เวลาที่หายไป - บทที่ 35

คืนนั้น…บนเครื่องบินที่มุ่งหน้าไปประเทศไทย ทิพย์สุรางค์นอนไม่หลับตลอดทาง มองเห็นแต่สีหน้าแววตาที่เจ็บปวดร้าวรานและสิ้นหวังของคริส แม้จะใจแข็งและอยากเห็นความทุกข์ทรมานของเขามากเพียงไร ยามที่ได้ฟังเรื่องราวจากปากเธอ และแม้จะได้วาดภาพความเจ็บปวดของเขาอย่างสาสมใจ เอาไว้ล่วงหน้าหลายต่อหลายครั้งในช่วงที่ผ่านมา แต่หญิงสาวก็ไม่ได้คาดคิดว่าความเจ็บปวดแทบใจสลายของเขา ที่แสดง ออกมาทางสีหน้า วาจาและท่าทาง จะมากมายถึงเพียงนั้น เขาทำท่าราวกับถูกกระสุนปืนที่ยิงจากมือเธอแล่นทะลุเข้าไปที่กลางหัวใจ มันแทบจะทำให้ทิพย์สุรางค์ยกเลิกแผนการขั้นต่อไปที่วางเอาไว้แล้ว

ท่าทางเขาราวกับจะช็อคเมื่อรู้ว่าเขามีลูก ตอนนี้เขาคงจะเกลียดเธอมากที่กีดกันไม่ให้เขาพบลูก เธอไม่รู้ว่าเขาคิดอย่างไรกับเธอ แต่สำหรับเธอ...ตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอพร่ำบอกตัวเองเสมอว่าเธอไม่เคยรักเขาและไม่มีวันที่จะรัก เธอพลาดไปเพราะความอ่อนต่อโลกและสถานการณ์ที่พาไป แต่ความซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกของตัวเองถามเธอว่า เธอไม่เคยนึกพอใจชายหนุ่มแสนสุภาพ ผู้คอยระแวดระวังดูแลความปลอดภัยให้เธอ เคยช่วยชีวิตเธอให้พ้นจากอันตรายมาแล้วหลายครั้งหลายคราบ้างเลยหรือ ชายผู้ที่ดูเหมือนคนไม่มีหัวนอนปลายเท้า มีชาติกำเนิดที่ต่ำต้อยกว่าเธอคนนั้น

ก็เธอเองมิใช่หรือที่คอยติดตามถามไถ่เด็กชายกร ถึงความเคลื่อนไหวต่างๆของเขาด้วยความสนใจ ไม่ใช่เธอหรอกหรือที่มองเห็นอะไรหลายอย่างในตัวเขา ที่ทำให้แปลกใจและสงสัย ความสงสัยเหล่านี้มิใช่หรือที่ทำให้เธอต้องพาตัวเข้าไปใกล้ชิดเขา เพื่อค้นหาความจริงหรือตัวตนจริงๆของเขาที่เธอเคยแอบหวังว่า ชายที่มีบุคลิกโดดเด่นแม้ขณะอยู่ในเครื่องแต่งกายที่มอซอ มีทักษะหลากหลายที่น่าทึ่ง มีกิริยามารยาทที่ชวนให้สงสัยถึงพื้นฐานที่แท้จริงของเขาผู้นี้ ว่าน่าจะเป็นใครสักคนหนึ่งที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าเธอ

ตอนนี้เมื่อความจริงปรากฏออกมาแล้วว่าฐานะ ชาติตระกูลและสถานภาพทางสังคมของเขาเป็นไปอย่างที่เคยแอบหวัง แต่ทำไมเธอจึงไม่ดีใจ ทำไมเธอจึงต้องทำกับเขาแบบนั้น?

ก็ยายคุณลักษณานั่นไงที่มากระตุ้นไฟแค้น ที่เธอคิดว่ามอดดับไปแล้วให้ลุกโชนขึ้นมาใหม่ จนต้องลงมือทำเรื่องนั้นขึ้นมา เอ๊ะ..หรือนั่นเป็นเพียงข้ออ้างที่เธอบอกตัวเองและเจนนิเฟอร์ ถ้าอย่างนั้นเป็นเพราะอะไร หรือที่เธอทำลงไปก็เพราะริษยาความสุขของหญิงชายคู่นั้น เธอรู้สึกทั้งบาดตาและบาดใจไม่ใช่หรือ ตอนที่เห็นผู้ชายคนนั้นบรรจงสวมแหวนเพชรเม็ดงาม ลงบนนิ้วนางข้างซ้ายของผู้หญิงแสนสวยคนนั้น แล้วจุมพิตเจ้าหล่อนอย่างอ่อนโยนทะนุถนอม ต่อหน้าสักขีพยานเต็มห้องซึ่งรวมเธออยู่ด้วย

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ทิพย์สุรางค์ก็หน้าชาด้วยความละอายใจ แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าความรู้สึกบาดใจในตอนนั้น ผุดพลุ่งขึ้นมาโดยไมรู้ตัวและบังคับไม่ได้ เพราะอย่างน้อย..เขาบังเอิญเป็นพ่อของลูกเธอ!!

หญิงสาวพยายามสลัดความรู้สึกส่วนตัวนั้นออกไป บอกตัวเองว่าที่เธอทำเรื่องเมื่อวานนี้ลงไปเป็นสิ่งที่ถูกต้องเหมาะสมแล้ว เธอเคยเชื่อเรื่องกฏแห่งกรรมมาแล้วตอนที่คิดอโหสิกรรมให้เขา ตอนนี้ก็ถึงเวลาแล้วที่เขาและคนที่เกี่ยวข้องกับเขา ต้องได้รับผลของกรรมที่ทำกับเธอไว้เหมือนกัน ก็เพราะเขาไม่ใช่หรือที่เป็นต้นเหตุทำให้เธอต้องทุกข์ทรมาน อับอายขายหน้าจนแทบจะฆ่าตัวตายหนีอายไปเสีย แล้วทิพย์สุรางค์ก็หวนคิดย้อนไป ถึงช่วงเวลาแห่งความทุกข์ทรมานและอัปยศอดสูนั้น


เมื่อรู้ตัวว่าตั้งครรภ์ทิพย์สุรางค์ก็แทบคลั่ง ทั้งตกใจหวาดกลัวและเสียใจ หลังจากมาอยู่กับเจนนิเฟอร์ได้ไม่นานเธอก็เริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติในร่างกาย เธอกินอาหารได้มากขึ้น อ่อนเพลียง่วงนอนอยู่บ่อยๆ แม้ในตอนกลางวันที่ตามปกติเธอไม่เคยนอน แต่เธอก็กลับนอนได้นอนดี บางครั้งก็เวียนหัวคลื่นไส้โดยไม่มีสาเหตุ แล้วเธอก็คิดขึ้นมาได้ว่าประจำเดือนของเธอที่เคยมาอย่างสม่ำเสมอทุกยี่สิบแปดวัน ขาดหายไปนับตั้งแต่คืนนั้น 

ตอนแรกเธอคิดว่าความเครียดกับเรื่องน่าอดสูที่เกิดขึ้นในคืนนั้น ซ้ำเติมด้วยการเสียชีวิตอย่างกระทันหันของบิดา อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้มันคลาดเคลื่อนไป แต่เมื่อรอแล้วรอเล่ามันก็ยังเงียบหายเธอก็ปรึกษากับเจนนิเฟอร์ หญิงสาวผู้นั้นซึ่งรู้เรื่องทั้งหมดที่เกิดกับเธอ อุตส่าห์ไปซื้ออุปกรณ์ทดสอบการตั้งครรภ์ด้วยตัวเองมาให้

ทิพย์สุรางค์ทำตามขั้นตอนต่างๆที่ระบุไว้ เมื่อผลที่ออกมาเป็นบวกเธอก็ยังไม่ยอมเชื่อ ร้อนถึงเจนนิเฟอร์ต้องออกไปหาซื้ออุปกรณ์ทดสอบมาให้ใหม่อีกสองสามกล่อง ผลลัพธ์ออกมาเหมือนกันทุกครั้ง ยืนยันว่าเธอตั้งครรภ์ เมื่อเห็นสายตาที่ตื่นตระหนกไม่เชื่อถือของเพื่อนรัก เจนนิเฟอร์ก็รอดูอีกเกือบสัปดาห์จึงพาเธอไปพบแพทย์หญิงคนหนึ่งที่รู้จักคุ้นเคยกันดี ให้ตรวจสอบอย่างละเอียด ผลที่ออกมาก็เหมือนเดิมคือทิพย์สุรางค์ตั้งครรภ์ได้สามเดือนกว่าแล้ว

ทันทีที่กลับถึงอพาร์ตเมนท์ทิพย์สุรางค์ซึ่งนั่งอดกลั้นมาตลอดทางระหว่างที่อยู่ในรถ กรีดร้องออกมาเต็มเสียง แล้วต่อด้วยการร้องไห้คร่ำครวญอย่างหนัก รู้สึกเหมือนโลกทั้งใบถล่มลงมาบนศีรษะ นี่เธอจะทำอย่างไรต่อไป? ที่ผ่านมา ทิพย์สุรางค์ไม่เคยนึกถึงความเป็นไปได้ของเรื่องนี้เลย เธอเฝ้าแต่ทำใจให้ลืมเรื่องที่เกิดขึ้น ให้คิดเสียว่าเป็นฝันร้ายที่เกิดขึ้นในคืนหนึ่งเท่านั้น เธอจะลืมมันเสียให้หมดแล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ปราศจากอดีตที่เลวร้าย เธอคิดว่ากำลังจะทำใจยอมรับมันได้แล้วทีเดียว แต่แล้วสิ่งที่เลวร้ายยิ่งกว่ากำลังเกิดขึ้น มันจะทำลายชีวิตของเธอให้ย่อยยับ

ทิพย์สุรางค์ ธนากุลจะท้องไม่มีพ่อได้อย่างไร? พี่ชายของเธอเล่า เขาจะรู้สึกอย่างไรเมื่อรู้เรื่องนี้? แล้วหญิงสาวก็ตั้งคำถามกับตัวเองว่า เธอพลาดพลั้งไปเพียงแค่ครั้งเดียวทำไมจึงตั้งครรภ์ เพราะเท่าที่เคยได้ยินมา ผู้หญิงบางคนมีเพศสัมพันธ์กับคนรักไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งโดยไม่ได้ป้องกันเลย แต่ก็ไม่ตั้งครรภ์ โชคชะตาเล่นตลกกลั่นแกล้งเธอใช่ไหม? สองวันหลังจากนั้น ทิพย์สุรางค์ก็บอกเจนนิเฟอร์ว่าเธอต้องการจะทำแท้งเด็กในครรภ์

เพื่อนของเธอทำหน้าตกใจ มองเธออย่างจะค้นหาว่าเธอพูดจริงหรือเปล่า 

“เธอต้องการแบบนั้นหรือ ทิปปี้? แน่ใจแล้วหรือ?”

ทิพย์สุรางค์ ซึ่งกำลังอารมณ์พลุ่งพล่านอยู่กับการพยายามหาทางออก แทบจะร้องกรี้ดออกมากับคำถามนั้น 


“ฉันแน่ใจ ! ฉันไม่ต้องการเด็กคนนี้ ฉันเกลียดพ่อมัน! ได้ยินไหม ฉันเกลียดมันทั้งสองคนเลย !” เธอส่งเสียงดังจนอีกฝ่ายตกใจ กลัวคนที่พักอาศัยอยู่ในห้องติดกันจะได้ยิน

“ทิปปี้ ใจเย็นๆก่อน”

เจนนิเฟอร์เข้าไปกอดร่างที่สั่นสะท้านจากแรงอารมณ์ของทิพย์สุรางค์อย่างสงสาร

“ถ้าเธออยากจะทำจริงๆ ฉันก็คงไม่ห้ามเธอหรอก ฉันเพียงอยากให้เธอคิดให้รอบคอบเสียก่อน การทำแท้งในอเมริกาไม่ใช่เรื่องยาก บางรัฐยังอนุญาตให้ทำได้โดยไม่ผิดกฏหมายเสียด้วยซ้ำ แต่ ทิปปี้...ฟังนะ การทำแท้งมีอันตรายมาก ผู้หญิงที่ทำแท้งบางคนไม่สามารถจะมีลูกใหม่ได้อีกเลย ต้องตัดมดลูกทิ้ง เพราะติดเชื้อจากการทำแท้งที่ไม่สะอาดพอ”

ทิพย์สุรางค์ที่กำลังเครียดจนแทบคลั่ง ร้องขัดขึ้นมาว่า “นั่นอาจจะเป็นฝีมือของหมอเถื่อนราคาถูก แต่ฉันมีเงิน เธอก็รู้ว่าฉันมีเงินตั้งเท่าไหร่ในธนาคารของพ่อเธอ ฉันจะหาหมอเก่งๆ จะแพงเท่าไหร่ก็ไม่เกี่ยง”

เจนนิเฟอร์น้ำตาคลอ มองอาการของเพื่อนรักอย่างเป็นห่วง ทิพย์สุรางค์เพิ่งเสียบิดาไปได้ไม่นาน ตอนนี้ก็ต้องมาเผชิญกับเรื่องร้ายแรงสำหรับผู้หญิงอีก โดยเฉพาะผู้หญิงแบบทิพย์สุรางค์

“เอางี้ก็แล้วกันนะ ทิปปี้ ขอให้เธอคิดทบทวนให้ดีสักสองสามวัน ถ้าหลังจากนั้น เธอยังยืนยันอยากจะทำแท้งอีก ฉันจะถามเพื่อนที่รู้ว่าเคยทำแท้งกับหมอเก่งๆ ขอชื่อและที่อยู่มาให้เธอ แล้วเธอก็ไปจัดการเสีย ฉันจะไปเป็นเพื่อนเธอเอง ตกลงไหม?”

ระหว่างสองสามวันที่ตกลงกันไว้เจนนิเฟอร์กลับไปพบแพทย์หญิงคนเดิม หลังการพูดคุยกันพักใหญ่เธอก็กลับออกมาพร้อมด้วยหมายเลขโทรศัพท์ของสถานที่แห่งหนึ่ง ที่ซึ่งหลังจากนั้นหญิงสาวโทรศัพท์ไปและได้พูดคุยซักถามรายละเอียดบางอย่าง รวมทั้งนัดหมายกับผู้หญิงคนหนึ่ง

เช้าวันที่สามของข้อตกลงซึ่งเป็นวันหยุดของเจนนิเฟอร์ เธอปลุกเพื่อนสาวตั้งแต่เช้าให้ลุกขึ้นแต่งตัวออกไปด้วยกัน

ทิพย์สุรางค์ซึ่งตื่นก่อนหน้านั้นนานแล้วแต่ยังไม่ยอมลุกจากเตียง ถามว่า “จะไปไหน? ฉันไม่ไปหรอกนะ ไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น”

เธอยืนกราน แล้วพอนึกขึ้นได้ก็รีบลุกขึ้นนั่ง “วันนี้ครบสามวันที่เธอขอฉันไว้ ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะ...”


พูดยังไม่ทันจบประโยค เจนนิเฟอร์ก็ดึงแขนเธอให้ลุกขึ้นจากเตียง

“ไปแต่งตัวก่อน ค่อยบอกฉันในรถว่าเธอตัดสินใจยังไง”

ทิพย์สุรางค์มองตามหลังเพื่อน ที่รีบเดินจากไปอย่างรวดเร็วอย่างไม่เข้าใจ แต่ในที่สุด..เธอก็จำใจต้องลุกขึ้นแต่งตัว นั่งรถออกไปกับเจนนิเฟอร์โดยไม่รู้ว่าจะถูกพาไปไหน

“ขอร้องนะ ทิปปี้ อย่าเพิ่งบอกอะไรฉัน ขอให้ไปที่แห่งหนึ่งกับฉันก่อน ไปคุยกับใครบางคน หลังจากที่เธอคุยกับเขาและดูอะไรๆที่นั่นเรียบร้อยแล้ว ค่อยบอกฉันว่าเธอตัดสินใจยังไง” เจนนิเฟอร์รีบขอร้องเอาไว้ก่อน

ทิพย์สุรางค์มองหน้าเพื่อนอย่างเบื่อๆ ตอนนี้เธอรู้สึกเบื่อโลกเป็นอย่างมาก บางครั้งนึกอยากฆ่าตัวตายให้พ้นๆไปจากความทุกข์ที่โหมประดังเข้ามา โดยไม่มีทางออกให้ ไม่แน่นะว่าถ้าไม่มีเจนนิเฟอร์อยู่เคียงข้าง เอาใจใส่ดูแลอย่างใกล้ชิดราวกับเป็นมารดา เธออาจจะคิดสั้นไปแล้วก็ได้

หลังจากขับรถกันไปประมาณสองชั่วโมง ในที่สุดเจนนิเฟอร์ก็พารถเลี้ยวผ่านเข้าไปในประตูบานใหญ่ที่เปิดกว้างอยู่ แล่นไปตามถนนแคบๆ ผ่านตึกเล็กๆสองสามตึกไปจนถึงตึกหลังใหญ่ แล้วเลยเข้าไปจอดในลานจอดรถที่อยู่ใกล้ๆ ซึ่งมีรถจอดอยู่แล้วห้าหกคัน

ทิพย์สุรางค์เหลียวมองไปรอบๆ เห็นสนามหญ้ากว้างใหญ่ที่มีดอกไม้หลากสีหลายพันธ์ปลูกอยู่เป็นกลุ่มๆ มีต้นโอ๊คและต้นมะฮอกกานีปลูกอยู่เป็นแถวเป็นแนวถัดออกไป อีกด้านหนึ่งมีสระว่ายน้ำกว้างใหญ่น้ำสีฟ้าใสแจ๋ว ถัดจากสระนี้เป็นสวนกุหลาบออกดอกดารดาษ เก้าอี้สนามหลายตัวตั้งกระจัดกระจายอยู่ตามสุมทุมพุ่มไม้และริมสนามเขียวขจี ทั่วบริเวณดูร่มรื่นสบายตา

“นี่มันที่ไหนน่ะ เจนนี่? พาฉันมาที่นี่ทำไม ? ” เธอถามอย่างสงสัย

“ลงมาก่อนเถอะ ทิปปี้” เจนนิเฟอร์เปิดประตูรถให้ทิพย์สุรางค์ลง แต่หญิงสาวคนนั้นยังนั่งเฉย

“ไม่เอาละ ฉันรออยู่ในรถดีกว่า เธอมีธุระจะไปคุยกับใครก็ไปเถอะ ฉันรอได้” ทิพย์สุรางค์ยืนกราน

“ลงมาก่อนน่า ฉันอยากให้เธอคุยกับใครบางคน เขากำลังรอเธออยู่นะ ฉันนัดเขาให้เธอแล้ว”

ทิพย์สุรางค์ชักหงุดหงิด ผลักมือของเจนนิเฟอร์ที่พยายามจะดึงแขนเธอให้ลุกออกจากรถ พูดเสียงแข็งอย่างไม่พอใจว่า

“นี่ เจนนี่ เลิกยุ่งกับฉันเสียที ฉันไม่อยากพบอยากเจอพูดคุยกับใครทั้งนั้น ฉันเบื่อรู้ไหม เบื่อมาก” แล้วหญิงสาวก็ทำท่าเหมือนจะร้องไห้

ขณะที่เจนนิเฟอร์กำลังจนปัญญา ไม่รู้จะทำให้ทิพย์สุรางค์ยอมลงจากรถได้อย่างไร ผู้หญิงอเมริกันผิวดำอายุประมาณห้าสิบปีแต่งกายภูมิฐาน ก็เดินลงจากตึกตรงเข้ามาหาเจนนิเฟอร์ซึ่งยังยืนอยู่ข้างรถ 


“มีอะไรให้ช่วยไหมคะ? ฉันเป็นผู้อำนวยการสถาบันแห่งนี้ ซูซานน์ แพคเกอร์”

เจนนิเฟอร์รู้สึกโล่งอกขึ้นมาทันที รีบยื่นมือออกไปสัมผัสมือที่ยื่นส่งมาให้ แนะนำตัวเองว่า “เจนนิเฟอร์ โฮเวิร์ด ที่นัดกับคุณไว้น่ะค่ะ” แล้วเธอก็ผายมือไปที่ทิพย์สุรางค์ที่นั่งมองอยู่ในรถ “นี่คือมิสทิพย์สุรางค์ที่ฉันอยากให้คุณช่วยคุยกับเธอหน่อย เรียกเธอว่าทิปปี้ก็ได้ค่ะ ทิปปี้จ๊ะ นี่คุณซูซานน์ ผู้อำนวยการสถาบันแห่งนี้”

“ฮัลโหล มิสทิปปี้ ดีใจที่คุณมาวันนี้” ซูซานน์ก้มลงพูดกับทิพย์สุรางค์

“ลงมาเดินเล่นดูอะไรรอบๆก่อนดีไหมคะ? ดอกไม้ที่นี่สวยมาก ข้างหลังตึกนี่ยังมีดอกไม้สวยๆอีกแยะ”

ทิพย์สุรางค์ยังทำหน้าเบื่อโลกอยู่เหมือนเดิม แต่ท่าทางฉุนเฉียวตอนที่พูดกับเจนนิเฟอร์หายไป

“ขอโทษนะคะที่เสียมารยาท แต่ฉันเบื่อไม่อยากดูอะไรเลย” เธอยังยืนกราน แต่น้ำเสียงคลายความกระด้างลงไปมาก

ซูซานน์ยิ้มให้ทิพย์สุรางค์ด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน

“ฉันคงไม่ขัดใจคุณหรอกค่ะ แต่ท่าทางคุณไม่ค่อยสบายใจนัก ฉันเพียงแต่อยากจะบอกคุณว่าปัญหาทุกอย่างมีทางออกเสมอ ถ้าเราพยายามแก้แล้วแต่แก้ไม่ได้ก็ยังมีคนอีกมากมายที่อาจจะช่วยแก้ให้เราได้ เพียงแต่เปิดใจเล่าปัญหาให้เขาฟัง แล้วคุณจะรู้ว่ามีทางออกหลายทางที่นึกไม่ถึงให้คุณเลือก ส่วนที่ว่าคุณจะทำตามคำแนะนำของเขาหรือไม่ เป็นสิทธิของคุณคนเดียวเท่านั้น”

อาจจะเป็นท่าทางที่เป็นมิตร คำพูดที่อ่อนโยนมีเหตุมีผลและแววตาที่แสดงความเห็นใจของซูซานน์ก็ได้ ที่ทำให้ทิพย์สุรางค์ยอมลงจากรถ เดินตามเธอและเจนนิเฟอร์เข้าไปในตึกใหญ่ ที่ชั้นล่างตกแต่งในลักษณะสำนักงานและส่วนรับแขกที่โอ่โถงโปร่งสบาย

ซูซานน์พาหญิงสาวทั้งสองเข้าไปในห้องทำงานของเธอ ที่อยู่ลึกเข้าไปทางด้านหลัง นั่งลงด้วยกันบนเก้าอี้นวมตัวนุ่มนั่งสบายที่จัดไว้เป็นชุดตรงมุมหนึ่งของห้อง

เจนนิเฟอร์ถามทิพย์สุรางค์ว่า “ฉันออกไปรอข้างนอกดีไหม? เธอจะได้คุยกับคุณซูซานน์ได้สะดวก”

“ไม่ต้องหรอก เจนนี่ อยู่นี่แหละ ฉันอยากให้เธออยู่ด้วย”

หลังจากพนักงานที่แต่งเครื่องแบบสีเขียวอ่อน หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส นำกาแฟและบิสกิตชิ้นเล็กๆเข้ามาเสิร์ฟ ซูซานน์ก็พูดกับทิพย์สุรางค์โดยตรง 


“มิสทิปปี้ คุณคงพอจะเดาออกว่าสถานที่แห่งนี้คืออะไร ใช่ไหมคะ แต่ฉันก็อยากอธิบายเพิ่มเติมเพื่อที่คุณจะได้เข้าใจมากขึ้น ก่อนตัดสินใจว่าจะทำอะไรต่อไป ที่นี่เป็นสถาบันเอกชนที่ให้บริการผู้หญิงที่ตั้งครรภ์โดยไม่ได้แต่งงาน”

แล้วเธอก็หยิบโบรชัวร์และเอกสารหลายแผ่นที่วางอยู่บนโต๊ะกลางขึ้นมาเปิด 


“มีผู้หญิงที่มีปัญหาอยู่กับเราที่นี่ตอนนี้ประมาณสิบคน ปัญหาที่เราพบหลังจากพูดคุยกันคือตั้งครรภ์โดยไม่ได้ตั้งใจและไม่ได้แต่งงาน บางคนเป็นนักเรียนนักศึกษา หลายคนทำงานแล้ว เกือบทุกคนก่อนมาที่นี่เคยคิดจะไปทำแท้งกันมาแล้วทั้งนั้น”

เมื่อเห็นทิพย์สุราง์ที่ยังมีสีหน้าเคร่งเครียดอยู่ ฟังเฉยๆโดยไม่พูดไม่ถามอะไร เจนนิเฟอร์ก็ถามแทนว่า “ที่นี่ให้บริการอะไรมั่งคะ?”

“เรามีทีมแพทย์คอยดูแลสุขภาพของคุณแม่และพัฒนาการของเด็กในครรภ์ จิตแพทย์ที่จะมาพูดคุยกับคุณแม่เป็นครั้งคราวหรือในกรณีที่คุณแม่มีความเครียด มีห้องคลอดพร้อมสูติแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและกุมารแพทย์ บริการพยาบาล ห้องสมุด ห้องสันทนาการ ห้องออกกำลังกายหลังคลอด สระว่ายน้ำที่คุณเห็นตอนเดินเข้ามา สวนดอกไม้และอื่นๆอีกหลายอย่าง นอกจากนี้เรายังเก็บข้อมูลของคุณแม่แต่ละคนเป็นความลับ ทั้งตอนที่เข้ามารับบริการที่นี่ และออกจากที่นี่กลับไปใช้ชีวิตตามปกติ” ซูซานน์อธิบายอย่างละเอียด

“ที่นี่รับดูแลเฉพาะช่วงก่อนคลอดเท่านั้นหรือคะ” เจนนิเฟอร์ซัก


“เราให้บริการทั้งก่อนคลอดและหลังคลอดไม่เกินสามเดือนค่ะ แล้วแต่คนไข้จะเลือกว่าต้องการแบบไหน” แล้วเธอก็อธิบายต่อว่า “คุณแม่บางคนพอคลอดแล้วสักหนึ่งเดือนก็กลับบ้าน แต่บางคนมีความจำเป็นก็อาจจะอยู่ต่อ จนเด็กอายุประมาณสามเดือนถึงจะไป”

“มีบ้างไหมคะที่ออกเลยหลังคลอด?” เจนนิเฟอร์ช่วยซัก


ซูซานน์ชำเลืองดูทิพย์สุรางค์ก่อนให้คำตอบ “มีเหมือนกันค่ะ แต่ส่วนมากเป็นประเภทที่ไม่ประสงค์จะเลี้ยงดูบุตรต่อไป”

ทิพย์สุรางค์หันมามองเจนนิเฟอร์ เธอมีท่าทางสนใจและเป็นคนถามว่า “หมายความว่ายังไงคะ?”

“คือตอนกรอกใบสมัครเข้ารับบริการจะมีคำถามให้กรอกว่า ในกรณีที่มีปัญหาครอบครัวจะสามารถนำเด็กกลับไปเลี้ยงดูได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้จะทำอย่างไรต่อไป ซึ่งเราจะมีช่องให้กรอกว่าจะยกเด็กให้คนอื่นนำไปเลี้ยงดูเป็นบุตรบุญธรรมหรือไม่” ซูซานน์หยิบแบบฟอร์มมากางออก ชี้ให้หญิงสาวทั้งสองดูข้อความที่ว่านั้น

“คือเรามีการติดต่อกับหน่ายงานทั้งราชการและเอกชน ที่มีหน้าที่จัดหาผู้ปกครองอุปถัมภ์หรือครอบครัวใหม่ให้เด็ก ในกรณีที่คุณแม่ไม่ต้องการหรือมีความจำเป็น ไม่สามารถเลี้ยงดูลูกได้ แต่แน่นอนค่ะ ทุกอย่างจะเป็นความลับสุดยอด”

“หมายความว่าถ้าไม่ต้องการเด็กไว้ จะต้องแสดงความจำนงค์ไว้ในใบสมัครนี่ ตั้งแต่แรกเลยหรือคะ?” สาวอเมริกันตั้งคำถาม

“ค่ะ แต่นั่นเป็นเจตน์จำนงค์ขั้นต้นเท่านั้นค่ะ ก่อนถึงกำหนดคลอดหนึ่งเดือน เราจะมีทีมงานไปคุยกับคุณแม่อีกครั้งเป็นครั้งสุดท้าย ว่ายังต้องการยกลูกให้คนอื่นเหมือนที่เคยแจ้งความประสงค์ไว้หรือเปล่า มีเหตุผลสองข้อที่เราต้องทำแบบนี้ คือเราต้องมีเวลาอย่างน้อยหนึ่งเดือน เพื่อเลือกครอบครัวใหม่ที่เหมาะสมให้เด็ก และอีกข้อที่สำคัญคือมีคุณแม่หลายราย ที่ตอนแรกแจ้งความจำนงค์ที่จะไม่เก็บเด็กไว้ แต่ต่อมาเปลี่ยนใจ เราจึงต้องเพิ่มเติมเงื่อนไข เพื่อให้โอกาสคุณแม่ได้มีเวลาตรึกตรองให้รอบคอบ”

ซูซานน์มองหน้าหญิงสาวทั้งสองก่อนอธิบายต่อว่า “สำหรับคุณแม่ที่ยืนยันกับทีมงานหนึ่งเดือนก่อนกำหนดคลอด ว่าไม่ประสงค์จะเก็บเด็กไว้ จะต้องเซ็นข้อตกลง ยอมสละสิทธิ์ทุกอย่างที่เกี่ยวกับเด็กคนนั้น และทันทีที่เด็กคลอดออกมาเราก็จะแยกเขาออกไป”

เจนนิเฟอร์ทำท่าตกใจ “แยกเด็กออกไป? หมายความว่าไงคะ?” 


เธอเห็นจากหางตาว่าทิพย์สุรางค์ กำลังตั้งใจฟังคำตอบอย่างใจจรดใจจ่อ

“หมายความว่าทันทีที่เด็กคลอดคุณแม่จะไม่ได้เห็นเขาเลย แม้แต่จะให้นมเขาก็ไม่ได้ เขาจะถูกแยกไปเลี้ยงดูที่อื่นหรือส่งมอบให้ครอบครัวใหม่ทันที แล้วแต่จะตกลงกัน”

คำตอบของซูซานน์ทำให้หญิงสาวทั้งสองหน้าซีดเผือด ด้วยความตกใจคาดไม่ถึงไปตามๆกันเจนนิเฟอร์รีบถามทันที

“มีเหตุผลอะไรหรือคะถึงต้องทำแบบนั้น?”

“เมื่อคุณแม่ตัดสินใจแล้วว่าไม่ต้องการเลี้ยงดูเขา เราก็จำเป็นต้องตัดความผูกพันที่อาจจะเกิดขึ้น เมื่อคุณแม่ได้เห็นหน้าลูกหรือโอบอุ้มให้นมลูก ฉันขออธิบายหน่อยนะคะว่าข้อตกลงทั้งหมดในกรณีนี้ ต้องทำเป็นสัญญาซึ่งมีผลตามกฏหมาย ถ้าคุณแม่ที่เซ็นสัญญาแล้วเกิดเปลี่ยนใจหลังจากได้เห็นหน้าลูก ก็อาจจะมีการฟ้องร้องกันเกิดขึ้นได้ภายหลัง”

หญิงสาวทั้งสองนิ่งอั้น ทิพย์สุรางค์เริ่มมีสีหน้าเครียดขึ้นมาอีก ท่าทางครุ่นคิดอย่างหนัก สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาจากเคียดขึ้งเหมือนโกรธแค้นโชตชะตาในนาทีหนึ่ง ไปเป็นเวทนาสงสารและหมองเศร้าในอีกนาทีหนึ่ง

“เรื่องเก็บรักษาความลับล่ะคะ มีวิธีอย่างไร?” เจนนิเฟอร์เปลี่ยนเรื่อง เธอต้องการให้ทิพย์สุรางค์รู้เรื่องทั้งหมดโดยละเอียด เผื่อเธอจะตัดสินใจเลิกทำแท้ง หันมาใช้บริการที่สถาบันแห่งนี้แทน

“เรามีแฟ้มประวัติคุณแม่ที่เป็นคนไข้ทุกคน แต่ในแฟ้มจะไม่ใช้ชื่อและที่อยู่จริง จะมีแต่ชื่อสมมติที่เราตั้งให้ เพื่อป้องกันไม่ให้ใครสืบย้อนหลังหาความจริงได้ คนไข้แต่ละคนจะรู้จักกันในชื่อที่เราตั้งให้ การเยี่ยมก็จะอนุญาตให้ เฉพาะผู้ที่คนไข้ให้ชื่อไว้ในแบบฟอร์มนี่เท่านั้น”

ซูซานน์อธิบายและสังเกตเห็นว่าหญิงสาวชาวเอเซีย ให้ความสนใจในสิ่งที่เธออธิบายมากขึ้นกว่าในตอนแรก สีหน้าที่เคร่งเครียดของเธอเริ่มคลายลง

เจนนิเฟอร์ถามต่อว่า “ส่วนมากคนไข้จะเข้ามาอยู่ที่นี่ตอนตั้งครรภ์กี่เดือนคะ?”

“ส่วนมากก็ตอนที่ตั้งครรภ์ไม่เกินสามเดือน พูดง่ายๆคือก่อนที่จะมองเห็นครรภ์ได้ชัดเจนน่ะค่ะ เพราะหลังจากสามเดือนครรภ์จะเริ่มโตขึ้นเรื่อยๆจนเห็นได้ชัด คนไข้ของเราทุกคนเป็นผู้หญิงที่ตั้งครรภ์โดยไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้แต่งงานและไม่ต้องการให้ใครรู้ จึงจำเป็นที่จะต้องเก็บตัวอยู่ในที่ที่จะไม่มีใครพบเห็นตั้งแต่เนิ่นๆ”

เจนนิเฟอร์สบตากับทิพย์สุรางค์ก่อนถามซูซานน์ว่า “ถ้าเกินสามเดือนสักเล็กน้อยล่ะคะ ทางคุณจะมีปัญหาอะไรไหม”

ซูซานน์ชำเลืองมองหน้าท้อง ที่ยังมองไม่เห็นชัดเจนของทิพย์สุรางค์อย่างรวดเร็ว


“ปัญหาทางเราไม่มีหรอกค่ะ กี่เดือนเราก็ยินดีต้อนรับ ที่บอกว่าอายุครรภ์ไม่ตวรจะเกินสามเดือน ก็เพื่อประโยชน์ต่อตัวคุณแม่เองเท่านั้น เพราะถ้ารอจนเห็นถนัดแล้วว่าตั้งครรภ์ ก็อาจจะไม่เป็นความลับอย่างที่ต้องการ”

แล้วก็หันไปพูดกับทิพย์สุรางค์โดยตรงว่า “ในกรณีของคุณ ถ้าตั้งครรภ์เกินสามเดือนแล้วแต่ท้องคุณก็ยังเล็กมาก คงยังไม่มีใครสังเกตเห็น ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนี่คะ”

คราวนี้หญิงสาวทั้งสองมีสีหน้าดีขึ้น เจนนิเฟอร์ซักต่อว่า “คนไข้อยู่กันยังไงคะ มีห้องส่วนตัวหรือเปล่า”

“ต้องอยู่ห้องละสองคนค่ะ เราไม่ต้องการให้คุณแม่ที่เครียดจากปัญหาส่วนตัวอยู่คนเดียวตามลำพัง เพราะจะยิ่งเครียดมากขึ้น วันๆไม่ได้พูดคุยกับใครเลย การได้พูดคุยอยู่ห้องเดียวกับคนที่มีปัญหาเหมือนกัน จะทำให้สามารถเปิดอกคุยกันได้ ไม่ต้องปิดบังแล้วเก็บปัญหาไว้คนเดียว”

ตอนนี้เจนนิเฟอร์หมดคำถามแล้ว เธอมองหน้าเพื่อนแล้วถามว่า “มีอะไรอยากจะถามเพิ่มเติมไหม ทิปปี้?”

ทิพย์สุรางค์ส่ายหน้า แต่แล้วก็ถามซูซานน์หลังจากอึ้งไปอึดใจหนึ่งว่า “ถ้าสนใจจะใช้บริการที่นี่ จะต้องสมัครวันนี้เลยหรือเปล่าคะ?”

“กลับไปคิดก่อนก็ได้ค่ะ แต่อย่านานนัก เพราะถ้าคุณตั้งครรภ์เกินสามเดือนแล้ว ถึงตอนนี้จะยังมองไม่ค่อยเห็น แต่ต่อไปก็จะโตมากขึ้นเรื่อยๆ จะไม่เป็นความลับอีกต่อไป”

ในที่สุดหลังจากนั้นอีกสามวัน ทิพย์สุรางค์ก็ตัดสินใจเข้ารับบริการที่สถาบันเอกชน ที่ให้บริการดูแลมารดาที่มีปัญหาชีวิตแห่งนั้น โดยระบุเจตน์จำนงค์ในใบสมัครว่าไม่ประสงค์จะเก็บเด็กไว้หลังคลอด ยินยอมให้ทางสถาบันฯ ติดต่อหาครอบครัวใหม่ให้เด็กที่จะเกิดมา

 



Create Date : 23 พฤษภาคม 2567
Last Update : 23 พฤษภาคม 2567 22:56:54 น.
Counter : 603 Pageviews.

5 comments
๏ ... ฉันสงบเสงี่ยม ... ๏ นกโก๊ก
(15 เม.ย. 2568 14:00:19 น.)
๏ ... ตามแต่พี่อ้าย ฉะบายใจทำ ... ๏ นกโก๊ก
(10 เม.ย. 2568 20:21:31 น.)
วันวารฯ - บทที่ 7 ดอยสะเก็ด
(10 เม.ย. 2568 17:36:20 น.)
Oh!! my sassy boss ตอนที่ 39 หน้า 4 unitan
(9 เม.ย. 2568 16:34:07 น.)

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณสองแผ่นดิน, คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณEmmy Journey พากิน พาเที่ยว, คุณmariabamboo, คุณอาจารย์สุวิมล, คุณnewyorknurse, คุณหอมกร, คุณmultiple, คุณSweet_pills, คุณkae+aoe, คุณปัญญา Dh, คุณeternalyrs

  
หลงรักหลัวข้ามคืนคนนั้นแหละค่ะคุณตุ้ย

โดย: หอมกร วันที่: 24 พฤษภาคม 2567 เวลา:6:55:42 น.
  
ฝนตกทุกวัน รักษาสุขภาพด้วยนะคะ
โดย: Emmy Journey พากิน พาเที่ยว วันที่: 24 พฤษภาคม 2567 เวลา:15:14:38 น.
  
สวัสดี จ้ะ น้องดอยสะเก็ด

มาแล้วจ้ะ มาอ่านต่อ บล็อกนี้ได้ความรู้ในเรื่องหน่วยงานที่บริการ
หญิงที่ตั้งครรภ์ โดยไม่ได้แต่งงาน เออ! หน่วยงานนี้ ก็เป็นบริการที่ดี
มีระเบียบกฏเกณฑ์รัดกุมดี เนาะ
ตอนจบบล็อก ที่ทิพย์สุรางค์กรอกข้อความที่จะยกลูกให้ทางสถาน
ที่บริการนี้ ไม่รักลูกเลย ก็คงเป็นธรรมดา อารมณ์ชั่ววูบเนาะ เดาต่อไป
ได้เลยก่อนคลอด 1 เดือน เธอเปลี่ยนใจไม่ยกให้แน่นอน จ้ะ อิอิ

โฆวดหมวด งานเขียนฯ
โดย: อาจารย์สุวิมล วันที่: 24 พฤษภาคม 2567 เวลา:21:55:09 น.
  
โอ้ การมีลูกนี่ เป็นเรื่องสำคัญในชีวิตลูกผู้หญิงเลยนะครับ
ครั้งนี้ นางเอกของเรา ต้องต่อสู้กับจิตใจตัวเอง
ความรัก ความแค้น และความเป็นแม่ ความเป็นเมีย

อ.เต๊ะ ภาวนา ขอให้ ความเป็นแม่ ชนะ ก็แล้วกันนะครับ

โดย: multiple วันที่: 28 พฤษภาคม 2567 เวลา:4:30:00 น.
  
❤ ประโยชน์บางประการของศาสนาอิสลาม 💙

💙 ประตูสู่สรวงสวรรค์ชั่วนิจนิรันดร

❤ การช่วยให้พ้นจากขุมนรก

💙 ความเกษมสำราญและความสันติภายในอย่างแท้จริง

❤ การให้อภัยต่อบาปที่ผ่านมาทั้งปวง

💙 สิทธิมนุษยชนและความยุติธรรมในศาสนาอิสลาม

❤ านภาพของสตรีในศาสนาอิสลามเป็นอย่างไร?

💙 ครอบครัวในศาสนาอิสลาม

❤ ชาวมุสลิมปฏิบัติต่อผู้สูงอายุอย่างไร?

💙 ชาวมุสลิมมีความเชื่อเกี่ยวกับพระเยซูอย่างไร?


https://justpaste.it/b790p
โดย: ศาสนาอิสลาม IP: 51.81.85.242 วันที่: 28 พฤษภาคม 2567 เวลา:5:40:51 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Monhinlai.BlogGang.com

ดอยสะเก็ด
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 57 คน [?]

บทความทั้งหมด