เวลาที่หายไป - บทที่ 40 เมื่อไม่เห็นคริสกลับเข้ามาในบ้านเสียที ลลิตาก็เริ่มวุ่นวายใจอีก เขาลงไปอยู่ที่สนามนานมากแล้ว หรือเขาเจตนาจะหลบหน้าเธอเพื่อไม่ต้องคุยกันเรื่องผู้หญิงคนนั้น หญิงสาวรีรออยู่พักใหญ่แล้วในที่สุดก็ตัดสินใจเดินลงจากตึกไปหาเขา คริสยังนั่งอยู่ที่เดิม เธอเห็นเขานั่งเอนๆ พาดศีรษะเอาไว้กับพนักพิง แขนทั้งสองประสานกันอยู่กลางอก เธอไม่รู้ว่าเขาหลับหรือเปล่า แต่เมื่อเดินเข้าไปถึงตัวเขาก็ลุกขึ้นนั่งตัวตรง เอื้อมมือมาดึงตัวเธอให้นั่งลงข้างๆ “พี่ยังไม่ขึ้นบ้านอีกหรือคะ?” เธอถามเขาด้วยเสียงอ่อนๆตามปกติ ทั้งๆที่ขัดแค้นในหัวใจเสียเหลือเกิน “นั่งคุยกันตรงนี้ดีไหม ลิตา" เขาถามด้วยเสียงเนือยๆ ลลิตาไม่เห็นสีหน้าของเขา เพราะบริเวณนั้นค่อนข้างมืด “ได้ค่ะ” แล้วหญิงสาวก็นั่งนิ่ง คอยให้เขาเป็นฝ่ายเริ่มต้น หลังจากนั่งเงียบอยู่ด้วยกันอย่างนั้นครู่ใหญ่ คริสก็เป็นฝ่ายพูดก่อน “ลิตาอยากรู้อะไรก็ถามมาแล้วกัน” “ถ้าลิตาถาม พี่สัญญาได้ไหมว่าจะตอบตามจริงทุกเรื่อง?” ชายหนุ่มนิ่งอึ้ง หันมามองหน้าเธอ ในความสลัวเขาไม่เห็นสีหน้าของลลิตาชัดเจนนัก “ลิตาแน่ใจหรือว่าจะรับได้” “ลิตาขอฟังก่อน ถึงจะตอบพี่ได้” เสียงของเธอห้วนขึ้นเล็กน้อย “งั้นก็ถามมา” เสียงของเขาก็ห้วนไม่น้อยไปกว่าเธอเหมือนกัน “ลิตาอยากรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร มีความสัมพันธ์อะไรกับพี่” นั่นคือ สิ่งที่เธออยากรู้มากที่สุด คริสอึ้งไปอีก แต่แล้วก็ตอบโดยไม่มองหน้าเธอว่า “เขาเป็นคนที่เคยช่วยชีวิตพี่เอาไว้” ลลิตาใจหายวาบ ผู้หญิงสวยบุคลิกงามสง่าคนนี้น่ะหรือที่ช่วยชีวิตเขา มีบุญคุณกับเขา เขามีหนี้ชีวิตที่จะต้องชดใช้ให้เจ้าหล่อนอย่างนั้นหรือ “เขาทำงานอยู่ที่เวียงพุกามหรือคะ?” ที่ถามเช่นนี้เพราะเธอทราบจากมารดาว่าที่โน่นมีพนักงานผู้หญิงหลายคน แต่ส่วนใหญ่อายุมากแล้ว “เขาเป็นลูกสาวเจ้าของเวียงพุกาม” คริสรู้ว่าคำตอบนี้จะทำให้ลลิตาไม่สบายใจมากขึ้น เพราะเดาได้จากคำถามเมื่อกี้ของเธอว่าเธอไม่ได้คาดหมาย ว่าผู้หญิงคนนั้นจะอยู่ในระดับสูงกว่าลูกจ้างของเวียงพุกาม “ลูกสาวเจ้าของเวียงพุกาม?” หญิงสาวทวนคำ นึกในใจอย่างหมั่นไส้ว่า ‘อ้อ ลูกสาวเศรษฐีเสียด้วย’ “แต่ลิตาจำได้ว่า พี่เคยพูดถึงแต่ลูกชายเจ้าของเวียงพุกามที่พี่บอกว่าทำงานอยู่ในกรุงเทพฯ พี่ไม่เคยพูดถึงลูกสาวเขาเลยไม่ใช่หรือ?” เมื่อคริสไม่ตอบ ลลิตาก็ถามทันทีว่า “เขาชื่ออะไรคะ ลิตาหมายถึงผู้หญิงคนนั้น” “ทิพย์สุรางค์” เขาตอบสั้นๆ ลลิตารีรอที่จะถามคำถามต่อไป เธอกลัวคำตอบที่จะได้รับ คำตอบที่จะทำให้เธอรู้ว่า ตอนนี้เธอยังอยู่ในหัวใจของเขาแต่เพียงผู้เดียวอย่างเดิมหรือเปล่า “พี่รักเขาหรือเปล่า?” คราวนี้เขานิ่งไปนานจนลลิตาใจหาย แน่แล้วเขาคงรักผู้หญิงคนนั้น ! “พี่ต้องตอบ! ลิตาจำเป็นต้องรู้เรื่องนี้” เธอย้ำ หัวใจสั่นระริก ที่เขาไม่ตอบเพราะไม่กล้าตอบน่ะสิ เขาคงยังเกรงใจเธออยู่บ้างเท่านั้น “ถ้าพี่บอกว่ารักล่ะ?” เขาพูดออกมาได้ในที่สุด แต่ก็ไม่เต็มปากเต็มคำ ลลิตามองคริสอย่างเจ็บปวด แทบจะร้องกรี้ดออกมาเพราะทนไม่ไหว แต่เธอก็ทำได้เพียงกล้ำกลืนมันลงไปในอก หัวใจของเธอเต้นรัวราวกับจะหลุดออกมา จนต้องเอามือกดหน้าอกเอาไว้ “พี่ตอบอย่างนี้ก็แปลว่าพี่รักเขา พี่หมดรักลิตาแล้ว” เสียงของเธอแหบโหย “ไม่จริงเลย” คริสรีบค้านทันที มองอาการเจ็บปวดของเธออย่างเป็นห่วง เขาพยายามจะจับมือเธอ แต่หญิงสาวสะบัดมือเขาออกไป “พี่ยังรักลิตาเหมือนเดิม ไม่เคยเปลี่ยนแปลง” “ไม่จริง! ลิตาไม่เชื่อว่าพี่ยังรักลิตาเหมือนเดิม ถ้าพี่ยังรักลิตาอยู่พี่จะไปรักคนอื่นได้ยังไง” เสียงของเธอเองหรือนั่นที่กระด้างได้ขนาดนั้น “ลิตาขอให้พี่พูดความจริงไม่ใช่หรือ? พี่ก็พูดความจริงแล้วไง ที่บอกว่ายังรักลิตาอยู่เสมอ” คริสท้วงด้วยเสียงอ่อนๆ เขารู้ว่าเธอกำลังเสียใจมากและเขาก็สงสารเธอเห็นใจเธอ เขาเองก็รู้ว่าไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชาย ไม่มีใครไม่เสีย ใจหรอก ถ้ารู้จากปากคนที่เรารักว่าเขารักคนอื่นด้วย ลลิตาพยายามกลั้นน้ำตา ปรับเสียงให้อ่อนลง “สรุปว่าพี่ยอมรับว่าพี่รักเขาและยังอ้างอีกด้วยว่ายังรักลิตาเท่าเดิม เหมือนเดิม ใช่ไหมคะ?” “ลิตา ขอให้เชื่อพี่เถอะนะ พี่เองก็ไม่ได้อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ พี่ขอยืนยันว่าถึงแม้ว่าพี่อาจจะรักเขาบ้าง แต่พี่ก็ยังรักลิตาเหมือนเดิม ไม่มีอะไรหรือใครที่จะมาเปลี่ยนแปลงมันได้” “ลิตาเชื่อพี่...ที่ว่าไม่มีใครจะมาเปลี่ยนแปลงมันได้ แต่คนที่จะทำให้เปลี่ยนแปลงไม่ใช่ใครที่ไหน พี่นั่นแหละที่จะเป็นคนเปลี่ยนแปลงมันเสียเอง” เสียงของลลิตายิ่งเศร้าหนักขึ้น “โธ่ ลิตา !” “เอาเถิด ลิตาจะข้ามเรื่องนี้ไปก่อน ลิตาอยากรู้ว่าวันนี้พี่ไปเจอเขาทำไม? เขาอยู่ทางเหนือโน่นไม่ใช่หรือคะ?” ชายหนุ่มเริ่มอึดอัดใจมากขึ้น ถึงจะรู้อยู่เต็มอกว่าลลิตาต้องถามเรื่องนี้ แต่เขาจะบอกเธอได้อย่างไรว่าทำไมเขาจึงต้องไปพบทิพย์สุรางค์ เขาจะบอกเธอได้อย่างไรว่าความสัมพันธ์ของเขากับหญิงสาวคนนั้น ไปไกลเกินกว่าที่ลลิตาจะคาดคิดหรือยอมรับได้ เขาไม่กล้าทำร้ายเธอถึงขนาดนั้น เพียงแค่นี้เธอก็แทบจะหัวใจสลายอยู่แล้ว แต่จะไม่ตอบก็ไม่ได้ ในที่สุดเขาก็ตอบแบบเลี่ยงๆเพื่อถนอมน้ำใจเธอ “ไม่มีอะไรต้องกังวลหรอก...ลิตา เราเคยรู้จักกันมาก่อน เขาเคยมีบุญคุณกับพี่ เราบังเอิญเจอกัน ก็เท่านั้นเอง” หญิงสาวอึ้งไปครู่หนึ่ง ปากบางๆของเธอเม้มแน่น คริสรู้ว่าเธอไม่มีทางเชื่อหรอกว่าไม่มีอะไร แต่เขายอมให้เธอไม่เชื่อ ดีกว่าที่จะบอกความจริงที่เขารู้ว่าไม่มีผู้หญิงคนไหนรับได้ ลลิตาพยักหน้าช้าๆ “พี่เลี่ยงไม่พูดความจริงกับลิตา แต่ก็เอาเถิด ตอนนี้อะไรๆก็ไม่สำคัญแล้วละ ประเด็นสำคัญมันอยู่ตรงที่ว่า พี่กับเขารู้สึกยังไงต่อกันต่างหาก เมื่อกี้พี่บอกว่าพี่รักเขา แล้วเขาล่ะ? เขารักพี่ด้วยหรือเปล่า?” ชายหนุ่มมองหน้าลลิตา เห็นแววตากำสรดที่กำลังมองเขาอยู่อย่างคาดคั้น เขาจะตอบเธอว่าอย่างไร ในเมื่อเขาเองก็ไม่แน่ใจ ผู้หญิงคนนั้นสงวนท่าทีอยู่ตลอด บางครั้งเขาก็คิดว่าเธอรักเขา แต่หลายครั้งที่เขาคิดว่าเธอไม่เคยแคร์เขาเลย มีแต่เขาที่เที่ยววิ่งวุ่นเสนอตัวรับผิดชอบแล้วถูกเธอปฏิเสธอย่างไม่มีเยื่อใย เมื่อยังไม่มีคำตอบจากคริส หญิงสาวก็กล่าวต่อไป “ลิตาหวังว่าพี่จะไม่ปิดบังเรื่องนี้ บอกลิตามาเถิด ขนาดพี่ยอมรับว่าอาจจะรักเขาด้วยลิตายังทนฟังได้เลย แต่ฟังแล้วลิตาก็เศร้า เพราะตั้งแต่รักกันมาพี่ไม่เคยมีเรื่องผู้หญิงอื่นให้ลิตาต้องเสียใจเลย พี่ทำให้ลิตาคิดว่าความรักของเรามีค่าสูงส่ง เป็นความรักที่มั่นคง ไม่มีอะไรจะมาทำลายได้ แต่แล้ววันหนึ่งลิตาก็ได้รู้ว่าโลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหัวใจของคนเรา” เสียงของเธอเศร้าจนเขาใจหาย คริสรู้สึกสงสารลลิตา เขารู้ว่าเธอเจ็บปวดมาก เขาเองก็เสียใจที่ทำให้เธอต้องเจ็บปวด ชายหนุ่มจับมือที่เย็นเฉียบของเธอมากุมไว้ คราวนี้เธอยอมปล่อยมือเธอไว้ในมือเขาโดยไม่สลัดปัดป้อง “ลิตาจะเชื่อไหมถ้าพี่จะบอกว่า พี่เองก็ไม่รู้ว่าเขารักพี่บ้างหรือเปล่า พี่กับเขาไม่เคยพูดกันเรื่องนั้น” หญิงสาวถอนใจยืดยาว กล่าวเหมือนรำพึงรำพันกับตัวเองว่า “ลิตาเองก็ไม่รู้ว่าจะอยากรู้ไปทำไม ที่จริงถึงเขาจะรักพี่หรือไม่ได้รักพี่ก็ไม่สำคัญเลย ที่สำคัญคือพี่รักเขาหรือเปล่าเท่านั้น ลิตาไม่แคร์ว่าเขาจะรู้สึกยังไงกับพี่ มันไม่ใช่เรื่องของลิตา แต่ก็เป็นไปได้ที่เขาจะรักพี่ เพราะพี่เป็นผู้ชายที่ดีและน่ารัก คงไม่แปลกถ้าพี่จะมีผู้หญิงอื่นมารัก ลิตาเองก็ไม่ควรจะตีโพยตีพาย แต่ที่ลิตาแคร์ก็คือความรู้สึกของพี่เท่านั้น” “แล้วลิตาจะให้พี่ทำยังไง?” คริสถามเหมือนคนโง่ ซึ่งเขาก็รู้ตัวดี “ก็บอกลิตามาสิคะว่าพี่รักเขาหรือเปล่า ที่พี่พูดตอนแรกน่ะพี่พูดเหมือนยังไม่รู้ใจตัวเอง ตอนนี้พี่จะตอบได้ไหมว่าใจจริงของพี่เป็นยังไง รักเขาบ้างหรือเปล่า” หญิงสาวพยายามคาดคั้นถาม ทั้งๆที่กลัวคำตอบที่จะได้รับ ชายหนุ่มอึกอัก เขาควรจะปฎิเสธไปเลยเพื่อลดความรุนแรงของปัญหาให้น้อยลง และเพื่อความสบายใจของลลิตา เขารู้ว่าเธอคาดคั้นถามเขาอีกครั้ง ก็เพราะอยากให้เขาปฏิเสธว่าไม่เคยรักผู้หญิงอีกคนเลย รักเธอแต่เพียงคนเดียวเท่านั้น เขาก็อยากจะตอบเอาใจเธอเหมือนกัน ว่าเขาไม่เคยสนใจรักใคร่ทิพย์สุรางค์เลย แต่ความซื่อสัตย์ต่อตัวเองและความรู้สึกที่ว่า เขาไม่ควรจะหลอกลลิตาให้มากไปกว่านี้ ทำให้ชายหนุ่มต้องตอบอย่างระมัดระวัง แต่อาจจะฟังเหมือนคำแก้ตัว “พี่เองก็ยังไม่แน่ใจว่าพี่รักเขาหรือเปล่า พี่อยู่บ้านเขานานเกือบปี มันมีเหตุการณ์อะไรหลายอย่างที่ดึงเราเข้าหากัน ตอนนั้นพี่เสียความจำ พี่จำอะไรที่ผ่านมาไม่ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นลิตาหรือพ่อแม่ของพี่ พี่จำไม่ได้ว่าพี่มีลิตาอยู่แล้วและกำลังคอยพี่อยู่ พี่อยากให้ลิตาเข้าใจและเห็นใจพี่บ้าง ลิตาก็รู้ว่าพี่เป็นคนอย่างไร ตลอดเวลาที่รักกันมาพี่ไม่เคยนอกใจลิตา แต่บางครั้งมันก็มีสถานการณ์บางอย่างที่เราควบคุมไม่ได้ ถ้าพี่ไม่ถูกทำร้ายจนลืมอดีต พี่ก็ต้องจำได้ว่าพี่มีลิตาอยู่แล้ว คงไม่มีทางไปรักไปชอบผู้หญิงคนไหนได้ พี่คงกลับมาหาลิตาเสียตั้งแต่ตอนนั้น แล้วก็คงจะไม่มีเรื่องให้เราต้องมาพูดกันเหมือนตอนนี้” คริสดึงตัวหญิงสาวที่นั่งฟังอยู่เงียบๆ เข้ามากอดด้วยความสงสาร เธอทำท่าเหมือนเด็กหลงทางที่กำลังมองหาทางกลับบ้าน บ้านที่แสนสุขแสนอบอุ่น ที่เธอคุ้นชินและรู้สึกปลอดภัย เธอคงหวังว่าเขาจะเป็นคนจูงมือพาเธอกลับไปสู่บ้านหลังนั้น เมื่อชายหนุ่มพูดจบลงลลิตาก็พยักหน้าช้าๆ ทำท่าเหมือนคิดตก “พี่อาจจะรักเขาบ้างละมัง แล้วลิตาควรจะทำยังไงต่อไป ควรจะหลีกทางให้เขาหรือเปล่า ตอนนี้ลิตาสับสนมาก คิดอะไรไม่ออกเลย ลิตาไม่เคยเตรียมใจกับเรื่องแบบนี้มาก่อน” “ทำไมพูดยังงั้นล่ะ? ลิตาไม่จำเป็นต้องทำอะไรทั้งนั้น เป็นหน้าที่ของพี่ที่จะต้องแก้ไขเรื่องที่เกิดขึ้น ขอเพียงแต่ลิตาอย่าคิดมาก ถึงยังไงพี่ก็จะแต่งงานกับลิตา พี่ตัองรับผิดชอบต่อลิตา งานหมั้นก็ผ่านไปแล้ว งานแต่งก็เตรียมทุกอย่างเสร็จเกือบหมดแล้ว ลิตาจะเปลี่ยนใจไม่แต่งงานกับพี่หรือไง” เขาพยายามปลอบเธอ ทั้งๆที่หัวใจตัวเองก็ใช่ว่าจะมีความสุข มันยังมีอะไรบางอย่าง ที่ทำให้เขารู้สึกอึดอัดกลัดกลุ้มและห่วงหาอาวรณ์ “ถ้าลิตาแต่งงานกับพี่ ทั้งๆที่รู้ว่าหัวใจของพี่ส่วนหนึ่งเป็นของคนอื่น ลิตาจะมีความสุขอยู่ได้ยังไง” “โธ่...ลิตา พี่ขอโทษ พี่เสียใจจริงๆที่ทำให้ลิตาต้องคิดมากขนาดนี้” เธอส่ายหน้าเหมือนคิดอะไรไม่ออก แต่แล้วจู่ๆก็ถามว่า “แล้วเขารู้หรือเปล่า ว่าเรารักกันมานานและกำลังจะแต่งงานกันเร็วๆนี้?” “เขาเพิ่งรู้เมื่อไม่นานมานี้” เขาตอบตามตรง “อ้อ! รู้แล้ว แล้วยังไงคะ? รู้แล้วๆก็ยังมาพบพี่ มาอ้อนวอนขอร้องพี่ไม่ให้แต่งงานกับลิตาหรือ? หรือเขามีเรื่องอะไรที่แย่ยิ่งกว่านั้น?” เธอทำเสียงเยาะอย่างอดไม่ไหว หัวใจร้อนผ่าวราวกับอยู่ในกองไฟ “ ไม่ใช่ยังงั้นหรอก เขาไม่ได้เห็นพี่ดีวิเศษอะไรนักหนา พี่อาจจะดูดีมีค่าในสายตาของลิตา แต่สำหรับเขาๆคงไม่ได้คิดแบบนั้น เขาไม่เคยอยากให้พี่ไปเป็นอะไรกับเขาหรอก ลิตาไม่ต้องห่วง” หญิงสาวไม่รู้หรอกว่าคริสกำลังพูดความจริง ที่เป็นความรู้สึกน้อยใจของเขาที่มีต่อทิพย์สุรางค์ ลลิตาขยับตัวออกจากอ้อมแขนเขาไปนั่งตัวตรงแล้วนิ่งไปนาน จนชายหนุ่มคิดว่าเธอคงหมดเรื่องพูดแล้ว แต่เธอก็กลับพูดขึ้นมาอีก “ลิตาอดรู้สึกไม่ได้ว่าพี่ปกป้องเขา พี่พูดคล้ายๆกับว่าเขากับลิตาอยู่ในฐานะที่ไม่แตกต่างกันนักในหัวใจพี่” เธอพูดเรียบๆไม่เกรี้ยวกราดก็จริงแต่คริสเกือบสะดุ้ง เธอพูดราวกับอ่านหัวใจเขาออก ชายหนุ่มพยายามแก้ตัวว่า “ไม่ใช่ยังงั้นหรอก อย่าลืมว่าลิตาเป็นคู่หมั้นของพี่ อีกไม่นานเราก็จะแต่งงานกัน ที่สำคัญพี่ก็บอกลิตาแล้วว่าเขาไม่ได้เห็นพี่อยู่ในสายตา” “เขาเห็นพี่สำคัญสำหรับเขาหรือไม่ ไม่สำคัญเท่ากับว่าพี่เห็นเขาสำคัญเท่า หรือมากกว่าลิตาหรือไม่ต่างหาก มันถูกต้องหรือคะที่พี่จะยกย่องเขาขึ้นมาให้เท่าเทียมลิตา ซึ่งเป็นคู่หมั้นของพี่ที่สังคมยอมรับ ส่วนเขาเป็นใครล่ะคะ? เขาก็คงเป็นได้แค่ผู้หญิงไร้คุณธรรมที่ไม่เคารพสิทธิของผู้อื่น” เธอยังยืนกรานความคิดของตัวเอง ชายหนุ่มเริ่มรู้สึกอึดอัดมากขึ้นเรื่อยๆ เขาไม่อยากให้ลลิตาพูดถึงทิพย์สุรางค์ในทำนองนั้น ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่ความผิดของเธอผู้นั้น เขาต่างหากที่เป็นฝ่ายสร้างปัญหาให้เธอมาตลอด ไม่ยอมเลิกรา “ลิตา พี่ว่าเราเลิกพูดถึงเขาดีกว่านะ พี่อยากให้ลิตาลืมเรื่องทั้งหมดนี้เสีย อีกไม่กี่วันเราก็จะกลับบ้านที่โน่น แต่งงานกันแล้วก็ใช้ชีวิตของเราไป ส่วนเขาๆก็มีเส้นทางที่เขาเลือกแล้วเหมือนกัน” คริสรู้สึกเศร้าใจเมื่อพูดเช่นนั้น ความจริงลลิตามีคำถามสำคัญที่อยากจะถามคริส คำถามที่ว่าเขากับผู้หญิงคนนั้นมีความสัมพันธ์กันถึงขั้นไหน รอยข่วนยาวสองสามรอยบนหน้าเขา แสดงให้เห็นถึงความสนิทชิดเชื้อที่ไม่ธรรมดา หญิงชายที่คบหากันปกติ ไม่มีอะไรหวือหวาถึงเนื้อถึงตัว อย่างน้อยก็กอดๆจูบๆ คงไม่เข้ามาทำร้ายร่างกายกันแบบนั้น เมื่อคิดมาถึงตรงนี้หญิงสาวก็ใจสั่นระริกด้วยความหึง โดยไม่ต้องคิดไปถึงขั้นที่ไกลกว่านั้น ให้เจ็บปวดมากขึ้นไปเสียด้วยซ้ำ แต่เมื่อไตร่ตรองโดยรอบคอบแล้ว แม้จะหึงเท่าหึงหวงเท่าหวง ลลิตาก็ไม่กล้าจะเอ่ยปากคาดคั้นถามเขา เธอกลัวว่าคำตอบที่ได้รับอาจจะทำให้เธอถึงขั้นทนไม่ได้ แล้วทำอะไรที่รุนแรงตัดรอน จนอาจนำไปสู่การแตกร้าวกับคริสจนยากที่จะประสาน ลลิตามองหน้าที่ทั้งเครียดและเศร้าหมอง ของผู้ชายคนที่เธอทุ่มเทความรักความภักดีให้มายาวนาน รู้ว่าเขาอับอายและสำนึกผิดตามวิสัยของคนที่ไม่ค่อยจะได้ทำอะไรผิด ใจหนึ่งก็นึกสงสารไม่อยากจะต่อว่าต่อขาน หรือรุกเขามากกว่านี้ ถึงอย่างไรเขาก็เป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่อาจจะวอกแวกหวั่นไหวทำอะไรผิดพลาดไปได้บ้าง กับผู้หญิงอีกคนหนึ่งโดยไม่ได้ตั้งใจ ถ้าเธอรุกเขาหรือประนามผู้หญิงคนนั้นมากเกินไป เขาอาจจะมุทะลุขึ้นมาเพราะความโกรธบวกกับความอาย หันกลับไปเห็นใจสงสารผู้หญิงคนนั้นขึ้นมาก็ได้ แล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอ เธอมิต้องกลายเป็นนางมารร้ายขี้หึง ไร้เหตุผลจนน่ากลียดในสายตาของเขาหรือ? แต่อีกใจหนึ่งที่ทรนงในศักดิ์ศรีเชื่อดีในตัวเอง และสิทธิอันชอบธรรมของการเป็นคู่หมั้น สั่งเธอให้จัดการเสียให้เด็ดขาด ให้ตัดไฟเสียแต่ต้นลม อย่าให้ไหม้ลุกลามมาถึงตัว ด้วยการยื่นคำขาดให้เขาเลือกระหว่างเธอกับผู้หญิงคนนั้น เพราะยังแน่ใจในตัวเองอยู่มากว่าคริสจะต้องเลือกเธอ ความคิดที่สวนทางกันสองอย่างนี้ กำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือดในใจของลลิตา แต่แล้วในที่สุด...เมื่อตกอยู่ในภาวะคับขันปัญญาก็เกิด ปัญญาที่ทำให้ลลิตามีสติพอที่จะรู้ว่าจะเอาอารมณ์เข้ามาทำให้เสียการไม่ได้ ท่าทางฮึดฮัดไม่พอใจของคริสเมื่อตอนบ่ายบอกให้รู้ว่า เธอจะบุ่มบ่ามทำหรือพูดอะไรตามใจชอบไม่ได้ ผู้ชายที่เคยยอมให้เธอมาตลอดคนนี้ อาจจะฮึดไม่ฟังเสียงเธอขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ได้ เธอไม่ควรประมาท แม้จะเจ็บแค้นแสนสาหัสขนาดไหน แม้จะอยากเกรี้ยวกราดอาละวาดประนามผู้หญิงคนนั้นเสียๆหายๆ และยื่นคำขาดกับคริสสักเพียงไร แต่สิ่งที่เธอควรทำในขณะนี้ที่จิตใจของเขา แม้จะว้าวุ่นหวั่นไหวแต่ก็ยังเกรงใจเธออยู่ คือใช้น้ำเย็นเข้าลูบ ประคับประคองสายใยที่กำลังเปราะบางเอาไว้ แสดงให้เขาเห็นว่าแม้เขาจะทำผิดอย่างใหญ่หลวงต่อเธอ แต่เธอก็เข้าใจ..เห็นใจ..และรักเขามากพอที่จะให้อภัย ควบคู่กันไปกับการสะกิดเตือนเขาให้ตระหนักถึงความรักความหลัง และจิตสำนึกความรับผิดชอบของเขาต่อเธอ หญิงสาวคิดว่าเธอจำเป็นต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยวิธีนี้ไปก่อน เมื่อพ้นวิกฤติตรงนี้ไปได้แล้วจึงค่อยมาตั้งสติประเมินสถานการณ์ พิจารณาให้รอบคอบอีกครั้งหนึ่งว่าจะตัดรากถอนโคนเรื่องนี้ ให้สำเร็จเด็ดขาดลงไปได้ด้วยวิธีใด คริสซึ่งไม่รู้ว่าลลิตากำลังคิดอะไรอยู่ เห็นเธอนั่งฟังเขาอยู่เงียบๆเหมือนเข้าใจทุกอย่าง ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายลงบ้างเล็กน้อย แต่แล้วจู่ๆเธอก็โผเข้ากอดเขาจนแน่น ร้องไห้สะอึดสะอื้นจนชายหนุ่มตกใจ น้ำตาของเธอไหลรินอาบแก้ม เมื่อพูดด้วยเสียงที่กะท่อนกระแท่น ขาดเป็นช่วงๆด้วยแรงสะอื้น “พี่คริส! ถึงอย่างไรลิตาก็รักพี่มาก รักจนอภัยให้พี่ได้ทุกอย่าง เพราะลิตาคิดว่าคนเราทุกคนมีโอกาสที่จะหลงผิดไปได้ชั่วครั้งชั่วคราว เมื่อรู้สึกตัวแล้ว ก็สมควรได้รับความเห็นใจและให้อภัย ลิตาจะขอพี่อย่างเดียวเท่านั้น พี่สัญญาได้ไหมว่าจะไม่ติดต่อเกี่ยวข้องกับเขาอีก ถ้าพี่สัญญาได้ลิตาก็จะเชื่อพี่ จะพยายามทำใจให้ลืมเรื่องที่เกิดขึ้นนี้เสียให้หมด จะคิดว่าพี่เพียงหลงผิดไปชั่วคราว จะไม่มีผู้หญิงชื่อทิพย์สุรางค์มายืนกั้นกลางระหว่างเรา แล้วเราก็จะแต่งงานกัน” เธอประคองใบหน้าของคริสไว้ในอุ้งมือทั้งสอง บังคับให้เขามองตาเธอ “พี่สัญญาได้ใช่ไหมคะ?” คริสนิ่งอั้นพูดไม่ออกแต่เขาก็ไม่มีทางเลือก เขารู้ว่าลลิตาเสียขวัญและความมั่นใจในตัวเองที่เกี่ยวกับเขาไปจนหมดสิ้น เขาจำเป็นต้องช่วยเธอดึงความมั่นใจนั้นกลับคืนมา แต่ในขณะเดียวกันชายหนุ่มก็อดคิดไม่ได้ว่า เขากำลังถูกลลิตากดดันอย่างหนัก และก็ไม่ใช่แต่ลลิตาคนเดียวเท่านั้น แม้แต่ทิพย์สุรางค์ก็กำลังกดดันเขาหนักหน่วงไม่แพ้กัน สวัสดี จ้ะ น้องดอยสะเก็ด
เนื้อหาของนิยายเรื่องนี้ กำลังขมวดปมที่น่าติดตาม จ้ะ คริสจะ ตัดสินใจอย่างไร เรียกว่า หนึ่งชาย สองหญิง อิอิ เนาะ สงสารลิตา และ สงสารคริส ติดตามตอนต่อไป จ้ะ โหงดหมวด งานเขีน ฯ โดย: อาจารย์สุวิมล
![]() ![]() |
บทความทั้งหมด
|
ที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์
ห่วง หวง หึง ค่ะคุณตุ้ย