Lions For Lambs
ช่วงต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
มีข่าวการสูญเสีย "วีรบุรุษ" ไป
จากเหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
เป็นช่วงที่ดิฉันเศร้าต่อการสูญเสียคนดีๆอย่าง ร.ต.อ ธรณิศ ศรีสุขไป
เป็นช่วงที่ดิฉันอะอายใจที่ยังทำประโยชน์ให้แผ่นดิน
ได้ไม่ถึงครึ่งที่ผู้กองแคนได้กระทำไว้
และเป็นช่วงที่บังเอิญเหลือเกิน
ที่หลานชาย ตั้งคำถามกับดิฉันว่า
"เราทำอะไรกันอยู่ ?"

Lions for lambs
แบ่งภาพการเล่าเรื่องออกเป็น 3 เหตุการณ์ที่ล้วนเกี่ยวเนื่อง
เติมเต็มซึ่งกันและกัน
หนังนำเสนอ
ภาพยุทธวิธีใหม่ ที่จะนำเข้ามาใช้ในสงครามอิรัก
ผ่านตัวละครของครูซและสตรีพ ในฐานะวุฒิสมาชิกและนักข่าว

ภาพกราฟการสูญเสียที่เพิ่มขึ้น จากสงครามในอิรัก
ผ่านตัวละครของพีน่าและลูค

และภาพใบรายงานการขาดเรียนของนักเรียนที่มีพรสวรรค์
ในมือของอาจารย์ประจำวิชา
ผ่านตัวละครของเรดฟอร์ดและการ์ฟิลด์
เป็นการนำเสนอเหตุการณ์ที่มีทั้งคู่ขนานในระนาบเดียวกัน
และนำเสนอเหตุการณ์ในเชิงลึก ที่มีมิติ

เนื้อเรื่องคร่าวๆ ว่าด้วยการนำเสนอวิธีการทำสงครามด้วยยุทธวิธีใหม่
หากแต่ใช้กำลังทหารน้อยกว่าเดิม
คุ้นๆว่าจะซ้ำรอยกับประวัติศาสตร์สมัยสงครามเวียดนามไหมคะ ?
หนังสื่อต่อเราผ่านการสนทนาเชิงสัมภาษณ์ระหว่างนักข่าวกับวุฒิสมาชิก
ที่ต้องการให้นักข่างสร้างภาพ และปลุกระดมความรักชาติผ่านสื่ออีกครั้ง
และอีกครั้งที่สงครามไม่เคยให้อะไร กับคนที่ทำมัน
หนังมีจุดเชื่อมโยงที่นักดูหนังทุกท่านต้องเข้าไปดูเองนะคะ
เดี๋ยวจะพลาดซะ ว่าใครเป็นราชสีห์ ใครเป็นลูกแกะ

หนังดูเหมือนจะเป็นหนังสำหรับปัญญาชนที่ดูยากในช่วงแรกๆนะคะ
เพราะจากท่าทางของบทสนทนาที่ยาว แถมมากเอาการ
ทำให้ดิฉันอดห่วงเจ้าหลานชายที่นั่งข้างๆไม่ได้
ว่าจะดูรู้เรื่องไหม ?

แต่เมื่อเหตุการณ์ทั้ง 3 ขมวดเกลียวเข้าสู่จุดศูนย์กลางของเรื่อง
เข้าสู่จุดเดียวกันแล้ว
หนังนำเสนอภาพได้อย่างหมดจด ชัดเจน
และไม่ยากเกินไปเลย ที่จะเข้าใจจุดประสงค์ของหนังเรื่องนี้
เรียกได้ว่าย่อยง่ายก็ว่าได้ค่ะ

หนังนำเสนอความคิดของเด็กยุคใหม่ ด้วยแนวคิด
ด้วยวิถีที่เอาตัวเองตั้งเป็นจุดศูนย์กลางของทุกอย่าง
และข้อโต้แย้งจากอาจารย์ประจำวิชา ได้อย่างเด็ดขาด
...เหมือนใจ

หนังบอกเล่าข้อเท็จจริงทุกอย่างที่เรารู้อยู่แล้ว
บอกเล่าความคิดและความเป็นไปได้
บอกเล่าสิ่งที่สื่อเคยและยังคงครอบงำความคิด
(และอาจจะครอบงำต่อไป) ที่เราเคยคาด
ท้ายที่สุด บอกเล่าว่าการเมืองนั้น
ที่แท้แล้ว ก็คือการโฆษณาชวนเชื่อดีๆนี่เอง

หนังไล่ต้อน "ข้อแก้ตัว" จากคนยุคโลกาภิวัฒน์จนหมดเปลือก
หมดทางที่จะเถียงและโต้แย้ง
ทว่า หนังก็นำเสนอจุดยืนของปัจเจกบุคคล
ผ่านความคิดเสรี จากตอนที่อาจารย์ประจำวิชา
ยอมรับการตัดสินใจของทุกๆตัวละคร

ซึ่งดิฉันมองว่าหนังค่อนข้าง "ตัดผ่าน" ข้อเท็จจริงที่สำคัญตรงนี้ไป
การที่อาจารย์ประจำวิชายอมรับการตัดสินใจของนักศึกษานั้น
เท่ากับว่า หนังพยายามแสดงให้เห็นถึงแนวทางแก้ไขปัญหาในสังคม
ถูก ที่จะแสดงให้เห็นถึงความจริงใจของตัวละคร ว่าปรารถนาที่จะเห็นสังคมดีขึ้น
จึงเลือกทำในสิ่งที่ตนเองตั้งใจไว้
แต่ว่า การเลือกที่จะทำและได้ถูกปล่อยให้ทำ (โดยการยอมรับการตัดสินใจ)
กลับกลายเป็นหนึ่งในกลไกของการทำสงครามไปเสียฉิบ

หนังตอกย้ำให้เราเห็นถึงคุณค่าของประวัติศาสตร์และอดีต
เราไม่ได้เรียนรู้จากความสำเร็จ
หากทว่าเราเรียนรู้จากความผิดพลาดต่างหาก
บทของครูซนั้นเหมาะมากๆ ด้วยใบหน้าที่คมคายชวนมอง
ภายใต้ใบหน้าของนักการเมือง
เสียดสีและเย้ยหยันสังคมของเรา ที่ไว้เนื้อเชื่อใจจากรูปร่าง
จากหน้าตาและจากลมปาก ที่บดบังวาระซ่อนเร้น
และบดบังจุดประสงค์ที่แท้จริง

หนังตบหน้าเราในฉากสุดท้ายของสตรีพ
เมื่อตัวละครของเธอต้องเลือก
ทั้งๆที่รู้ และเธอก็เลือก
พร้อมๆกับนักศึกษา ที่ต้องเลือกเช่นกัน
หนังฉลาดๆมากๆ ที่ให้คนดูหาคำตอบกันเอง
หาคำตอบเพื่อตัวเอง และเพื่อคนรอบข้าง

สิ่งเหล่านี้ถูกนำเสนอผ่านการแสดงที่เยี่ยมยอด
วุฒิภาวะทางการแสดงที่มากพอของทั้ง 3 คน
เป็นตัวขับเคลื่อนชั้นดี ให้หนังมีน้ำหนักและความน่าเชื่อถือ
สตรีพทำออกมาได้ยอดเยี่ยมค่ะ สิ่งละอันพันละน้อย
การแสดงผ่านทางระดับเสียงและสายตา
ไปจนถึงการระเบิดอารมณ์ กับสิ่งที่ถูกเก็บ
และไม่สามารถปฏิเสธสิ่งที่ซ่อนอยู่ลึกๆภายในใจ ในฐานะสื่อได้

เรดฟอร์ดเล่นเป็นตัวละคร ที่ต้องอาศัยวุฒิภาวะอย่างนี้ล่ะค่ะ
ตรงไปตรงมา หูก็รับฟังเหตุผลและข้อโต้แย้ง
ทว่าใช้สายตาส่งผ่าน โน้มน้าวและโน้มนำ
และต้องชมจริงๆในฐานะผู้กำกับ
ยอดเยี่ยม และไร้ที่ติในฝีมือค่ะ

ยิ่งช่วงเครดิตท้ายเรื่องนะคะ ห้ามพลาดค่ะ
เพราะกินใจมากๆ

หนังทำให้ดิฉันเสียน้ำตาไปอย่างง่ายๆนะคะ
ไม่ต้องบีบ ไม่ต้องเค้น
แค่สื่ออย่างจริงจัง และตรงไปตรงมา
ทำให้เราสามารถจินตนาการต่อ
ถึงความโหดร้ายที่ยังคงเกิดขึ้นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
ความโหดร้ายที่เกิดขึ้นจากความขัดแย้ง
ความโหดร้ายที่เกิดขึ้นจากความแตกแยก
ความโหดร้ายที่ใช้ชีวิตของผู้บริสุทธิ์เป็นเดิมพัน

เราจำเป็นต้องเสียบุคลากรที่ดีเช่นผู้กองแคนไปอีกกี่มากน้อย
เราต้องเสียราชสีห์ไปอีกเท่าไร ? จึงจะหยุด
เพราะไม่มีใครชนะหรอกนะคะ
ตราบใด ถ้าสิ่งที่เรายังคงทำ คือการก่อสงคราม

ดูหนังจบ หันไปมองหน้าหลานชายทั้งน้ำตา
คงมีคำตอบบ้างแล้วสำหรับชีวิตการทำงานที่ผ่านมา
ว่าหลานทำอะไรไปแล้วบ้าง
ทำอะไรเพื่อสังคมไปกี่มากน้อยเท่าไร ?
ทำเพื่อใคร และเสียสละไปมากน้อยแค่ไหนแล้ว

ขอแสดงความนับถือเป็นอย่างสูงนะคะ
ปล. เข้าไปร่วมไว้อาลัยต่อ ร.ต.อ.ธรณิศ ศรีสุขได้
ที่ //www.thoranitsrisuk.org ค่ะ



Create Date : 10 พฤศจิกายน 2550
Last Update : 10 พฤศจิกายน 2550 12:57:22 น.
Counter : 595 Pageviews.

4 comments
  
ผมคิดว่าคุณเจ้าของบล็อค เขียนวิจารณ์ได้ดีวันดีคืนครับ
แล้วก็มีสไตล์เป็นของตัวเองดีเสียด้วย
แต่หนังเรื่องนี้ไม่รู้สึกดึงดูดให้ผมไปดูนะครับ
จริงๆผมคิดว่ามันน่าจะเป็นหนังดี
แต่ด้วยเงื่อนไขของผมที่ไม่สามารถไปดูหนังได้เยอะเหมือนแต่ก่อน หนังเรื่องนี้คงต้องรอดูทางแผ่นล่ะครับ

ป.ล. พรุ่งนี้จะไปดูหนัง แฟนผมเป็นผู้ชายของคุณแมลงปีศาจ ที่เฮ๊าส์หน่อย เด๋วจะอดดู
โดย: joblovenuk วันที่: 10 พฤศจิกายน 2550 เวลา:2:13:58 น.
  

แวะมาเยี่ยมเยี่ยนกันครับ
Thailand International Balloon Festival 2007
คลิกที่รูป เพื่อตามมาเที่ยวด้วยกันครับ

โดย: มิสเตอร์ฮอง วันที่: 10 พฤศจิกายน 2550 เวลา:2:23:55 น.
  
เขียนวิเคระห์ได้ดีครับ
ในชีวิตของคนที่สนุกไปวัน ๆ สงครามเขาอยู่บนท้องถนน หรือ คลินิครักษาสิว

สำหรับคนที่บังเอิญรับรู้เรื่องราวและเลือกที่จะมีส่วนร่วมกับปัญหา เขาคือ อาสาสมัคร

การนิ่งเฉยต่อปัญหา ที่แม้จะไกลออกไป คือความเห็นแก่ตัว หรือว่า ตาบอด

การกระโดดจู่โจมลงไปในสงครามที่ไร้เดียงสา คือ เหยื่อ หรือ ความกล้าหาญ เสียสละ

หนังเรื่องนี้วางน้ำหนัก ในเหตุผลของแต่ละคนได้ดีครับ
เพียงเทใจไปให้อีกฝ่ายเพียงเล็กน้อย เราก็จะเชื่อว่า วิธีการเช่นนั้นถูกต้อง และ อาจมีข้อจำกัดหรือผลเสียของทุก ๆ ความคิด

ฉากที่ไล่อัดวุฒิสมาชิก ผมเฉย ๆ เพราะได้ยินได้อ่านมาเยอะสำหรับการวิจารณ์นักการเมือง

แต่การวิจารณ์สื่อมวลชน และ ปัจเจกบุคคลอย่างเด็กนักศึกษา ดูแล้วสะใจดี

โดย: บก.ลายจุด IP: 58.8.5.9 วันที่: 11 พฤศจิกายน 2550 เวลา:8:06:48 น.
  
เขียนวิจารณ์กันออกมาดีมากๆเลยค่ะ ดูแล้วร้องไห้ และหัวเราะออกมาด้วยล่ะค่ะ ชอบหนังแนวนี้มากๆเลยค่ะ มีเรื่องอื่นดีๆแนะนำให้บ้างนะคะ แนว seven ก็ชอบมากๆเลยค่ะ แปลกแต่จริงนะคะ เพื่อนๆที่ไปดูด้วยกันจะขึ้นเลข 3 หมดแล้ว แต่ไม่มีใครเข้าใจเนื้อหาเลยค่ะ
โดย: หนูบ้านนอก IP: 58.8.180.3 วันที่: 13 พฤศจิกายน 2550 เวลา:7:24:53 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Gloomy-sunday.BlogGang.com

Gloomy Sunday
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]