เวลาที่หายไป - บทที่ 39
คริสตกใจที่เห็นลลิตาโดยไม่คาดฝัน ส่วนทิพย์สุรางค์...เมื่อเห็นสีหน้าที่ตกใจของคริส เธอก็มองตามเขาไปและเห็นผู้หญิงคนนั้น คนที่ยืนคู่กับเขาบนเวทีคืนนั้น คนที่เขาบรรจงสวมแหวนหมั้นวงงามลงบนนิ้วนางข้างซ้าย และสบตาเธอด้วยแววตาที่อ่อนหวานเปี่ยมล้นไปด้วยความรัก ความสุขและความสมหวัง

ทันทีที่เดินเข้ามาถึงตัวคริส ลลิตาก็สอดแขนข้างหนึ่งของเธอเข้ากับแขนเขา ยิ้มเยื้อนอย่างอ่อนหวานน่ารักแล้วหันไปมองทิพย์สุรางค์เต็มตา 


“สวัสดีค่ะ! คุณคงเป็นเพื่อนของพี่คริส” แล้วเธอก็หันไปฉอเลาะคริสที่ยังยืนงงอยู่ว่า “พี่จะไม่แนะนำเพื่อนของพี่ให้ลิตารู้จักบ้างหรือคะ?”

เมื่อเห็นเขายังยืนเฉย นัยน์ตาจับอยู่ที่ใบหน้าของผู้หญิงอีกคนหนึ่งอย่างว้าวุ่นใจ ลลิตาก็หันไปพูดกับทิพย์สุรางค์โดยตรง 


“ฉันชื่อลลิตา เป็นคู่หมั้นของผู้ชายคนนี้” เธอแนบแก้มเข้ากับต้นแขนของคริส พลางจับตามองสีหน้าของผู้หญิง คนที่เธอแน่ใจแล้วว่าเป็นคู่แข่ง “เอ๊ะ. .เราเคยพบกันมาก่อนหรือเปล่าคะ หน้าคุณดูคุ้นๆจัง”

ทิพย์สุรางค์ที่เพิ่งหายจากการตกตะลึง เดินแกมวิ่งอย่างรวดเร็วจากตรงที่ยืนอยู่ไปตามถนนที่นำไปสู่ประตูบ้าน เมื่อถึงประตูบานเล็กก็ผลักให้เปิดออก พาตัวผ่านออกไปอย่างรวดเร็ว กลัวว่าคริสจะตามมา หน้าของเธอชาแล้วชาอีกด้วยความละอาย หญิงสาวเดินออกไปไม่ไกลก็เจอร้านมินิมาร์ทเล็กๆ เธอรีบผลักประตูกระจกเข้าไปข้างใน เลือกซื้อของสองสามอย่างพอเป็นพิธี ใจที่กำลังร้อนรนเหมือนโดนไฟลวกคิดอย่างรวดเร็วว่าต้องไปจากที่ตรงนี้ ต้องหาทางกลับไปบ้านด้วยตัวเอง

ขณะที่กำลังชำระเงินค่าสินค้าตรงเคาเตอร์แคชเชียร์ หญิงสาวถามผู้ชายวัยกลางคนท่าทางดีที่กำลังคิดเงินให้เธออยู่ว่า “ขอโทษค่ะ ฉันอยากจะหารถกลับกรุงเทพฯหน่อย ไม่ทราบว่าแถวนี้มีแท็กซี่ผ่านไหมคะ?”

ผู้ชายซึ่งคงเป็นเจ้าของร้านมองลอดแว่นออกมาดูเธอ 


“แถวนี้หาแท็กซี่ยาก ส่วนใหญ่เป็นบ้านพักส่วนตัวที่มีรถกันทุกบ้าน แต่เลยตรงนี้ไปนิดหนึ่งมีโรงแรม คุณลองเข้าไปติดต่อเขาดูก็แล้วกัน เขามีรถโรงแรมหลายคันพร้อมคนขับ ราคาอาจจะแพงกว่าแท็กซี่ทั่วไปเล็กน้อย แต่ก็ปลอดภัยดี”

ทิพย์สุรางค์ขอบคุณเขาแล้วรีบออกจากร้านตรงไปที่โรงแรมที่เขาบอก อีกประมาณสองชั่วโมงต่อมา เธอก็ถึงบ้านที่ซอยพร้อมพงศ์โดยสวัสดิภาพ

ส่วนคริสนั้นเมื่อเห็นทิพย์สุรางค์เดินแกมวิ่งผ่านหน้าเขาและลลิตาไป ก็ขยับตัวจะวิ่งตามเธอไปด้วยความร้อนใจ แต่ลลิตากอดแขนเขาไว้แน่น ไม่ยอมให้วิ่งไปได้


“พี่คริส! ลิตาขอเตือนว่าพี่อย่าหักหน้าลิตามากไปกว่านี้ ด้วยการวิ่งตามเขาไป ลิตาเป็นคู่หมั้นของพี่ พี่ต้องให้เกียรติลิตาบ้าง” 

เธอพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่แววตาของเธอนั่นสิ ที่ทั้งเจ็บปวดรวดร้าวและผิดหวังอย่างถึงที่สุด

ชายหนุ่มยืนนิ่งอยู่ครู่เดียวก็บอกเธอโดยไม่มองหน้าว่า “กลับเถอะ ลิตาจอดรถไว้ข้างนอกไม่ใช่หรือ งั้นเดี๋ยวพี่ขับรถตามไป”

แต่หญิงสาวคนนั้นยิ้มให้เขาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แววตาที่ร้าวรานของเธอกลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว ซึ่งคริสไม่รู้หรอกว่าเธอต้องข่มใจอย่างหนักหนาสาหัสเพียงไร 


“พี่ทิ้งรถไว้ที่นี่แหละ ค่อยให้นายพรมาขับกลับไปทีหลัง พี่ช่วยขับรถให้ลิตาหน่อย พี่ก็รู้ว่าลิตาไม่ชอบขับรถทางไกล ”

แล้วเธอก็ดึงแขนเขาให้เดินตามเธอออกประตู ไปขึ้นรถของเธอที่จอดแอบไว้ใกล้บริเวณหน้าบ้าน คริสขับรถอย่างรวดเร็ว เขาไม่ปริปากพูดอะไรเลยตลอดทาง ตอนที่รถวิ่งออกจากหน้าบ้านไป ลลิตาสังเกตว่าเขาเหลียวซ้ายแลขวาอยู่หลายครั้ง เธอคิดว่าคงเดาไม่ผิดว่าเขามองหาผู้หญิงคนนั้น เขาคงเป็นห่วงว่าเจ้าหล่อนจะกลับกรุงเทพฯ อย่างไร แต่หญิงสาวทำไม่รู้ไม่ชี้ เหลือบมองหน้าที่เครียด คิ้วที่ขมวดมุ่นของเขาอย่างน้อยใจ รู้สึกเจ็บแค้นแน่นในอก จนเกินจะพรรณา

และยิ่งกว่านั้น เธอมองเห็นรอยยาวๆ สองรอยบนแก้มข้างที่หันมาทางเธอ มันเป็นรอยที่ลลิตาแน่ใจว่าเพิ่งเกิดขึ้นเร็วๆนี้ และคิดต่อไปอย่างช่วยไม่ได้ ว่าคงเป็นรอยเล็บที่ผู้หญิงคนนั้นฝากไว้บนหน้าเขา รอยนั้นทำให้เธอคาดเดาต่อไปได้อย่างไม่กลัวผิด ว่าเขาสองคนคงไม่ใช่แค่คนรู้จักกันธรรมดา แต่ต้องเป็นคนที่เคยมีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด...แบบถึงเนื้อถึงตัว!!!

เมื่อรถเข้าถึงกรุงเทพฯและคริสทำท่าจะขับตรงไปที่บ้านเธอ ลลิตาซึ่งเตรียมคำพูดไว้แล้ว บอกเขาด้วยเสียงอ่อนๆตามปกติว่า “พี่ไม่ต้องไปส่งลิตาที่บ้าน คืนนี้ลิตาจะค้างที่บ้านพี่”


ชายหนุ่มหันขวับมามองหน้าเธออย่างไม่เชื่อหูตัวเอง “ว่าไงนะ? ลิตาจะค้างบ้านพี่? ทำไมจะต้องทำขนาดนั้น?”

ท่าทางเขาหงุดหงิด แต่หญิงสาวทำเป็นไม่สนใจ ตอบเขาด้วยเสียงเรียบๆว่า “เพราะเรามีเรื่องต้องคุยกัน”

“เอาไว้วันหลังได้ไหม? ตอนนี้พี่อยากอยู่คนเดียว” เขาพูดห้วนๆ บางครั้งเขาก็ทำตามใจตัวเองขึ้นมาเฉยๆอย่างนี้

หญิงสาวแค่นยิ้ม แววตาของเธอเจ็บปวด


“ลิตาก็อยากจะทำอย่างที่พี่ว่า แต่คืนนี้ลิตาอยู่คนเดียวไม่ได้ ลิตาไม่อยากทำร้ายตัวเองมากกว่านี้ ถ้าอยู่คนเดียวลิตาก็คงจะคิดมาก ลิตาคงจะคิดเอาเองว่าพี่กับผู้หญิงคนนั้นมีอะไรกัน ซึ่งพูดจริงๆแล้ว ลิตาไม่เชื่อว่าพี่จะทำแบบนั้นกับลิตาได้ พี่ไม่เหมือนผู้ชายคนอื่น และเขา..ลิตาหมายถึงผู้หญิงคนนั้น ลิตาเห็นท่าทางเขาแล้ว เชื่อว่าเขาคงไม่ใช่ผู้หญิงหน้าด้านชั้นต่ำที่คอยจ้องจะแย่งแฟนใคร”

คริสนิ่งอึ้งพูดอะไรไม่ออก แล้วในที่สุดเขาก็ต้องตามใจเธอ ระหว่างทางลลิตาขอให้เขาจอดรถที่ห้างสรรพสินค้าเล็กๆแห่งหนึ่ง ปล่อยให้เขานั่งคอยอยู่ในรถ ส่วนเธอเข้าไปเลือกซื้อได้ชุดนอนหนึ่งชุด เสื้อตัวยาวหลวมๆหนึ่งตัว เสื้อกับกางเกงยีนส์อย่างละตัว เครื่องชั้นในรวมทั้งผ้าเช็ดตัวและแปรงสีฟัน

เมื่อกลับมาที่รถ เธอพบคริสปรับเก้าอี้คนขับให้เอนนอนลงเล็กน้อย แล้วนั่งกอดอกหลับตาอยู่ตรงนั้น แต่ลลิตารู้ว่าเขาไม่ได้หลับและยังสงสัยอีกด้วยว่า เขาคงพยายามต่อโทรศัพท์ไปหาผู้หญิงคนนั้นแล้ว เพราะเธอเห็นเขากำโทรศัพท์มือถือเครื่องเล็กๆของเขาไว้ในมือข้างหนึ่ง

เมื่อถึงบ้านและจอดรถเสร็จ ชายหนุ่มก็คว้าถุงใส่ของที่ลลิตาซื้อมา เดินขึ้นตึกไปพร้อมกับเธอ วางของลงบนโต๊ะเล็กๆแล้วเดินขึ้นบันไดไปชั้นบนเข้าไปในห้องนอนโดยไม่พูดไม่จา 


ลลิตาเดินตามเขาขึ้นไป บอกเขาว่า “พี่อาบน้ำแล้วนอนพักเสียหน่อยดีไหมคะเดี๋ยวลิตาจะทำอาหารให้พี่ทาน พี่คงหิว ลิตาเองก็หิวแล้ว”

คริสหันมามองเธอ “ไม่ต้องทำเองหรอก เรียกแดงมาทำให้ก็ได้”


เขาหมายถึงนางสาวแดง หลานของญาติห่างๆของคุณธัญญาซึ่งได้รับอนุญาตให้นำครอบครัว เข้ามาพักอาศัยอยู่ในเรือนไม้หลังย่อมๆ ตรงมุมสุดด้านหลังของตัวตึก โดยมีหน้าที่ดูแลบ้านให้ด้วย

ลลิตาเดินลงมาข้างล่าง เข้าไปในครัว เปิดตู้เย็นออกสำรวจของสดซึ่งเธอคิดว่าคงมีติดบ้านอยู่บ้าง เพราะทุกครั้งที่คริสมาเมืองไทย คนในบ้านจะจัดเตรียมของสดของแห้งที่ใช้ปรุงอาหารสดใส่ตู้เย็นเอาไว้ เผื่อเขามาพักที่บ้าน แดง..หญิงรุ่นสาวอายุประมาณสิบหกสิบเจ็ดปี ซึ่งทำอาหารเก่งพอควรจะมาช่วยทำอาหารง่ายๆให้ ถ้านางสอางค์ผู้เป็นป้าของเจ้าหล่อนไม่อยู่หรือไม่ว่าง

หญิงสาวเปิดช่องแช่แข็งหยิบกล่องพลาสติก ที่มีหมูสับและกุ้งสดที่ปอกเปลือกแล้วบรรจุอยู่ ออกมาวางไว้บนโต๊ะกลางห้องซึ่งเป็นที่เตรียมอาหาร เปิดกล่องใส่ผักมองหาผักที่จะใช้ทำอาหาร เลือกได้มะเขือเทศลูกใหญ่สองลูก ต้นหอมสามสี่ต้น เธอคิดว่าจะทำข้าวผัดกุ้งและแกงจืดอะไรสักอย่าง มองไปมองมาเมื่อเห็นเต้าหู้ขาวกับแตงกวา ลลิตาก็หยิบออกมาเพื่อทำแกงจืดเต้าหูขาวบะช่อ

เมื่อเด็กสาวที่ชื่อแดงเดินเข้ามาในครัว หญิงสาวก็สั่งให้หุงข้าวสำหรับผัดข้าวผัด กำชับไม่ให้ใส่น้ำมากเหมือนปกติ ส่วนตัวเองนำมะเขือเทศกับต้นหอมไปล้างน้ำจนสะอาด หั่นมะเขือเทศออกเป็นชิ้นเล็กๆ ส่วนต้นหอมเธอหั่นเป็นสองแบบ เป็นท่อนสั้นๆประมาณหนึ่งนิ้วเพื่อใส่แกงจืด และเป็นชิ้นเล็กๆอีกจำนวนหนึ่งเพื่อผัดลงในข้าวผัด

แดงซึ่งซาวข้าวลงหม้อไฟฟ้า กดสวิชต์หม้อหุงข้าวให้ทำงานเรียบร้อยแล้ว บอกลลิตาว่า “คุณลิตาไปคุยกับคุณคริสเถอะค่ะ เดี๋ยวหนูจัดการเรื่องอาหารเอง ข้าวผัดกุ้งกับแกงจืดเต้าหู้ขาวบะช่อเท่านั้นใช่ไหมคะ?”

ลลิตาซึ่งตอนนี้กำลังพยายามหาอะไรทำให้ไม่ว่างเพื่อทำใจให้สงบ บอกเด็กสาวคนนั้นว่า “ไม่เป็นไรหรอก ถ้าแดงอยากช่วยก็เอาผลไม้ในตู้เย็นออกมาปอกแช่เย็นไว้ ทำน้ำปลาพริกสักถ้วย อย่าลืมเตรียมแตงกวากับต้นหอมที่จะกินกับข้าวผัดให้ด้วย เดี๋ยวฉันจะมาผัดข้าวผัดทำแกงจืดเอง”

สั่งงานเด็กรับใช้เสร็จลลิตาก็เดินออกไปจากห้องครัว เข้าไปนั่งสงบสติอารมณ์อยู่ในห้องโถงใหญ่ ซึ่งจัดเป็นที่รับรองแขกไปด้วยในตัว

ส่วนคริสนั้นเมื่อลลิตาลงไปข้างล่างแล้ว ก็พยายามต่อโทรศัพท์ไปที่บ้านของวุฒิเลิศอีกครั้งหนึ่ง ก่อนหน้านี้เขาโทรศัพท์ไปทีหนึ่งแล้วตอนที่นั่งรอลลิตาลงไปซื้อของ แต่เมื่อขอพูดกับทิพย์สุรางค์ เด็กรับใช้ที่รับสายก็บอกว่าเธอออกไปข้างนอกยังไม่กลับ เขากระสับกระส่ายด้วยความเป็นห่วง เป็นทุกข์ว่าเธอจะกลับกรุงเทพฯอย่างไร เขาไม่อยากให้เธอนั่งรถแท็กซี่กลับมาคนเดียว

แล้วตอนนี้เมื่อเขาโทรศัพท์ไปถามว่าทิพย์สุรางค์กลับถึงบ้านหรือยัง เด็กสาวคนเดิมที่มารับสายก็บอกว่าเธอกลับมาได้พักใหญ่แล้ว ทำให้คริสรู้สึกโล่งอก แต่เมื่อเขาขอพูดกับเธอ เด็กคนนั้นก็ตอบราวกับท่องจำทันทีว่าเธอขึ้นห้องนอนไปแล้วและคงไม่รับโทรศัพท์ ชายหนุ่มรู้ว่าเธอคงสั่งเด็กเอาไว้ล่วงหน้าให้พูดเช่นนั้น

คริสล้มตัวลงนอนบนเตียงโดยไม่คิดจะเลิกผ้าคลุมเตียงออก เมื่อลลิตาซึ่งทำอาหารเสร็จและให้แดงจัดโต๊ะเรียบร้อยแล้ว เดินขึ้นมาตามเขาลงไปรับประทานอาหาร เธอเห็นเขาซึ่งยังอยู่ในเสื้อผ้าชุดเดิม นอนตะแคงข้างหันหลังให้เธอ

“พี่คริสคะ อาหารเสร็จแล้ว ลงไปทานกันเถอะ”

คริสนอนนิ่งอยู่อีกครู่หนึ่งก็ลุกขึ้นนั่ง “ลิตาลงไปก่อนแล้วกัน ขอพี่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”

หญิงสาวซึ่งตอนนี้ดวงตากลมโตคู่งามของเธอแห้งผาก มองเขาอย่างตัดพ้อแต่เขาไม่เห็น เขาไม่กล้ามองหน้าเธอเต็มตานัก เพราะรู้สึกผิดต่อเธอและละอายใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น เมื่อชายหนุ่มเดินหายเข้าไปในห้องน้ำแล้ว ลลิตาก็เปิดตู้เสื้อผ้าแบบติดฝา หยิบเสื้อกางเกงนอนชุดหนึ่งออกมาวางเตรียมไว้ให้เขาตรงปลายเตียง แล้วเดินออกจากห้องลงไปข้างล่าง

สิบห้านาทีต่อมา คริสลงมาที่ห้องโถงใหญ่ที่ลลิตานั่งอยู่คนเดียวเงียบๆ ตอนนี้หน้าตาเขาผ่องใสขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย เขาเดินเข้ามาหยุดตรงหน้าเธอ 


“ไปทานข้าวเถอะ ลิตา นี่ก็เกือบสามทุ่มแล้ว ผิดเวลามากๆเดี๋ยวจะไม่สบาย”

น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนเหมือนที่เคยพูดกับเธอ แต่ใจที่หวาดระแวงจนถึงขีดของเธอ ไม่ยอมเชื่อว่าเขาเป็นห่วงเป็นใยเธอตามที่พูด ทั้งๆที่เคยเชื่อมาตลอด ระหว่างนั่งรับประทานอาหารมื้อค่ำด้วยกัน หนุ่มสาวทั้งสองแทบไม่ได้พูดอะไรกันเลย ลลิตาทานข้าวไปเพียงครึ่งจานก็รวบช้อน แต่คริสยิ่งแย่กว่าเธอ เขาทานข้าวได้เพียงสองสามคำเท่านั้น และปฎิเสธแม้แต่ผลไม้ที่ลลิตาเลื่อนไปให้

หลังอาหารคริสคว้าซองบุหรี่และไฟแช็คลงไปนั่งที่เก้าอี้สนาม ลลิตาสังเกตว่าระยะหลังนี้เขาสูบบุหรี่จัดขึ้นกว่าเดิม ซึ่งปกตินานๆจึงจะสูบสักครั้งหนึ่ง หญิงสาวถือโอกาสนั้นขึ้นไปอาบน้ำในห้องนอนแขก ที่คริสเรียกแดงมาสั่งให้จัดให้เธอเป็นที่พักนอนคืนนี้ เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดอยู่กับบ้านตัวยาวที่เพิ่งซื้อมา เมื่อมองหน้าตัวเองในกระจกเห็นความซูบซีดหม่นหมอง เธอก็หยิบตลับแป้งในกระเป๋าถือออกมาผัดหน้าให้สดชื่นขึ้น เติมลิปสติกสีอ่อนลงบนริมฝีปากคู่บางงาม

ลลิตายังไม่พร้อมที่จะลงไปพบเพื่อพูดคุยกับคริสถึงเรื่องที่เกิดขึ้น เธอนั่งลงบนเก้าอี้ปลายเตียงนอน คิดทบทวนถึงความรู้สึกของตัวเอง เริ่มตั้งแต่ตอนที่ได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนสนิทคนหนึ่งที่ชื่อสุรีย์ ซึ่งเคยเรียนหนังสืออยู่ด้วยกันที่อเมริกาและรู้จักคริสดี

“นี่ลิตา! มัวไปทำอะไรอยู่ที่ไหน รู้ไหมว่าเมื่อกี้ฉันเจอใคร?”
“สุรีย์หรือ? เมื่อกี้เธอว่าอะไรนะ ฉันไม่ทันฟัง”
“ฉันเจอใครบางคนที่นี่”

ลลิตาซึ่งพยายามโทรศัพท์ติดต่อคริสอยู่หลายครั้งหลังจากเลยกำหนดนัด แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้ถามว่า “เจอใครหรือ?”


ความจริงเธอไม่อยากเสียเวลาพูดคุยเลย เพราะคิดว่าคริสอาจจะโทรกลับมาหาเธอในนาทีใดนาทีหนึ่งนี้ แล้วโทรไม่ได้เพราะสายไม่ว่าง

“ฟังแล้วเธอต้องใจเย็นๆนะ ฉันอาจจะเข้าใจผิดก็ได้” เพื่อนที่ชื่อสุรีย์รีบออกตัวไว้ก่อน

ลลิตาฟังแล้วก็ยังไม่เข้าใจ “เข้าใจผิดเรื่องอะไร?”

“เมื่อกี้นี้ฉันเจอคริส....”

พูดยังไม่ทันจบลลิตาก็ขัดขึ้นว่า “พี่คริสหรือ? นี่ฉันก็กำลังรอเขาอยู่ เธอเจอเขาที่ไหนล่ะ?”

สุรีย์นิ่งไปครู่ใหญ่ ก่อนจะพูดต่ออย่างไม่ค่อยแน่ใจนักว่าควรจะบอกเพื่อนให้รู้ดีหรือไม่

“ฉันมาพัทยากับทางบ้าน พักที่รอยัลคลิฟฟ์ ตอนบ่ายก็ลงมาหาอะไรกินที่ห้องอาหารในโรงแรม แล้วก็เห็นพี่คริสของเธอเข้ามากับผู้หญิงคนหนึ่ง แต่เขาไม่เห็นฉันหรอก”

ลลิตาฟังแล้วอึ้งไปพักใหญ่ นี่มันอะไรกัน? เธอคิดอย่างงุนงง ก็เขานัดกับเธอเอาไว้นี่นา ทำไมสุรีย์จึงบอกว่าพบเขาที่พัทยา แล้วยังมีผู้หญิงไปกับเขาด้วย เมื่อคุมสติได้แล้วเธอก็พยายามพูดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น 


“เธอจำผิดหรือเปล่า? พี่คริสตอนนี้อยู่ที่บ้านในกรุงเทพฯ เขานัดกับฉันไว้ เขาไม่เคยผิดนัดกับฉันหรอก ถ้ามาไม่ได้จริงๆเขาก็ต้องรีบโทร.บอกฉัน”

“นี่...ลิตา เธอก็รู้ว่าฉันรู้จักเขาดีไม่มีทางจำผิดหรอก” 
อีกฝ่ายชักเคือง
พอรู้สึกว่าเพื่อนไม่เชื่อคำพูดของเธอ สุรีย์ก็รีบขยายความตามที่เห็นซึ่งทีแรกไม่คิดจะบอก 

“เธอรู้ไหมว่าผู้หญิงที่มากับเขาน่ะ สวยมากเลย ขนาดไม่แต่งหน้าแต่งตาเลยนะ หน้าตาสวย รูปร่างก็สวย ผิวงี้ผ่องเลยละ”

ลลิตาหูอื้อ ตาพร่าพรายขึ้นมาทันที นี่มันเกิดอะไรขึ้น คริสแอบไปมีผู้หญิงอื่นจริงหรือนี่ เอ๊ะ..หรือว่าเป็นผู้หญิงที่เธอเพียงแค่ระแวงแต่ยังไม่แน่ใจว่ามีตัวตนอยู่จริงหรือไม่ ผู้หญิงที่เธอเคยนึกเอาเองจากพฤติกรรมแปลกๆของเขา หลังจากหายตัวไปเกือบหนึ่งปี แต่ลลิตาเป็นคนที่ไม่ค่อยแสดงความรู้สึกที่แท้จริงออกมาให้ใครได้ล่วงรู้ง่ายๆ เธอเป็นคนรักษาหน้าตัวเองอย่างมาก

หญิงสาวรีบตัดบทว่า “อ๋อ อาจจะเป็นแฟนของเพื่อนเขาก็ได้นะ สุรีย์ เขาเคยเล่าให้ฉันฟังเหมือนกันว่าเพื่อนเขาที่มาฝึกด้วยกันที่นี่ เคยมาเที่ยวเมืองไทยหลายครั้ง มาชอบผู้หญิงไทยอยู่คนหนึ่ง เห็นเขาว่าสวยมากเลย”

ลลิตาไม่รู้ว่าเพื่อนของเธอจะเชื่อเรื่องที่เธออ้างหรือไม่ แต่ก็ได้ผลตรงที่ฝ่ายนั้นพูดกลับมาอย่างลังเลว่า “อ้อ งั้นเหรอ? ถ้าไม่ใช่ผู้หญิงที่คริสไปติดพันก็ดีแล้วละ เธอจะแต่งงานเมื่อไหร่ล่ะ ตกลงกันได้หรือยังว่าจะแต่งที่โน่นหรือกลับมาแต่งที่นี่?”

หญิงสาวตอบคำถามเพื่อนไปแกนๆ ตอนนี้เธออยากจะวางสายเต็มทีแล้ว หญิงสาวทั้งสองพูดคุยกันอีกสองสามประโยคสุรีย์ก็วางสายไป 


หลังจากนั้นลลิตาก็ต่อโทรศัพท์ไปหาคริสอีกครั้งหนึ่ง แต่ก็ไม่มีสัญญาณตอบรับเหมือนเดิม หญิงสาวกำโทรศัพท์ไว้ในอุ้งมือที่เปียกชื้น นั่งคิดอะไรอยู่เงียบๆเกือบสิบนาที ในที่สุดก็คว้ากุญแจรถขับออกจากบ้านมุ่งหน้าไปพัทยา เธอรู้ว่าถ้าไม่พบคริสที่โรงแรมรอยัลคลิฟฟ์ตามที่สุรีย์ให้ข้อมูล ก็มีที่อีกแห่งหนึ่งให้เธอตามไปดู เธอรู้จักที่แห่งนั้นดีเพราะเคยไปพักกับคริสพร้อมคุณธัญญาและมารดาของเธอ สองสามครั้งเมื่อหลายปีที่แล้ว

ลลิตายังจำได้ถึงความรู้สึกของตัวเอง ตอนเปิดประตูบานเล็กที่อยู่ริมรั้วเข้าไป ทันได้เห็นภาพผู้ชายกับผู้หญิงที่วิ่งตามกันลงมาจากตัวบ้าน ถึงจะนั่งทำใจอยู่ในรถที่จอดแอบเยื้องจากหน้าบ้านอีกหลายนาที แต่ภาพที่เห็นก็ทำให้เธอหวั่นไหวได้มากอย่างไม่คาดคิด เธอพยายามระงับอารมณ์หึงหวงที่พุ่งพรวดขึ้นมา เดินเข้าไปหาคนทั้งสองที่ยืนอยู่ด้วยกันด้วยสีหน้าที่ปั้นให้มีรอยยิ้ม ราวกับว่าไม่รู้สึกรู้สมอะไรกับการที่คู่หมั้นของเธออยู่กับผู้หญิงแปลกหน้าสองต่อสอง ในบ้านที่เงียบสงัดปราศจากบุคคลที่สาม เขาจะทำอะไรกันบ้างเธอไม่รู้ และไม่อยากจะรู้ ให้เจ็บช้ำมากไปกว่าที่กำลังเจ็บช้ำอยู่

ตอนที่เธอสอดแขนเข้าไปกอดแขนคริสไว้อย่างเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ ลลิตาสัมผัสได้ถึงอาการแข็งขืนนิดๆของเขา เธอคิดว่าเขาคงอายและอาจจะเกรงใจ ไม่อยากให้เจ้าหล่อนผู้นั้นเห็นภาพที่บาดใจ แล้วเธอก็ต้องเจ็บปวดมากขึ้นไปอีก เพราะคู่หมั้นของเธอขยับตัวทันที ที่หญิงสาวคนนั้นเดินแกมวิ่งออกไปตามถนนในบ้านแล้วผ่านประตูเล็กออกไป ลลิตาแน่ใจว่าถ้าเธอไม่รั้งตัวเขาเอาไว้ คริสคงทิ้งเธอไว้ตรงนั้นแล้ววิ่งตามเจ้าหล่อนไปแล้ว ท่าทางเขาแคร์ผู้หญิงคนนั้นมาก

แล้วตลอดทางที่นั่งรถมาด้วยกันจากพัทยาถึงกรุงเทพฯอีกล่ะ เขาแทบจะไม่พูดอะไรกับเธอเลย หน้าของเขาบึ้งอย่างไม่พอใจและคงโกรธเธอ ทำไมต้องโกรธ? เธอถามและตอบได้เองว่าเขาโกรธก็เพราะเธอมาขัดความสุขของเขาน่ะสิ ถ้าไม่มีเธอมาขวางทางเขาสองคนจะไปทำอะไรที่ไหนกันต่อหรือไม่ เธอก็ไม่อยากคิด

แม้แต่การมาค้างที่บ้านหลังนี้ก็เหมือนกัน หญิงสาวดูออกว่าคริสไม่เต็มใจเลย มันทำให้เธออดคิดต่อไปไม่ได้ว่าเขาไม่อยากให้เธออยู่ที่นี่ เขาอาจจะต้องการไปปลอบขวัญผู้หญิงคนนั้น เธอมาขวางเขาอยู่อย่างนี้เขาจะไม่โกรธไหวหรือ 


คิดไปวาดภาพไปน้ำตาของลลิตาก็เริ่มไหลออกมา เขาเปลี่ยนไปเป็นผู้ชายหลายใจอย่างนี้ได้อย่างไร ตั้งแต่เมื่อไรกันนี่ รักกันมาเนิ่นนานหลายปีเขาไม่เคยมีเรื่องผู้หญิงอื่นแม้สักครั้ง มันทำให้เธอวางใจเขามาตลอด เฝ้ารอวันที่จะได้เข้าพิธีแต่งงานกับเขาอย่างสมเกียรติ

เมื่อคิดทบทวนถึงรูปร่างหน้าตาของผู้หญิงคนนั้น ลลิตาก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าแม้จะเห็นเพียงแวบเดียว เพราะเจ้าหล่อนรีบลนลานเดินแกมวิ่งหนีไปเสียก่อน หญิงสาวที่คงจะอายุน้อยกว่าเธอสักสองสามปีผู้นั้น จัดว่าเป็นผู้หญิงที่สวยมากทั้งหน้าตาและรูปร่าง ขนาดตัวเธอเองที่ได้ชื่อว่าเป็นคนสวยอย่างหาตัวจับได้ยากคนหนึ่ง ก็ยังไม่ได้สวยไปกว่าผู้หญิงคนนั้น

ลลิตาทอดถอนใจอย่างหนักอก คู่แข่งของเธอไม่ได้เป็นรองเธอเลยในเรื่องรูปร่างหน้าตา แล้วเรื่องอื่นๆคุณสมบัติอื่นๆอีกเล่า เธอตอบไม่ได้เพราะไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่ามีคู่แข่ง เธอจำเป็นต้องยอมรับความจริง ว่าเธอกำลังเผชิญกับศึกในอกที่หนักหน่วงที่สุดในชีวิต

แล้วคริสล่ะ? เธอดูออกว่าแม้ว่าเขาจะตกใจที่เธอจับเขาได้คาหนังคาเขา แต่เขาก็ยังกังวลและเป็นห่วงผู้หญิงคนนั้นจนออกนอกหน้า โดยไม่คำนึงถึงความรู้สึกของเธอเลย เขาคงจะหลงผู้หญิงคนนั้นมาก ก็คงแค่หลงเท่านั้นแหละ ลลิตาพยายามคิดอย่างปลอบใจตัวเอง

ถ้าแค่หลงเธอก็จะพยายามทำใจให้อภัยเขา เพราะความหลงไม่ใช่ความรัก ความหลงมีอายุอยู่ได้ไม่นานหรอก มันเทียบกันไม่ได้เลยกับความรัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งความรักระหว่างเธอกับคริส ที่รักกันมั่นคงมายาวนานถึงสิบปี ตั้งแต่เธออายุเพียงสิบแปดปี จนกระทั่งตอนนี้ที่เธออายุได้ยี่สิบแปดปีแล้ว




 



Create Date : 20 มิถุนายน 2567
Last Update : 20 มิถุนายน 2567 17:37:20 น.
Counter : 610 Pageviews.

4 comments
๏ ... (สตง.) : เสียตัวเงิน >< งาบตามสั่ง : (งตส.) ... ๏ นกโก๊ก
(16 เม.ย. 2568 19:28:09 น.)
พระพุทธเจ้า ของพระพุทธศาสนา พินาศแล้ว ไม่ให้คดโกงได้อีก สมาชิกหมายเลข 7962100
(13 เม.ย. 2568 00:07:56 น.)
๏ ...จะริยะทำ ... ๏ นกโก๊ก
(11 เม.ย. 2568 21:29:11 น.)
ป๋าดัน รันวงการ จันทราน็อคเทิร์น
(11 เม.ย. 2568 00:07:45 น.)

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณปัญญา Dh, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณปรศุราม, คุณhaiku, คุณสองแผ่นดิน, คุณtoor36, คุณหอมกร, คุณโฮมสเตย์ริมน้ำ, คุณtanjira, คุณดาวริมทะเล, คุณแมวเซาผู้น่าสงสาร, คุณeternalyrs, คุณร่มไม้เย็น, คุณmultiple, คุณ**mp5**, คุณSweet_pills, คุณอาจารย์สุวิมล

  
คนเรานี่ก็แปลกพูดความจริงไปก็จบนะคะคุณตุ้ย

โดย: หอมกร วันที่: 21 มิถุนายน 2567 เวลา:6:55:16 น.
  
โอ้ๆ หนึ่งชาย สองหญิงประจัญหน้ากันจนได้
แถมใจฝ่ายชายยังเอนเอียงมาทางถ่านไฟเก่าซะด้วยนะครับ
อีแบบนี้ ยังไงก็ต้องมีคนเสียใจแน่นอน
เจ๊เต๊ะ เอ๊ย อาจารย์เต๊ะ ในฐานะ ชาวบ้าน 1 รับประกันได้เลยครับ 555
โดย: multiple วันที่: 28 มิถุนายน 2567 เวลา:10:02:17 น.
  
แวะมาเยี่ยมและส่งกำลังใจครับ
โดย: **mp5** วันที่: 29 มิถุนายน 2567 เวลา:11:58:37 น.
  
สวัสดี จ้ะ น้องดอยสะเก็ด

ครูมาอ่านช้าไป คงผ่านไป 1 ตอน นะ เดี๋ยวว่าง ๆ จะย้อนไปอ่าน
เพิ่ม ครูไปเที่ยวอินเดีย 10 วัน เพิ่งกลับ
เนื้อหาตอนนี้ กำลังเข้าข้น พระเอกเรา จะแก้ปัญหาอย่างไร หนอ
เมื่อถูกคู่หมั้นสาวจับได้ เฮ้อ! จะรออ่านต่อไป จ้ะ

โหวดหมวด งานเขียน ฯ
โดย: อาจารย์สุวิมล วันที่: 1 กรกฎาคม 2567 เวลา:22:22:59 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Monhinlai.BlogGang.com

ดอยสะเก็ด
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 57 คน [?]

บทความทั้งหมด