The Fountain

หนังที่เกือบจะมีดารานำเป็นพิทท์และแบลนเช็ทอยู่แล้วเชียว
แต่บทนำทั้งสองก็กลับมาตกอยู่ในมือของแจ็คแมนและไวซ์

หนังจำแนกประเภทได้ยากนะคะ
เป็นได้ทั้งหนังรักหรืออาจเป็นแฟนตาซี ที่แน่ๆไม่ใช่ไซไฟอย่างที่หลายๆคนเข้าใจค่ะ
ตัวหนังสร้างโจทย์ได้ไม่ไกลจากแก่นของศาสนาพุทธ
และตอบโจทย์ตัวเองได้ดีทีเดียว
พาเราสำรวจจิตใจที่เต็มไปด้วยความทุกข์สีโศก
ด้วยเพราะโลกแห่งความเป็นจริงนั้นโหดร้ายเหลือใจ
การจำนนและยอมรับ ไปจนถึงแนวทางการหลุดพ้น

หนังให้จิกซอว์ของเรื่องราวมาทีละน้อยๆ ด้วยลีลาเนิบช้า
ซึ่งนี่อาจเป็นข้อเสียหลักของหนังเรื่องนี้ค่ะ
แต่ก็ยังเลือกที่จะเดินเรื่องแบบท้าทายคนดู ค่อยๆเผยและเติมเต็มส่วนที่ยังขาดหาย

หนังแบ่งเป็นหลายเหตุการณ์ที่เกี่ยวโยงและขมวดเป็นปมในช่วงท้าย
โลกจริงที่จับต้องความเจ็บปวดได้ง่าย ง่ายดายเหลือเกิน
...โลกที่ดอกเตอร์ครีโอพยายามเป็นอย่างมาก คิดค้นหายาที่จะลดขนาดเนื้องอกให้เล็กลง...
โลกในจินตนาการที่สนองตอบต่อความต้องการภายในลึกๆของผู้เขียน(และผู้ร่วมเขียน)เอง
...ทหารของพระราชินีสเปนกำลังตามล่าตำนานในพระคัมภีร์ ตามล่าต้นไม้แห่งชีวิต เพื่อกอบกู้ราชบัลลังก์ราชินี...
และปิดท้ายด้วยโลก... ไม่สิ ต้องเรียกว่าความคิดและจิตใจของเรามากกว่า
...ทุกข์ที่เกิดจากการพราก จิตใจที่ช้ำนั้นจึงได้สร้างกลไกมาบรรเทาความเจ็บปวดให้เบาบางลง ซ่อนและซ้อนทับเอาไว้...

ตัวละครของแจ็คแมนเป็นตัวแทนจากด้านมืดค่ะ
ด้านมืดในจิตใจที่ไขว่คว้าหาทางออกไปสู่แสงสว่าง
ขณะที่ตัวละครของไวซ์นั้น ด้วยความเข้าใจในวิถีชีวิต
ถ้าเปรียบก็ต้องเปรียบเป็นแสงรางๆที่คอยส่องให้แจ็คแมนของเราไล่ตามให้เจอ...และให้ทัน
การเข้าใจในระดับนี้เป็นเรื่องลึกซึ้งที่อาจเข้าใจยากสำหรับนักดูหนังบางคน(ในบางประเทศ)
แต่ดิฉันเชื่ออย่างหมดใจค่ะว่า สำหรับคนไทยเราแล้ว
ทางแห่งการหลุดพ้นนั้น เป็นอะไรที่ไม่ใหม่เลย
ดนตรีประกอบไม่พูดถึงคงไม่ได้ คลอไปกับหนัง เพราะจริงๆ
เสียงเดี่ยวของเชลโลฟังแล้วเศร้าลึก... เฮ้อ

ผู้เขียนเคยถามอาจารย์ที่เคารพรักมากว่า มีหลักในการเลือกดูหนังอย่างไร
ว่าจะดูเรื่องไหนในโรงภาพยนตร์และเรื่องไหนควรจะนั่งดูอยู่ที่บ้านดี
อาจารย์ตอบกลับว่า ชอบดูจอใหญ่ในโรงภาพยนตร์ เพราะถ้าดูที่บ้าน
เพียงแค่ปลายนิ้วก็เปิดและปิดอะไรๆได้ แถมมีตัวกวนเป็นเสียงโทรศัพท์ชั้นดี
ไปๆมาๆจะดูไม่จบซะอย่างนั้น

เช่นกันค่ะ หนังเรื่องนี้ก็ต้องดูในโรงนะคะ
แม้ว่าการต่อจิกซอว์เล็กๆไปเรื่อยๆจะต้องใช้เวลาพอสมควรก็ตาม
แต่สุดท้าย ก็จะได้ภาพบานใหญ่สีสวยสดที่ติดตาตรึงใจ
โดยไม่มีใครขัดจังหวะ...มังคะ

ขอแสดงความนับถือค่ะ

Create Date : 05 เมษายน 2550 Last Update : 5 เมษายน 2550 1:15:25 น. Counter : 551 Pageviews.		3 comments
Share Tweet

	สวัสดีปีใหม่ ๒๕๖๗ มาช้ายังดีกว่าไม่มา (2 ม.ค. 2567 07:30:30 น.)		สวัสดีปีใหม่ Rain_sk (1 ม.ค. 2567 21:38:33 น.)
	The Last Thing on My Mind - Tom Paxton ... ความหมาย tuk-tuk@korat (1 ม.ค. 2567 14:50:49 น.)		ทนายอ้วนจัดดอกไม้ - จัดดอกไม้ง่ายๆ – แจกันสวัสดีปีใหม่ 2567 - กุหลาบพวงสีชมพู - ขาว ทนายอ้วน (2 ม.ค. 2567 15:16:32 น.)