เวลาที่หายไป - บทที่ 41 คืนนั้นกว่าคริสจะหลับลงได้เวลาก็ล่วงเข้าไปเกือบสองนาฬิกาแล้ว เขากำลังหลับสนิทตอนที่มีเสียงเคาะประตูห้อง เสียงนั้นเคาะติดต่อกันไปเรื่อยจนเขารู้สึกตัวตื่นขึ้นมา ชายหนุ่มรีบลุกลงจากเตียงไปเปิดประตู แล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นลลิตายืนอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทางเหมือนเด็กหลงทาง หญิงสาวที่อยู่ในชุดนอนเสื้อแขนยาวและกางเกงขายาวเนื้อหนา ที่เขารู้ว่าเธอเพิ่งจะซื้อมาจากห้างสรรพสินค้าก่อนถึงบ้าน กำลังร้องไห้คร่ำครวญอย่างหนักน้ำตานองหน้า เมื่อเห็นเขา เธอก็โผเข้ากอดจนแน่น “พี่คริส! พี่คริส! ลิตานอนไม่หลับ ลิตาคิดมากเรื่องที่เราพูดกันเมื่อตอนหัวค่ำ ลิตาทำใจไม่ได้ ปวดหัวไปหมดแล้ว พี่ช่วยลิตาด้วย” ชายหนุ่มกอดตอบเธออย่างแสนสงสาร โธ่เอ๋ย ลิตา! ตั้งแต่รู้จักคบหากันมานานหลายปี เขาไม่เคยเห็นเธอร้องไห้ปานใจจะขาดขนาดนี้เลย คริสพาเธอเข้าไปในห้องซึ่งตอนนี้มีไฟโคมหัวเตียงเปิดอยู่ดวงหนึ่ง รุนตัวเธอให้นั่งลงบนเตียงแล้วนั่งลงข้างๆเธอ ลลิตาโผเข้ากอดเขาไว้อีกครั้งหนึ่ง ซบหน้าลงบนอกเขา และยังร้องไห้อยู่เช่นนั้นจนน้ำตาเปียกชุ่มอกเสื้อเขา คริสทอดถอนใจอย่างหนักอก เขากอดตอบเธอเพราะไม่อาจใจดำปล่อยให้ผู้หญิงซึ่งคงกำลังเสียขวัญอย่างหนัก คิดว่าเขาไม่สนใจใยดีต่อความรู้สึกของเธอเลย หลังจากนั่งกอดกันอยู่เฉยๆอย่างนั้นได้เพียงครู่เดียว หญิงสาวในอ้อมแขนของเขาก็เงยหน้าขึ้น มองเขาผ่านม่านน้ำตาที่ยังไหลริน โอบคอเขาลงมาจนใบหน้าของเขาและเธอแนบชิดกัน กระซิบกับเขาด้วยเสียงที่แผ่วเบาแต่ดังกึกก้องเข้าไปในหัวใจของคริส ทำให้เขาสะดุ้งเฮือกอย่างตกใจ “พี่คริส ลิตาตัดสินใจแล้ว คืนนี้ลิตาจะอยู่กับพี่ ลิตาจะไม่หวงตัวเองอีกแล้ว” พูดจบเธอก็หลบตา ก้มหน้าลงซบอกเขาอย่างเอียงอาย ชายหนุ่มที่กำลังใจเต้นระทึกด้วยความตกใจ อึ้งไปครู่ใหญ่ก่อนจะเชยคางของลลิตาขึ้น มองลึกลงไปในดวงตาคู่งาม ซึ่งขณะนี้แดงช้ำจากการร้องไห้ไม่หยุด เขาเห็นแววตาเด็ดเดี่ยวที่บอกเขาว่าเธอกำลังนำชีวิตและอนาคตของตัวเองมาวางเป็นเดิมพัน เขารู้มาตลอดว่าลลิตาไม่ใช่ผู้หญิงที่ปล่อยตัว เธอยอมให้เขากอดจูบตามประสาคนรักก็จริง แต่ก็คงไม่ยอม ถ้าเขาจะรุกล้ำก้ำเกินเธอมากกว่านั้น สิ่งที่เธอพูดออกมานั้นเขาเข้าใจดี ว่าเธอกำลังเสียขวัญอย่างหนักและคงกลัวว่าเขาจะทิ้งเธอไป เธอคงเชื่อใจเขาว่าถ้ามีอะไรเกิดขึ้นถึงอย่างไรเขาก็ต้องรับผิดชอบ การแต่งงานระหว่างเขากับเธอก็ได้กำหนดเอาไว้แล้วในเดือนกรกฏาคม ซึ่งก็เลื่อนมาก่อนหน้านี้สองครั้งแล้วและไม่มีเหตุผลที่จะเลื่อนต่อไปอีก และเขาก็รู้อีกด้วยว่าคำพูดแบบนี้ จะไม่มีวันหลุดออกมาจากปากลลิตา ถ้าไม่เกิดเหตุการณ์ในวันนี้ การได้พบเขากับทิพย์สุรางค์อยู่ด้วยกันตามลำพังในบ้านที่เงียบสงัดปราศจากบุคคลที่สาม ทำให้ความมั่นใจในตัวเขาและตัวเธอเองล่มสลายลง จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่เธอจะต้องพยายามกอบกู้ความมั่นใจของเธอให้กลับคืนมาโดยเร็วที่สุด ด้วยวิธีที่เธอคงคิดว่าได้ผลที่สุด เมื่อรู้เช่นนี้ชายหนุ่มก็ยิ่งนึกสงสารลลิตามากขึ้นไปอีก ที่เธอยอมทำทุกอย่างแม้จะขัดกับหลักการของตัวเองเพื่อดึงเขาเอาไว้ เขารู้ว่าเธอรักเขามาก มากยิ่งกว่ารักตัวเองเสียอีกแต่เขาก็ยังทำร้ายเธอไม่จบไม่สิ้น แต่ก็เพราะคำพูดของลลิตานั่นเอง ที่ปลุกชายหนุ่มให้ตื่นขึ้นจากสถานการณ์ที่หมิ่นเหม่ในขณะนั้น เขาและเธอนั่งกอดกันอยู่บนเตียงนอน ในเวลาดึกสงัดปราศจากผู้คน ทั้งสภาพแวดล้อมและสภาพจิตใจ ทั้งของเขาและของเธอในขณะนั้นก็วุ่นวายสับสนไม่แพ้กัน จิตใจของเธอกำลังอ่อนแอสับสนและเธอรักเขามาก ส่วนจิตใจของเขาตอนนั้นก็คงอ่อนแอด้วยความสงสารและสำนึกผิดต่อเธอ รวมทั้งความรักต่อเธอที่ยังมีอยู่มากมาย คริสกำลังกลัวอำนาจฝ่ายต่ำที่มีอยู่คู่กับมนุษย์ทุกคน ถ้ายังอยู่ด้วยกันในสภาพแวดล้อมและสถานการณ์ดังกล่าวนี้ต่อไป เขาเองก็เป็นผู้ชายธรรมดาที่มีเลือดมีเนื้อ เขาจะยับยั้งชั่งใจไว้ได้นานแค่ไหน เมื่อมีร่างที่งดงามเปล่งปลั่งเต่งตึงด้วยวัยสาวแนบอยู่กับอก สัญชาติญาณทางเพศที่ไม่เข้าใครออกใคร ความสงสารและความรักที่มีต่อเธอ รวมทั้งความยินยอมพร้อมใจของเธอ อาจจะทำให้เขาทำร้ายลลิตาให้เสียหายไปอีกคน แล้วเรื่องต่างๆจะมิยิ่งอีรุงตุงนังมากขึ้นไปอีกหรือ? ควรแล้วหรือที่จะสร้างปัญหาใหม่ซ้ำซ้อนขึ้นมาอีก ปัญหาเก่ายังแก้ไม่ได้แล้วอยู่ๆก็จะยอมให้อำนาจฝ่ายต่ำ ลากจูงไปสร้างปัญหาใหม่ขึ้นมาอีกอย่างนั้นหรือ ชายหนุ่มค่อยๆดันร่างของลลิตาที่แนบอยู่กับอกออกห่าง รวบมือทั้งสองของเธอไว้ในมือเขา ดึงเธอให้ยืนขึ้น ในขณะเดียวกันลลิตาก็จ้องมองเขาอย่างไม่เข้าใจ เขายิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน “ลงไปข้างล่างกันเถอะ ลิตาปวดหัวมากใช่ไหม พี่จะไปหายาให้ ทานยาแล้วค่อยเข้านอน ถ้าลิตายังอยากคุย พรุ่งนี้เราจะคุยกันต่อ ดีไหมจ๊ะ?” เขาเห็นหน้าของลลิตาแดงก่ำ เธอคงอายมากที่เขาทำเหมือนปฎิเสธสิ่งที่เธอเสนอ เพื่อหาทางออกให้กับปัญหาชีวิตระหว่างเขากับเธอ คริสพาลลิตาออกประตูลงบันไดไปข้างล่าง เปิดไฟในห้องจนสว่างแล้วพาเธอไปนั่งที่เก้าอี้นวมตัวยาว ตลอดเวลาดังกล่าวลลิตาไม่ได้พูดอะไรอีกเลย เดินตามมือที่เขาจูงไปราวกับหุ่นกระบอก เมื่อเขาเข้าไปหยิบยาแก้ปวดและน้ำมาส่งให้เธอ หญิงสาวก็รับประทานยานั้นเงียบๆ หลังจากนั้นคริสก็นั่งลงเคียงข้าง จับมือที่เย็นเฉียบของลลิตาเอาไว้ มองหน้างามที่ยังมีคราบน้ำตาที่ก้มงุดไม่ยอมสบตาเขาอย่างเข้าใจดี ว่าเธออายจนไม่รู้จะสู้หน้าเขาได้อย่างไร เขานึกสงสารและเห็นใจเธออย่างมาก และจะปล่อยให้เธอต้องรู้สึกอับอายหรือแม้แต่จะคิดเลยเถิดไปไกล ถึงขั้นว่าเธอเป็นหญิงที่จืดชืดไร้เสน่ห์ทางเพศ เสียจนถูกฝ่ายชายเมินเฉยไม่ได้ “ลิตา ฟังพี่หน่อยนะคนดี พี่เข้าใจว่าทำไมลิตาพูดยังงั้นกับพี่ พึ่รู้ว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ยากที่สุดในชีวิตของลิตา พี่รู้ว่าลิตารักพี่มาก ยอมเสียสละทุกอย่างได้เพื่อพี่ พี่ซาบซึ้งและเห็นค่าของลิตาอย่างที่สุด พี่ทำร้ายลิตามามากแล้ว และจะไม่ยอมให้ลิตาทำร้ายตัวเองเพื่อพี่อีกต่อไป พี่รักและถนอมลิตามาตลอด พี่ก็ไม่ได้วิเศษมาจากไหน เป็นเพียงผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่เมื่อรักแล้ว ก็ย่อมอยากครอบครองเป็นเจ้าของผู้หญิงที่พี่รัก ลิตาไม่รู้บ้างเลยหรือว่าตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา พี่ต้องหักห้ามใจตัวเองขนาดไหน ที่จะไม่ทำให้คนที่พี่รักต้องมีมลทินก่อนเวลาอันควร พี่รอลิตามานานแล้ว ทำไมจะรอต่ออีกหน่อยไม่ได้ จริงไหม? เราจะแต่งงานกันตามกำหนดหรือเร็วกว่านั้นก็ได้แล้วแต่ลิตา” หญิงสาวไม่แน่ใจว่าเขารู้สึกอย่างที่พูดจริงๆ หรือเพียงแต่ปลอบเพื่อไม่ให้เธออาย แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นบ้าง แต่แล้วหลังจากที่คริสพากลับไปส่งเข้าห้องนอน ลลิตาก็นอนกระสับกระส่ายพลิกไปพลิกมา ไม่อาจข่มตาให้หลับลงได้ นาทีหนึ่งเธอนึกถึงคำสัญญาของคนที่เธอรักแล้วรู้สึกสบายใจขึ้น อีกนาทีต่อมาเมื่อนึกถึงคำสารภาพของเขาที่บอกว่ารักผู้หญิงคนนั้นด้วยเหมือนกัน เธอก็ทนไม่ไหวจนแทบจะกรีดร้องออกมา แล้วพอพยายามสงบใจไม่คิดอะไรเพื่อจะได้หลับๆไปเสีย หญิงสาวก็เห็นภาพและคำพูดของตัวเอง ที่เสนอตัวให้เขาราวกับผู้หญิงหน้าด้านไร้ยางอาย และที่ทำร้ายเธออย่างหนักหนาสาหัสที่สุด..คือการปฏิเสธของเขา !! นี่เธอเป็นอะไรไปแล้ว เธอทำเรื่องน่าเกลียดน่าอายแบบนี้ได้อย่างไร ? ลลิตาคิดทบทวนอย่างรวดเร็วว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ ตอนนี้ขณะที่กำลังนอนน้ำตาไหลรินอยู่นี้ เธอพยายามบอกตัวเองว่าไม่มีอะไรหรอก เธอแค่จะลองใจเขาเท่านั้น ว่ายังยกย่องให้เกียรติเธอเหมือนเดิมอยู่หรือเปล่า ถ้าคริสคล้อยตามเธอไปเพราะนึกว่าเธอยินยอมพร้อมใจ เธอก็จะปฏิเสธโดยบอกว่าเธอต้องการลองใจ ว่าเขาจะถือโอกาสกับเธอขณะที่เธอกำลังอ่อนแอหรือไม่ แม้จะพยายามแก้ต่างให้ตัวเอง แต่ลึกลงไปในหัวใจที่กำลังเจ็บช้ำระส่ำระสาย ลลิตาต้องยอมรับว่าความหวาดกลัวว่าจะต้องสูญเสียเขาไปให้ผู้หญิงคนนั้น ผลักดันเธอให้ต้องต่อสู้ทุกรูปแบบโดยไม่คำนึงถึงผลที่จะเกิดขึ้น เธอผิดด้วยหรือในเมื่อการต่อสู้ชิงชัยไม่ว่าในเรื่องอะไร ก็ย่อมต้องมุ่งได้ชัยชนะด้วยกันทั้งนั้น กลยุทธใดๆที่คิดว่าน่าจะได้ผลก็ต้องถูกนำมาใช้เพื่อพิชิตศึก รอยข่วนที่หน้าเขานั่นไม่ใช่หรือที่เป็นต้นเหตุสำคัญ...ที่ทำให้เธอคิดเตลิดเปิดเปิงไปไกล ว่าเขาอาจจะมีอะไรเกินเลยกับเจ้าหล่อนคนนั้นไปแล้วก็ได้ และก็เพราะเธอรู้จักคริสดีน่ะสิ ว่าความเป็นคนมีความรับผิดชอบสูงของเขา อาจจะทำให้เขาต้องตัดสินใจเลือก ระหว่างผู้หญิงสองคนที่เขาหลุดปากว่ารักทั้งคู่ แม้คนหนึงจะเป็นคู่หมั้นแต่ก็ไม่มีอะไรเกินเลย กับผู้หญิงอีกคนที่แม้จะรู้จักกันไม่นานแต่มีอะไรกันแล้ว จะเป็นไปไม่ได้เลยเชียวหรือที่เขาจะสงสาร..จนต้องเลือกที่จะรับผิดชอบผู้หญิงคนหลังที่เขาทำให้เสียหาย? เรื่องนี้หรือเปล่าที่ทำให้จิตใจที่วุ่นวายสับสนของเธอวิปริตไปชั่วคราว จนยอมที่จะเอาตัวเข้าแลก เพื่อที่จะเข้าไปอยู่ในวงจรเดียวกับผู้หญิงคนนั้น โดยเชื่อแบบเข้าข้างตัวเองว่าเมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนั้นจริง คริสย่อมไม่มีทางที่จะไม่เลือกเธอ ผู้เป็นทั้งคู่หมั้นและผู้เสียหาย ในขณะที่ผู้หญิงอีกคนหนึ่ง แม้จะเป็นผู้เสียหายเหมือนกันแต่ก็เป็นคนอื่น!!! คิดไปคิดมาแล้วลลิตาก็แทบจะร้องกรี้ดออกมา ทั้งนึกทุเรศสมเพชตัวเอง ทั้งอับอายขายหน้าที่บ้าพอจะทำอะไรแบบนั้นลงไปด้วยความคิดเพียงชั่ววูบ ที่จะเอาชนะผู้หญิงอีกคนหนึ่ง ที่บังอาจหาญกล้าจะมาแย่งของรัก ลลิตาถามตัวเองว่าแล้วเธอรู้แน่แล้วหรือว่าเขาสองคน มีอะไรกันลึกซึ้งอย่างที่เธอกลัว เธอคิดมากไปเองหรือเปล่า ยิ่งคิดก็ยิ่งอายกับการกระทำของตัวเอง แม้คริสจะพยายามกลบเกลื่อนไม่ให้เธออาย แต่เธอก็ยังรู้สึกอับอายจนไม่อยากจะสู้หน้าเขาอยู่ดี แล้วเมื่อนึกถึงคริสลลิตาก็นึกโกรธเขาขึ้นมาอีก เขาคิดอย่างไรกับเธอกันแน่ ? เขาไม่รู้สึกปลาบปลื้มยินดีบ้างเลยหรือที่ผู้หญิงที่แสนจะเพียบพร้อมไปเสียทุกอย่างๆเธอ รักเขามากจนยอมตัดสินใจเช่นนั้น เขาเห็นเธอเป็นอะไรจึงได้ปฏิเสธสิ่งที่เธอเสนอให้เขา ทำให้เธอต้องอับอายแทบแทรกแผ่นดินหนีเช่นนี้ หรือว่าในสายตาของเขา เธอเป็นผู้หญิงที่จืดชืดไร้รสชาติ...ขาดเสน่ห์ทางเพศ อย่างนั้นหรือ? มิน่าเล่า..ช่วงเวลาที่รักกันมาเนิ่นนานหลายปี เขาจึงไม่เคยแม้แต่จะพยายามล่วงเกินเธอ ให้เธอได้มีโอกาสเป็นฝ่ายปฎิเสธเขาว่า ให้ใจเย็นรอวันวิวาห์ ไม่ใช่ให้เขาเป็นฝ่ายพูดคำนั้นในคืนนี้ !! ลลิตาคิดทบทวนอย่างเจ็บปวดอยู่หลายชั่วโมง จิตใจที่ตึงเครียดวุ่นวายสับสนทำให้ร่างกายอ่อนล้าอยากพักผ่อน แต่สมองของเธอไม่ยอมให้เธอพัก มันเจ้ากี้เจ้าการช่วยขุดคุ้ยความระแวงสงสัย ทั้งเก่าและใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นสดๆร้อนๆขึ้นมา ให้กลายเป็นเชื้อเพลิงสุมไฟให้ใจเธอ จนร้อนรุ่มเกินกว่าจะหลับลงได้ ในที่สุดหญิงสาวก็ลงบันไดไปชั้นล่าง เข้าไปค้นตู้ยาที่เห็นคริสเข้าไปหยิบยาแก้ปวดมาให้เธอเมื่อตอนดึก หยิบยาขวดนั้นขวดนี้มาดูฉลาก และในที่สุดพบขวดที่ระบุว่าเป็นยากล่อมประสาทอ่อนๆ ที่เธอคิดว่าคงจะช่วยให้หลับได้ ลลิตาถือยาขวดนั้นติดมือกลับขึ้นไปที่ห้องนอน ส่งยาสองเม็ดเข้าปาก ไขน้ำจากก๊อกในอ่างล้างหน้าในห้องน้ำลงในถ้วยแก้ว ที่คว่ำอยู่บนถาดแถวนั้น แล้วดื่มตามเข้าไป บอกตัวเองว่าเลิกคิดได้แล้ว ถ้าอยากจะคิดก็ค่อยคิดต่อพรุ่งนี้ ตอนนี้ขอหลับสักงีบหนึ่งก่อน เมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆและยังนอนตาค้างอยู่ ลลิตาก็รับประทานยาเข้าไปอีกสองเม็ด แล้วก็อีกสองเม็ด แล้วก็อีกสองเม็ด ตอนนี้เธอเอาขวดยาและแก้วน้ำไปวางไว้บนโต๊ะข้างเตียงแล้ว กะว่าถ้ายังนอนไม่หลับอีกจะได้หยิบมันได้ง่ายๆ ไม่ต้องเดินเข้าเดินออกห้องน้ำอีก ต่อจากนั้นก็ไม่รู้ตัวเลยว่าลุกขึ้นมากินยาเพิ่มอีกหรือเปล่าและหลับลงไปเมื่อไหร่ วันรุ่งขึ้นคริสตื่นสายเกือบเก้านาฬิกา เขาเพิ่งจะหลับไปเมื่อตอนใกล้รุ่งนี่เอง อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จชายหนุ่มก็ลงไปข้างล่าง เห็นอาหารเช้าวางเตรียมไว้แล้วบนโต๊ะอาหารสำหรับสองคน ตอนแรกเขาคิดว่าลลิตาคงตื่นนอนลงมาข้างล่างนานแล้ว แต่เมื่ออาหารบนโต๊ะยังไม่มีรอยแตะเขาจึงเดินตามหาลลิตา คิดว่าเธอคงจะอยู่ที่ใดที่หนึ่งข้างล่างนี้ เพราะเขารู้ว่าเธอเป็นคนตื่นเช้า คริสเดินออกไปหน้าตึกเห็นรถของลลิตายังจอดอยู่ตรงที่เดิม ซึ่งแสดงว่าเธอยังอยู่ในบ้าน ในที่สุดเขาก็ขึ้นไปเคาะเรียกลลิตาที่ห้องนอนที่พาเธอไปส่งเมื่อคืนนี้ เมื่อเคาะอยู่หลายครั้งแต่ไม่มีเสียงตอบรับ ชายหนุ่มจึงเปิดประตูเข้าไป เขาพบว่าเธอยังไม่ตื่น ลลิตานอนหลับอยู่บนเตียงมีผ้าห่มคลุมอยู่ตั้งแต่อกลงไป คริสเข้าไปยืนมองเธอใกล้ๆ เห็นดวงหน้าเผือดสีและรอยหมองคล้ำใต้ตาที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เขารู้สึกสงสารลลิตาจับใจและนึกด่าตัวเองที่ใจร้ายใจดำต่อเธอ ทรยศต่อความรักความไว้ใจของเธอ หลังจากยืนดูอยู่นานแต่ลลิตาก็ไม่มีทีท่าว่าจะตื่น คริสเห็นว่าสายมากแล้วจึงก้มตัวลงจับมือเธอมากุมไว้ ร้องเรียกเธอให้ตื่นลงไปรับประทานอาหารเช้า ซึ่งเขารู้ว่าเลยเวลาที่เธอเคยทานมานานแล้ว “ลิตา! ตื่นเถอะ ตื่นเร็ว ลงไปทานข้าวกัน พี่หิวแล้วนะ” แต่หญิงสาวก็ยังนอนเฉยไม่กระดุกกระดิก คริสเริ่มกังวลแล้วเลยเขย่าตัวเธอ แต่ก็เหมือนเดิม เขาเริ่มตกใจว่าเธอเป็นอะไรไปหรือเปล่า ขณะที่เหลียวหน้าเหลียวหลังไปรอบๆห้องนั้นเอง ที่เขาเห็นขวดยากล่อมประสาทที่วางอยู่บนโต๊ะหัวเตียง พร้อมแก้วที่มีน้ำเหลือติดก้นอยู่เพียงเล็กน้อย ชายหนุ่มรีบร้อนหยิบขวดยาขึ้นมาอ่านฉลาก หมุนฝาเกลียวเปิดออกดูจำนวนยาในขวด ยังมียาเหลืออยู่อีกหลายเม็ด ใจของเขาเต้นแรงด้วยความกลัว กลัวว่าเธอจะเป็นอะไรไป “โธ่ ลิตา! ทำไมทำแบบนี้ !!” เขาคร่ำครวญอยู่ในใจอย่างเสียใจและสำนึกผิดอย่างถึงที่สุด คริสนั่งกุมขมับอยู่บนเก้าอี้ยาวหน้าห้องไอซียู ตอนที่คุณลักษณากระหืดกระหอบมาถึง เธอปราดเข้ามายืนจังก้าตรงหน้าเขา หน้าที่ตามปกติได้รับการตกแต่งเสริมสวยไม่แพ้สาวๆของเธอ ขณะนี้ซีดเซียวปราศจากเครื่องสำอาง “เกิดอะไรขึ้น? ทำไมลิตาถึงทำแบบนี้? ไหนบอกมาซิว่ามีเรื่องอะไรกัน” คุณลักษณาส่งเสียงดังจนผู้ชายสองสามคน ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ไกลออกไปหันมามอง แต่เธอไม่สนใจ “คุณน้าครับ” ชายหนุ่มรีบลุกขึ้นยืน “นั่งก่อนเถิดครับ ตอนนี้ลิตาอยู่ในห้องไอซียู หมอกำลังล้างท้องให้” คุณลักษณานั่งแปะลงบนเก้าอี้ใกล้ๆอย่างหมดเรี่ยวแรง เธอตกใจมากเมื่อคริสโทรศัพท์ไปบอก พยายามซักถามรายละเอียดเกี่ยวกับโรงพยาบาล เพราะกลัวว่าจะเป็นข่าวกระทบกระเทือนไปถึงชื่อเสียงหน้าตาของสามี สิ่งแรกที่เธอทำหลังจากรู้เรื่องคือโทรศัพท์ไปหาคุณปราโมช ขอให้ส่งคนสนิทไปติดต่อผู้อำนวยการโรงพยาบาลเอกชนขนาดกลางแห่งนั้น ให้ช่วยปิดข่าว หลังจากนั้นก็ดิ่งตรงมาโรงพยาบาลทันที ไม่สนใจแม้แต่จะแต่งหน้าแต่งตา ให้สวยงามเหมือนอย่างเคย คริสมองหน้าที่ซีดขาวของคุณลักษณาอย่างเห็นใจ เขารู้สึกผิดอย่างมากที่เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด ถึงคุณลักษณาจะโกรธแค้นเกรี้ยวกราดเขาอย่างไร ชายหนุ่มก็ตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะน้อมรับทุกอย่าง เขาไม่มีทางเดินอื่นเหลือให้เลือกอีกต่อไป ไม่ว่าจะอย่างไรเขาก็จะต้องรับผิดชอบลลิตา!!! “เธอสองคนมีเรื่องอะไรกัน ไหนเล่ามาซิ” เธอสั่งเสียงแข็ง “ก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ คุณน้า เราแค่มีปากมีเสียงกันนิดหน่อย” เขาตอบไม่เต็มปากเต็มคำ “นิดหน่อยงั้นหรือ? เรื่องนิดหน่อยยังขนาดนี้ ถ้าทะเลาะกันเรื่องใหญ่กว่านี้ล่ะ ไม่ฆ่ากันตายไปเลยหรือไง?” เธอกราดเกรี้ยวด้วยความตกใจและเป็นห่วงลูกสาว เมื่อคืนตอนที่ลลิตาโทรศัพท์ไปบอกว่าจะค้างที่บ้านของคริส เธอยังทักท้วงถึงความไม่เหมาะสม แต่ลลิตาไม่ฟังเสียง บอกแต่เพียงว่ามีเรื่องบางอย่างต้องคุยกับคริส ที่ผ่านมาคุณลักษณาไม่เคยเอาชนะหรือควบคุมลูกสาว ให้ทำตามความต้องการของเธอได้เลย ลลิตานั้นถึงจะดูเหมือนคนอ่อนๆ แต่ความจริงเธอแข็งกว่าชนะชัยพี่ชายของเธอ ซึ่งอยู่ในโอวาทและมักจะทำตามคำสั่งเธอเป็นส่วนใหญ่ ในที่สุดเธอก็เลยต้องยอมแพ้วางโทรศัพท์ลงเงียบๆ แล้วนี่แค่ไปค้างบ้านเดียวกันได้คืนเดียว ก็มีเรื่องร้ายแรงขนาดนี้เกิดขึ้นแล้วหรือ? คุณลักษณาคิดอย่างกลัดกลุ้ม หรือว่าคริสมาติดใจผู้หญิงคนไหนที่เมืองไทยนี่อีก? นังเด็กผู้หญิงที่เคยเห็นยื้อยุดอยู่กับคริสที่หน้าลิฟต์นั่นก็อยู่ไกลถึงอเมริกา คงไม่ตามมาถึงกรุงเทพฯหรอก งั้นก็แปลว่าคริสที่เธอเคยชื่นชมนักหนาว่าเป็นคนดี ไม่เจ้าชู้และรักลูกสาวของเธออย่างจริงใจ กลายเป็นผู้ชายเจ้าชู้จีบผู้หญิงไม่เลือกหน้าเหมือนสามีของเธอตั้งแต่เมื่อไรกัน คุณลักษณาคิดไปต่างๆนานาอย่างกลุ้มใจ ต้องมีเรื่องร้ายแรงอะไรเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นลลิตาคงไม่คิดฆ่าตัวตายหรอก เธอรู้จักลูกสาวของเธอดีว่าเป็นคนเข้มแข็ง ทั้งๆที่ดูจากภายนอกเป็นคนอ่อนๆก็เถิด หลังจากนั่งรออยู่ด้วยกันอย่างเงียบๆ แต่ร้อนรุ่มกลุ้มใจด้วยกันทั้งสองคนอยู่สองสามชั่วโมง ในที่สุดลลิตาซึ่งแพทย์ผู้รักษาบอกว่าพ้นขีดอันตรายแล้ว ก็ถูกเข็นออกจากห้องไอซียูไปห้องพักพิเศษ ซึ่งคริสติดต่อจองไว้ให้ล่วงหน้าแล้ว คุณลักษณาและคริสเดินตามเข้าไปในห้อง ทันทีที่พยาบาลและพนักงานที่เข็นเตียง จัดการให้ลลิตาขึ้นไปนอนบนเตียงคนไข้เรียบร้อยและออกจากห้องไปแล้ว คุณลักษณาก็ปราดเข้าไปข้างเตียง “ลูกแม่! ทำไมคิดสั้นแบบนี้ มีเรื่องอะไรทำไมไม่บอกให้พ่อแม่รู้” แล้วเธอก็เริ่มร้องไห้ ลลิตาซึ่งมีเข็มน้ำเกลือปักคาอยู่ที่แขน เหลือบมองคริสซึ่งยืนอยู่ข้างหลังคุณลักษณา หน้าของเขาซีดขาวและกังวล เมื่อเห็นคุณลักษณาร้องไห้คร่ำครวญสีหน้าของเขายิ่งแย่หนักขึ้นไปอีก “แม่คะ หมอที่ล้างท้องบอกว่าลิตากินยาเกินขนาดไปหน่อยเท่านั้น ไม่ได้กินมากมายเพื่อฆ่าตัวตาย ลิตาไม่ได้อยากตายนะคะ ลิตานอนไม่หลับก็เลยลุกขึ้นมากินเข้าไปสองสามเม็ดเท่านั้น” เธอพยายามอธิบายด้วยเสียงอ่อนๆเพราะหมดแรง แต่มารดาของเธอก็ยังไม่เลิกตีโพยตีพาย “ทำไมถึงนอนไม่หลับ? เธอสองคนมีเรื่องกันใช่ไหม?” คุณลักษณาหันไปค้อนคริสที่ยืนอยู่เงียบๆข้างหลังเธอ “เปล่าหรอกค่ะแม่ เราไม่ได้มีเรื่องอะไรกัน” แล้วเธอก็ตัดบทว่า “แม่คะ ไว้ค่อยคุยกันทีหลัง ตอนนี้ลิตาอยากพักแล้วละค่ะ” หลังจากนั้นหญิงสาวก็หลับตาลงเพื่อให้มารดาหยุดพูดเสียที ด้วยความเป็นห่วงลูกคุณลักษณาก็ยอมเงียบเสียงลง ควักผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมาซับน้ำตาป้อยๆ แล้วอีกพักเดียวเธอก็ต้องออกไปทำธุระส่วนตัว เธอหันมาพูดเมินๆกับคริสก่อนจะออกไปว่า “ช่วยอยู่เป็นเพื่อนลิตาด้วย เดี๋ยวตอนเย็นฉันจะมาใหม่ หวังว่าเธอคงไม่บังเอิญมีธุระอะไรขึ้นมาในตอนนี้หรอกนะ”
สวัสดี จ้ะ น้องดอยสะเก็ด
อ่านถึงอารมณ์ของตัวละครแล้ว ก็เห็นใจทุกคนเลยจ้ะ ความรัก นั้นเป็นทุกข์ จริง ๆ หนอ เหมือนดั่งพุทธโอวาทที่ตัสาสอนไว้า้่ "ที่ใด มีรัก ที่นั่นมีทุกข์ " จริง ๆ รักมาก ก็ทุกข์มาก เวลารักใครแล้ว จึง ต้องมีสติเมื่อผิดหวัง อย่าคิดทำร้ายตัวเอง จ้ะ รออ่านต่อไป นะจ๊ะ โหวดหมวด งานเขียนฯ โดย: อาจารย์สุวิมล
![]() ![]() ลิตาจ๋า เธอคิดว่าพร้อมหมด เธอก็จากไปเถอะ
อย่าเสียเวลาเลย เตือนด้วยความหวังดี โดย: mcayenne94
![]() สวัสดี จ้ะ น้องดอยสะเก็ด
แหม ! นึกเหมือนน้องหอมกรเลย นึกว่าตอนใหม่มาแล้ว อิอิ เอ้า ! ยังเป็นตอนเก่าอยู่ เมื่อไหร่จะได้อ่าน จ๊ะ อิอิ ขอบใจสำหรับกำลังใจที่บล็อก ตะพาบของครู จ้ะ โดย: อาจารย์สุวิมล
![]() ![]() |
บทความทั้งหมด
|
พรหมลิขิต กรรมลิขิตชัดๆ แล้วแบบนี้นะคะ