Fire in the box
สืบเนื่องมาจากการมีข้อความจากหลายๆคนเรียกร้องให้ผมอัพเดท blog เสียที ที่หายไป2เดือนกว่าๆนี่ก็ไม่ได้ไปไหนหรอก ทำงานนี่แหละ...ผู้ชายกลางคืนอย่างกูนอนดึกตื่นสายว้อยย วันไหนตื่นมาตอนบ่ายนี่อย่างเซ็งเลย ไม่เป็นอันต้องทำอะไร เดี๋ยวบ่าย4ก็ต้องเตรียมตัวไป parkingtoys แล้ว แถมอยู่ที่นั่นมันจนตี1-2 ไม่มีอารมณ์จะเขียน blog เลย แต่...เอาก็เอาวะไอ่สาดด อัพเดทให้ก็ได้ เรื่องขำๆในชั่วโมงงาน(ที่จริง project ใหญ่ เขียน blog แนะนำ parkingtoys ยังไม่เสร็จเลย )

ก็เรียนให้ทราบโดยทั่วกันนะครับว่าตอนนี้ทำงานเสริ์ฟอยู่ที่ผับ parkingtoys 5โมงเย็น-ตี1 ทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ รายละเอียดปลีกย่อยไว้ว่ากันใน blog แนะนำร้านก็แล้วกันนะ (จะเสร็จเมื่อไหร่ไม่รู้ 555+)

วันที่ 7 ส.ค. 49 กระผมนาย gappaman ได้ก่อเรื่องขึ้นอีกแล้ว จะบ้าตาย วันที่เหตุการณ์ทุกอย่างเป็นไปอย่างสงบสุขก็ดันมีเรื่องบ้าๆบอๆ สงสัยว่าชีวิตตูขาดความเร้าใจไม่ได้หรือไงฟะ?

เรื่องมีอยู่ว่าอาทิตย์ก่อนเกิดเหตุงานเข้ามาหนักมาก แขกเข้ามากันเยอะสุดๆ โดยปกติแล้วโซนที่ผมต้องดูแลจะเป็นชั้นบนทั้งหมดครับ วันธรรมดาๆอย่างวันจันทร์-พฤหัส แขกจะไม่แน่นขนาดขึ้นมาชั้นบนมากไปกว่า 3-4 โต๊ะ แต่อาทิตย์นั้นี้ชั้น 2 เต็มตลอดครับ แถมยังทะลักไปจนถึงชั้น3อีก การมีแขกหลุดไปถึงชั้น3ได้นี่ถือว่าสถานการณ์เลวร้ายแล้ว เนื่องจากมีโต๊ะที่ต้องดูแลมากกว่า 8 โต๊ะขึ้นไป ซึ่งจะต้องทำทุกอย่าง ตั้งแต่รับแขกไปที่โต๊ะ รับออร์เดอร์ทั้งอาหารและเครื่องดื่ม ยกอาหาร ยกมิกเซอร์ รวมถึงต้องคอยดูแลปัญหาร้อยแปดกับพวกลูกค้าประเภทเรื่องมาก โต๊ะเยอะก็มากเรื่อง มันจะเหนื่อยมากเวลาลูกค้ารุมกันสั่ง เช่น

"น้องคะ ขอแก้วเพิ่ม2ใบค่ะ" ครับ ได้ครับ พอกำลังจะเดินลงไปเอาแก้ว
"น้องๆ สั่งอาหารหน่อย"ต้องไปยืนรอมันดูเมนูอีก
"ขอโทษค่ะ ขอโซดา2ขวด" คร้าบบบบ....เดี๋ยวเอาให้โว้ย
"น้อง พี่ขอเปลี่ยนเก้าอี้เป็นตัวโน้นได้ไหม นั่งไม่สบายเลย" เอ้า ช่วยมันเปลี่ยนเก้าอี้อีก(ในกรณีที่โต๊ะยังไม่เต็มหมด)
"ฝากเก็บจานด้วยครับ"
"ฝากขอเพลงด้วยค่ะ"
ยังไม่พอถ้าเกิดต้องเดินผ่านโซนลูกค้าประจำ ถ้าซวยจริงๆก็จะเจอแบบนี้
"กัป ชงเหล้าให้พี่หน่อย" แล้วก็ยื่นแก้วเหล้ามาให้ โอ้โฮ...สุดๆไปเลยพ่อแม่พี่น้อง
สุดท้ายก็ต้องมานั่งงงกับตัวเองอีกว่า"นี่กูต้องทำอะไรบ้างวะ?"

แต่ด้วยหน้าที่ตามเนื้องานที่ทำ ไม่ว่าจะยุ่งแค่ไหนก็ตาม จะหัวเสียขนาดอยากเอาปืนกลวิ่งไปชั้นบนยิงกราดแขกๆทั้งหลายให้รู้แล้วรู้รอด ถ้าไม่ใช่เรื่องสุดวิสัยจริงๆก็ต้องทำหน้ายิ้มแย้มเข้าไว้แล้วพูดกับแขกดีๆว่า
"ครับ ได้ครับ" หรืออย่างแย่ที่สุดก็คือ
"ครับ เดี๋ยวพี่รอแป๊บนึงนะครับ"

....ความเศร้าของอาชีพบริการ

การที่จะเอาตัวรอดจากสถานการณ์แบบนี้ได้คือ ต้องไวพอครับ หมั่นเช็คมิกเซอร์ของแขกบ่อยๆ ถ้าเห็นว่าใกล้หมดแล้วก็ให้ไปเอามาเพิ่มเลย ไม่ต้องไปรอให้แขกสั่ง แต่ต้องกะให้พอดีๆกับปริมาณเหล้าที่เหลืออยู่ รวมถึงสังเกตบนโต๊ะด้วยว่ามีกับข้าวอะไรที่แขกกินหมดแล้วบ้างแล้วเข้าไปเก็บจานเลย หรือถ้าแขกสั่งกับข้าวมาทานก็ให้รีบหาจานช้อนส้อมมาวางก่อนที่กับข้าวจะออกมา เตรียมทุกอย่างให้พร้อมจะได้ไ่ม่โดนรุมสั่ง รวมถึงการจัดลำดับความสำคัญของเหตุการณ์ว่าควรจะทำอะไรก่อน เพื่อจะได้บริการได้เร็วและไม่มั่ว เพราะถ้ามั่วมันจะมีป้ัญหา...ทฤษฏีมันเป็นแบบนั้นแหละ แต่ถ้าโต๊ะมากแบบนี้ยังไงก็โดนรุมอยู่ดี หลังๆมานี่ต้องขนมิกเซอร์ไปเก็บไว้ในตู้ชั้นบนล่วงหน้าก่อนเปิดร้าน เพื่อกรณีฉุกเฉินจะได้หยิบให้เลย

พอมาถึงวันที่เกิดเหตุอยู่ๆู่แขกก็มาน้อย กลับสภาวะปกติ ชั้นบนมีแขกแค่ีิ2-3โต๊ะ แถมลูกค้ายังเข้าร้านช้ามาก 3ทุ่มกว่าแล้วยังมีกันไม่ถึง10โต๊ะ บรรยากาศน่าเบื่อสุดๆ(งานหนักก็บ่น งานน้อยก็เบื่อ) ลูกค้าที่นั่งชั้นบนเป็นประเภทคู่รักหนุงหนิง อัตราการกิน-ดื่มจะช้ามาก ข้าวปลาไม่กิน เหล้าก็ไม่ค่อยแตะ แบบว่าข้อไก่ทอดจานเดียว โซดา2ขวดก็อยู่กันได้เกือบทั้งคืนแล้ว เวลาส่วนใหญ่จะหมดไปกับการนัวเนียซึ่งกันและกัน ส่วนอีกโต๊ะก็เป็นสไตล์อยากมานั่งดูดนตรีเฉยๆ แต่ไม่ลงทุน สั่งเบียร์ขวด2ขวด นั่งได้ยาวจนกระทั่งร้านปิด(...ยุงไข่ลงไปในขวดแล้วพ่อคุ๊ณณณ) แล้วก็อีกโต๊ะเป็นแบบนั่งรอเพื่อน มากันก่อน2-3คนแล้วสั่งน้ำเปล่า+อาหารมาทานรอ เพื่อนครบก๊วนแล้วค่อยสั่งแอลกอฮอล์ แทบไม่มีอะไรทำเลยครับ นอกจากเก็บจานกับข้าวที่กินหมดแล้ว เปลี่ยนที่เขี่ยบุหรี่ที่ใกล้เต็ม แล้วก็ชงเหล้าให้แขกไปพลางๆ พอเกือบๆ4ทุ่มลูกค้าโต๊ะหนุงหนิงก็เรียก
"น้องครับ เปลี่ยนที่เขี่ยบุหรี่หน่อย" แล้วก็เก็บขยะบนโต๊ะพวกทิชชู่ เศษซองลูกอมยัดใส่รวมๆในที่เขี่ยแล้วส่งให้ ผมก็เอาที่เขี่ยของโต๊ะที่ไม่มีคนนั่งมาเปลี่ยน อันที่เต็มก็เดินขึ้นไปทิ้งในลังกระดาษที่ผมเตรียมไว้เองที่ชั้น3 ลังนี้ช่วยให้ทำงานได้เร็วขึ้นนะ เพราะถ้าต้องเดินลงไปทิ้งขยะข้างล่างมันจะไกลมาก และจะทำให้หลุดโซนที่ตัวเองอยู่ (ลูกค้าสั่งข้ามโซนมาก็โดนด่าอีก"มึงดูโซนมึงยังไงวะ?") ระหว่างที่กำลังเดินเอาไปทิ้งก็รู้สึกว่าข้างใต้ที่เขี่ยมันอุ่นๆ "สงสัยเพราะเพิ่งดับบุหรี่มั๊ง" ผมนึกในใจก่อนที่จะเทลงไปอย่างไม่คิดอะไรมาก จากนั้นก็รู้สึกเบื่อๆข้างบนเลยลงไปเดินเล่นข้างล่างบ้าง ไปดื่มน้ำที่บาร์ ออกไปเข้าห้องน้ำ พอเสร็จออกมาก็เห็นอาหารวางที่ครัว ก็เดินไปเอามาจะเสริ์ฟ พอเปิดประตูกลับเข้ามาในร้านเท่านั้นล่ะครับก็เห็นว่าข้างในมันมีควันเยอะมาก เป็นม่านสีเทาเต็มไปหมด ปรากฏการณ์แบบนี้จะพบได้ทุกวันศุกร์-เสาร์ที่จะมีแขกมาแน่นร้านแบบไม่มีที่นั่งว่างทุกตารางนิ้ว ควันบุหรี่จะมหาศาล แต่มันไม่ควรมาเกิดในวันที่ลูกค้าน้อยมากแบบนี้

ขณะที่กำลังยืนงงอยู่ก็เห็นกอล์ฟ เพื่อนที่ทำงานด้วยกันวิ่งถือลังกระดาษถังขยะส่วนตัวของผมวิ่งสวนออกไป ควันโขมงในร้านเกิดขึ้นมาจากลังใบนั้นนั่นเอง แค่นี้ก็ปะติดปะต่อเรื่องได้ไม่ยากเลย...แสดงว่าที่เขี่ยบุหรี่ที่ทิ้งไปล่าสุดนี่ก้นบุหรี่มันไม่ได้ดับสนิท มันก็แน่ล่ะที่จะเกิดควันขนาดนั้นเพราะ 80% ของขยะทั้งหมดในนั้นเป็นกระดาษทิชชู่ที่ไม่ใช้แล้ว นึกภาพเอาง่ายๆก็เหมือนกับวันไหว้บรรพบุรุษของจีนที่ต้องเอาเงินกระดาษมาเผากันให้ควันท่วมซอยเล่น(ซอยบ้านผมนี่แหละ)
"ฉิบหาย !!!!" ผมเริ่มสบถให้กับสิ่งที่ตัวเองพลาดไป เพราะรู้ตัวว่ากำลังจะโดนด่าในอีกไม่ช้า
"ไอ้กัป !!!! มึงทำอะไรของมึงอีกแล้ววะ !!!!" นั่นปะไร ยังไม่ทันขาดคำ เสียงที่เต็มไปด้วยโทสะแผดกล้าที่คุ้นเคย จะต้องได้ยินทุกครั้งเวลาที่ผมทำอะไรพลาดไป...พี่วัช เจ้าของร้านนั่นเอง
"ฝีมือมึงอีกแล้วใช่ไหม? ทำไมไม่ระวังเลยวะ?"
"ครับพี่ ผมขอโทษครับ" เสียงนี่อย่างจ๋อยยย...ก็ต้องว่ากันไปตามตรงล่ะครับ แต่แกก็ไม่ได้ว่าอะไรมากไปกว่านี้ เพราะถือว่าเป็นความผิดพลาดจากการทำงาน แต่แกจะโกรธมากหากเป็นความผิดที่มาจากการไม่ตั้งใจทำงานจนเกิดปัญหาขึ้น(อันนี้พี่เจ คนสนิทของพี่วัชเล่าให้ฟังในภายหลัง)

เรื่องก็มีอยู่แค่นั้นล่ะครับ ถึงจะทำความผิดก็อย่าลนลาน ทำหน้าที่ให้ดีที่สุดต่อไป ผมก็เอาจานที่ถืออยู่ไปเสริ์ฟลูกค้า แล้วกลับไปดูโซนตัวเองเหมือนเดิม เรื่องคราวนี้จนถึงทุกวันนี้พี่วัชแกก็ยังนำมาใช้เล่นมุขหลอกด่าในบางโอกาสต่างๆเวลาแกคุยกับเพื่อนของแกหรือระหว่างทำงาน เช่น
"ใช่สิ....กูมันไม่มีใครรัก ขนาดลูกน้องยังคิดจะเผาร้านกูเลย"
"เฮ้ย !!! ที่เขี่ยน่ะดูกันให้ดีก่อนเก็บมานะโว้ย ทิ้งๆไประวังไฟมันจะลุก" (พูดแบบกวนตีนๆ) ฯลฯ

ยังมีมากกว่านี้แต่ก็จำไม่ได้แล้ว ถึงจะสำนึกผิดเสียใจ แต่ตอนนี้ผมเอาลังใบใหม่ไปตั้งไว้ที่เดิมแล้ว555+ ยังไงการมีลังที่จุดนี้ก็ยังเป็นประโยชน์กับการทำงานจริงๆ...อย่าไปกลัว คนเราเจ็บแล้วต้องจำ จะระวังไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีกครับ (แต่อาจเกิดวินาศกรรมอย่างอื่นแทน 555+)



Create Date : 09 สิงหาคม 2549
Last Update : 11 สิงหาคม 2549 13:57:57 น.
Counter : 955 Pageviews.

3 comments
มื้อนี้เสี่ยอั๋นขอเลี้ยงเอง nokeja
(11 ม.ค. 2568 20:28:46 น.)
งานซ้อมใหญ่พยุหยาตราทางชลมารค 2567 (6) ผู้ชายในสายลมหนาว
(10 ม.ค. 2568 14:17:46 น.)
ไฮไลท์ บุนเดสลีก้า มึนเช่นกลัดบัค - บาเยิร์น มิวนิค nokeja
(12 ม.ค. 2568 11:41:09 น.)
ทนายอ้วนจัดดอกไม้ - จัดดอกไม้ง่ายๆ – แจกันแวนด้าหลายสี ทนายอ้วน
(6 ม.ค. 2568 15:58:07 น.)
  
ูเห้ย แบบนี้ไม่เอา ขอเสี่ยวๆสิวะ เสี่ยวๆอ่ะ เขียนอะไรมาได้ซะยาวยืด จุดยืนของเจ้าอยู่ที่ไหน อย่าทิ้ง style and unique ของตัวเองดิ เห็นมั๊ยไม่มีสาวๆมาคอมเม้นท์เลย

ไม่เป็นไรเว้ย entry หน้าเอาใหม่นะ กูจะตั้งใจรอ

สาดแล้วมึงเปลี่ยนบล๊อกสไตล์ด้วย ไอ้ที่มันให้เลือกว่าแบบ blog หรือ แบบ diary อ่ะ เปลียนเป็นอีกแบบซะ มันโหลดเข้าช้า เพราะ entry เก่ารูปมึงเยอะ ขนาดกูไม่ได้ใช้ของที่นี่ยังรู้เลย จัดการซะ
โดย: clint วันที่: 15 สิงหาคม 2549 เวลา:2:58:06 น.
  
hahahaha นี่ตกลงเรียนอะไรมากันแน่

Tao of Pooh ก็เป็นหนังสือที่เป็นตัวอักษรอ่ะ ไม่ใช่หนังสือการ์ตูน สนุกดี อ่านง่าย ภาษาอังกฤษที่ไม่ยาก
โดย: Comet IP: 58.64.100.80 วันที่: 15 สิงหาคม 2549 เวลา:22:08:18 น.
  
แต่มันเป็นการ์ตูนนะ ไม่ใช่หนังสือการ์ตูนแบบโคนันแบบนั้น
โดย: Comet IP: 58.64.100.80 วันที่: 15 สิงหาคม 2549 เวลา:22:13:53 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Gappaman.BlogGang.com

gappaman
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]

บทความทั้งหมด