Bridge to Terabithia วรรณกรรมเยาวชนเจ้าของรางวัลนิวเบอรี่ เมดัลประจำปี 1977 เขียนโดยคาเธอรีน ปีเตอร์สันผู้ได้รับแรงบัลดาลใจจากการสูญเสียเพื่อนของลูกชายเธอ เดวิด ปีเตอร์สัน (ลูกชายเธอ) ก็เป็นหนึ่งในทีมเขียนบทและเป็นผู้อำนวยการสร้างเองซะด้วย ชื่อ Bridge to Terabithia นั้นดัดแปลงมาจากเกาะ Terebinthia ในหนังสือเจ้าชายแคสเปี้ยน (Prince Caspian) และผจญภัยโพ้นทะเล (The Voyage of the Dawn Treader) ของซี.เอส.ลูอิสค่ะ ตัวหนังเคยถูกสร้างมาแล้วในปี 1985 นะคะ หนังกล่าวถึงการพบกันของเด็กน้อยผู้โดดเดี่ยว 2 คน เจสส์ แอรอนส์ จูเนียร์และเลสลี่ เบิร์คค่ะ หนังเปิดตัวง่ายและสั้นบอกเราถึงสถานะของเจสส์ในบ้าน รองเท้าเก่าเก็บที่ยังใช้ใส่ซ้อมวิ่ง บอกถึงสถานะครอบครัวได้ดี พ่อที่แทบจะไม่มีเวลาเกลาลูกชายคนเดียว และถึงมีเวลาก็ไม่รู้วิธีแสดงออกถึงความรัก ส่วนเลสลี่นั้นเป็นสาวข้างบ้านที่เพิ่งย้ายมา เธอวิ่งแข่งชนะผู้ชายทุกคนในโรงเรียน รวมทั้งเจสส์ด้วย 2 คนที่ต่างก็มีความเหงาลึกๆในใจ เพราะไร้เพื่อนเหมือนๆกัน กลายมาเป็นเพื่อนสนิท และเริ่มสร้างอาณาจักร Terabithia ขึ้นจากจินตนาการค่ะ หนังยังมีเรื่องราวให้ติดตามต่อไปอีก และก็เชื่อขนมกินได้เลยว่า คนที่ไม่เคยอ่านหนังสือเล่มนี้มาก่อน แล้วได้รู้และดูมาแค่หนังตัวอย่าง ย่อมคาดหวังว่า จะได้พบกับมหากาพย์แฟนตาซีผจญภัยเรื่องใหม่ในแนวเดิมๆ ซึ่งต้องขอบอกไว้ก่อนเลยว่า... หนังเรื่องนี้ไม่เป็นไปตามที่คาดหรอกค่ะ ตัวโครงเรื่องเองมีความเป็นดราม่าสูงและเป็นสากลกว่านั้นเยอะ แทบจะทุกอณูของหนังที่มีทรัพยากรทำเป็นหนังดราม่าหนักๆได้เรื่องนึงเลยทีเดียว แต่ก็อนิจจา... ผู้กำกับหาตลาดให้กับหนังของตัวเองไม่เจอค่ะ ไม่รู้จะเจาะกลุ่มเป้าหมายไหนดี วางตำแหน่งของหนังตัวเองผิดพลาดอย่างมหันต์ กลายเป็นหนังครึ่งๆกลางๆ กลับไม่ได้ไปไม่ถึง จะเล่นความตระการตาจากเทคนิค CG ก็ทำได้เท่าที่ตัวหนังสือจะเอื้ออำนวย หรือจะเล่นดราม่าซะทีเดียว ก็กลัวจะเสียฐานลูกค้าเด็กและเยาวชน ภาพของหนังที่ทำให้พ่อแม่ผู้ปกครองตัดสินใจจูงลูกหลานเข้าไปดูจึงเจื่อนๆพิกลๆ หรือแม้แต่ผู้ใหญ่ก็ยังคาดหวังเลยเถิดไปคนละทิศคนละทาง ดูแล้วให้เสียดายในทรัพยากร เสียดายในบทประพันธ์ เสียดายฉากที่น่าจะทำออกมาได้สื่อและกินใจมากกว่านี้ เสียดายแง่งามที่ซ่อนอยู่ แต่ไม่ได้ถูกนำมาเสนออย่างมีนัยสำคัญ กลายเป็นหนังหน้าตาฉลาดน้อยไปซะอย่างงั้น เฮ้อ... นั่งดูไปถอนหายใจไป โดยส่วนตัวแล้ว ดิฉันชอบดูความสัมพันธ์ระหว่างพ่อและลูกชายค่ะ ฉากที่เรียกน้ำตาเรานั้น จึงถือว่าทำออกมาได้พอใช้ วางจังหวะกำลังดี ตัวละครเด็กหน้าตาน่าเอ็นดูค่ะโดยเฉพาะหนูน้อยเมย์เบลล์ บทคุณครูสอนดนตรีสาวมีน้อยไปนิด แต่ก็ทำให้เราเชื่อและรู้สึกหลงรักได้จริง แต่ก็อย่างที่เรียนไว้ข้างต้นค่ะ หนังสือเล่มนี้มีคุณค่าลึกซึ้ง และก็ยากเกินกว่าที่ผู้กำกับจะเข้าใจได้ น่าเสียดายจริงๆ ขอแสดงความนับถือ ติดนิดเดียวนะครับ ต้องเขียนว่า "ทรัพยากร" จะถูกต้องครับ
ตอนแรกคิดว่าหนังเรื่องนี้จะเป็นแฟนตาซี เทคนิคอลังการออกแนว Narnia ซะอีก -_-" เฮ้อ อยากดูหนังมากมาย ปิดเทอมแล้วยังไม่ได้ดูเสียที ![]() โดย: Mint@da{-"-}
![]() เล่นเอาตกใจไปทีเดียว
ไม่น่าเชื่อว่าดิฉันปล่อยไก่กับภาษาไทยไปได้... ขอบคุณมากๆเลยค่ะ ที่ช่วยท้วงติง เฮ้อ... แล้วอย่างนี้จะไม่ให้รักคนอ่านได้ยังไงคะ โดย: Gloomy Sunday
![]() |
บทความทั้งหมด
|
ได้ยินมาเหมือนกันนะคะ ว่าไม่มีกราฟฟิคเอยะแบบนาร์เนีย
แต่เค้าดันโปรโมตมาแบบนี้เลยเข้าใจผิดกัน
ส่วนตัวเองก็คิดไปแบบนั้นเหมือนกัน
สงสัยต้องโดนคนดูบ่นแน่เลย ว่าผิดหวัง
งึ่มๆๆๆ