ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาคประกาศอิสรภาพ เรียนไว้จากกระทู้ที่แล้วค่ะ ว่าเหตุผลที่จะตามดูพระนเรศ ภาคต่อนั้น เป็นเพราะบทที่คมคายของบุเรงนอง ว่าหนังจะมีทางออกที่ชาญฉลาดอย่างไร และแล้ว... ก็ต้องผิดหวัง การสร้างหนังที่ใช้ทุนสร้างเยอะๆนั้น ไม่ได้บ่งบอกถึงความดีความชอบในตัวหนัง หากแต่แสดงให้เห็นถึง "ฝีมือ" ของผู้กำกับฯ ว่าเลือกจะตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ ? หรือฉลาดสื่ออย่างมีชั้นเชิงและเคารพคนดู สร้างสิ่งเล็กๆน้อยๆให้ได้กินใจ กินความหมายที่กว้างและลึกกว่า หรือเลือกนำเสนออย่างทื่อด้านและฟุ่มเฟือยเกินความจำเป็น หนังภาคแรกที่สามารถสร้างอารมณ์ร่วมให้เราได้ในระดับหนึ่งนั้น กลับมาในภาคต่อนี้ แทบไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นมือเขียนบทคนเดิม เพราะขาดเสน่ห์ของการเล่าเรื่องโดยสิ้นเชิง ตัวละครหลักเราเป็นหุ่นยนตร์รึก็เปล่า มิติของอารมณ์ทางการแสดง ออกมาแบนสนิท ไม่มีเสน่ห์บนจอให้ได้เอาใจช่วยใคร หรืออะไรเลย แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่แย่ที่สุดของหนังหรอกค่ะ จุดบกพร่องที่เคยพลาดไปใน "สุริโยไท" มีกลับมาให้เห็นกันจะจะ การตัดต่อที่ไม่คำนึงถึงอารมณ์คนดู มีเรื่องจะเล่า จะบอก ก็จะตัดให้ดู ให้ได้รู้ แค่นั้น! ไม่มีความลุ่มลึกใดๆให้ได้คิด ให้ได้ต่อยอด คิดแล้วเสียดายเวลาที่เข้าไปชม ฉากการทำสงครามที่ดูแล้วอยากให้หยุด ไม่ใช่เพราะความโหดร้ายของสงครามนะคะ แต่เป็นเพราะความเบื่อหน่ายต่อการยัดเยียดฉากเหล่านี้ ที่ทำสงครามไปนั้น ล้วนแสดงออกถึงความรักชาติแทบทุกหยาดหยด ? คงเป็นข้อดีเพียงข้อเดียวกระมังคะ ของหนังภาคต่อนี้ หลายต่อหลายคนเตือนดิฉันก่อนเขียนกระทู้นี้ แต่ 1+1 ต้องเท่ากับ 2 ค่ะ ดีก็คือดี เลวก็คือเลว อย่าพยายามหลอกตัวเอง หรือคนอื่นๆ ยกยอปอปั้นกันเกินความจำเป็น ติก็เพื่อก่อ อยากให้หนังไทยเราก้าวต่อไป ต้องเลิกอุปโลกกันเอง เยินยอในสิ่งที่หาใช่ควรเยินยอ ดูแล้วผิดหวังจริงๆ ขอแสดงความนับถือ!!! |
บทความทั้งหมด
|