28 Weeks Later
ในบรรดาหนัง 4 เรื่องล่าสุดที่ผู้เขียนดู
ต้องขอยกให้ 28 Weeks Later ได้ใจผู้เขียนไปมากที่สุด
หนังภาคต่อของ 28 Days Later ที่มาพร้อมกับการเปลี่ยนตัวผู้กำกับ

เห็นใบปิดครั้งแรก คิดว่าหนังเกรด B นะคะ
สองใจอยู่ว่าจะเสี่ยงดูดีหรือไม่ แต่ไหนก็ไหนแล้ว
ผลลัพธ์นั้นไม่เลวเลยทีเดียว

หนังเดินตามรอยจากภาคแรกค่ะ
ภาพการไล่ล่ากัดกินอาจจะรุนแรงน้อยไปนิดถ้าเทียบกับภาคแรกนะคะ
อาจเป็นเพราะผู้เขียนไม่กลัวผีที่วิ่งไล่กัดคนโต้งๆเท่าไร
หากกลัว ผีที่อยู่ในใจคนมากกว่า เพราะเดาไม่ได้ คาดเดาไม่ออก
เป็นความกลัวที่ภาคแรกสร้างรอยจำ ให้ได้ติดตาตรึงใจเหลือเกิน
แต่ทว่า ภาคนี้ก็มีประเด็นทางจิตใจใหม่ๆมาทดสอบคนดูค่ะ

โทนของหนังออกมาค่อนข้างตึงเครียดมากนะคะ
ไม่มีจังหวะหยอกล้อคนดูเท่าไรเลย

ผู้เขียนเกือบจะขัดใจกับประเด็นการละเว้นหน้าที่
ซึ่งอาจมองได้ว่าไม่สมเหตุสมผลเท่าที่ควร
แต่สามารถเลือกที่จะมองผ่านได้
เพราะบทหนังยังมีช่องว่างไว้ให้ต่อขยายความคิดเอาเอง

ไม่มีใครเป็นตัวเอกของเรื่องที่แท้จริงนะคะ
มีแต่ตัวเสริมกลไกของเรื่องที่คอยผลักดันให้หนังไปถึงจุดสุดท้าย
ที่ไม่ว่าอะไรก็ตามนั้น ล้วนเกิดขึ้นได้ด้วยน้ำมือมนุษย์
อย่างเราๆท่านๆ เท่านั้นเองค่ะ

ดิฉันชอบภาพความรักของครอบครัวที่บิดเบือนไป
เมื่อตัวละครตัวหนึ่ง พี่สาวที่พยายามหาข้อตำหนิในการเว้นปฏิบัติ
หากทว่า เมื่อถึงวาระของตัวเองแล้วละก็ อะไรที่ต้องทำ ก็ต้องทำ

ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วกับหนังเรื่องนี้ ล้วนไม่ได้บ่งบอกถึงว่าใคร ทำอะไร
หากบอกกล่าวว่า ทั้งหมดทั้งสิ้นแล้ว ล้วนเกิดขึ้นได้กับตัวเราทุกๆคน
ล้วนเกิดขึ้นได้กับใจเราทุกคน
เพราะทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของจิตใจ (ที่รักตัวเอง) เป็นที่ตั้ง
ที่ไม่ได้มีเหตุผลมารองรับด้วยเสมอไป

ดนตรีประกอบก็แรงสะใจดีค่ะ
เป็นหนังของคนรุ่นใหม่ ที่ไม่ได้เบาโหวง
หากแฝงไว้ด้วยเนื้อหาหนาหนักพอเหมาะพอควร
กำลังดีเชียวค่ะ

ขออนุญาติเขียนต่อสำหรับหนังเข้าใหม่อีกเรื่องเลยนะคะ
Pirates of the Caribbean ภาค At World’s End ค่ะ

หนังบางเรื่องเมื่อดูจบแล้ว เราบอกตัวเองได้ทันทีเลยค่ะ
ว่าหนังสนุกและมีค่าควรแก่การดู
สำหรับตัวผู้เขียนแล้ว หนังโจรสลัดภาคต่อนี้ ไม่ใช่หนึ่งในนั้นแน่นอน
ภาคนี้คงเกินพอแล้ว…

หนังผจญภัยไปสุดขอบโลกของโจรสลัดนี้
เนื้อเรื่องนั้นไม่ต้องพูดถึง ไม่ใช่ไม่อยากพูดถึงนะคะ
แต่พูดถึงไม่ได้ ด้วยไม่รู้จะพูดถึงอะไร เพราะผู้เขียนยังงงกับตัวเนื้อเรื่อง
ที่หนังมีประเด็นปลีกย่อยสับสนงงงวย เหมือนจะมีประเด็น ทว่าไร้จุดหมาย
อยากจะใส่อะไรเข้ามา ก็ใส่เข้ามาตามใจฉัน อะไรเทือกนั้น
ดูแล้วชวนปวดหัว อาจเพราะความพยายามเอาใจคนดูหลากหลายกลุ่มผู้ชม
เอาใจคนที่ตั้งใจมาดูตัวละครที่ตัวเองชอบ และผูกพันธ์มาตั้งแต่ภาคแรกก็เป็นได้

ไม่มีอะไรจะบอกมากมายค่ะสำหรับเรื่องนี้
ใครใคร่ชม ชมเถอะค่ะ

อย่าลืมนั่งรอจนจบเครดิตท้ายเรื่องนะคะ
มีความพยายามจะทิ้งเชื้อไว้ให้ภาคต่อเล็กน้อย
ไม่ต้องอายใครหรอกค่ะ เสียเงินดูแล้ว คุณมีสิทธิที่จะได้ดูนะคะ

ขอแสดงความนับถือ



Create Date : 26 พฤษภาคม 2550
Last Update : 26 สิงหาคม 2550 3:00:34 น.
Counter : 766 Pageviews.

4 comments
สงคราม ส่งด่วน (2025) ไมเคิล คอร์เลโอเน
(29 มิ.ย. 2568 16:31:34 น.)
"F1 The Movie" เปิดตัวอันดับ 1 South Korea Box Office iamZEON
(29 มิ.ย. 2568 23:42:13 น.)
มิวสิควิดิโอ "I'm OK...I'm not OK." haiku
(25 มิ.ย. 2568 09:07:03 น.)
🩷 ทุเรียนเชื่อม Ananya Amy_1994
(16 มิ.ย. 2568 08:15:00 น.)
  
ชอบที่สุดเลย เรื่องนี้
โดย: BAPHO วันที่: 26 พฤษภาคม 2550 เวลา:20:22:09 น.
  
มีคนว่าเรื่องนี้ดี ยังไม่มีโอกาสได้ดูเลย
โดย: ลูกโป่งลอยฟ้า_ชิงช้าสวรรค์ วันที่: 27 พฤษภาคม 2550 เวลา:13:51:16 น.
  
เป็นหนังที่ entertain คนดูได้ดีทีเดียวครับ
เหมือนเรื่อง 300 คือสาระไม่ต้องมีอะไรมาก แต่ดูแล้วสะใจ
โดย: nanoguy วันที่: 27 พฤษภาคม 2550 เวลา:19:12:11 น.
  
เคยดูภาคเเรกนะ ต้องยกนิ้วให้เลยครับ ภาพสวยงาม
มากๆ เลย ซอมบี้ที่ตั้งใจให้ดู สดๆ หลายฉากที่ตื่นเต้น

แต่ภาคนี้ยังไม่ได้ดูเเผ่นแล้วเเหละครับ
โดย: haro_haro วันที่: 24 สิงหาคม 2550 เวลา:11:36:15 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Gloomy-sunday.BlogGang.com

Gloomy Sunday
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]