Curse of The Golden Flower 1 เดียวของเอเซียบนเวทีออสการ์ในขณะนี้ สาขาออกแบบเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยมนะคะ หนังกล่าวถึงความสัมพันธ์ภายในราชวงศ์ที่ถูกสมมติขึ้น เบื้องหลังฉากของพระราชวังอันยิ่งใหญ่ตระการตา กลับซ่อนเรื่องราวมากมายเอาไว้ภายใน การลักลอบคบชู้ รักและใคร่จนกลายเป็นแค้น ความทะยานอยากในอำนาจ นำไปสู่จุดจบที่มีทางเลือกให้ไม่มากนัก หนังแสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของจักรพรรดิจีน ที่ชี้เป็นชี้ตายคนได้ จะให้ตายทันที หรือตายช้าๆอย่างทรมาน ก็จัดให้ได้ตามแต่พระประสงค์ เปลี่ยนพื้นที่ที่ถูกฉาบเต็มไปด้วยเลือด ให้กลายเป็นทุ่งเบญจมาศ ก็ทำได้ไม่ยาก ดอกเบญจมาศเป็นดอกไม้มีตระกูล จึงไม่น่าแปลกใจ ที่จะถูกนำมาสื่อ ถึงความสง่างามของราชวงศ์จีน และโดยเฉพาะจักรพรรดินี ทุ่งดอกไม้สีทองสุดลูกหูลูกตา ที่ประดับประดาให้ดูแล้วใจหายในตอนจบ จะประดับไปทำไม? ในเมื่อ... สถานะของตัวละครถูกกำหนดไว้อย่างเข้มงวด จักรพรรดิก็ย่อมเป็นจักรพรรดิ ใครที่ไม่ใช่ก็ย่อมไม่ใช่ วันยันค่ำ "ไม่สิ่งใดก็สิ่งหนึ่งที่จักรพรรดิไม่ได้ประทานให้ ไม่ใครก็ใครอย่าได้หวังจะช่วงชิง" ความแค้นใจในการถูกทรยศนำมาซึ่งการแก้แค้น หากเป็นการแก้แค้นอย่างคลาสสิคมากมาย ให้ตายทีละน้อยๆ และทั้งๆที่รู้ว่าจะตาย ก็ไม่อาจขัดขืน บทจักรพรรดิและจักรพรรดินีนั้นเป็นตัวเดินเรื่อง โดยเฉพาะรายหลัง ที่ออกมาแทบจะทุกฉาก กงลี่ยังสวยไม่สร่าง ดูแล้วต้องชมในฝีมือ จักรพรรดิได้ดาราฝืมือดีอย่างโจวเหวินฟะมาแสดง ชอบตัวละครตัวนี้มากนะคะ เล่นได้ดีเหลือใจ คล้ายคนวิกลจริต ไม่รู้จักพอในอำนาจ จะมีอำนาจไปเพื่ออะไร? เจย์โชวเหมาะกับบทองค์ชายรองพอตัว นี่ก็เช่นกัน รู้ทั้งรู้ว่าสู้ไปก็ไม่มีวันจะชนะ แต่เพราะรักแม่... แค่นี้ก็ได้ใจผู้ชมที่เป็นสาวๆไปเยอะแล้วล่ะค่ะ ที่สำคัญเพลงตอนท้ายเรื่อง ฝีมือของเฮียแกนะคะ เพราะไม่เพราะไม่รู้ แต่ผู้เขียนดูหนังจบ ก็แว่บไปซื้อเพลงประกอบฯมาฟังทั้งวัน ผู้กำกับจางที่เคยสร้างชื่อไว้มากมายจาก Hero และ Not one less ทำหนังสวยๆออกมาให้เรานั่งดู ทำให้หนังเป็นศิลปะมากขึ้น เพิ่มสุนทรียภาพในการเสพขึ้นเยอะเลย แม้จะเคยพลาดไปกับ House of flying daggers ก็ตามที ขอแสดงความนับถือ |
บทความทั้งหมด
|