Sunshine บ้านเราในเดือนเมษาฯนั้นร้อนจ้า ใกล้เกินจะทานทน แต่ Sunshine กำลังชี้นำเราในทางกลับกันค่ะ หนังบอกให้เราตระหนักถึงความร้อนและแสงสว่างที่ "ต้องมี" ในอนาคตอันใกล้นี้ หากต้องอยู่ในโลกที่เหน็บหนาวและหม่นมัวตลอดเวลา หนังปะหน้ามาเป็นไซไฟจ๋าหน้าตาจริงจังทีเดียว หากแท้จริงกลับซ้อนทริลเลอร์ระทึกขวัญไว้ค่อนเรื่องเชียวค่ะ หนังเริ่มเรื่องจากที่โลกเราเหน็บหนาวและมัวหม่นเมื่อดวงอาทิตย์ใกล้ดับเต็มที ยานอวกาศอิคารัส 2 และลูกเรือทั้ง 8 ชีวิตจึงเป็นความหวังสุดท้ายในการจุดระเบิด ณ จุดดับบนดวงอาทิตย์ เพื่อต่อชีวิตมวลมนุษยชาติ ทว่าเกิดสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิดขึ้น เมื่อลูกเรืออิคารัส 2 ได้รับสัญญาณจากยานอวกาศอิคารัส 1 ที่ถูกส่งมาทำภารกิจเดียวกันเมื่อ 7 ปีก่อน และขาดการติดต่อไป เฮ้อ... ช่างสรรหาตั้งชื่อยานอวกาศ ตั้งได้ค่อนข้างอัปมงคลน่าดูนะคะ Icarus ตามชื่อหนุ่มน้อยในเทพนิยายกรีก ที่หนีตามพ่อด้วยปีกขนนกฉาบขึ้ผึ้ง บินต่ำไปความชื้นก็หน่วงปีก บินสูงไปความร้อนก็หลอมปีก ท้ายที่สุด Icarus บินสูงเกินไปค่ะ ปีกขี้ผึ้งถูกหลอมและหล่นลงในทะเล และเสียชีวิตไป เมื่อมนุษย์มีความโลภและขาดความรับผิดชอบต่อหน้าที่ที่ตนได้รับ การประเมินความเสี่ยง โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบที่รายล้อมรอบตัวให้รอบคอบและถี่ถ้วนเพียงพอ ย่อมนำภารกิจหลักให้เขวไป และไปไกลเกินกว่าที่ใครจะคาดซะด้วย อย่างที่เรียนข้างต้นค่ะ หนังมีหน้าตามากลายพันธุ์เอาตรงนี้นั่นเอง จากที่หน้าตาละม้ายคล้ายไซไฟ ก็มากลายเป็นระทึกขวัญไม่น่าไว้วางใจ หนังบอกเล่าความรู้สึกของมนุษย์ในที่แคบๆ ในเคบินยานอวกาศ แม้กระทั่งในหัวของเรา การเสียสละที่คู่ขนานกับความเห็นแก่ตัว ภาวะสิ้นหวังที่ครอบคลุมจิตใจ ความรับผิดชอบที่เกินกว่าคนๆเดียวจะแบกรับ เมื่อใดก็ตามที่มือตัวเองไม่ได้เปื้อนเลือดและไม่ได้เอาคอตัวเองขึ้นเขียงแทน การติดสินใจย่อมงายดาย ฉากที่เมซและพวกตัดสินใจบางอย่างโดย "ตัดสิ่งที่ไร้ประโยชน์นั้นทิ้ง" สิ่ง...ที่ร่วมเดินทางมากับเขาด้วยจุดประสงค์ที่ไม่ได้ต่างกันเลย สิ่งที่เคยกินอยู่กับพวกเขา สิ่งที่เคยเป็นเพื่อนร่วมทีมเขาเอง สิ่ง...ที่เคยมีชีวิต เป็นฉากที่เศร้าที่สุดของหนังสำหรับตัวผู้เขียนเองมังคะ สุดท้ายคือความโง่เขลาของมนุษย์ ยามที่หมดที่พึ่งทางใจและไร้ทางออก หนังเล่นกับประเด็นเหล่านี้ ในยานอวกาศที่ยืดหดไม่ได้ หนีไม่ได้ ความสมเหตุสมผลของตัวหนัง มีเพียงบางจุดค้านสายตาเราบ้างน้อยนิด นอกนั้นเคร่งขรึม ตึงเครียดและจริงจัง เรียกว่าปล่อยให้เราหายใจได้ทั่วท้องไม่เท่าไหร่ ก็ดึงเรากลับมาสู่สภาพไม่น่าไว้วางใจอีกครั้ง ตัวละครหลักไม่กี่ตัวนั้น ซิลเลี่ยน เมอร์ฟี่ดูจริงที่สุดค่ะ เป็นลักษณะตัวละครที่ขัดแย้ง ไม่น่าไว้วางใจแต่ต้องวางใจ ด้วยภารกิจและข่ายความรับผิดชอบ มิเชลล์ โหย่วนั้นยังเป็นตัวแทนของหญิงชาวโลกที่คิดจะเล่นเกมส์แบบ Survival ไม่ได้ถนัดใจนัก ความสูญเสียเครื่องมือกลับสู่โลกจึงยังดูไม่น่าหนักใจจริงจัง คริส อีแวนส์ดูเด็กไปค่ะ ยังไม่น่าเชื่อถือในความมุ่งมั่น โดยภาพรวมนั้น หนังสนุกมากๆค่ะ สนุกอย่างเคร่งครัดและเคร่งเครียด สำหรับคนที่เคยชอบ Event Horizon เมื่อกว่า 10 ปีที่แล้ว แม้หัวใจหลักของเรื่องต่างกันไป หากแต่มีบรรยากาศใกล้เคียงกันนะคะ แต่ยืนยันค่ะว่า Sunshine สนุกหนักหน่วงกว่ากันเยอะ และเนื่องจาก(แม้จะขัดใจ แต่หลานก็ลาก)ไปดูในระบบดิจิตอลมานะคะ ภาพจึงสวยสดกระจ่างตาดีเหลือเกิน จากที่เคยถกกับหลานว่า เรื่อง "300" ฉบับโรงปรกติที่เซ็นเซอร์นั้น ใคร ? ได้ผลประโยชน์ เซ็นเซอร์เพื่อใคร หรืออะไรก็ตามที อาจเป็นไปได้ว่า โรงภาพยนตร์แบบปรกติคงต้องรองรับลูกค้าอีกกลุ่มหนึ่ง ? หรือถึงขั้นต้องสาปสูญ ? เราจึงจะได้ความเท่าเทียมในการรับชมภาพยนตร์ ด้วยกลัวภาพบางภาพ และฉากบางฉากจะโดนเซนเซอร์ เลยต้องยอมแลกกับเงินที่เพิ่มสูงขึ้น ยังตอบตัวเองและใครๆไม่ได้ค่ะ ตอบไม่ลงและคงไม่ตอบ วานช่วยคิด และตอบออกมาดังๆทีนะคะ ขอแสดงความนับถือค่ะ ส่วนตัวแล้วไม่ได้สนใจหนังเรื่องนี้เป็นพิเศษอะไร เพราะคิดว่า คงเหมือนๆ หนังกู้โลกที่เคยๆมีมา แหะแหะ ส่วนเรื่องโรงดิจิตอล... ตอนดูเรื่อง 300 ก้อไม่เห็นความแตกต่างมากนักค่ะ ว่ามันต่างกันยังไง โดย: น้ำหวานพิษ วันที่: 7 เมษายน 2550 เวลา:21:54:37 น.
ตั้งแต่เห็นหนังตัวอย่างจนถึงอ่านพรีวิวหนังเรื่อง Sunshine ไม่ทำให้ผมนึกอยากดูเลยครับ ยิ่งตอนนี้มีหนังน่าดูๆแล้วยังไม่ได้ดูอีกหลายเรื่องทั้ง Bethoven, Good Sheperd และที่กำลังจะเข้าพรุ่งนี้แล้วคือ Pan's Labyrinth คิดว่าเรื่อง Sunshine คงไม่ได้ดูในโรงแน่นอน
ส่วนเรื่อง Event Horizon ผมก็ไม่ชอบด้วยแฮะ อาจเรียกว่าถึงขั้น "เกลียด" เลยก็ได้ หนังอะไรขึ้นต้นมาเป็นไซไฟ ลงท้ายกลับกลายเป็นหนังผี "แหวะๆ" ซะงั้น แต่ว่าไป...เรื่องนี้มันก็ดูมานานแล้ว ด้วยทัศนะที่เปลี่ยนไป ประสบการณ์การดูหนังที่มากขึ้น และอะไรหลายๆอย่าง ไม่แน่ว่าถ้ากลับมาดูใหม่ผมอาจจะเกิดชอบ Event Horizon ก็เป็นได้ โดย: Kino (das Kino ) วันที่: 10 เมษายน 2550 เวลา:1:02:50 น.
ยิ่งเห็นชื่อ ยิ่งผิดหวัง ทั้งที่อยากดูมาก แต่เมือได้ดูแล้ว
โอ้ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองเลย เสียเวลามากๆ ที่ได้มานั่งดูหนังเรื่องนี้ แต่ก็มีอะไรให้คิดเยอะ ดี โดย: haro_haro วันที่: 24 สิงหาคม 2550 เวลา:11:51:36 น.
|
บทความทั้งหมด
|
แต่คงต้องไปดูเรื่องนี้ซะแล้ว..
สวัสดีจขบ นะคะ