีและโดยเร็ว เธอไม่อาจทนเห็นความทุกข์ของลูกชายเธอได้อีกต่อไป เธอคิดว่าตอนนี้คริสเดินมาถึงทางแยก เขาจำเป็นต้องเลือกว่าจะเลี้ยวซ้ายหรือเลี้ยวขวา แต่เขาตัดสินใจไม่ได้ว่าจะไปทางไหน ก็เลยยืนอยู่ที่จุดเดิม หรือเขาอาจจะตัดสินใจเลือกแล้วแต่ยังไม่กล้าเดินเลี้ยวไป เขายังรีรออยู่เพื่อมองหาเข็มทิศสักอันมาช่วยชี้ทาง เพื่อเสริมความมั่นใจของเขาก็เป็นได้

คุณธัญญานึกถึงลลิตา ทิพย์สุรางค์และลูกชายของเธอ แล้วนำแต่ละคนขึ้นมาพิจารณาไตร่ตรอง ถึงอุปนิสัยใจคอ ความรู้สึกนึกคิดและพฤติกรรมต่างๆเท่าที่เธอรู้และสัมผัสได้ คริสนั้นเป็นลูกที่เธอเลี้ยงดูอบรมบ่มนิสัยมากับมือ เธอคิดอย่างไม่เข้าข้างลูกตัวเอง ว่าเขาเป็นชายหนุ่มที่ดีมีคุณธรรมและความรับผิดชอบสูง เขาไม่ใช่คนที่จะทำผิดโดยเจตนา และถ้าบังเอิญพลาดพลั้งทำผิดไป เขาก็ไม่ใช่คนที่จะยอมทำผิดซ้ำสอง ปกติแล้วเขาเชื่อมั่นในตัวเองและตัดสินใจเรื่องต่างๆได้ด้วยตัวเอง แต่ครั้งนี้เขาคงตัดสินใจลำบากหรือไม่อาจตัดสินใจได้ เพราะคนที่เขาอยากรับผิดชอบ สร้างเงื่อนไขขึ้นมา ไม่ยอมรับการตัดสินใจของเขา

สำหรับลลิตา ซึ่งเป็นลูกสาวเพื่อนสนิทของเธอนั้น อยู่ใกล้ชิดเธอมานานถึงสิบปี เธอรู้ว่าหญิงสาวคนนั้นรักคริสมาก รอคอยเขามานานจนน่าเห็นใจ ลลิตาเป็นผู้หญิงที่นุ่มนวลอ่อนโยนถูกใจคุณธัญญา เป็นคนเก็บความรู้สึกเก่ง ยากที่ใครจะเข้าใจว่าเธอรู้สึกอย่างไร แต่คุณธัญญาก็อ่านลลิตาออกมากกว่าใคร เธอรู้ว่าลึกลงไปใต้หน้าตาที่แฉล้มแช่มช้อย รอยยิ้มที่แสนหวาน กิริยาท่าทีที่อ่อนโยน คำพูดคำจาที่ไพเราะ ลลิตามีความแข็งแกร่งซุกซ่อนอยู่ นอกจากนี้ยังเป็นคนฉลาดและใช้ความฉลาดนั้น ช่วยให้สมปรารถนาในสิ่งที่ต้องการได้เสมอ

คิดไปคิดมาแล้วคุณธัญญาก็เริ่มสงสัยว่า ลลิตาอาจจะวางแผนกินยากล่อมประสาท ไม่ใช่เพราะอยากตาย เธอคงกินยาพวกนั้นเข้าไป หลังจากคาดคะเนอย่างรอบคอบแล้วว่า จำนวนที่กินเข้าไปคงไม่มากพอที่จะทำให้ตาย แต่อาจจะช่วยดึงหัวใจของคริส ที่กำลังเตลิดเปิดเปิงออกนอกลู่นอกทาง ให้หันกลับมาหาเธอได้ ลลิตาฉลาดและรู้จักคริสดี พอที่จะคิดหาวิธีทำให้เขารู้สึกผิดแล้วกลับไปหาเธอ

ลลิตาถือเชือกเส้นเหนียว ที่ปลายข้างหนึ่งพันธนาการอยู่รอบตัวคริส แล้วคอยกระตุกมันเป็นระยะๆ ให้เขาคิดถึงพันธสัญญาที่เคยให้ไว้แก่กัน จิตสำนึกของเขา คุณธรรมที่เธอรู้ว่าเขามีอยู่เต็มเปี่ยม ความน่าสงสารของเธอ ที่รักเขาคอยเขามานานปีแล้วถูกเขาทรยศ เธอคอยกระตุ้นให้เขาละอายใจนึกถึงความรับผิดชอบต่อเธอ ที่เป็นคู่หมั้นโดยชอบของเขา ซึ่งคุณธัญญาก็เชื่อว่ามันได้ผล เพราะมันทำให้คริสทำอะไรไม่ได้ เขาไม่สามารถจะแก้เชือกปล่อยตัวเองออกไปได้ ถ้าลลิตาไม่เป็นคนยอมปล่อยเชือกเส้นนั้นเสียเอง เพราะคนอย่างเขาย่อมไม่มีวันยอมทอดทิ้ง ผู้หญิงที่รักเขามากกว่าชีวิตของตัวเองจนยอมตาย ดีกว่าจะต้องเห็นเขาเดินจาก ไปเพื่อผู้หญิงอีกคนหนึ่ง

ทิพย์สุรางค์เป็นคนที่คุณธัญญารู้จักน้อยที่สุด เธอรู้จักหญิงสาวคนนั้นจากเรื่องราวต่างๆ เท่าที่คริสเล่าให้ฟังเท่านั้น รวมทั้งจากที่เธอเห็นเพียงไม่กี่นาทีในวันหมั้นของลลิตากับคริส เธอค่อนข้างเชื่อว่าทิพย์สุรางค์ครองตัวเป็นโสด ไม่ใช่เพราะไม่มีใครมาสนใจหรือยังไม่อยากจะรักใคร แต่เป็นเพราะเธอรอคริส แม้การแสดงออกของเธอ จะเป็นไปในทำนองผลักไสไล่ส่งเขาก็ตาม คุณธัญญาคิดว่ามีความเป็นไปได้สูงที่ทิพย์สุรางค์จะรักคริส เธออาจจะรอให้เขากลับไปหาเธอโดยไม่มีเงื่อนไข นั่นคือกลับไปเพราะความรัก ไม่ใช่เพียงเพราะเธอมีลูกกับเขาเท่านั้น

คุณธัญญาเชื่อว่าตลอดเวลาที่อุ้มท้องจนกระทั่งคลอด ทิพย์สุรางค์คงคอยคริสอยู่เงียบๆ หวังให้เขากลับมารับผิดชอบโดยที่เธอไม่ต้องร้องขอ เธอคงหวังว่าแม้เธอจะปกปิดที่อยู่ แต่เขาก็ควรจะดั้นด้นตามหาเธอจนพบ แต่เมื่อเหตุการณ์ไม่เป็นไปอย่างที่คิด และเมื่อรู้แน่แล้วว่าเขากับลลิตากำลังจะแต่งงานกัน ทิพย์สุรางค์จึงให้โอกาสคริสเป็นครั้งสุดท้ายที่จะตัดสินใจ โดยบอกเขาเรื่องเด็กชายสิงห์

ทิพย์สุรางค์สร้างขุนเขามหึมาขึ้นมาขวางหน้าคริสเอาไว้ ไม่ให้เขาเข้าถึงตัวเธอได้โดยง่าย ซึ่งนั่นคือการอำพรางเท่านั้น ขึ้นอยู่กับคริสที่จะต้องหาทางทะลายภูเขาลูกนั้นลงให้ได้ ทิพย์สุรางค์เองก็คงหวังให้เขาทำเช่นนั้น แต่เขาอาจจะซื่อเกินไป เขาอาจจะใช้วิธีที่ไม่ถูกต้อง เขาอาจจะคิดแต่เพียงหาทางปีนป่าย ข้ามภูเขาลูกนั้นไปให้ได้แต่เพียงอย่างเดียว เขาอาจจะคิดไม่ถึงว่าภูเขานั้น ต่อให้ใหญ่โตสูงเยี่ยมเทียมเมฆน่าเกรงขามสักเพียงไร ก็อาจจะเข้าถึงได้ไม่ยาก ด้วยการเพียรพยายามหาทางเจาะผ่านเข้าไปทีละเล็กทีละน้อย

ตอนนี้เมื่อคิดว่าอ่านเรื่องต่างๆได้อย่างทะลุปรุโปร่งแล้ว คุณธัญญาก็รู้สึกสงสารหญิงชายทั้งสามคน ที่ต้องตกเข้ามาอยู่ในวงจรนี้ เธอคิดว่าไม่มีใครผิดเลย ทุกคนต่างมีเหตุผลส่วนตัวที่สำคัญด้วยกันทั้งสิ้น ที่จะต้องทำอย่างที่กำลังทำอยู่

ลลิตานั้นนอกจากความรักต่อคริสแล้ว เธอยังมีหน้าตาและศักดิ์ศรีของการเป็นคู่หมั้นที่สังคมรับรู้ รวมทั้งชื่อเสียงหน้าตาของพ่อแม่ที่ต้องรักษา เธอจึงต้องต่อสู้เพื่อรักษาสิทธิของเธอเอาไว้ ส่วนทิพย์สุรางค์นอกจากเหตุผลทางเกียรติยศ ที่ถูกคริสทำให้เสียหายแล้ว เธอก็ยังมีหน้าที่สำคัญของการเป็นแม่ ที่ไม่ว่าจะรักคริสหรือไม่ เธอก็มีเหตุผลสำคัญ ที่จะต้องให้ลูกของเธอได้มีพ่อเหมือนเด็กทั่วไป และต้องเป็นพ่อผู้ให้กำเนิดเขาด้วย

ส่วนคริสนั้น เขาก็มีเหตุผลที่ทำให้ไม่อาจตัดสินใจ ทำอย่างหนึ่งอย่างใดลงไปได้โดยเด็ดขาด แม้จะรักและอยากรับผิดชอบทิพย์สุรางค์และลูก แต่เธอปฏิเสธไม่ต้องการความรับผิดชอบของเขา ซึ่งคงเป็นเพราะเรื่องของลลิตาเข้ามาขวางอยู่ สมมติว่าคริสอยากจะตัดลลิตาออกไปแต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้ คุณธัญญารู้ว่านอกเหนือจากที่เขาคิดว่า มีพันธสัญญาอยู่กับลลิตา และต้องรักษาสัจวาจาที่เคยให้ไว้ต่อกันแล้ว ยังมีชื่อเสียงหน้าตาและเกียรติยศศักดิ์ศรีของพ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายที่เขาต้องรักษา เข้ามาเกี่ยวข้องอีกด้วย

ในบรรดาคนสามคนนี้ คุณธัญญารู้สึกว่าคนที่น่าสงสารน่าเห็นใจที่สุด คือลูกชายของเธอ ที่ยืนอยู่ตรงกลางระหว่างผู้หญิงสองคน ที่เพียบพร้อมด้วยคุณสมบัติด้วยกันทั้งคู่ ผู้หญิงฉลาดทั้งสองคนต่อสู้กันอย่างเงียบๆ ด้วยการกดดันเขาทางอ้อมอย่างหนักหน่วง ด้วยยุทธวิธีของตัวเอง จนเขาระส่ำระสายซวดไปเซมา แทบจะทรงกายยืนหยัดอยู่ต่อไปไม่ไหว ถ้าไม่อยากหมดแรงล้มลงไปเสียก่อน เขาก็จำเป็นต้องพาตัวเองออกมาจากตรงนั้น

คุณธัญญาไม่รู้ว่าคริสรู้ตัวบ้างหรือเปล่า ว่าเขากำลังรับศึกหนักจากสงครามที่ไม่ได้ประกาศ ระหว่างลลิตากับทิพย์สุรางค์ โดยผ่านมาทางเขา เขาอาจจะไม่รู้เพราะมัวโทษตัวเองอยู่ตลอดเวลาก็ได้ หรือว่าเขารู้แล้วแต่ยังไม่เข้าใจ ถึงความรุนแรงของมันที่อาจจะทำลายล้างเขาได้ หรือว่าเขารู้แล้วเข้าใจทุกอย่างแล้ว แต่เลือกที่จะไม่ทำอะไร ยอมเป็นเป้านิ่งต่อไป ยอมรับโทษทัณฑ์ที่เขาพิพากษาให้ตัวเองแต่โดยดี ไม่คิดจะอุทธรณ์ฏีกา

เธอต้องการให้ลูกของเธอปลดปล่อยตัวเอง ให้เป็นอิสระจากการโทษตัวเองทุกเรื่อง เขาควรจะสำนึกถึงความผิดพลาดของเขาก็จริง แต่ก็ไม่จำเป็นที่เขาจะต้องลงโทษตัวเองถึงขนาดนั้น เขาควรต้องรู้ว่าเขาต้องการอะไร เธอจะไม่เข้าไปเจ้ากี้เจ้าการเลือกทางเดินให้เขา เธอเพียงแต่จะชี้ทางที่จะทำให้เขารู้ ถึงความต้องการที่แท้จริงในหัวใจของเขาเท่านั้น ต่อจากนั้นเป็นสิทธิโดยสมบูรณ์ของเขาแต่เพียงผู้เดียว ที่จะเลือกเดินไปในทิศทางใด

ในที่สุดคุณธัญญาก็ตัดสินใจว่า เธอจำเป็นต้องยื่นมือเข้าไปจัดการกับเรื่องคาราคาซัง ที่มองไม่เห็นทางจบนี้โดยเร็วที่สุด ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องควรต้องรู้ความจริงทั้งหมดที่สมควรรู้โดยเท่าเทียมกัน เพื่อที่จะใช้ข้อมูลที่ได้มาประกอบการตัดสินใจขั้นสุดท้าย

หลังจากนั้น เมื่อคริสมาที่อพาร์ตเมนท์ของเธอในคืนหนึ่ง ห่างจากที่คุณธัญญา เดินทางไปซักถามเรื่องรูปภาพของเด็กชายคนนั้นที่วอชิงตัน ดีซี ได้ประมาณหนึ่งสัปดาห์ เธอก็พูดกับเขาว่า 


“แม่มีเวลาคิดเรื่องที่ลูกเล่าให้ฟังวันนั้นแล้ว แม่อยากจะบอกว่า แม่เชื่อว่าผู้หญิงที่ชื่อทิพย์สุรางค์คงไม่ได้รังเกียจหรือไม่ต้องการลูก แม่เชื่อว่าเขารักลูก ต้องการลูกและเขารอลูกอยู่ ผู้หญิงแบบเขา ถ้าไม่รักลูกเขาคงแต่งงานกับใครสักคนไปเสียนานแล้ว หน้าตาอย่างนั้น มีอะไรเพียบพร้อมอย่างนั้น คงมีผู้ชายอีกมากมายที่ต้องการเขา ถ้าเขาไม่รักลูกเขาก็คงไม่แค้นถึงขนาดนั้น แต่ผู้หญิงแต่ละคนมีการแสดงออกไม่เหมือนกัน”

คุณธัญญาชำเลืองมองสีหน้า ที่ยังมีแววทุกข์ตรมของบุตรชายอย่างสังเกตสังกา 


“ทิพย์สุรางค์เท่าที่แม่เห็น เหมือนนางพญานกอินทรีย์ที่กางปีกบินร่อนอยู่บนท้องฟ้า ยากที่จะหานกตัวอื่นมาเทียบเคียงได้ แต่แล้ววันหนึ่งลูกก็ตัดปีกของเขาไปข้างหนึ่ง ทำให้ไม่สามารถจะบินขึ้นสู่ท้องฟ้าเหมือนเคยได้ แต่จะลงไปเกลือกกลั้วอยู่บนดินก็ไม่ได้ จำใจต้องค้างคาอยู่บนต้นไม้ต้นหนึ่ง รอวันที่จะมีใครมาช่วยซ่อมช่วยรักษาปีกข้างที่หักให้ แต่เขาคงไม่ต้องการสักแต่ว่าใครก็ได้ เขาต้องการให้คนที่หักปีกเขา เป็นคนมารักษามันให้กลับมาเหมือนเดิม ใครคนนั้นก็คือลูกนั่นแหละ”

“แม่ครับ แม่แน่ใจหรือครับว่าเธอต้องการผม?” ชายหนุ่มพูดขัดขึ้นมาอย่างร้อนรน หน้าตาเริ่มมีเลือดฝาดขึ้น

“แม่คิดว่าคงอ่านไม่ผิด อย่าลืมว่าแม่ก็เป็นผู้หญิงเหมือนกัน แม่อยากแนะนำให้ลูกกลับไปหาเขาอีกสักครั้ง ไปบอกให้รู้ถึงความในใจของลูก ที่ผ่านมาลูกบอกว่าไม่เคยบอกรักเขาตรงๆเลย ผู้หญิงน่ะ...ต่อให้เก่ง ฉลาดหรือสูงส่งแค่ไหน ก็ยังต้องการคำยืนยันจากปากผู้ชายที่เขารักว่ารักเขา ถึงทิพย์สุรางค์จะรู้ว่าลูกรักเขา แต่ตราบใดที่ลูกยังอมพนำอยู่อย่างนี้ เรื่องต่างๆก็คงจะเป็นแบบนี้ ลูกจะหวังให้เขาทำอะไรได้มากกว่านี้ล่ะ”

คุณธัญญาคิดว่าคำพูดของเธอคงได้ผล เพราะคริสเริ่มมีสีหน้าดีขึ้น หน้าที่ขมวดมุ่นเหมือนคนมีปัญหา ที่แก้ไม่ตกของเขาคลายออก เขามองเธออย่างกระตือรือร้น

“ถ้าลูกไปพบเขาแล้ว บอกเขาหมดทุกอย่างแล้ว แต่เขาก็ยังยืนกรานเหมือนเดิมว่าไม่ต้องการลูก ลูกก็ต้องตัดใจจากเขาเสียให้เด็ดขาด แล้วลูกกับลิตาก็จะอยู่ด้วยกันได้อย่างมีความสุข การแต่งงานโดยหัวใจทั้งหมดหรือบางส่วนอยู่กับผู้หญิงอีกคนหนึ่ง จะไม่ยุติธรรมต่อผู้หญิงที่ลูกแต่งงานด้วย

ถ้าลูกจะแต่งงานกับลิตา ลูกควรจะเล่าความจริงทั้งหมด รวมถึงเรื่องสิงห์ด้วยให้ลิตาฟังก่อน ถ้าลูกยังปิดบังไว้ทั้งๆที่แต่งงานกันแล้ว ถ้ามารู้ทีหลังลิตาจะยิ่งเจ็บปวดมากยิ่งขึ้น เหมือนลูกทรยศต่อความไว้วางใจของเขาซ้ำสอง ลูกควรบอกให้ลิตารู้ แล้วปล่อยให้เขาเป็นฝ่ายตัดสินใจ ว่าจะแต่งงานกับลูกหรือไม่ ถ้ารับไม่ได้ลิตาก็จะเดินจากไป แต่ถ้ารับได้เขากับลูกก็จะอยู่กันได้อย่างมีความสุข ไม่มีอดีตที่ต้องปิดบังซ่อนเร้นอยู่ตลอดชีวิต ลูกคิดว่าจะปิดเรื่องสิงห์ได้นานแค่ไหน เขาจะเติบโตขึ้นทุกวัน วันหนึ่งเขาอาจจะมาแสดงตัวว่าเขาเป็นใคร แล้วลองคิดดูสิว่าลิตาจะเจ็บปวดแค่ไหน”

คริสอึ้ง สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอีกเมื่อได้ยินชื่อลลิตา เขาเหมือนคนกลืนไม่เข้าคายไม่ออก 


“ถ้าผมกลับไปหาคุณหนู แล้วลิตาล่ะครับแม่ ลิตาจะเป็นยังไง? ทุกวันนี้เธอก็เสียใจมากพออยู่แล้ว”

“แม่รู้ว่าลูกเป็นคนรักษาสัจจะ เมื่อให้สัญญาอะไรกับใครไว้ลูกก็จะยึดมั่นอยู่กับมัน แม้มันจะทำให้ต้องอยู่กับความเจ็บปวด ลูกก็จะไม่ยอมผิดสัญญา แม่อยากให้ลูกรู้จักปล่อยวางบ้าง สำรวจหัวใจของลูกว่าต้องการอะไร แล้วทำตามความต้องการของมัน”

“ผมทำไม่ได้หรอกครับแม่ ผมทำร้ายลิตาซ้ำแล้วซ้ำอีกไม่ได้ ถึงอย่างไรเธอก็รอผมมานานหลายปี”

ชายหนุ่มค้าน แต่เสียงที่มีร่องรอยความเจ็บปวดทุกข์ทรมานของเขา ทำให้คุณธัญญารู้ว่าที่เขาทิ้งลลิตาไม่ได้ ไม่ใช่เพราะเขาไม่รักไม่ต้องการทิพย์สุรางค์ แต่เขาคิดว่าเรื่องลลิตาเป็นความรับผิดชอบของเขา ถึงเขาจะรักเธอน้อยลงหรือหมดรักเธอแล้ว แต่เขาก็จะยอมรับผิดชอบเธอตามที่เคยสัญญากันไว้ แม้ว่าการทำเช่นนั้นจะทำให้เขาต้องทุกข์ตรมไปตลอดชีวิต เขาก็ยินดีที่จะยอมเจ็บปวดเสียเอง ปล่อยผู้หญิงอีกคนที่เขารักอย่างซาบซึ้งแต่ไม่รู้ตัว ออกไปจากชีวิตของเขาเสีย

“คริส ฟังแม่ให้ดีๆนะลูก” คุณธัญญาพูดช้าๆ “แม่ไม่ได้บอกว่าลูกควรจะเลือกใคร แม่เพียงแต่ขอให้ลูกสำรวจหัวใจของลูกอย่างจริงจัง ว่ารักและต้องการจะใช้ชีวิตอยู่กับใคร ใครที่ลูกคิดว่าขาดเขาไปแล้วชีวิตของลูกจะมีแต่ความทุกข์ ชีวิตคนเรามันสั้นนัก อย่าทำให้ตัวเองต้องใช้ชีวิตแบบซังกะตาย อยู่ไปวันๆ ตัวอยู่ทางหัวใจอยู่อีกทาง ถูกต้องแล้วละที่คนเราต้องมีความรับผิดชอบ แต่ความรับผิดชอบนั้นก็ต้องมีขอบเขตของมันด้วย อย่าเอาแต่ความรับผิดชอบอย่างเดียวมานำทางชีวิต เพราะมันจะไปไม่รอด ความรับผิดชอบที่ไม่มีหัวใจติดไปด้วย จะกลายเป็นความขมขื่น และในที่สุดจะกลายเป็นความเกลียดชัง ทั้งตัวเองและคนที่ลูกเข้าไปรับผิดชอบเขา”

เมื่อเห็นท่าทางใช้ความคิดของเขา คุณธัญญาก็กล่าวต่อไปว่า

“ลูกลองเอาสิ่งที่แม่พูดไปไตร่ตรองดู ถามหัวใจของลูกอย่างซื่อสัตย์ตรงไปตรงมา ว่ามันต้องการอะไร ความจริงสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี่ไม่มีใครผิดเลย ลูกรักลิตามานานและตั้งใจที่จะซื่อสัตย์ต่อเขา แต่ต่อมาลูกไปรักคุณหนูของลูกเพราะลูกจำอดีตที่มีลิตาไม่ได้ ลูกก็เลยคิดว่าหัวใจตัวเองยังว่าง ก็เลยปล่อยใจให้ไปรักเขาเข้าอีกคน ปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้น อย่าไปโทษตัวเองหรือใครเลยนะลูก แล้วก็อย่าไปกังวลกับเรื่องลิตาให้มากนัก ถามหัวใจของลูกเสีย แล้วลูกก็จะได้คำตอบเอง”


 



Create Date : 02 กันยายน 2567
Last Update : 2 กันยายน 2567 20:49:39 น.
Counter : 506 Pageviews.

4 comments
A Brown Bird Singing by Haydn Wood ปรศุราม
(10 เม.ย. 2568 10:47:07 น.)
๏ ... ผัวผ่อนผ้าผวย ... ๏ นกโก๊ก
(8 เม.ย. 2568 01:46:27 น.)
: รักที่เปลี่ยนเป็นไม่รัก ตอนที่ 8 ปัจฉิมนิเทศนี้ที่มีเธอ : Nior Heavens Five
(5 เม.ย. 2568 18:37:18 น.)
: กะว่าก๋าแนะนำหนังสือ - อตุโล ไม่มีใดเทียม : กะว่าก๋า
(4 เม.ย. 2568 05:35:33 น.)

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณhaiku, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณหอมกร, คุณปัญญา Dh, คุณสองแผ่นดิน, คุณnewyorknurse, คุณไวน์กับสายน้ำ, คุณSweet_pills, คุณpeaceplay, คุณอาจารย์สุวิมล, คุณร่มไม้เย็น, คุณโฮมสเตย์ริมน้ำ, คุณข้าน้อยคาราวะ, คุณดาวริมทะเล, คุณEmmy Journey พากิน พาเที่ยว

  
วันนี้คุณตุ้ยอธิบายความคิดตัวละครหมดเปลือกค่ะ

โดย: หอมกร วันที่: 3 กันยายน 2567 เวลา:7:24:21 น.
  
สวัสดีครับ
โดย: ปัญญา Dh วันที่: 4 กันยายน 2567 เวลา:14:35:14 น.
  
สวัสดี จ้ะ น้องดอยสะเก็ด

อ่านแล้ว ก็สงสารตัวละครทุกตัวเลยจ้ะ ตั้งแต่ คริส ลลิตา
ทิพย์สุรางค์ และแม่ของคริส (ในฐานะแม่ก็ต้องห่วงลูก อยากช่วยลูก)
เฮ้อ ! ) แล้วจะติดตามตอนต่อไป จ้ะ

โหวดหมวด งานเขียนฯ
โดย: อาจารย์สุวิมล วันที่: 6 กันยายน 2567 เวลา:10:19:04 น.
  
ขอบคุณที่ไปเยี่ยมชมบล็อคค่ะ ตามมาอ่านเช่นเคย
โดย: Emmy Journey พากิน พาเที่ยว วันที่: 10 กันยายน 2567 เวลา:12:07:59 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Monhinlai.BlogGang.com

ดอยสะเก็ด
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 57 คน [?]

บทความทั้งหมด