พระราชวังหลวงกรุงวอร์ซอร์ (Royal Castle Warsaw) มรดกโลกทางวัฒนธรรม พระราชวังหลวงกรุงวอร์ซอตั้งอยู่กลางจัตุรัสในย่านเมืองเก่า เริ่มก่อสร้างในปี ค.ศ.1598 แต่เดิมเคยเป็นที่ประทับของราชวงศ์โปแลนด์ ประธานาธิบดีโปแลนด์ และเป็นที่ให้กำเนิดรัฐธรรมนูญฉบับแรกของยุโรป พระราชวังหลวงกรุงวอร์ซอสร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์บารอค มีความสวยงามและโดดเด่น ความสำคัญทางประวัติศาสตร์ และความสวยงามของพระราชวังแห่งนี้ทำให้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อปี ค.ศ.1980 ![]() ในช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่สองที่กองทัพนาซีได้ทำลายพระราชวังไปหลายส่วน เช่นเพดาน ทำให้ภาพปูนเปียกที่มีชื่อว่า The Creation of the World ของ Bacciarelli เสียหาย หลังจากนาซีสามารถครอบครองพระราชวังแห่งนี้ได้แล้ว พวกเขาได้ปล้นและเผาพระราชวังจนราบคาบ เคราะห์ดีที่เจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติของโปแลนด์สามารถเคลื่อนย้ายสมบัติบางส่วนไปก่อนที่พระราชวังจะถูกเผาทำลายจนหมดสิ้น หลังสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลงรัฐบาลโปแลนด์ ได้เริ่มทำการชุบชีวิตพระราชวังโดยนำเอาทรัพย์สมบัติที่เก็บซ่อนไว้กลับมา ในปี 1949 สภาโปแลนด์ได้ผ่านกฎหมายเพื่อสร้างพระราชวังขึ้นใหม่ให้เป็นอนุสรณ์ที่สะท้อนถึงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของโปแลนด์โดยแต่งตั้งให้ Jan Dobrowski, Piotr Bieganski, และ Jan Zachwatowicz เป็นสถาปนิกรับผิดชอบในการออกแบบทั้งอาคารและเฟอร์นิเจอร์ พระราชวังถูกปรับปรุงใหม่ตั้งแต่ปี 1965 โดยได้นำเอาสมบัติเก่า ๆ ที่เคลื่อนย้ายไปก่อนที่พระราชวังจะถูกไฟไหม้ เช่น ของและอุปกรณ์ตกแต่งภายในบางอย่าง สมบัติในห้องสมุด และหลังคาทองแดงกลับมาจัดตั้งใหม่และขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติล้ำค่าทางประวัติศาสตร์ของโปแลนด์ ส่วนการบูรณะในช่วงระหว่างปี 1971-1984 นักท่องเที่ยวที่มาเยือนพระราชวังที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกตั้งแต่ปี 1980 แห่งนี้จะได้ชื่นชมกับห้องต่างๆ มากมาย ดังนั้นห้องต่างๆ ที่จัดแสดงอยู่ในปัจจุบันนี้จึงเป็นห้องที่ทำการบูรณะขึ้นมาใหม่ เป็นของที่ถูกสร้างขึ้นใหม่ ยกเว้นของตกแต่งบางอย่าง ห้องบรรทม และห้องเสวยส่วนพระองค์ซึ่งเป็นห้องสำคัญเพราะมีหน้าต่างซึ่งใช้เป็นแลนด์มาร์คในการบูรณะ (ที่เล่าตั้งแต่แรก) พื้นปูด้วยปาร์เก้ลวดลายสวยงามที่เล่าว่าใช้การฉายภาพเก่าลงมาจากเพดานเพื่อปูลายไม้ให้เหมือนเดิมมากที่สุด ห้องนี้มีประตูเชื่อมกับห้ององค์รักษ์ที่ยืนอารักขาประตูทางเข้าไปในส่วนของพระมหากษัตริย์ ห้ององค์รักษ์เป็นห้องสีขาวที่ตกแต่งแบบเรียบๆ ถัดไปจากห้องนี้เป็นทางเดินที่อยู่ทาง ด้านหลังของส่วนของพระมหากษัตริย์ มีประตูลับเพื่อเป็นทางผ่านของมหาดเล็กและสาวใช้ ที่สำคัญเป็นทางผ่านของสนมลับที่เข้าไปปรนนิบัติพระองค์ เล่าว่าสนมเหล่านี้เป็นภรรยาของบรรดาคหบดี นักการเมืองที่ส่งมาบำเรอ
![]() ห้องสุดท้ายเป็นห้องแสดงผลงานศิลปะของแรมแบรนดท์ (Rembrandt) จิตกรชาวดัตช์ผู้มีชื่อเสียงผลงานสำคัญของ Rembrandt ที่โปแลนด์เป็นเจ้าของคือ The Father of the JewishBride และ The Jewish Bride ซึ่งเคยเป็นของ Countess Karolina Lanckornska ![]() ![]() ภาพเขียนฝีมือแรมแบรนท์ ที่เป็นภาพนักปราชญ์สูงอายุที่แสดงท่าหยุดคิดระหว่างเขียนหนังสือ สายตาสื่อถึงความครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง ภาพเด็กสาวที่มือเหมือนเกาะกรอบภาพทำท่าเหมือนจะออกมานอกกรอบรูป จากการเอกซเรย์ภาพเขียนทั้ง 2 แสดงให้เห็นภาพที่ซ่อนอยู่ภายใต้ ซึ่งคาดว่าเป็นการ recycle ผืนผ้าใบหรือนำภาพเก่ามาเขียนทับใหม่นั่นเอง ![]() และเป็นธรรมเนียมจุดสุดท้าย คือจุดขายของที่ระลึก รวมทั้งหนังสือ เอกสาร ที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจของประเทศโปแลนด์ สำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจค้นคว้าข้อมูลประวัติศาสตร์เพิ่มเติม ![]() ที่พระราชวังหลวงกรุงวอร์ซอแห่งนี้มีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมถึงปีละกว่า 5 แสนคนด้วยกัน หากมากรุงวอร์ซออย่าลืมเยี่ยมชมพระราชวังหลวงกรุงวอร์ซอร์ (Royal Castle Warsaw) มรดกโลกแห่งนี้ พระราชวังหลวงกรุงวอร์ซอร์ (Royal Castle Warsaw) เปิดทำการ ค่าเข้าชม : 30 PLN
ขอบคุณที่เปิดโลกทัศน์ค่ะ ได้เห็นอีกมุมนึงของโลกใบนี้
โดย: โอน่าจอมซ่าส์
![]() ![]() |
บทความทั้งหมด
|